แท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้าน พราวตะวันควานหากระเป๋าเงินและควักธนบัตรออกมาจ่าย แต่โดนคนขับแท็กซี่ตอบว่าไม่มีเงินทอน
“จ่ายมาพอดีได้ไหม? พอดีผมไม่มีเศษย่อยๆติดตัวมาเอาไว้ทอน สมัยนี้เค้าสแกนจ่ายกันหมดแล้ว”
“เอ่อ งั้นรอสักครู่ค่ะ จะเข้าบ้านไปเอาเงินมาให้”
“โอ๊ย น้อง มันเสียเวลาพี่ไง ก็ถือว่าที่ต้องทอนก็เป็นทิปไปสิ”
“เงินทอนตั้งแปดสิบเนี่ยนะคะ”
“ทำไมล่ะ? เรียกรถแล้วไม่มีปัญญาเหรอเงินแค่นี้?”
แต่พราวตะวันไม่ทันจะได้ตอบอะไร คิณภัทรเคาะกระจกฝั่งคนขับแท็กซี่พอดี
“เห็นป่ะ มีลูกค้าแล้ว จ่ายๆมาสักที เสียเวล่ำเวลาทำมาหากิน”
คนขับลดกระจกลงก็เจอคิณภัทรถามด้วยสีหน้าถมึงทึง
“ค่าโดยสารเท่าไหร่?”
“คุณจะไปที่ไหนครับ?”
“หมายถึงของเมียผม”
พราวตะวันช็อกที่เขาพูดแบบนั้นพลางมองออกนอกหน้าต่างรถไปที่หน้าบ้านเพราะกลัวแม่อยู่แถวนั้นจะได้ยินเข้า
คิณภัทรสแกนจ่ายให้แล้ว เธอรีบเปิดประตูรถลงมา แล้วพูดเรื่องโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่สปา
“พราวลืมโทรศัพท์ไว้ที่สปา แต่พราวจะเอาแค่เครื่องของตัวเอง ส่วนที่พี่ซื้อให้พราวขอไม่รับ”
เธอล้วงหาอะไรในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับยื่นให้เขา
“นี่ค่ะ..เงินที่เคยอยากคืนให้ ตอนนี้พราวไม่สนแล้วว่าพี่จะเอาพราวไปพูดในทางที่ไม่ดียังไง ขออย่างเดียวอย่าไปใส่ร้ายงานของพราวหรือแกลลอรี่ ถ้าพี่จะพอมีน้ำใจอยู่บ้าง”
“เวลาโมโหนี่ยิ่งน่ารักนะ รู้ตัวมั้ย? แบบนี้ไงเจตมันถึงขยันง้อ จะเป็นจะตายให้ได้เวลาหนูโกรธ”
พราวตะวันถอนหายใจดังก่อนจะคว้าหมับที่มือเขาและจะเอาเงินยัดใส่มือให้ แต่คิณภัทรกำมือไว้ไม่ยอมรับแถมยังยิ้มอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก
“จับมือถือแขนพี่หน้าบ้านตัวเองไม่กลัวแม่เห็นเหรอ?”
“งั้นพราวขอตัวก่อนค่ะ”
เธอทำท่าจะเดินออกไปนอกปากซอยบ้าน
“โทรศัพท์อยู่นี่ พี่เอามาด้วย อ่ะ แล้วโทรกลับหาเจตด้วยล่ะ โทรมาจนสายไหม้แล้ว”
พราวตะวันหน้าตาตื่นรีบยื่นมือไปรับโทรศัพท์เครื่องใหม่ มีเบอร์ของเจตนิพัทธ์โทรมาร่วม 20-30 สาย เธอทำท่าทางเหมือนใช้ความคิดจะโกหกน้องชายเขา คิณภัทรจึงพูดแนะแนวให้เธอด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ก็บอกไปว่าเข้าสปาแล้วนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านก็เผลองีบแล้วปิดเสียงไว้ตั้งแต่อยู่สปาเลยไม่ได้ยิน”
“ขอโทรศัพท์เครื่องเก่าด้วยค่ะ”
“พี่เอาทิ้งไปแล้ว”
“พี่คิณมีสิทธิ์อะไรเอาของๆพราวไปทิ้ง พราวไม่ได้อยากได้ของใหม่ ไม่ใช่ว่าได้ใหม่ลืมเก่า มันยังใช้ได้อยู่แท้ๆ”
คิณภัทรยิ้มมุมปากให้ เขาชอบใจในสิ่งที่เธอพูด
“งั้นก็เก็บเอาไว้ทั้งของใหม่และของเก่านั่นแหละ แต่พี่จะเก็บเครื่องเก่าเอาไว้เอง ไม่งั้นหนูจะไม่ยอมใช้อันใหม่”
“พี่คิณกลับไปเถอะงั้น เจตโทรมาขนาดนี้ พราวรู้นิสัยเขาไม่นานต้องมาที่นี่แน่ๆ พราวต้องโทรกลับตอนนี้”
แม่ของพราวตะวันได้ยินเสียงคนคุยกันหน้าบ้านจึงออกมาดู ก็งงที่เห็นลูกสาวยืนคุยกับชายที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“พราวลูก กลับมาเมื่อไหร่?”
