เข้าสู่ระบบ“เมษา...หนูหั่นแครอทเป็นดอกไม้อีกแล้วเหรอลูก~”
เสียงหัวเราะนุ่มของคุณอัญญาดังขึ้นจากห้องครัว ตั้งแต่เช้าแสงแดดยังอุ่นอ่อน และกลิ่นขนมปังอบกับเบคอนก็ลอยตลบอบอวลทั่วบ้าน
“ก็หนูอยากให้คุณลุงคุณน้าทานอาหารแล้วอารมณ์ดีค่ะ”
เมษายิ้มหวาน ขณะวางแครอทรูปหัวใจลงในกระทะข้างไข่ดาว รูปหัวใจก็เช่นกัน
ตลอดสองเดือนก่อนเปิดเทอม
แทนที่จะไปเที่ยวพักผ่อนหรือช็อปปิ้งเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เมษาใช้ชีวิตอยู่ในครัว ทำอาหารกับคุณน้าอัญญาทุกเช้า — และแน่นอนว่าเธอทำด้วยใจทั้งหมด…เพื่อผู้ชายที่ชื่อ ‘คีตะ’
“พี่คีตะคะ กาแฟค่ะ”
เธอถือแก้วกาแฟดำมาเสิร์ฟตรงหน้าชายหนุ่มผู้มีผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่นนอน คีตะนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงระเบียงบ้านด้านข้าง หันมารับแก้วอย่างเกือบจะไม่ทัน
“ขอบใจ”
เขารับไปแค่สั้น ๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เมษาระเบิดหัวใจตัวเองเบา ๆ
‘ฉันรู้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใส่น้ำตาล...แต่หนูเติมความหวานไว้ในสายตาแล้วนะคะ’
เธอแอบคิดในใจ ก่อนจะรีบถอยห่างไปตั้งหลัก
พอตกบ่าย
เธอมักจะนั่งเล่นหมากรุกกับคุณลุงธนาผู้สุขุม ใจเย็น และชอบวางหมากเหมือนวางแผนธุรกิจ
“แน่ใจนะว่าเดินหมากตรงนี้?”
“มั่นใจค่ะลุง” เมษายิ้มตาหยี แล้ววางหมากกินม้าลุงธนาได้อย่างสวยงาม
“หืม...ฝีมือไม่เบาเลยนี่นา”
คุณธนาหัวเราะเบา ๆ
“เจ้าคี จะนั่งเงียบทำไม...มาเล่นด้วยกันสิ”
“ไม่เอาอ่ะ เหนื่อย” คีตะที่นอนอ่านแบบบ้านอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกตอบเสียงเนือย
แต่บางวันเขาก็จะเข้ามาเล่นด้วยแบบไม่คาดคิด และเมษาก็เล่นแพ้ให้...แบบเนียน ๆ
‘ใครจะไปชนะคนที่เรารักกันล่ะ!’
และในวันหนึ่ง…
“ติ๊งต่อง~”
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น เมษาที่กำลังเก็บผ้าเช็ดโต๊ะหน้าบ้านอยู่หันไปมองก่อนจะเดินไปเปิดประตู
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตเปิดกระดุมเม็ดบน ใบหน้าคมเข้มประดับรอยยิ้มกว้างราวกับพระอาทิตย์แสนอบอุ่นยืนอยู่หน้ารั้ว
“โย่ว คีตะอยู่มั้ย?”
“เอ่อ…อยู่ค่ะ เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”
เมษายิ้มรับอย่างสุภาพ แต่ในใจแอบประเมินรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ
‘หล่อดีนะ…แต่ไม่ใช่สเป๊กแน่นอน ฉันรักพี่คีคนเดียว!’
“เราชื่อภูผานะ เป็นเพื่อนสนิทของคีตะตั้งแต่ม.ปลาย” เขาว่าพลางยื่นกล่องขนมในมือให้เธอ
“เรียกพี่ก็ได้ครับ น้อง...?” เขาเอียงคอถามอย่างเป็นกันเอง พร้อมยิ้มละลายใจ
แต่ก่อนที่เมษาจะได้ตอบ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากบันได
คีตะในชุดเสื้อยืดสีขาวธรรมดา กับแจ็กเก็ตยีนส์สีน้ำเงินซีด เดินลงมาด้วยใบหน้าสะลึมสะลือ ผมยุ่งเบา ๆ ราวกับเพิ่งตื่นจากการงีบ—หน้ามึนแต่สายตามองเลยเธอไปมองเพื่อนตรง ๆ
แค่นั้น…หัวใจของเมษาก็เต้นแรงอีกครั้ง
‘แค่เสื้อยืดกับยีนส์ธรรมดา ทำไมพี่ถึงเท่ได้ขนาดนี้…’
เธอหลบสายตาเล็กน้อย ยกมือขึ้นกุมอกตัวเองเบา ๆ
“ไอ้ภูมาได้ไง?”
