แดดยามบ่ายคล้อยเริ่มอ่อนแรง—นักศึกษาทยอยเดินออกจากตึกเรียน เมษากับพริ้มเดินออกมาด้วยกัน เพราะพวกเธอตั้งใจจะไปร้านคาเฟ่ที่ชาวโซเชียลรีวิวเอาไว้
ทั้งสองคนพูดคุยกันหัวเราะคิกคัก เดินเลี้ยวไปยังทางเดินข้างคณะ เพื่อมุ่งไปยังลานจอดรถของวิศวะ กลับพบว่าทางเดินถูกบล็อกด้วยสาวรุ่นพี่กลุ่มหนึ่ง—ชุดนักศึกษาพอดีตัว รองเท้าส้นสูง และท่าโพสกอดอกเหมือนพร้อมจะถ่ายขึ้นปกนิยายนางร้าย
“จะรีบไปไหนจ๊ะ...น้องปีหนึ่ง”
เสียงหวานติดเย็นดังขึ้นจากหญิงสาวผมประบ่า หน้าคมแต่งหน้าจัด ยืนอยู่กลางกลุ่มด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
“น้องชื่อเมษาใช่มั้ย? เมษา…ที่ซ้อนท้ายคีตะมาเมื่อเช้า?”
พริ้มจับแขนเมษาเบา ๆ ทันที สัญชาตญาณบอกว่า ไม่ปลอดภัยแล้วแน่ ๆ
เมษาหันกลับมา มองรุ่นพี่ทุกคนด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ในแววตากลับเยียบเย็นอย่างน่าประหลาด
ริมฝีปากแดงธรรมชาติยกยิ้มนิด ๆ
“ค่ะ เมษาเอง แล้วมีอะไรเหรอคะ รุ่นพี่?”
“แหม...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่จะถามเฉย ๆ ว่าน้องมีสิทธิ์อะไรถึงได้ใกล้ชิดกับคีตะขนาดนั้น?”
“สิทธิ์เหรอคะ?” เมษากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อย
“หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่หนูอยู่บ้านเดียวกันกับพี่คีตะน่ะค่ะ~”
ผ่าม!
คำตอบของเธอทำให้บรรยากาศเหมือนมีใครจุดชนวนระเบิดกลางอากาศ รุ่นพี่สาว ๆ หน้าเปลี่ยนสีทันที บางคนกัดปาก บางคนกำหมัดแน่น
“เก่งมากเลยนะคะ...งั้นคงต้องสั่งสอนมารยาทเสียหน่อยแล้ว”
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ร่างของสาวรุ่นพี่สามคนก็เข้าประชิดเมษาเร็วราวกับจัดท่ารำมวย—หนึ่งคนยืนขวางด้านหน้า อีกสองคนตีวงด้านหลัง ประกบไว้เหมือนปลาปักเป้าในเข่ง
พริ้มก้าวมาข้างหน้าอย่างลืมตัว
“เห้ยยย! รุมกันนี่หว่า!!!”
แต่เมษายกมือกันเพื่อนเอาไว้—เธอไม่แสดงความกลัวเลยสักนิด ตรงกันข้าม…เธอถอนหายใจเบา ๆ พลางเอียงคอเล็กน้อย คล้ายกับกำลังเบื่อหน่าย
“จะรุมเลยมั้ยคะ?” เสียงหวานพูดนิ่ง ๆ
“จะได้ถอดต่างหูไว้รอ” เมษายักคิ้วกวน ๆ
คำพูดของเมษาทำเอาพวกรุ่นพี่ควันออกหู โกรธหน้าดำหน้าแดง
“ปากดีนักนะแก!!”
เสียงรุ่นพี่สาวแก่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะปรี่เข้ามาอย่างคนที่คิดว่าเด็กปีหนึ่งไม่มีพิษสง
ฟึ่บ!
