เช้าวันนี้ที่บ้านของคีตะ...เป็นวันเปิดเทอมใหม่วันแรก
“คีตะ เปิดเทอมวันแรก พาน้องไปด้วยนะ”
คุณอัญญาหันมาบอกลูกชายขณะวางจานไข่กระทะบนโต๊ะอาหาร
คีตะ—ในชุดเสื้อช็อปวิศวะพับแขน กับกางเกงยีนส์ซีดตัวเก่ง เหลือบมองหญิงสาวตัวเล็กที่เดินลงมาจากบันได...
สายตาเขาชะงักไปชั่วครู่
เสื้อนักศึกษาพอดีตัวกระชับช่วงเอวและหน้าอก...
กระโปรงพรีสสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยพอให้เห็นเรียวขาขาวเนียน ผมหางม้าถูกรวบหลวม ๆ เผยใบหน้าใสซื่อ แต่เต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่เขาไม่กล้าอธิบาย
รองเท้าผ้าใบสีขาวดูสดใสเข้ากับบุคลิกเด็กปีหนึ่งสุด ๆ
“ผมไปมอไซค์นะ...เมษาจะไหวเหรอ?” เขาถามเสียงเรียบ แต่แววตานั้นแอบเหลือบมองขา พลางคิดในใจ...ยังดีที่ไม่โป๊...
“สบายมากค่ะ พี่คีตะ~” เมษาตอบใบหน้ายิ้มระรื่น
“หนูใส่กางเกงขาสั้นกันโป๊ไว้แล้วค่ะ!”
เธอชูนิ้วเป็นรูปตัววี ประกอบรอยยิ้มสดใส มั่นใจสุด ๆ
คีตะกระแอมเบา ๆ แสร้งเมิน
“อืม งั้นก็...ไปกัน”
เมษาวิ่งตามไปยังลานจอดรถ พร้อมสายตาที่จับจ้องมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขา—ดูเคติ มอนสตาร์ สีดำด้าน ที่ทั้งสวย หรู ดูแพงแบบมีระดับ
พอเห็นเขายื่นหมวกกันน็อคให้ เธอก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที (แถมแอบเขยิบให้แนบชิด...นิดนึง)
“จับดี ๆ ล่ะ อย่าร้องนะ ถ้ารถมันแรง”
“พี่คีตะ~ หนูเคยซ้อนลุงที่ขี่เรฟไปตลาดมาแล้วค่ะ...ไม่มีอะไรแรงไปกว่านั้นอีกแล้ว~”
“...”
คีตะไม่รู้จะขำหรือถอนหายใจดี
ทันทีที่คีตะบิดคันเร่งดูเคติ มอนสตาร์สีดำด้าน ก็พุ่งออกจากบ้านราวกับลูกศร
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของเมษาดังแสบแก้วหู ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ก่อนจะกอดเอวของคีตะไว้แน่นโดยอัตโนมัติ
“ฮะ...หนูไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้!!! 😭”
เสียงของเธอสั่นระรัวขณะซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเขา
คีตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“เมื่อกี้ใครบอกว่าเคยนั่งเรฟไปตลาดมาแล้วสบายมาก?”
“ฮือออ ตอนนั้นลุงเขาขี่ช้า...นี่มันจะบินแล้วค่าาา~”
คีตะไม่ตอบอะไร นอกจากเอียงหน้ากลับมานิดหนึ่งแล้วบอกเสียงเรียบ
“กอดแน่น ๆ ล่ะ อย่าปล่อย...เดี๋ยวหล่น”
เมษารีบพยักหน้าอย่างว่าง่าย กอดเอวเขาแน่นขึ้นอีกระดับ หัวใจเต้นรัวจนแทบทะลุเสื้อ กระโปรงปลิวว่อนใต้แจ็กเก็ตที่เธอสวมใส่ไว้กันลม
แต่ถึงจะกลัวแค่ไหน...ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอก็แอบคลี่ยิ้ม
‘ได้กอดพี่คีตะแนบแน่นแบบนี้ กำไรชีวิตยัยเมษาแล้วววว!!!’
