Share

บทที่ 567

Author: ไห่ตงชิง
แม้ว่าราชสำนักจะอนุมัติแล้ว แต่หลี่เฉินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

เขารู้ว่าการต่อต้านที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ก็คือผู้คน

ผลกระทบที่ตามมาของมัน จะเกิดขึ้นหลังจากที่แพร่กระจายไปสู่ประชาชนแล้ว

นักวิชาการและประชาชนทั่วไปในใต้หล้าจะไม่สนใจเหตุผลของเจ้า พวกเขาจะด่าเจ้าในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าผิด

โดยปกติแล้ว เสียงก่นด่าเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกค้าของธนาคาร ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลี่เฉินก็ไม่อาจยอมแพ้พวกเขา

ดังนั้นวิธีที่จะผลักดันไปข้างหน้าคือ ทำให้ผู้คนในใต้หล้ายอมรับรัฐวิสาหกิจแห่งแรกของจักรวรรดิ และทำให้พวกเขากลายเป็นลูกค้า ซึ่งนั่นคือปัญหาที่แท้จริงที่รออยู่เบื้องหน้า

หลี่เฉินไม่สามารถเอามีดจ่อคอคนอื่นแล้วบังคับให้พวกเขาฝากเงินได้ เพราะเรื่องนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้

หลังจากเลิกการประชุมแล้ว หลี่เฉินก็เรียกถานไถจิ้งจือมาที่ตำหนักบูรพา

“เรื่องเมื่อครู่ลำบากท่านอาจารย์แล้ว”

ถานไถจิ้งจือยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ตราบใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สิ่งนี้ก็ไม่นับเป็นอะไรได้”

หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ “แต่ท่วงทีที่สง่างามของท่านอาจารย์ยามโต้แย้ง ก็ทำให้หวังเถิงฮ่วนนั่นพูดไม่อ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 568

    หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เขาจะได้เห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักบูรพาในขณะนั้น หลี่อิ๋นหู่ยังรู้สึกว่าเขากำลังมีอาการประสาทหลอนจังหวะที่หลี่อิ๋นหู่คิดจะไล่ตามไป เขาก็พลันชะงักเท้าเสียก่อนเขานึกขึ้นได้ว่า ที่นี่คือตำหนักบูรพา ไม่ใช่อาณาเขตของเขาที่นี่ เขาจะต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว มิฉะนั้น ถ้าหากองค์รัชทายาทจับหางได้ ตัวเขานั้นคงต้องทุกข์ทรมานอีกครั้งแน่แต่ความสงสัยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนมีแมวข่วนอยู่ในใจของเขา เขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกำลังเกิดขึ้นในตำหนักบูรพา หรือว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง มิฉะนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์คงไม่ปรากฏตัวที่นี่หลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังขมวดคิ้ว และอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ด้านนอกทางเข้าหลักของตำหนักบูรพา จู่ๆ ประตูของตำหนักบูรพาก็ถูกเปิดออกเสียงดังเอี๊ยดและคนที่ออกมาก็ไม่ใช่ใคร คือถานไถจิ้งจือที่กำลังขมวดคิ้วเหตุผลที่ผู้เฒ่าขมวดคิ้วไม่ใช่เรื่องอะไร แต่เป็นเพราะในอีกไม่กี่วันข้าหน้า ตำหนักบูรพากำลังจะรับของขวัญอวยพรจากเหล่าขุนนาง ถานไถจิ้งจือผู้ซึ่งได้รับความเคารพอย่างสูงและมีน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 569