มือของเมษายกขึ้น…
แต่แทนที่จะหลบ เธอกลับรับหมัดนั้นไว้ แล้วหมุนข้อมือกลับ พร้อมออกแรงสะบัดเบา ๆ แบบศิลปะป้องกันตัวที่เรียนมาตั้งแต่ประถม
รุ่นพี่คนนั้นเซไปอีกด้านทันที ยังไม่ทันตั้งหลัก…
เพี๊ยะ! เมษาก็สะบัดฝ่ามือเข้าเต็มแก้มของอีกคนที่โผล่มาข้างหลังอย่างแม่นยำ
“หนึ่ง…”
เธอพึมพำเบา ๆ พลางเหลือบมองรอบตัวอย่างใจเย็น
“สอง…”
เพี๊ยะ! อีกฝ่ามือฟาดเข้าอีกคนจนผมหน้าม้าแตกกระเจิง
สาว ๆ ที่เหลือเริ่มชะงัก…ไม่คิดว่าน้องปีหนึ่ง จะเป็นแม่เสือสาว
“สั่งสอนพอแล้วเหรอคะ?”
เมษาเชิดหน้ายิ้ม หยิบยางมัดผมมัดหางม้าให้แน่นขึ้นอย่างสุดเท่
แต่ก่อนที่เธอจะได้ฟาดคำว่า “สาม!” — หนึ่งในรุ่นพี่ก็ดันใช้จังหวะวิ่งเข้ามาด้านข้าง พุ่งชนแรงจนร่างของเมษาเซถลา
แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบไว เธอถีบสวนเข้าที่ท้องของรุ่นพี่คนนั้นเต็มแรงจนกระเด็นลงไปนอนกับพื้น
ขณะเดียวกันหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ คีตะและภูผากำลังเดินคุยกันลงมาเรื่องโปรเจกต์ที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์
เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่
“ไอ้คีตะ!! น้องที่ซ้อนท้ายมึงมาเมื่อเช้า โดนรุมอยู่หลังโรงอาหารว่ะ!”
คำพูดนั้นทำให้เขาชะงัก ดวงตาคมวาววับเป็นประกาย ก่อนจะออกวิ่งตรงไปยังหลังโรงอาหารทันที โดยมีภูผาโวยวายตามหลัง
ทางด้านเมษาที่กำลังตบรุ่นพี่อย่างเมามันด้วยทักษะที่เหนือกว่า ดันตาไวเห็นคีตะกำลังวิ่งตรงมาแต่ไกล
ร่างสูงในชุดนักศึกษาที่พับแขนเสื้อกับกระเป๋าสะพายเฉียงนั้น…ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าหล่อชะมัด!
เธออาศัยจังหวะชุลมุนรีบตีหน้ารุ่นพี่จนคิ้วแตกทันที—เอ๊ย! ตีหน้าเศร้า…แล้วทำเป็นลื่นล้มลงกับพื้น พร้อมเซฟตัวเองด้วยท่าทางเนียน ๆ ที่ดูเหมือนถูกทำร้ายอย่างหนัก
ตุบ!
“อ๊ะ!”
เสียงเมษาร้องเบา ๆ มือเล็กยันพื้นไว้ ก่อนจะแกล้งตัวสั่นนิด ๆ
คีตะที่วิ่งมาถึง เห็นภาพนั้นพอดี—โดยไม่ทันมองเลยว่าอีกสามสาวนั้น…ผมกระเซิง แก้มแดง มือสั่น หน้าตาเละกว่าซุปมิโสะ!
“พวกเธอทำบ้าอะไรกัน?”
เสียงของเขาตะคอกออกมาด้วยอารมณ์โมโห ก่อนตรงเข้าไปหาเมษาที่ล้มอยู่
“มะ…ไม่ใช่นะ พวกเราแค่…”
“ไสหัวไป ก่อนที่ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้อาจารย์รู้”
น้ำเสียงเย็นเยียบและสายตาคมกริบของคีตะทำให้สาว ๆ รุ่นพี่รีบถอยออกไปแบบไม่คิดชีวิต
คีตะหันกลับมาหาเมษา
“เจ็บตรงไหนมั้ย?”
เมษาเงยหน้ามองเขา ตาใส ๆ สั่นระริกเล็กน้อย
“หนู…ไม่เป็นไรค่ะ”
คีตะยื่นมือให้
“ลุกไหวมั้ย?”