...
ณ ลานจอดรถหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์
เสียงเครื่องยนต์ของดูเคติ มอนสตาร์ดับลงพร้อมกับสายตาหลายคู่ที่หันมามองแทบจะทันที
“นั่นพี่คีตะใช่ปะวะ?”
“เห้ย หล่อไม่ไหวอ่ะ”
“แต่คนที่ซ้อนท้ายคือใครน่ะ!?”
คีตะถอดหมวกกันน็อคด้วยท่าทางเฉยชา สะบัดผมนิด ๆ เผยใบหน้าหล่อเข้มในลุคนักศึกษาปีสี่
เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ดังขึ้นแทบจะทันที
ข้างหลังเขา เมษาค่อย ๆ ถอดหมวกกันน็อคของตัวเอง ใบหน้าแดงก่ำเพราะแรงลมและ...แรงใจกอดเอวพี่คีตะมาตลอดทาง
“ขอบคุณค่ะพี่คีตะ”
“อืม” เขาพยักหน้านิด ๆ แล้วรับหมวกจากมือเธอ
ตึง—
เสียงรถกระแทกเบา ๆ ดังขึ้นจากอีกด้านของลานจอด ภูผาเพื่อนสนิทของคีตะ เพิ่งจอดมอไซค์คันเล็กของเขาอยู่ถัดออกไป
“โหย~ วันนี้รถมึงดูดีว่ะ...แต่น้องเมษานี่สิ น่ารักกว่าอีก~”
เขาเดินตรงเข้ามาหาทั้งคู่ สายตาแพรวพราวแบบคนมีแผน
“วันนี้น้องเมษาน่ารักจังเลยครับ ไปส่งหน้าห้องเรียนมั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่า หนูเดินไปเองได้~” เมษายิ้มหวานเก็บอาการ แต่ในใจนั้นยังไงก็มองไปที่คีตะอยู่ดี
คีตะไม่ได้พูดอะไร แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันใดนั้น—
“เมษาาาา~!!!”
เสียงใสของหญิงสาวอีกคนดังขึ้นจากอีกฟากของลานจอด
รถสปอร์ตสีชมพูเมทัลลิคเพิ่งจอดเสร็จ เจ้าของรถคือพริ้ม เพื่อนสนิทของเมษาตั้งแต่สมัยประถม เธอแต่งตัวสวยจัดในชุดนักศึกษาตัวเป๊ะ ผมตรงปล่อยยาวสลวยสะบัดตามลม
“พริ้มมมม!”
เมษาโบกมือดีใจ เตรียมวิ่งไปหา แต่ทันใดนั้นร่างบางก็ราวกับติดเบรกกะทันหัน เธอหันกลับมา มองหน้าคีตะด้วยสายตาขอบคุณ
“พี่คีตะ ขอบคุณมากนะคะที่พามาด้วย หนูไปก่อนนะคะ”
เธอยิ้มหวาน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปวิ่งหาเพื่อนสาวอย่างร่าเริง ไม่แยแสกับสายตาจิกกัดจากสาว ๆ รอบข้างที่มองมาจนลูกตาแทบถลน
“โห๊ย~ เปิดเทอมวันแรก มีกลิ่นดราม่าลอยมาแต่ไกลแล้วเว้ย~” ภูผาผิวปากหวือเบา ๆ
คีตะหันมามองเขานิดหนึ่ง
“ดราม่าอะไรของมึง”
“ก็เล่นพาน้องซ้อนท้ายรถเข้ามาโชว์กลางลานขนาดนี้ คิดว่าบรรดาสาว ๆ ของมึงจะยอมเร้อ~” ภูผายักคิ้วกวน ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ
“…”
คีตะไม่ตอบอะไร นอกจากมองตามหลังของเมษาที่กำลังวิ่งไปหาพริ้ม
“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ” เขาตอบเสียงเรียบ แล้วหันหลังเดินเข้าคณะไป
“เห้ยย! รอกูด้วยเซ่!”