    คำพูดสุภาพก่อนหน้านี้เป็นเพียงผิวเผิน แต่คำพูดเกี่ยวกับการเป็นศิษย์นั้นคือเรื่องจริงถานไถจิ้งจือไม่คาดคิดว่าหลี่อิ๋นหู่จะพูดเช่นนี้ไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังเป็นท่านอ๋องแห่งต้าฉิน ซึ่งมีสถานะสูงส่งและไม่ว่าชื่อเสียงของถานไถจิ้งจือจะสูงส่งแค่ไหน แต่ในแง่ของสถานะ เขาก็เป็นเพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่หนึ่ง และเป็นมหาอำมาตย์ในสำนักราชเลขา เมื่ออยู่ต่อหน้าราชวงศ์ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ขุนนางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน พูดกันตามตรงแล้ว ก็ยังคงเป็นนายบ่าว ดังนั้นการที่หลี่อิ๋นหู่ลดสถานะของตัวเองเช่นนี้ ก็นับว่าไม่คำนึงถึงสถานะของเขา ในมุมมองของถานไถจิ้งจือนั้น มันค่อนข้างกระตือรือร้นมากเกินไปเขาไม่รู้เกี่ยวกับข้อขัดแย้งระหว่างหลี่อิ๋นหู่และหลี่เฉิน แต่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันดี องค์จักรพรรดิหมดสติ ไม่รู้จะสิ้นพระชมน์ไปตอนไหน ส่วนองค์รัชทายาทแม้จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ก็ยังไม่ขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นการใกล้ชิดกับท่านอ๋องมากเกินไปในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่“ท่านอ๋องมีสถานะสูงศักดิ์ แต่กระหม่อมแก่ชราแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 570

    หากมีคนบอกว่ามีคนอื่นกำลังสมรู้ร่วมคิดกับหลี่อิ๋นหู่เพื่อผลประโยชน์ หลี่เฉินจะเชื่อแต่พอเป็นถานไถจิ้งจือซึ่งหลี่เฉินเห็นถึงความเป็นนักวิชาการที่แท้จริงในตัวเขา ดังนั้นจึงไม่เชื่อแน่นอนว่าไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามก็ยังจำเป็นต้องสอบสวนต่อไปหลังจากกำชับเรื่องนี้แล้ว เขาก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป เมื่อหลี่เฉินจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จสิ้น เขาก็ยืนขึ้น และบอกให้วั่นเจียวเจียวเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเป็นเสื้อผ้าธรรมดา“ฝ่าบาทจะเสด็จออกไปข้างนอกหรือเพคะ?”วั่นเจียวเจียวถามอย่างระมัดระวัง ขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหลี่เฉินความเป็นจริงแล้วนางต้องการจะถามฝ่าบาทว่าจะพานางไปด้วยหรือไม่ เมื่อไม่มีฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ตำหนักบูรพาที่งดงามนั้นก็ดูว่างเปล่าอยู่เสมอ“ข้าจะไปที่จวนแม่ทัพใหญ่” หลี่เฉินพูด “เพคะ”วั่นเจียวเจียวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยครั้งล่าสุด ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จไปจวนแม่ทัพใหญ่ก็ไม่ได้พานางไปด้วย“ถ้าเจ้าเบื่อก็ตามมาด้วยกันสิ”ประโยคถัดไปของหลี่เฉิน ทำให้วั่นเจียวเจียวมีความสุขทันที “ขอบพระทัยเพคะองค์รัชทายาท!” วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยรอยยิ้มหลี่เฉินพูดพร้อมกับหัวเราะ “เมื่อก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 571

    ซูจิ่นพ่ารู้สึกว่าหลี่เฉินพูดเรื่องไร้สาระแต่ในขณะที่จะหักล้าง ก็จำสิ่งที่ซูผิงเป่ยเคยโน้มน้าวตัวเองก่อนหน้านี้ได้...ซูจิ่นพ่ายอมรับอย่างอ่อนแอว่าบางทีซูผิงเป่ยคงไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับเรื่องนี้เลยเป็นเพียงการแต่งงานทางการเมือง ดังที่เขาพูดกับนาง จะแต่งกับใครก็ได้ เมื่อถึงตาของผิงเป่ย เขาก็สามารถแต่งกับใครก็ได้เช่นกัน? ถ้าแม้แต่คนที่เกี่ยวข้องยังไม่สนใจ แล้วทำไมตัวเองถึงต้องออกโรงให้เหนื่อยเปล่าด้วยล่ะ?คิดได้ดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย“ช่างเถอะ เรื่องของพวกเขา ข้าไม่สามารถขวางได้ ดังนั้นข้าจะไม่สนใจ”เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูด หลี่เฉินก็ยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง แทนที่จะคิดถึงเรื่องนั้น ควรคิดว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง เพราะอีกไม่นานเจ้าจะต้องแต่งงาน”ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ข้าควรเตรียมตัวอะไร? ข้าจำเป็นต้องเตรียมการอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจัดแจงทุกอย่างแล้วหรือ ข้าก็แค่ต้องแต่งงานกับเจ้าก็พอ”“เจ้าปรารถนาชีวิตอิสระขนาดนั้นเชียวเหรอ?”คำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของหลี่เฉิน ทำให้ซูจิ่นพ่าชะงักจากนั้นนางก็มองดูทิวทัศน์ในสวนด้วยความอ้างว้างและพู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 572