เมษายิ้มบาง ๆ พร้อมคว้ามือนั้นไว้
“ขอบคุณค่ะ”
“โอ้ย แฮ่ก แฮ่ก” ภูผาที่วิ่งตามมาหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย
“น้องเมษาเป็นไรมั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เมษายิ้มให้ภูผาแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากคีตะ ขณะที่ร่างสูงยังคงกวาดตามองทั่วร่างเธอว่ามีการบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“อะแฮ่ม~ จะไม่แนะนำหน่อยเหรอ” พริ้มกระแอมเตือนเพื่อน
“อุ๊ย พี่คีตะ พี่ภูผา นี่พริ้มเพื่อนเมษาค่ะ” เมษาแนะนำเพื่อนสาว
“สวัสดีค่ะ พี่คีตะ พี่ภูผา”
“ว้าววว~ น้องพริ้มน่ารักไม่แพ้น้องเมษาเลยนะเนี่ย” ภูผาตาเป็นประกายแพรวพราว
“จริงสิ พี่คีตะ พี่ภูผา" เมษาร้องขึ้นเหมือนนึกอะไรออก
“วันนี้หนูกับพริ้มว่าจะไปคาเฟ่เปิดใหม่ ชื่อ จันทร์ละมุน ตามรีวิวในโซเชียลเลยค่ะ คาเฟ่ตกแต่งแนวเกาหลีมินิมอล มีโทนสีขาวครีมกับดวงไฟที่เหมือนแสงจันทร์~ หนูอยากไปถ่ายรูปมากเลย!”
เธอยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายใส
“ไปด้วยกันมั้ยคะ? ถือว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณที่พวกพี่มาช่วยเมษาก็ได้~”
“ไปสิ!” ภูผารีบตอบทันทีด้วยท่าทางกระตือรือร้นสุด ๆ
“ไปใช่มั้ย ไอ้คี”
คีตะมองเมษาเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“เธอเจ็บตัวแทนที่จะพัก กลับจะลากฉันไปคาเฟ่?”
“หูย~ หนูไม่ได้เป็นแผลตรงไหนนะคะ แค่เจ็บก้นนิดเดียวเอง” เมษาเอียงคอฉีกยิ้มกว้าง ทำเอาพริ้มกลั้นขำแทบไม่อยู่
คีตะยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเองอย่างปลง ๆ
“ก็ได้... แต่อย่าซ่าอีกล่ะ”
“เย่~!”
เมษากับพริ้มตะโกนเบา ๆ พร้อมตบมือตัวเองด้วยความดีใจ ก่อนจะพากันเดินไปยังลานจอดรถพร้อมคีตะ โดยมีภูผาเดินตามหลังพร้อมบ่นว่า
“หวังว่าร้านจันทร์ละมุนจะมีเค้กช็อกโกแลตไม่หวานเกินนะ...”
🌸🌸🌸
คาเฟ่จันทร์ละมุน
ร้านคาเฟ่ชื่อดังที่กำลังไวรัลในโซเชียล ตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ ใกล้กับมหาวิทยาลัย บรรยากาศอบอุ่น ตกแต่งด้วยโทนสีขาวครีม ผสมกลิ่นอายเกาหลีมินิมอลและความวินเทจละมุนตา
ภายในร้านมีแชนเดอเลียร์ทรงพระจันทร์เสี้ยวห้อยอยู่กลางร้าน แสงสีทองนวลส่องกระทบเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน เพิ่มความอบอุ่นน่าถ่ายรูปไปทุกมุม
เคาน์เตอร์ไม้หน้าร้านมีป้ายเขียนด้วยลายมือหวัดสวยว่า:
🌕 เมนูแนะนำวันนี้
· เค้กชาไข่มุกหน้านุ่ม “Moon Boba Cream”
· บลูเบอร์รี่ชีสพายเย็น
· ลาเต้ “Midnight Moon” (ลาเต้เข้มสูตรลับเฉพาะของร้าน)
· คาราเมลมัคคิอาโต้ร้อน
· ครัวซองต์อบสดเนยฝรั่งเศส
· ทีรามิสุซากุระ
เมษาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในร้าน ดวงตาเปล่งประกายวิบวับทันที เมื่อเห็นโซนกระจกริมหน้าต่างที่ประดับด้วยม่านลูกไม้ และมีโต๊ะกลมวางแจกันดอกไลแล็คสีชมพูพาสเทล
“ว้าววว~ น่ารักมากเลยค่ะ~”
เมษาหมุนตัวเล็กน้อยด้วยท่าทางสวยงามสมกับเป็นคุณหนูลูกท่านทูต
“อยากนั่งตรงนั้น!” พริ้มชี้ไปยังมุมโปรดที่เห็นพระจันทร์จำลองบนผนัง
ขณะที่ทุกคนกำลังเลือกที่นั่ง พนักงานหน้าตาน่ารักก็มารับออเดอร์
“พี่คีตะชอบกาแฟเข้ม ๆ ใช่มั้ยคะ? หนูสั่งลาเต้มิดไนท์ให้นะคะ~” เมษาหันมาถามด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
คีตะพยักหน้าน้อย ๆ
“แล้วของเธอล่ะ?”