“เบื่ออะ อยากมาหามึง” ภูผาหัวเราะ
“เชิญพี่ตามสบายนะคะ” เมษายิ้มหวานให้ตามมารยาท ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางสงบ...แต่ในใจฟูเกินต้าน
คีตะยืนกอดอก มองเพื่อนรักที่โผล่มาโดยไม่บอกล่วงหน้า
“มึงจะมาเพื่อ?”
“กูจะชวนไปเล่นเกมใหม่ที่ห้างฯ” ภูผายิ้มกวน ๆ แล้วก้าวเข้ามาใกล้ ดึงคอเสื้อเพื่อนให้โน้มมา
“ว่าแต่น้องคนนั้นชื่อไรวะ? ทำไมมาอยู่บ้านมึง?” เสียงกระซิบกระซาบมีความสนใจเต็มพิกัด
“เมษา ลูกเพื่อนพ่อกับแม่ เพิ่งสอบติดมหาลัยที่นี่” คีตะตอบเสียงเรียบตามสไตล์
“น้องเมษา~ สวย น่ารัก สดใส... มีเสน่ห์ว่ะ” ภูผายกมือทาบอกทำท่าจะละลาย
“มีแฟนยังวะ?”
“กูจะไปรู้เรอะ” คีตะเริ่มขมวดคิ้วอย่างรำคาญ
“มึงจะชวนกูเล่นเกมไม่ใช่เหรอ ไปดิ”
“เฮ้ย เดี๋ยว!” ภูผาหัวเราะแล้วเอาแขนพาดบ่าเพื่อน
“ไม่ใช่ว่า... มึงแอบเคลมน้องอยู่เงียบ ๆ หรอกนะ”
คีตะถอนหายใจแล้วหันหลังเดินนำ
“ไอ้ภู! มึงนี่มโนเก่ง น้องเขาเพิ่งปี 1 หาเรื่องให้กูชิบ…”
สองหนุ่มเดินไปทางลานจอดรถ คีตะหยิบหมวกกันน็อคของเขาแล้วโยนอีกใบให้ภูผา
ที่มุมหนึ่งของบ้าน…เมษาแอบเปิดผ้าม่านมองเงียบ ๆ
สายตาของเธอหยุดอยู่ที่มอเตอร์ไซค์สีดำด้าน ทรง Naked Bike รุ่นท็อปสุดของค่ายดังจากอิตาลี ที่วาววับและล้อเงางามจนสะท้อนแสงแดด
เบาะหนังแท้เย็บมือ ท่อไอเสียไทเทเนียมที่ส่งเสียงทุ้มต่ำขณะสตาร์ต—ทุกอย่างมันหล่อ มันเท่ มันคือลุคของพี่คีตะสุด ๆ
แต่เหนืออื่นใด...สิ่งที่ทำให้หัวใจเมษาเต้นไม่เป็นจังหวะคือร่างสูงในชุดเสื้อยืดนั้นเอง ที่ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ด้วยท่วงท่าชำนาญ มือหนึ่งหมุนกุญแจ อีกมือสวมถุงมือขี่รถอย่างเท่
‘พี่คีตะหล่อเหมือนพระเอกหนังสายบู๊เลย… จะตายแล้ว!’
เธอกัดริมฝีปากล่าง กลั้นเสียงกรี๊ดในลำคอ
‘ผู้หญิงคนอื่นเห็นไม่ได้เด็ดขาด… เขาคือของฉัน!!’