เสียงโวยของภูผาดังตามหลังมา พร้อมกับที่เขารีบวิ่งตามเพื่อนซี้เข้าไปอย่างอารมณ์ดี
🌸🌸🌸
ตอนเที่ยง...
โรงอาหารของคณะสถาปัตย์...
แม้จะไม่ได้หรูหราเหมือนภัตตาคาร แต่ก็มีมุมเก๋ ๆ สไตล์มินิมอล โต๊ะไม้ยาวนั่งรวมกันแบบโอเพ่นสเปซที่ทำให้การกินข้าวไม่ต่างจากเวทีแฟชั่นโชว์
เมษาถือถาดใส่ชามราเมนเดินตามหลังพริ้มเข้ามาในโรงอาหาร ท่ามกลางเสียงพูดคุยจอแจ และ...สายตาหลายคู่ที่จ้องมองมายังเธอแบบไม่ปิดบัง
“เหย...นั่นเด็กปีหนึ่งที่ซ้อนพี่คีตะมาป่ะวะ?”
“ย่ะ! เห็นเลยตอนลงจากมอไซค์ ยังจะมายิ้มหวานอีกนะ!”
“น้องใหม่เหรอ? นี่ปีสี่อย่างฉันยังไม่เคยนั่งมอไซค์คีตะเลยนะยะ!”
“นางเป็นใคร ทำไมได้ซ้อนมอไซค์คีตะวะ!”
เสียงกระซิบที่ดังไปทั่ว บรรดาสาว ๆ ทุกคนมองเมษาราวกับประหนึ่งเป็นศัตรูหัวใจ
แต่เมษาไม่สนใจ เดินต่ออย่างมั่นใจ เพราะเธอตั้งใจจะจีบพี่คีตะเต็มสตรีมอยู่แล้ว
พริ้มที่เดินมาด้วยกันยกมือป้องปาก แล้วเอียงตัวมากระซิบ
“ยัยเมษา...ฉันว่า ยัยรุ่นพี่สาวแก่ทั้งหลายของพี่คีตะคงไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
เธอเน้นคำว่า “สาวแก่” พร้อมเบ้ปากแรง ๆ จนเมษาหลุดหัวเราะพรืดออกมา
“พูดเหมือนฉันแย่งแฟนพวกเขางั้นแหละ~”
“ไม่แย่งก็เหมือนแย่ง! พี่คีตะน่ะเขาหล่อ แถมยังขึ้นชื่อว่าไม่เคยพาใครซ้อนท้ายมาก่อนด้วยป่ะ?!”
เมษาชะงักนิดหน่อย ก่อนจะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล
เธอหยิบชามราเมนเซรามิกออกมาวางตรงหน้า จัดวางตะเกียบเรียบร้อย ก่อนฉีกห่ออย่างประณีตด้วยปลายนิ้ว แล้วจับตะเกียบอย่างถูกต้องตามมารยาท พร้อมเริ่มกินด้วยท่วงท่าเรียบร้อยสง่างาม
“แกรู้ได้ไง?”
เธอถามพลางเป่าเส้นราเมนเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ จับขึ้นมาทานทีละคำ ภาพลักษณ์คุณหนูลูกผู้ดีตอนกินข้าวของเมษา ตัดกับสายตาแรง ๆ รอบด้านได้อย่างพอดิบพอดี
“นี่ไง!”
พริ้มยื่นมือถือให้ดู หน้าจอเปิดอยู่ที่กระดานข่าวของมหา’ ลัย ที่นอกจากจะมีหัวข้อ “ลือหนัก! ปีหนึ่งคนสวยซ้อนท้ายพี่คีตะ!” ยังแนบภาพตอนเช้าที่มีคนแอบถ่ายไว้อีกต่างหาก
ไม่พอ...ยังมีลิสต์โหวต “หนุ่มฮอตประจำปี” ที่คีตะครองแชมป์แบบทิ้งห่าง!