“Moon Boba Cream ค่ะ~ เค้กชาไข่มุกหน้านุ่มอันนี้ดังมากในรีวิวเลย ต้องลอง!”
“ผมเอาคาราเมลมัคคิอาโต้ร้อนกับครัวซองต์ครับ~” ภูผาเสริมพลางยิ้มกว้าง
“แล้วพริ้มล่ะ จะกินอะไรดี?” เมษาหันไปถามเพื่อนสาวที่กำลังนั่งดูเมนูด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ขอเป็น Strawberry Bloom Soda กับชีสเค้กยูซุค่ะ~”
พริ้มยิ้มหวานให้พนักงาน ก่อนจะหันไปกระซิบเมษาเบา ๆ
“นึกว่าจะไม่ถามฉันแล้ว เห็นจ้องแต่พี่คีตะจนแทบจะกินพี่เขาเข้าไปแล้ว”
“ยัยพริ้ม!” เมษาหัวเราะเขิน ๆ แล้วตีแขนเพื่อนเบา ๆ
หลังจากทุกคนสั่งเมนูเสร็จเรียบร้อย ก็พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง โดยภูผาเอาแต่ซักถามประวัติของเมษาอย่างออกนอกหน้า จนคีตะต้องปรามเพื่อน
ไม่นานนัก พนักงานเสิร์ฟ ก็นำของหวานที่ทุกคนมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดลอยคลุ้งทั่วร้าน เสียงเพลงบรรเลงเปียโนเบา ๆ กล่อมให้ทุกอย่างดูสโลว์ไลฟ์
เมษาใช้เวลาจัดจานถ่ายรูป—เธอค่อย ๆ หมุนเค้กให้มุมดีที่สุด แสงตกกระทบหน้าครีมสีขาวที่สอดไส้ไข่มุกน้ำตาลอ่อน
“นี่ ๆ พี่คีตะลองเค้กหน่อยมั้ยคะ?”
เมษาตักคำเล็ก ๆ แล้วจ่อช้อนมาตรงหน้าเขา
“ลองดูสิคะ”
คีตะเลิกคิ้ว แต่ก็ยอมก้มหน้าลงมาเล็กน้อย...แล้วงับเค้กเข้าปาก ก่อนเคี้ยวตุ้ย ๆ
เมษากับพริ้มเห็นแบบนั้นก็หลุดหัวเราะคิกคักออกมา
“อร่อยมั้ยคะ?” เมษาเอียงคอถาม
“อืม...ใช้ได้” เขาพูดสั้น ๆ แต่กลับตักเค้กของเมษาอีกคำโดยไม่ขอ
“เย้~”
‘พี่คีตะยอมกินเค้กที่หนูแนะนำแล้ว~ ถือว่าเป็นความสำเร็จของวันนี้เลยค่ะ!’
“แบบนี้ต้องอัปลงไอจีแล้ว~”
เมษาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพรวดเร็ว ทั้งบรรยากาศ ทั้งเซลฟี่ ทั้งแอบแชะพี่คีตะกับภูผาไว้ครบ
“ว่าแต่...ไอจีพี่คีตะชื่ออะไรคะ เดี๋ยวหนูแท็กไป~”
เธอทำเสียงใส ๆ พร้อมเอียงหน้าถามด้วยความน่ารัก
“ฉันไม่ค่อยเล่นพวกนั้นหรอก” เขาตอบนิ่ง ๆ แต่ตักเค้กของเธออีกคำอย่างหน้าตาเฉย
“ไอ้คีมันขี้เก๊ก อย่าไปเชื่อ”
ภูผาเสริมขณะง่วนอยู่กับครัวซองต์ในมือตัวเอง
“จริง ๆ มันมีครบ ทั้งแอพแชทเขียว แอพฟ้า ไอจี สตอรี่… แต่มันแค่เอาไว้ส่องเฉย ๆ
“งั้น...” เมษาอมยิ้มแบบเนียน ๆ
“หนูขอแอดเฟรนด์พี่คีตะได้มั้ยคะ?”