🌸🌸🌸
🏬 ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
เสียงเกมอาร์เคดจากชั้นบนของห้างชื่อดังกลางเมืองดังคลอไปกับเสียงผู้คนเดินขวักไขว่
สองหนุ่มในเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงยีนส์ดูธรรมดา แต่กลับดึงดูดสายตาโดยเฉพาะจากกลุ่มสาววัยมหาลัยแถวนั้น
คีตะในชุดเสื้อยืดสีขาวกับแจ็กเก็ตยีนส์ทับบางเบา ผมหน้าม้าเซ็ตยุ่งนิด ๆ จากสายลมที่ขี่มอเตอร์ไซค์มา ส่วนภูผาก็หล่อไม่แพ้กัน ใส่เสื้อเชิ้ตเปิดคอ กับกางเกงลำลองและรองเท้าผ้าใบสีสด—ทั้งคู่เดินตรงไปยังโซนเกมทันที
“หึ วันนี้มึงอย่าพากูแพ้นะ ไอ้คี” ภูผาหัวเราะพลางหยอดเหรียญใส่เครื่อง
“มึงแพ้ตั้งแต่เกมที่แล้ว แล้วมั้ย” คีตะยักคิ้วอย่างท้าทาย
ขณะเดียวกัน ตรงมุมเสาใกล้ร้านคาเฟ่บนชั้นเดียวกัน
เมษาในชุดกระโปรงคิวท์โทนชมพูพีช พรางตัวหลังต้นไม้ปลอมข้างเสา มือหนึ่งกำแก้วชาไข่มุกแน่น ขณะแอบส่องกล้องทางไกลมองไปยังสองหนุ่มที่กำลังเล่นเกมยิงปืนกันอย่างดุเดือด
“โอ๊ย...ทำไมพี่คีตะถึงได้เท่แบบนี้นะเนี่ย!!!”
เธอบ่นเบา ๆ กับตัวเอง หน้าแดงจาง ๆ ขณะมองเขาหัวเราะกับเพื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้าง ๆ เธอ มีชายหนุ่มในสูทเข้ารูปสีดำ ยืนกอดอกอย่างนิ่งขรึม
รูปร่างสูงโปร่งประมาณ 185 ซม. ผิวแทนแบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใบหน้าคมเข้มสไตล์ลูกครึ่ง ดวงตาคมเฉียบภายใต้แว่นกันแดด ผมสีน้ำตาลเข้มเซ็ตเรียบร้อย หูข้างหนึ่งมีบลูทูธติดอยู่แบบแทบมองไม่เห็น
“อคิน” – บอดี้การ์ดหนุ่มฝีมือดีวัย 29 ปี ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้และป้องกันตัวทุกแขนง เคยผ่านการฝึกในหลายประเทศและได้รับใบรับรองด้านการรักษาความปลอดภัยจากองค์กรระดับโลก
เขาคอยดูแลความปลอดภัยของเมษา—คุณหนูลูกสาวท่านทูตดิลก—มาตั้งแต่เธออยู่ชั้นประถม และแม้เขาจะขรึม เย็นชา แต่ในใจก็เอ็นดูเมษาเหมือนน้องสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง
เขาพูดเสียงเบาแต่เด็ดขาดผ่านบลูทูธ
“คุณหนูเมษายังปลอดภัย กำลังตามเป้าหมายอย่างใกล้ชิด...ยังไม่ต้องเคลื่อนกำลังเสริม”
เมษาหันกลับมามองอคิน แล้วเอานิ้วแตะริมฝีปาก
“ชู่! อย่าเสียงดังสิ พี่คิน เดี๋ยวพี่คีตะรู้ว่าหนูตามมา”
อคินถอนหายใจเบา ๆ
“ครับคุณหนู แต่ถ้ามีอะไรผิดปกติ ผมจะพากลับทันที”
“ไม่ผิดปกติค่ะ แค่หัวใจหนูเต้นผิดจังหวะเท่านั้นเอง~”
เมษาพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าแดงเรื่อเหมือนสาวม.ปลายแอบชอบรุ่นพี่อยู่ไกล ๆ
อคินหันไปมองเด็กสาวในความดูแลที่กำลังก้มหน้าเขินอายซุกหลังต้นไม้ปลอมด้วยรอยยิ้มบาง ๆ มุมปาก
‘คุณหนูเมษา...โตขึ้นเยอะจริง ๆ’
เขาคิดในใจเงียบ ๆ ภาพของเด็กหญิงผูกผมหางม้าเมื่อหลายปีก่อนยังชัดเจนในความทรงจำ แต่ตอนนี้...เธอกลายเป็นสาวน้อยผู้แอบรักเข้าเต็มเปา
อยู่ ๆ เสียง “ฮึ่ย!” เบา ๆ ก็หลุดออกมาจากปากเมษา
“อะไรอีกล่ะคุณหนู...” อคินเลิกคิ้ว
เมษาหรี่ตามองไปที่หน้าร้านเกมอีกครั้ง
สาวสวย 2 คน—ในชุดไปรเวทเสื้อสายเดี่ยวกระโปรงสั้น—เดินเข้าไปหาคีตะและภูผาที่เพิ่งออกจากเครื่องเกม
“ขอโทษนะคะ...พี่เล่นเกมเก่งจังเลย~”
“มี I* หรือแอปฟ้าแอปเขียวมั้ยคะ? ขอแอดได้มั้ย~?”