    “เจ้าเตรียมตัวมาดีมาก มีแผนจะหนีออกจากบ้านนานแล้วหรือยัง?”หลี่เฉินคิดไม่ออกจริงๆ ว่าผู้หญิงจะมีเสื้อผ้าผู้ชายในห้องส่วนตัวได้อย่างไร เมื่อประกอบกับคำพูดและการกระทำก่อนหน้านี้ของซูจิ่นพ่า หลี่เฉินก็เดาได้ทันทีว่าซูจิ่นพ่าอาจจะมีความคิดเช่นนี้มานานแล้ว ซูจิ่นพ่าร้องหึออกมา และยอมรับอย่างเปิดเผยว่า “ถ้าไม่เป็นเพราะสุนัขหน่วยบูรพาของเจ้าเยอะเกินไป ข้าคงหนีไปนานแล้ว!”หลี่เฉินหัวเราะลั่น“มีคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่กล้าพูดว่าหน่วยบูรพาเป็นสุนัขต่อหน้าข้า เจ้าคือหนึ่งในนั้น”พวกเขาสองคนไม่ใช่คนที่ชอบยืดเยื้อ เมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว ก็เก็บข้าวของจากไปในทันทีเมื่อวั่นเจียวเจียวออกไปเตรียมการ หลี่เฉินก็ไปถึงหน้าประตู เขาไม่สนใจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับซูเจิ้นถิง และลักพาตัวลูกสาวของเขาไปตรงๆสิ่งเดียวที่พวกเขาสองคนนำไปจากจวนแม่ทัพใหญ่ก็คือม้าสองตัวดูเผินๆ พวกเขาไม่ได้นำผู้ติดตามมาเลย แต่ในความมืดมิด กลับมีหน่วยบูรพาคอยปกป้องอยู่ห่างๆหลี่เฉินไม่ได้คนโง่ แม้ว่าจะมาจีบสาว แต่เขาไม่มีทางละเลยความปลอดภัยของตัวเองในโลกนี้มีคนที่อยากให้เขาตายมากกว่าอยากให้เขาอยู่หลังออกจากจวนแม่ทัพใหญ่ ซู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 573

    ท่ามกลางทุ่งนา มีชาวนาคู่หนึ่งกำลังทำนาอยู่ “ผู้เฒ่าๆ”หลี่เฉินลงจากหลังม้า ยืนอยู่ที่ขอบทุ่ง ชี้ไปที่ต้นกล้ามันเทศในทุ่งนา แล้วแสร้งถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านปลูกอะไรในทุ่งนี้?”ชายชราสวมหมวกไม้ไผ่ที่ก้มลงปลูกพืชก็ยืนขึ้น เดินเข้ามาแล้วตอบว่า “ต้นกล้ามันเทศ”ขณะที่เขาพูด เขาก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไม่แปลกหรอก ที่คนหนุ่มสาวไม่รู้จักกัน แม้แต่ข้าก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ นี่เป็นสิ่งที่พวกข้าราชการกำหนด ว่ากันว่าแต่ละครัวเรือนจะต้องปลูกมันเทศในแปลงของตนเพียงสามส่วนเท่านั้น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็สามารถลดภาษีได้หนึ่งส่วน”หลี่เฉินยิ้มและไม่ออกความเห็น เขารู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวในความเป็นจริง ถ้าเขาไม่แน่ใจ เจิ้งเป่าหรงคงจะไม่กล้าคิดนโยบายเช่นนี้ออกมา แม้ว่าเขาจะมอบความกล้าหาญให้ก็ตาม“ข้าจำได้ว่าการปลูกมันเทศสามส่วนสามารถลดภาษีได้หนึ่งส่วน แต่ถ้าปลูกครึ่งหมู่ไม่เพียงแต่จะลดภาษีได้สองเท่านั้น แต่ยังลดภาษีต่อหัวได้อีกด้วย ครึ่งหมู่นี้คุ้มค่าที่สุดแล้ว ทำไมถึงไม่ปลูกเพิ่มล่ะ?” หลี่เฉินถามเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชาวนาชราก็มีความสุข เขายิ้มแล้วพูดว่า “พ่อหนุ่มมาจากทางการหรือ?