คีตะนิ่งไปนิด ก่อนจะหยิบมือถือออกมายื่นให้เธอ
“เอาไปแอดเองแล้วกัน”
ภูผากับพริ้มถึงกับตาโต ในขณะที่เมษาดี๊ด๊ารับมือถือของคีตะมา แล้วรีบแอดเฟรนด์ครบทุกแอปฯ อย่างคล่องมือ ก่อนจะยิ้มตาหยี
“แอดเสร็จแล้วนะคะ~ เดี๋ยวหนูแท็กไปค่ะ”
เธอส่งมือถือคืนให้คีตะ ในขณะที่หัวใจแอบเต้นตึกตัก
เมษานั่งไขว่ห้างอย่างเป็นธรรมชาติ มือเรียวยกมือถือขึ้นมาไถดูรูปที่เพิ่งถ่ายในร้านเมื่อครู่นี้
“อืม…รูปนี้ดีสุด~”
เธอยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นภาพที่คีตะก้มหน้ากินเค้กแบบไม่รู้ตัว กล้องจับจังหวะได้พอดีเป๊ะ แม้เขาจะมีสีหน้าเฉยเมยกับการตักเค้ก แต่ก็ยังดูหล่อเหลากระชากใจสาว ๆ อยู่ดี และที่สำคัญ...เธอเองก็อยู่ในเฟรม แอบส่งยิ้มหวานในฉากหลัง
เมษาแต่งสีภาพนิด ๆ เติมฟิลเตอร์ละมุนให้ดูเหมือนภาพฟุ้ง ๆ จากฝัน แล้วก็พิมพ์แคปชั่นลงไปในโพสต์อย่างใจเย็น…
“เค้กหวานมั้ย...ไม่รู้ ต้องถามคนตรงข้ามดู 💬🍰
#เคยบอกว่าไม่ชอบของหวาน...แต่ก็กินเค้กของหนูไปตั้งสองคำแล้วนะคะ 💗 @keetah.eng”
“หนูแท็กหาพี่เรียบร้อยแล้วค่ะ”
โพสต์เสร็จ เมษาส่งยิ้มหวานให้คีตะที่พยักหน้าหงึกหงัก โดยมือยังคงตักเค้กกินไม่หยุด
หลังจากเมษาโพสต์ไม่นาน คอมเม้นต์ก็หลั่งไหลมาเต็ม เพราะยอดฟอลของเธอก็หลักแสนคนอยู่
“เรียบร้อย~ ส่งสัญญาณให้โลกทั้งใบรู้ว่า...ฉันเริ่มรุกแล้ว~”
พริ้มกลอกตาแรงใส่เพื่อน
“ยัยคุณหนูสายบุก…อย่าลืมพกอาวุธด้วยนะ เดี๋ยวพวกสาว ๆ รุ่นพี่จะเล่นแกอีกยก”
“กลัวที่ไหนกัน~” เมษากระซิบตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“พร้อมบวกเสมอ...รวมถึงเป้าหมายด้วย~”
หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ในรั้วมหา’ ลัย—ช่วงหัวค่ำวันหนึ่ง บรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบ แสงไฟสีวอร์มไลท์ส่องออกมาจากโคมไฟหัวเตียงในห้องแต่ละห้องอย่างอบอุ่นเมษาในชุดนอนเสื้อยืดลายแมวน้อยกับกางเกงขาสั้นสีชมพูพาสเทล ผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยเล็ก ๆ หนึ่งข้าง เธอยืนลังเลอยู่หน้าห้องพี่คีตะ มือหนึ่งถือหนังสือฟิสิกส์ อีกมือเคาะประตูเบา ๆก็อก ๆ ๆไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาเปิดประตู แล้วใบหน้าหล่อเข้มของคีตะในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงผ้าลำลองก็มาปรากฏตรงหน้า“หืม? มีอะไรรึ?”“หนู...ขอโทษที่รบกวนค่ะ แต่คือว่า...”เมษายกหนังสือขึ้นบังหน้า ทำตาใสแป๋วมองเขา“วิชาฟิสิกส์มันยากจังเลย หนูไม่เข้าใจเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเวกเตอร์กับแรงลัพธ์ พี่คีตะช่วยสอนหนูหน่อยได้มั้ยคะ?”คีตะนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกกว้างขึ้นแล้วพูดเรียบ ๆ“เข้ามาสิ”เมษายิ้มหวาน รีบเดินตัวปลิวเข้าไปนั่งขัดสมาธิบนพรมข้างเตียง เปิดหนังสือออกพาดบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆ ที่วางโน้ตบุ๊กไว้คีตะนั่งลงฝั่งตรงข้าม หยิบดินสอขึ้นมาแล้วเขียนสมการลงบนสมุดอย่างคล่องแคล่ว“เนื้อหานี้ไม่ได้ยาก ถ้าเข้าใจภาพรวม ฉันจะอธิบายให้ฟังง่าย ๆ ...”เมษาทำหน้าเห