คีตะดูจะไม่ได้สนใจนัก เขาเอียงคอเล็กน้อย แล้วหันไปมองภูผาที่กำลังอมยิ้มเจ้าเล่ห์
เมษาตาโต โกรธจนควันออกหู ฟองในแก้วชาไข่มุกแทบปะทุขึ้นมาเองจากความร้อนแรงในใจเธอ
“อ๊ากกกกก!! เดี๋ยวนี้สาว ๆ จีบผู้ชายกันเร็วมากแบบนี้เหรอคะ!! แถมจะแลกทั้งแอปเขียว แอปฟ้าอีก!! 😤”
เธอกัดหลอดชาไข่มุกจนแทบขาด ก่อนจะหันมากระซิบกับอคินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง
“พี่คิน! หนูขอเวลา 3 นาที...จะไม่ปล่อยให้พี่คีตะหลุดเข้าฮาเร็มของผู้หญิงพวกนั้นแน่ ๆ!!”
อคินขมวดคิ้ว
“คุณหนูจะทำอะไรอีกครับ?”
“สกัดดาวรุ่งสิคะ!!!” เธอกำหมัดแน่น
แล้วก็เริ่มปฏิบัติการทันที—เมษาปรับกระโปรงให้เรียบร้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา แล้วทำทีเดินผ่านหน้าร้านเกมอย่างไม่ตั้งใจ
...ก่อนจะสะดุดพื้นและทำผ้าเช็ดหน้าหล่นพอดีตรงหน้าคีตะอย่างแม่นยำ
“อ๊ะ...! ขอโทษค่ะ...อ้าว...พี่คีตะ?”
เสียงใส ๆ เรียกชื่อเขาอย่างแสนดีใจ ทำเอาสาวสองคนนั้นถึงกับชะงัก
“โอ๊ย พี่คีตะ~ บังเอิญจัง~”
เธอยิ้มตาแป๋ว โบกแก้วชาไข่มุกขึ้นโชว์
“กินมั้ยคะ? หนูเลี้ยงได้นะ~”
คีตะขมวดคิ้วนิด ๆ
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“ก็...มาเดินเล่นค่ะ~ เหนื่อย ๆ ก็เลยหาของหวานกิน แล้วก็ว่าจะไปหาอะไรทานพอดีค่า~” เมษาตีหน้าใสไร้พิษสง
“ว้าว น้องเมษา หิวข้าวมั้ย ไปทานข้าวกับพี่มั้ยจ๊ะ” ภูเสียงภูผาดังขึ้นทันที หนุ่มวิศวะหัวไวหันมาชวนด้วยรอยยิ้มละลายใจ
“ไอ้ภู น้อย ๆ หน่อย” คีตะเอื้อมมือยันหน้ามันออกไปให้พ้น
“อะไรล่ะ กูก็แค่ชวนน้องกินข้าวด้วยเฉย ๆ นี่หว่า” ภูผาขำ
“ค่า~ หนูไปด้วยค่า~” เมษาตอบรับทันควัน ก่อนจะส่งยิ้มให้ภูผาอย่างน่ารัก
(แต่ในใจน่ะเหรอ...กำลังมโนว่าตัวเองนั่งกินข้าวตรงข้ามกับพี่คีตะอยู่สองคน~)
ด้านภูผานั้น…ถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
‘...น้องเมษาน่ารักชะมัด’
‘ใส ๆ แต่ก็ดูฉลาด มีเสน่ห์แบบไม่รู้ตัว...’