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 574

    คำพูดของชาวนาทำให้ซูจิ่นพ่ารู้สึกโกรธมาก ในมุมมองของนาง นี่มันชัดเจนว่าเป็นการสมคบระหว่างหยวนไว้กับทางการ เพื่อเอาเปรียบชาวนากับราชสำนัก แต่ชาวนาที่ถูกเอาเปรียบกลับทำท่าเหมือนได้กำไร และยังมาห้ามปรามตนเองอีกหรือ? แต่หลี่เฉินกลับไม่ปล่อยให้ซูจิ่นพ่าพูดอะไรต่อ เขากล่าวขึ้นว่า “ผู้เฒ่า นี่เป็นน้องสาวของข้า นางยังเด็กและไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก ท่านอย่าไปถือสานางเลย” เมื่อได้ยินหลี่เฉินพูดเช่นนี้ ซูจิ่นพ่าก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “เจ้าต่างหากที่ไม่เข้าใจ…” ซูจิ่นพ่าพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “พวกเจ้าสองคนทำอะไรกันอยู่?” หลี่เฉินหันไปมอง พบว่ามีคุณชายผู้หนึ่งพากลุ่มคนรับใช้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ชาวนาเฒ่าก็เห็นเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี และกล่าวเสียงเบาแก่หลี่เฉินว่า “พวกเจ้าจงรีบไปเสีย นั่นคือคุณชายบ้านตระกูลหวัง เขาอารมณ์ไม่ดีนัก” พูดจบ ชาวนาเฒ่าก็ยิ้มประจบประแจงก่อนเดินเข้าไปหา กล่าวกับคุณชายผู้นั้นด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “คุณชาย สองคนนี้เป็นเพียงคนผ่านทาง มาถามทางกับข้าสักครู่ และกำลังจะไปแล้ว” คุณชายหวังมองหลี่เฉินด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พลางกล่าวว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 575

    หลี่เฉินลงมือจัดการชายคนหนึ่งไปแล้ว แต่สำหรับพวกคนรับใช้ที่เหลือ เขาไม่คิดจะเปลืองแรงด้วยตัวเอง ทันใดนั้น องครักษ์เสื้อแพรที่ซุ่มอยู่ในเงามืดก็ปรากฏตัวขึ้น พวกคนรับใช้เหล่านี้ที่มักใช้อำนาจข่มเหงประชาชน ยังพอมีฝีมือในระดับต่ำ แต่เมื่อเจอกับองครักษ์เสื้อแพร ผู้มีฝีมือระดับสูง พวกเขาไม่มีทางเทียบได้ ในชั่วพริบตาเดียว พวกคนรับใช้ที่พุ่งเข้ามาล้วนถูกล้มลงทั้งหมด โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง พวกองครักษ์เสื้อแพรปิดปากพวกเขาและลากตัวออกไป ขณะที่คุณชายหวัง ยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลี่เฉิน ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาค่อยๆ ฟื้นตัวจากอาการเจ็บปวด หายใจหอบถี่ แต่ความเจ็บปวดและความรู้สึกคลื่นไส้ยังคงทรมานเขาจนแทบทนไม่ไหว เขาเห็นคนรับใช้ของตนถูกพวกที่มีฝีมือร้ายกาจจัดการและลากตัวออกไปทันที สิ่งนี้ทำให้เขา แม้จะโง่เขลา ก็เข้าใจได้ว่าเขาไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน แม้ว่าที่นี่จะพ้นเขตเมืองหลวงเข้าสู่เขตทงโจวแล้ว แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าไม่มีผู้มีอำนาจจากเมืองหลวงออกมาเที่ยวเล่นปลอมตัว ครอบครัวธรรมดา ไม่มีทางมีคนคุ้มกันฝีมือดีแอบซุ่มอยู่รอบตัว คุณชายตระกูลเฉินที่เคยโอหัง ตอนนี้