แดดยามบ่ายคล้อยเริ่มอ่อนแรง—นักศึกษาทยอยเดินออกจากตึกเรียน เมษากับพริ้มเดินออกมาด้วยกัน เพราะพวกเธอตั้งใจจะไปร้านคาเฟ่ที่ชาวโซเชียลรีวิวเอาไว้ทั้งสองคนพูดคุยกันหัวเราะคิกคัก เดินเลี้ยวไปยังทางเดินข้างคณะ เพื่อมุ่งไปยังลานจอดรถของวิศวะ กลับพบว่าทางเดินถูกบล็อกด้วยสาวรุ่นพี่กลุ่มหนึ่ง—ชุดนักศึกษาพอดีตัว รองเท้าส้นสูง และท่าโพสกอดอกเหมือนพร้อมจะถ่ายขึ้นปกนิยายนางร้าย“จะรีบไปไหนจ๊ะ...น้องปีหนึ่ง”เสียงหวานติดเย็นดังขึ้นจากหญิงสาวผมประบ่า หน้าคมแต่งหน้าจัด ยืนอยู่กลางกลุ่มด้วยท่าทางน่าเกรงขาม“น้องชื่อเมษาใช่มั้ย? เมษา…ที่ซ้อนท้ายคีตะมาเมื่อเช้า?”พริ้มจับแขนเมษาเบา ๆ ทันที สัญชาตญาณบอกว่า ไม่ปลอดภัยแล้วแน่ ๆเมษาหันกลับมา มองรุ่นพี่ทุกคนด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ในแววตากลับเยียบเย็นอย่างน่าประหลาดริมฝีปากแดงธรรมชาติยกยิ้มนิด ๆ“ค่ะ เมษาเอง แล้วมีอะไรเหรอคะ รุ่นพี่?”“แหม...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่จะถามเฉย ๆ ว่าน้องมีสิทธิ์อะไรถึงได้ใกล้ชิดกับคีตะขนาดนั้น?”“สิทธิ์เหรอคะ?” เมษากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อย“หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่หนูอยู่บ้านเดียวกันกับพี่คีตะน่ะค่ะ~”ผ่าม!คำตอบของเธอท
เช้าวันนี้ที่บ้านของคีตะ...เป็นวันเปิดเทอมใหม่วันแรก“คีตะ เปิดเทอมวันแรก พาน้องไปด้วยนะ”คุณอัญญาหันมาบอกลูกชายขณะวางจานไข่กระทะบนโต๊ะอาหารคีตะ—ในชุดเสื้อช็อปวิศวะพับแขน กับกางเกงยีนส์ซีดตัวเก่ง เหลือบมองหญิงสาวตัวเล็กที่เดินลงมาจากบันได...สายตาเขาชะงักไปชั่วครู่เสื้อนักศึกษาพอดีตัวกระชับช่วงเอวและหน้าอก...กระโปรงพรีสสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยพอให้เห็นเรียวขาขาวเนียน ผมหางม้าถูกรวบหลวม ๆ เผยใบหน้าใสซื่อ แต่เต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่เขาไม่กล้าอธิบายรองเท้าผ้าใบสีขาวดูสดใสเข้ากับบุคลิกเด็กปีหนึ่งสุด ๆ“ผมไปมอไซค์นะ...เมษาจะไหวเหรอ?” เขาถามเสียงเรียบ แต่แววตานั้นแอบเหลือบมองขา พลางคิดในใจ...ยังดีที่ไม่โป๊...“สบายมากค่ะ พี่คีตะ~” เมษาตอบใบหน้ายิ้มระรื่น“หนูใส่กางเกงขาสั้นกันโป๊ไว้แล้วค่ะ!”เธอชูนิ้วเป็นรูปตัววี ประกอบรอยยิ้มสดใส มั่นใจสุด ๆคีตะกระแอมเบา ๆ แสร้งเมิน“อืม งั้นก็...ไปกัน”เมษาวิ่งตามไปยังลานจอดรถ พร้อมสายตาที่จับจ้องมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขา—ดูเคติ มอนสตาร์ สีดำด้าน ที่ทั้งสวย หรู ดูแพงแบบมีระดับพอเห็นเขายื่นหมวกกันน็อคให้ เธอก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที (แถมแอบเขยิบให้แนบชิ