‘ถ้ามึงไม่เอานะคีตะ กูจะเอาแล้วนะเว้ย’
แต่แน่นอน…คนที่ไม่รู้เรื่องที่สุดก็คือ ‘ตัวต้นเหตุ’
คีตะพยักหน้า ก่อนเดินนำไปโดยไม่รู้เลยว่า... น้องที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันน่ะ แอบรักเขาเข้าเต็มเปาแล้ว
สาวสองคนนั้นได้แต่มองหน้ากันงง ๆ ก่อนจะถอยห่างจากวงสนทนา
“พี่คะ งั้นพวกหนูขอไปก่อนนะคะ~”
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ…ถ้ายังไม่มีแฟนอะค่ะ” (เสียงเบาแทบไม่ได้ยิน)
เมษาโบกมือให้พวกเธอ ยิ้มหวานแบบไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ภายใต้กระโปรง...มือเล็ก ๆ ของเธอกำหมัดแน่น‘ภารกิจสกัดดาวรุ่ง...สำเร็จ!’
ขณะที่อคิน—ซึ่งยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากไกล ๆ —ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหัวเบา ๆ
“คุณหนูตัวน้อยของผม... ยังซนไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ”
สัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์เมษายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแค่ช่วงนี้…ข้าวมันไก่ที่เคยกินแล้วฟินตอนดึก กลับกลายเป็นศัตรูของชีวิต ข้าวต้มปลาเจ้าประจำที่เคยคลั่งไคล้ ตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็แทบอ้วกแต่สิ่งที่เธอรู้แน่ ๆ คือ…เธอกำลังจะมีลูก และ “คุณพ่อเด็ก” ก็คือสามีสุดหล่อผู้คลั่งรักที่เพิ่งรู้ข่าวนี้ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว18.47 น.เสียงประตูคอนโดดัง “แกร๊ก”“เมียครับ!!! ลูกพี่กินอะไรได้บ้าง!! พี่ซื้อของมาเป็นสิบถุง!!!”คีตะ โชติธาดาคนเดิม เพิ่มเติมคือระดับความเห่อเกินหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์ในมือเขาถือทั้งซุปปลาแบบออร์แกนิก ขิงแก่สดจากเชียงราย น้ำมะพร้าวไม่แช่เย็น ผ้าคลุมไหล่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และ…หนังสือชื่อ ‘เข้าใจเมียท้องใน 60 นาที’ ที่เปิดอ่านค้างไว้ตรงหน้าแรก“พี่คีตะคะ…” เมษาถอนใจเฮือก“แค่หนูบอกว่าอาเจียนตอนเช้า พี่ก็ไปเหมาโซเชียลเหรอคะ?”“ก็…ก็พี่กลัวเมียเหนื่อยไงคะ แล้วก็ลูกพี่…ก็แสบตั้งแต่ยังไม่ออกมา!”คีตะวางของลง ก่อนจะพุ่งมาทรุดตัวนั่งข้างเธอบนโซฟา เอามือทาบท้องเธอเบา ๆ ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เห็นพุงแม้แต่นิด“อยากให้พี่ทำอะไรมั้ยครับ? อยากกินอะไรเป็นพิเศษ? น้ำแข็งจากขั้วโลก? ท
3 ปีต่อมา…แม้กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ในวังวนเดิม ๆ ของการจราจรที่เหมือนภาพซ้ำทุกเช้าเย็น แต่ชีวิตของคีตะเปลี่ยนไปไกลราวฟ้ากับเหวจากเมื่อสามปีก่อนจากอดีตหนุ่มวิศวกรรมเครื่องกลที่ชีวิตผูกติดกับเครื่องจักร น้ำมันเครื่อง และซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติวันนี้เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำในห้องประชุมกระจกชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่ อาริกาโตะ กรุ๊ป—บริษัทเทคโนโลยีระดับอินเตอร์ที่กำลังเติบโตเร็วเหมือนติดจรวดในมือของเขามีทั้งดีลระดับพันล้าน หุ้นใหญ่ในมือ และแผนระดมทุนรอบใหม่ที่เหล่านักลงทุนต่างเฝ้ารอแต่ในสมองของเขา...