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1073

    หลี่เฉินมองจ้าวเสวียนจีแวบหนึ่ง หวังจะจับอารมณ์บางอย่างจากสีหน้าของเขา แต่เจ้าเฒ่าจิ้งจอกผู้นี้กลับไม่เผยความรู้สึกแม้แต่น้อย ทำให้หลี่เฉินต้องผิดหวังกลับไป ทว่าเขาก็ไม่ใส่ใจนัก ก้าวตรงเข้าสู่ตำหนักบรรทมทันที เมื่อได้พบฮ่องเต้ต้าสิงอีกครั้ง พระพักตร์ของพระองค์ซีดเหลือง หายใจราวกับวัวกระทืบข้าว แทบไม่เหลือแรงแม้จะนั่งหรือยืนอยู่แล้ว จึงเอนกายพิงอยู่บนพระแท่น ด้านข้าง คือซานเป่าที่ไม่รู้เข้ามาตั้งแต่เมื่อใด กำลังคุกเข่าอยู่ข้างพระแท่น มือหนึ่งกุมพระหัตถ์ของฮ่องเต้ไว้ ภาพที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้หลี่เฉินต้องหันไปมองอีกครั้ง เมื่อเห็นหลี่เฉินเข้ามา ฮ่องเต้ต้าสิงดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงจะตรัส พระหัตถ์ข้างหนึ่งถูกซานเป่าจับไว้ อีกข้างวางอยู่เหนือท้องน้อยบนผ้าห่ม พระองค์ค่อยๆ ยกพระหัตถ์ที่วางอยู่ขึ้น ชี้ไปทางโต๊ะเขียนหนังสือ หลี่เฉินทำความเคารพอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตามที่ชี้ บนโต๊ะนั้น มีพระราชโองการสามฉบับวางอย่างเป็นระเบียบ หลี่เฉินหันไปมองฮ่องเต้ต้าสิง เห็นพระองค์พยักหน้าจึงหยิบฉบับแรกขึ้นมาอ่าน พระราชโองการฉบับนี้มีความยาวมาก ภาษาสละสลวยล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1072

    หลี่เฉินหันหลังเดินจากไป เฉินทงตามติดอยู่ด้านหลัง และยังมีขุนนางอีกครึ่งหนึ่งร่วมขบวนออกไปด้วย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น กลุ่มหนึ่งลากหลงไหวอวี้ที่ถูกความกลัวจนเดินแทบไม่ไหวออกไป รอรับชะตากรรมที่ย่อมไม่มีทางดี อีกกลุ่มหนึ่ง คอยดูแลการประหารต้วนจิ่นเจียง เพราะฝ่าบาทเคยตรัสไว้ชัด ต้องให้ต้วนจิ่นเจียงได้รับครบห้าสิบดาบ แม้แต่ดาบเดียวก็ห้ามขาด กลางสายฝนในค่ำคืนอันมืดมิด เสียงร่ำไห้ของหลงไหวอวี้ กับเสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงค่อยๆ แยกห่างออกจากกันเรื่อยๆ จนกระทั่งทั้งสองเสียงถูกกลืนหายไปกับสายฝนที่เทลงมา ภายในตำหนักเฉียนชิงไฟส่องสว่างทั่วห้อง เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั้งหมดอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครกล้าออกไป เพียงแต่คราวนี้ เมื่อหลี่เฉินกลับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสำนักราชเลขาหรือขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาต่างก็รีบทำความเคารพทันที “กระหม่อมทั้งหลาย ขอน้อมคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เฉินเดินไขว้หลังรับการเคารพไปด้วยท่าทางเรียบเฉย เดินผ่านกลางหมู่ขุนนาง เมื่อเดินผ่านจางปี้อู่จู่ๆ หลี่เฉินก็หยุดฝีเท้า ริมฝีปากของจางปี้อู่กระตุกเล็กน้อย เขาก้มหน้าหลบสายตา ไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1071