“เมษา...หนูหั่นแครอทเป็นดอกไม้อีกแล้วเหรอลูก~”เสียงหัวเราะนุ่มของคุณอัญญาดังขึ้นจากห้องครัว ตั้งแต่เช้าแสงแดดยังอุ่นอ่อน และกลิ่นขนมปังอบกับเบคอนก็ลอยตลบอบอวลทั่วบ้าน“ก็หนูอยากให้คุณลุงคุณน้าทานอาหารแล้วอารมณ์ดีค่ะ”เมษายิ้มหวาน ขณะวางแครอทรูปหัวใจลงในกระทะข้างไข่ดาว รูปหัวใจก็เช่นกันตลอดสองเดือนก่อนเปิดเทอมแทนที่จะไปเที่ยวพักผ่อนหรือช็อปปิ้งเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เมษาใช้ชีวิตอยู่ในครัว ทำอาหารกับคุณน้าอัญญาทุกเช้า — และแน่นอนว่าเธอทำด้วยใจทั้งหมด…เพื่อผู้ชายที่ชื่อ ‘คีตะ’“พี่คีตะคะ กาแฟค่ะ”เธอถือแก้วกาแฟดำมาเสิร์ฟตรงหน้าชายหนุ่มผู้มีผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่นนอน คีตะนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงระเบียงบ้านด้านข้าง หันมารับแก้วอย่างเกือบจะไม่ทัน“ขอบใจ”เขารับไปแค่สั้น ๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เมษาระเบิดหัวใจตัวเองเบา ๆ‘ฉันรู้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใส่น้ำตาล...แต่หนูเติมความหวานไว้ในสายตาแล้วนะคะ’เธอแอบคิดในใจ ก่อนจะรีบถอยห่างไปตั้งหลักพอตกบ่ายเธอมักจะนั่งเล่นหมากรุกกับคุณลุงธนาผู้สุขุม ใจเย็น และชอบวางหมากเหมือนวางแผนธุรกิจ“แน่ใจนะว่าเดินหมากตรงนี้?”“มั่นใจค่ะลุง” เมษายิ้มตาหยี แล้ววาง
เสียงเครื่องยนต์หรูดับลงหน้าบ้านทรงโมเดิร์นสไตล์มินิมอลหลังใหญ่ในย่านใจกลางเมืองหลวง…คีตะ โชติธาดา เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ปี 3 สถาบันดัง ปลดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะ ขยี้ผมเล็กน้อยก่อนเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อยตามประสาคนเรียนโหดวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทอม...เขาจะได้พักผ่อนยาว ๆ ตลอดสองเดือนช่วงปิดเทอมเสียทีทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน กลับได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคน เสียงใส ๆ ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน… แต่ฟังแล้วทำให้คิ้วเขากระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว“คีตะ~ กลับมาแล้วเหรอลูก!”คุณแม่อัญญาเอ่ยเรียก พลางเดินนำเด็กสาวในชุดเดรสสีชมพูที่ดูสดใส และ…หน้าตาคุ้น ๆ แต่อ่อนวัยกว่าเขาเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้“นี่น้องเมษาไงจ๊ะ… ลูกของคุณดิลกกับปาริฉัตร เพื่อนสนิทพ่อแม่น่ะ”คีตะปรายตามองเธออย่างสุภาพ — ริมฝีปากยกยิ้มมุมปากนิด ๆ ตามมารยาท…แต่ดวงตาคมเข้มนั้นเฉยชาอย่างสิ้นเชิงในขณะที่เขาคิดว่า ‘น้องเมษา’ ก็เป็นแค่เด็กสาวน่ารักคนหนึ่ง—เธอ…กลับมองว่า...เขาคือเจ้าชายในฝันมาตลอด 10 ปี!‘พี่คีตะ!! ‘เมษา ยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ ใจเต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอก เธอพย