มีเพียงคำถามเดียวที่วนซ้ำอยู่ทุกวัน‘เมียกูกินข้าวยังวะ’ไม่ว่าในแต่ละวันจะมีตารางงานแน่นขนาดไหน ต่อให้เลขาฯ ต้องคุกเข่ากราบขอให้เลื่อนนัดด่วนกับนักลงทุนต่างชาติคีตะก็จะส่ายหน้า...แล้วพูดเสียงนิ่งว่า“ผมห้ามมีนัดหลังหกโมงเย็นเด็ดขาด”‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ประจำตัวผู้บริหารใหญ่นี้คือกฎเหล็กข้อเดียวที่ใครก็ห้ามล้ำเส้นเพราะนั่นคือเวลาที่เขาจะรีบกลับคอนโดหรูย่านสุขุมวิท...กลับไปหาเมียที่ทั้งน่ารัก แสบ และเป็นแม่บ้านที่เขาหลงรักยิ่งกว่ากำไรรายไตรมาสวันนี้ก็เช่นกัน...เสียง ‘ติ๊ด’ จากปร
เสียงแสงแดดกลางฤดูหนาวทาบทอผ่านสนามหญ้ากว้างของมหาวิทยาลัย R.C.U. กลิ่นดอกไม้ปนกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์มือถือที่ดังระรัวจากบรรดาเพื่อน ญาติ พี่น้องที่แห่มาร่วมแสดงความยินดีในวันสำเร็จการศึกษาเมษาในชุดครุยปักตราประจำคณะเดินออกจากหอประชุม พร้อมรอยยิ้มสดใสทันทีที่เห็นคนสำคัญ“คุณแม่! คุณพ่อ!”เธอวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ปาริฉัตรแน่น ส่วนท่านทูตดิลกก็ส่งยิ้มอย่างภูมิใจพลางเอื้อมมาลูบผมลูกสาวเบา ๆ“ลูกสาวพ่อเรียนจบแล้วนะ”“สวยที่สุดในรุ่นเลยค่ะ ลูกแม่!”ด้านหลังยังมีอีกสองคนที่ยิ้มอย่างภูมิใจไม่แพ้กัน — คุณธนา และคุณแม่อัญญาของคีตะ ทั้งคู่ยืนถือของขวัญกล่องเล็ก ๆ พร้อมดอกไม้ช่อโตที่เตรียมมาให้เธอเช่นกัน“ยินดีด้วยนะจ๊ะ หนูเมษา”“ขอบคุณค่ะ คุณอา คุณน้า” เมษายิ้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรับของขวัญจากทั้งคู่“แล้ว...พี่คีตะล่ะคะ?” หญิงสาวหันมองไปรอบตัวทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนแอบอมยิ้ม“หาพี่เหรอ?”เสียงทุ้มคุ้นหูทำเอาเมษาหันขวับไปทันทีคีตะมาในเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กางเกงสแลค หล่อเนี้ยบจนทำเอาเมษาถึงกับตาพร่า แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นกลับไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ —มันคือสายตาที่
“คิดอะไรอยู่ หืม~?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมอง แล้วต้องกลั้นหายใจเล็กน้อยคีตะในชุดลำลองเสื้อกล้ามสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ ผมเปียกนิดหน่อยจากการอาบน้ำ มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำเย็น อีกข้างถือผ้าขนหนูเขาเดินเข้ามาหาช้า ๆ แล้วนั่งลงข้างเธอ พลางยื่นผ้ามาคลุมศีรษะเธอไว้เบา ๆ ก่อนวางแก้วไว้ข้างตัว“ผมยังไม่แห้งดีเลย เดี๋ยวไม่สบาย” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และค่อย ๆ เช็ดผมให้เธอ“อื้อออ~ ไม่ต้องเช็ดแรงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหัวหนูหายหมด” เมษาบ่นอุบ แต่เสียงกลับแผ่วลงเรื่อย ๆคีตะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยุดเช็ด แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนิ่งลึกสะท้อนแสงจันทร์ และเธอรู้สึกได้ว่า ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว“พะ...พี่คีตะ...”“หืม?” คีตะเลื่อนมือมาจับปลายคางเธอเบา ๆ“คือ...” เมษาตาโต หน้าแดงซ่านไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากของเขาก็โน้มลงมาแตะกับริมฝีปากของเธอเบา ๆ จูบแรกนั้นนุ่มนวล...อบอุ่น...แฝงความทะนุถนอมแต่ในวินาทีถัดมา รสจูบนั้นกลับค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆปลายลิ้นร้อนแตะที่กลีบปากเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ดุนดันให้เธอเปิดรับสัมผัสที่เร่าร้อนยิ่งกว