“ว้าว~ ว่าที่สามีฉันดังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เมษาตาโต คว้ามือถือมาดูอย่างตื่นเต้น
“เห้ยยย แกก็เวอร์ไป๊!”
พริ้มหัวเราะพรืด เธอชินแล้วกับอาการมโนของเพื่อนสาว เพราะตั้งแต่สมัยประถม เมษาก็พร่ำพูดถึงพี่คีตะไม่หยุด
“พี่คีตะจะชอบผู้หญิงแบบไหนนะ?”
“ถ้าฉันทำข้าวกล่องให้ พี่เขาจะกินมั้ย?”
“วันนี้พี่เขาทำอะไรอยู่นะ?”
และที่พริ้มรู้ดีที่สุดก็คือ...
แม้เมษาจะเป็นคุณหนูลูกท่านทูตที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่กลับพยายามทุกทางเพื่อพี่คีตะ ไปเรียนทำอาหาร ทำขนม ฝึกงานบ้าน เรียนมารยาท
ทั้งที่ความจริงแล้ว—เมษาเป็นเด็กแสบ แก่น กล้า ซน และขี้เล่นสุด ๆ ความซนระดับสุดที่พริ้มเคยเห็น คือแอบปีนรั้ววัดตอนประถมเพื่อเอาข้าวไปเลี้ยงหมาน้อยในเขตวัด
แต่นั่นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น...
“นี่ เมษา...”
“หืม?” เมษาสูดเส้นราเมนเข้าไปเงียบ ๆ แบบมีมารยาท ตายังคงมองจอมือถือไม่หยุด
“ถ้าแกโดนลากไปตบหลังโรงอาหารนะ...”
“ก็ตบกลับสิ กลัวไร~” เมษาเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานแต่แววตาดื้อรั้นเต็มร้อย
“กะแล้ววว~!”
พริ้มกลอกตา แต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะคิกคักกันในโลกใบเล็กของพวกเธอ ท่ามกลางสนามรบสายตาของโรงอาหาร…ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้นเอง
หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ในรั้วมหา’ ลัย—ช่วงหัวค่ำวันหนึ่ง บรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบ แสงไฟสีวอร์มไลท์ส่องออกมาจากโคมไฟหัวเตียงในห้องแต่ละห้องอย่างอบอุ่นเมษาในชุดนอนเสื้อยืดลายแมวน้อยกับกางเกงขาสั้นสีชมพูพาสเทล ผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยเล็ก ๆ หนึ่งข้าง เธอยืนลังเลอยู่หน้าห้องพี่คีตะ มือหนึ่งถือหนังสือฟิสิกส์ อีกมือเคาะประตูเบา ๆก็อก ๆ ๆไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาเปิดประตู แล้วใบหน้าหล่อเข้มของคีตะในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงผ้าลำลองก็มาปรากฏตรงหน้า“หืม? มีอะไรรึ?”“หนู...ขอโทษที่รบกวนค่ะ แต่คือว่า...”เมษายกหนังสือขึ้นบังหน้า ทำตาใสแป๋วมองเขา“วิชาฟิสิกส์มันยากจังเลย หนูไม่เข้าใจเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเวกเตอร์กับแรงลัพธ์ พี่คีตะช่วยสอนหนูหน่อยได้มั้ยคะ?”คีตะนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกกว้างขึ้นแล้วพูดเรียบ ๆ“เข้ามาสิ”เมษายิ้มหวาน รีบเดินตัวปลิวเข้าไปนั่งขัดสมาธิบนพรมข้างเตียง เปิดหนังสือออกพาดบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆ ที่วางโน้ตบุ๊กไว้คีตะนั่งลงฝั่งตรงข้าม หยิบดินสอขึ้นมาแล้วเขียนสมการลงบนสมุดอย่างคล่องแคล่ว“เนื้อหานี้ไม่ได้ยาก ถ้าเข้าใจภาพรวม ฉันจะอธิบายให้ฟังง่าย ๆ ...”เมษาทำหน้าเห