    เฉินทงแสดงอาการภูมิใจออกนอกหน้า คำพูดที่เปล่งออกมายังแฝงแววโอ้อวด จนหลี่เฉินต้องเหลือบตามองเขาด้วยความรำคาญ ขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงก็ดังขึ้น เมื่อปลายนิ้วแรกถูกตัดออก ความเจ็บปวดจากนิ้วที่เชื่อมโยงถึงหัวใจนั้นทำให้เขาดิ้นพล่านราวกับเสียสติ “หลี่เฉิน! เจ้าจะไม่มีวันตายดี! จะไม่มีวันตายดีแน่!!” ในตอนนี้ ต้วนจิ่นเจียงเริ่มรู้สึกเสียใจเสียแล้ว เสียใจที่ตนเองดึงดันต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อฆ่าหลี่เฉินด้วยมือตนเอง เขานึกถึงคำพูดที่เหวินอ๋องกล่าวไว้ก่อนออกเดินทาง จู่ๆ ก็เริ่มสงสัยว่า บางทีเหวินอ๋องอาจคาดการณ์ถึงจุดจบเช่นนี้แล้ว ถึงได้พูดคำคลุมเครือเช่นนั้นออกมา เสียดายที่ตนเอง...ไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ ก็คือพยายามยั่วโมโหลี่เฉิน ให้เขาสังหารตนเสียในคราวเดียว แต่หลี่เฉินกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ หลี่เฉินได้มายืนอยู่ตรงหน้าของหลงไหวอวี้แล้ว “เงยหน้าขึ้น” หลี่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ หลงไหวอวี้ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อได้ยินเสียงปราศจากอารมณ์จากเหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เขาเห็น คือดวงตาที่เย็นชา ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1070

    เสียงหนึ่งประโยคจากหลงไหวอวี้ที่ตะโกนไล่หลัง ยิ่งตอกย้ำความเป็นศิษย์อาจารย์ที่แนบแน่น แรงทะลวงของลูกปืนแต่ละนัดรุนแรงดั่งค้อนทุบ เมื่อกระแทกใส่ร่างมนุษย์ ทีละนัด สองนัด สามนัด แทบทุกคนถูกยิงเข้าร่างกายกว่า 10 นัดในเวลาอันสั้น ในระยะประชิดเช่นนี้ ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่นอน ผู้คุ้มกันหกถึงเจ็ดคนล้มลงกับพื้น ใครโชคดี โดนจุดสำคัญ ตายทันทีโดยไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนคนโชคร้าย แม้ยังไม่สิ้นใจ แต่จิตสำนึกก็พร่ามัว ทรมานเจียนสิ้นใจจนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้ เลือดสดไหลไม่หยุด ชีวิตกำลังร่วงหล่นไปทุกขณะ ส่วนต้วนจิ่นเจียง ถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองนัด พอดีโดนตรงหัวเข่าทั้งสองข้าง ไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เพราะทหารที่ยิงตั้งใจเลี่ยงจุดสำคัญโดยเจตนา ผั่บ เสียงร่างของต้วนจิ่นเจียงกระแทกลงพื้น ที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและเลือด ขณะนั้นเอง หลงไหวอวี้ที่เพิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบังคับให้ถอยหลังกลับมา ตรงหน้าผากของเขา จ่อไว้ด้วยปลายปืนดำมืดหนึ่งกระบอก พร้อมกับอีกสี่ห้ากระบอกที่เล็งทุกจุดสำคัญทั่วทั้งร่างกาย เมื่อเห็นชะตากรรมของต้วนจิ่นเจียงและเหล่าทหารกล้า หลงไหวอวี้ก็รู้ทันทีว่าตนไม่อาจต้านทานได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status