หลังจากคีตะเรียนจบคุณพ่อธนาไม่รอช้า…กดดันให้ลูกชายคนเดียวเข้าไปช่วยงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวทันที“จะออกแบบเครื่องยนต์ หุ่นยนต์ หรืออะไร พ่อไม่ว่า แต่ช่วยทำโปรเจกต์กับแผนกเทคโนโลยีในเครือเราซักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อน ได้มั้ยลูก!”เสียงของคุณพ่อยังดังก้องในหัวเขาแต่คีตะในเสื้อฮู้ดสีเทา กับกางเกงวอร์มเรียบ ๆ กลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ยกโน้ตบุ๊กขึ้นบนตัก เปิดแบบจำลองหุ่นยนต์ต้นแบบที่เขาออกแบบเอง —โครงสร้างเครื่องกลซับซ้อนแต่สมบูรณ์แบบจนเหมือนสิ่งมีชีวิตจริง‘ถ้ามีเวลาอีกซักหน่อย...โปรเจกต์นี้ต้องสำเร็จแน่’เขาคิดในใจ ก่อนเสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยจะดังขึ้นจากประตู“พี่คีตะขา~ หนูเอาน้ำมะพร้าวมาฝาก~”เสียงหวานนั่นทำให้เขาชะงัก เงยหน้าขึ้น — และทันทีที่เห็นคนตรงหน้า ความเครียดทั้งวันก็ละลายหายไปในพริบตาเมษาในชุดเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีขาวกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า เดินยิ้มหวานถือแก้วที่มีน้ำมะพร้าวเย็น ๆ กับถุงใส่ขนมที่เธอซื้อมาฝากตั้งแต่สอบปลายภาคเสร็จ พ่อและแม่ของเธอก็ต้องกลับไปประจำสถานทูตอังกฤษเหมือนเคย และเพราะไม่อยากให้เธออยู่บ้านคนเดียว — เมษาจึงกลับมาอยู่บ้านโชติธาดาอีกครั้งแล
วันเวลาผ่านไปจนเมษาและคีตะเข้าสู่ปิดเทอมอีกครั้ง และครั้งนี้พ่อและแม่ของเมษาลางานกลับมาเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาวที่เมืองไทย ทำให้เมษาต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอชั่วคราวแต่เมื่อท่านทูตดิลกรู้ว่าคีตะกับเมษาคบกัน ท่านทูตก็เปลี่ยนบุคลิกกลายเป็นคุณพ่อโหมดหวงลูกสาวทันทีวันนี้...คีตะมีภารกิจ เขาตั้งใจมาขออนุญาตท่านทูตดิลกเพื่อพาเมษาไปเที่ยวด้วยกัน สำหรับ ‘เดทแรก’ ของทั้งคู่ในฐานะ ‘แฟน’บรรยากาศบ้าน ‘ไทระ’ ในย่านเงียบสงบของกรุงเทพฯ ร่มรื่นด้วยเงาต้นไม้ใหญ่และกลิ่นชาเขียวจากสวนญี่ปุ่นที่อยู่ข้างตัวบ้าน แสงแดดอ่อนของช่วงบ่ายส่องลอดใบไผ่รำไร — สะท้อนลงบนกระดานหมากรุกไม้สักกลางโต๊ะหินทรงสี่เหลี่ยม“นั่งสิ”เสียงทุ้มทรงอำนาจแต่สุภาพของท่านทูตดิลกดังขึ้นชัดเจน ขณะเขานั่งไขว่ห้างใต้ร่มกันสาดผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับอย่างเรียบกริบวางไว้บนตัก ข้างตัวคือชาร้อนและคุกกี้จากลอนดอนที่ลูกสาวสุดรักสุดหวงจัดเตรียมไว้ให้คีตะในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมเรียบกับกางเกงสแล็กยืนอยู่ตรงหน้า — ข้างกายเขาคือเมษาที่ทำท่าจะเอ่ยปาก แต่ก็ถูกสายตาปรามเบา ๆ จากคุณแม่ปาริฉัตร ที่ยืนพิงประตูกอดอกราวกับกำลังดูซีรีส์เกาหลีด้วยสีหน้าสนุก