แดดยามบ่ายคล้อยเริ่มอ่อนแรง—นักศึกษาทยอยเดินออกจากตึกเรียน เมษากับพริ้มเดินออกมาด้วยกัน เพราะพวกเธอตั้งใจจะไปร้านคาเฟ่ที่ชาวโซเชียลรีวิวเอาไว้ทั้งสองคนพูดคุยกันหัวเราะคิกคัก เดินเลี้ยวไปยังทางเดินข้างคณะ เพื่อมุ่งไปยังลานจอดรถของวิศวะ กลับพบว่าทางเดินถูกบล็อกด้วยสาวรุ่นพี่กลุ่มหนึ่ง—ชุดนักศึกษาพอดีตัว รองเท้าส้นสูง และท่าโพสกอดอกเหมือนพร้อมจะถ่ายขึ้นปกนิยายนางร้าย“จะรีบไปไหนจ๊ะ...น้องปีหนึ่ง”เสียงหวานติดเย็นดังขึ้นจากหญิงสาวผมประบ่า หน้าคมแต่งหน้าจัด ยืนอยู่กลางกลุ่มด้วยท่าทางน่าเกรงขาม“น้องชื่อเมษาใช่มั้ย? เมษา…ที่ซ้อนท้ายคีตะมาเมื่อเช้า?”พริ้มจับแขนเมษาเบา ๆ ทันที สัญชาตญาณบอกว่า ไม่ปลอดภัยแล้วแน่ ๆเมษาหันกลับมา มองรุ่นพี่ทุกคนด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ในแววตากลับเยียบเย็นอย่างน่าประหลาดริมฝีปากแดงธรรมชาติยกยิ้มนิด ๆ“ค่ะ เมษาเอง แล้วมีอะไรเหรอคะ รุ่นพี่?”“แหม...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่จะถามเฉย ๆ ว่าน้องมีสิทธิ์อะไรถึงได้ใกล้ชิดกับคีตะขนาดนั้น?”“สิทธิ์เหรอคะ?” เมษากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อย“หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่หนูอยู่บ้านเดียวกันกับพี่คีตะน่ะค่ะ~”ผ่าม!คำตอบของเธอท
เช้าวันนี้ที่บ้านของคีตะ...เป็นวันเปิดเทอมใหม่วันแรก“คีตะ เปิดเทอมวันแรก พาน้องไปด้วยนะ”คุณอัญญาหันมาบอกลูกชายขณะวางจานไข่กระทะบนโต๊ะอาหารคีตะ—ในชุดเสื้อช็อปวิศวะพับแขน กับกางเกงยีนส์ซีดตัวเก่ง เหลือบมองหญิงสาวตัวเล็กที่เดินลงมาจากบันได...สายตาเขาชะงักไปชั่วครู่เสื้อนักศึกษาพอดีตัวกระชับช่วงเอวและหน้าอก...กระโปรงพรีสสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยพอให้เห็นเรียวขาขาวเนียน ผมหางม้าถูกรวบหลวม ๆ เผยใบหน้าใสซื่อ แต่เต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่เขาไม่กล้าอธิบายรองเท้าผ้าใบสีขาวดูสดใสเข้ากับบุคลิกเด็กปีหนึ่งสุด ๆ“ผมไปมอไซค์นะ...เมษาจะไหวเหรอ?” เขาถามเสียงเรียบ แต่แววตานั้นแอบเหลือบมองขา พลางคิดในใจ...ยังดีที่ไม่โป๊...“สบายมากค่ะ พี่คีตะ~” เมษาตอบใบหน้ายิ้มระรื่น“หนูใส่กางเกงขาสั้นกันโป๊ไว้แล้วค่ะ!”เธอชูนิ้วเป็นรูปตัววี ประกอบรอยยิ้มสดใส มั่นใจสุด ๆคีตะกระแอมเบา ๆ แสร้งเมิน“อืม งั้นก็...ไปกัน”เมษาวิ่งตามไปยังลานจอดรถ พร้อมสายตาที่จับจ้องมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขา—ดูเคติ มอนสตาร์ สีดำด้าน ที่ทั้งสวย หรู ดูแพงแบบมีระดับพอเห็นเขายื่นหมวกกันน็อคให้ เธอก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที (แถมแอบเขยิบให้แนบชิ
“เมษา...หนูหั่นแครอทเป็นดอกไม้อีกแล้วเหรอลูก~”เสียงหัวเราะนุ่มของคุณอัญญาดังขึ้นจากห้องครัว ตั้งแต่เช้าแสงแดดยังอุ่นอ่อน และกลิ่นขนมปังอบกับเบคอนก็ลอยตลบอบอวลทั่วบ้าน“ก็หนูอยากให้คุณลุงคุณน้าทานอาหารแล้วอารมณ์ดีค่ะ”เมษายิ้มหวาน ขณะวางแครอทรูปหัวใจลงในกระทะข้างไข่ดาว รูปหัวใจก็เช่นกันตลอดสองเดือนก่อนเปิดเทอมแทนที่จะไปเที่ยวพักผ่อนหรือช็อปปิ้งเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เมษาใช้ชีวิตอยู่ในครัว ทำอาหารกับคุณน้าอัญญาทุกเช้า — และแน่นอนว่าเธอทำด้วยใจทั้งหมด…เพื่อผู้ชายที่ชื่อ ‘คีตะ’“พี่คีตะคะ กาแฟค่ะ”เธอถือแก้วกาแฟดำมาเสิร์ฟตรงหน้าชายหนุ่มผู้มีผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่นนอน คีตะนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงระเบียงบ้านด้านข้าง หันมารับแก้วอย่างเกือบจะไม่ทัน“ขอบใจ”เขารับไปแค่สั้น ๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เมษาระเบิดหัวใจตัวเองเบา ๆ‘ฉันรู้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใส่น้ำตาล...แต่หนูเติมความหวานไว้ในสายตาแล้วนะคะ’เธอแอบคิดในใจ ก่อนจะรีบถอยห่างไปตั้งหลักพอตกบ่ายเธอมักจะนั่งเล่นหมากรุกกับคุณลุงธนาผู้สุขุม ใจเย็น และชอบวางหมากเหมือนวางแผนธุรกิจ“แน่ใจนะว่าเดินหมากตรงนี้?”“มั่นใจค่ะลุง” เมษายิ้มตาหยี แล้ววาง
เสียงเครื่องยนต์หรูดับลงหน้าบ้านทรงโมเดิร์นสไตล์มินิมอลหลังใหญ่ในย่านใจกลางเมืองหลวง…คีตะ โชติธาดา เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ปี 3 สถาบันดัง ปลดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะ ขยี้ผมเล็กน้อยก่อนเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อยตามประสาคนเรียนโหดวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทอม...เขาจะได้พักผ่อนยาว ๆ ตลอดสองเดือนช่วงปิดเทอมเสียทีทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน กลับได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคน เสียงใส ๆ ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน… แต่ฟังแล้วทำให้คิ้วเขากระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว“คีตะ~ กลับมาแล้วเหรอลูก!”คุณแม่อัญญาเอ่ยเรียก พลางเดินนำเด็กสาวในชุดเดรสสีชมพูที่ดูสดใส และ…หน้าตาคุ้น ๆ แต่อ่อนวัยกว่าเขาเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้“นี่น้องเมษาไงจ๊ะ… ลูกของคุณดิลกกับปาริฉัตร เพื่อนสนิทพ่อแม่น่ะ”คีตะปรายตามองเธออย่างสุภาพ — ริมฝีปากยกยิ้มมุมปากนิด ๆ ตามมารยาท…แต่ดวงตาคมเข้มนั้นเฉยชาอย่างสิ้นเชิงในขณะที่เขาคิดว่า ‘น้องเมษา’ ก็เป็นแค่เด็กสาวน่ารักคนหนึ่ง—เธอ…กลับมองว่า...เขาคือเจ้าชายในฝันมาตลอด 10 ปี!‘พี่คีตะ!! ‘เมษา ยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ ใจเต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอก เธอพย