คิณภัทรรีบยกมือไหว้กล่าวสวัสดีทันที ส่วนพราวตะวันที่หน้านิ่วคิ้วขมวด เธอเริ่มกระสับกระส่ายเพราะระแวงว่าแฟนหนุ่มจะมาตามหาเธอแน่นอน
“แม่ค่ะ พราวปวดท้องขอเข้าห้องน้ำก่อนค่ะ”
พราวตะวันรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องแล้วโทรหาเจตนิพัทธ์ทันทีซึ่งเขารับสายไวมาก
“พราวอยู่ไหนอ่ะ? มันเลยเวลาทำสปาไปเป็นชั่วโมงกว่าแล้วไม่รับสายเจตคืออะไร?”
“พอดีลืมโทรศัพท์ไว้ที่สปาน่ะเลยเสียเวลากลับไปเอา”
“เจตกำลังจะถึงบ้านพราวแล้ว เดี๋ยวคุยกันงั้น”
พอวางสายได้เธอก็โยนโทรศัพท์ไว้บนเตียงและวิ่งเสียงตึงตังลงมาข้างล่าง ก็เจอคิณภัทรเอ้อระเหยคุยแนะนำตัวไม่ยอมกลับไปเสียที พอเขาเห็นเธอทำหน้าไล่เขาให้กลับด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน จึงขอตัวกลับ
“ผมกลับก่อนนะครับ พอดีจะไปธุระต่อ”
“อ่อ จ้า ขอบใจแทนน้องพราวด้วยนะคะ”
คิณภัทรขับรถออกไป ทำให้พราวตะวันถึงกับหายใจหายคอโล่ง
“พึ่งเคยเห็นพี่ชายแฟนลูก หน้าตาคล้ายกันมาก เขาดูโตเป็นผู้ใหญ่ดีนะ”
“แม่คะ เดี๋ยวเจตจะมา แม่อย่าบอกเจตนะคะว่าพี่คิณมา เค้าสองคนชอบเถียงกัน แล้วเจตยิ่งขี้หึงไม่เว้นกับพี่ตัวเองด้วย”
คนเป็นแม่มองลูกสาวนิ่งไปนิดหนึ่ง
“พี่ชายเจตชอบลูกเหรอพราว?”
“ไม่นะคะ เราคิดกันเป็นพี่น้อง เขาก็ดีกับหนูเพราะเป็นแฟนน้องเขาแค่นั้นเองค่ะ แต่เจตขึ้หึง หนูไม่อยากมีปัญหา”
แม่พยักหน้าเชิงเข้าใจแต่ด้วยวัยวุฒิและผ่านโลกมามากกว่า แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อที่ลูกสาวพูดแต่เลือกที่จะไม่คาดคั้น
“ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาหรือบอกกับแม่ก็คุยได้นะลูก”
“ค่ะแม่ ขอบคุณค่ะ”
เสียงรถของเจตนิพัทธ์จอดที่หน้าบ้าน ทำให้พราวตะวันตื่นตัวเพราะในใจนั้นรู้ดีว่าทำผิดอะไรมา
เธอฮึบทำใจดีสู้เสือ เหมือนว่าไม่เคยผ่านเรื่องอะไรที่ผิดต่อแฟนหนุ่มมาก่อน แล้วเดินออกไปหาเจตนิพัทธ์
“เจตตกใจหมด พราวไม่เคยไม่รับสายอะไรขนาดนี้ เป็นห่วงแทบแย่ ยิ่งไม่มีรถต้องนั่งแท็กซี่ไปนั่นมานี่เอง จะไปส่งก็ไม่ให้ไป”
“นวดเพลินเผลอหลับไปเลย ตื่นมาก็เบลอๆลืมโทรศัพท์เฉยเลยน่ะ”
เจตนิพัทธ์กอดแฟนสาวและคิดว่าเธอคงหายงอนแล้วถึงยอมให้กอด
“ไม่ต้องไปเสียเงินนวดนะ เจตจะมานวดขาให้ที่บ้านทุกวันเลย”
“บ้า บ้านช่องไม่ต้องกลับหรือไง เดี๋ยวแม่น้อยใจหมด”
“นี่เย็นแล้ว วันนี้ขออยู่กินข้าวด้วยนะ คิดถึงพราวจะแย่แล้ว”
นี่สิกอดที่เป็นของฉันจริงๆ…ถึงเขาจะไม่มีเงินมาทุ่มเทกองตรงหน้าหรือซื้อของแพงๆให้ ถึงเขาจะเหมือนเด็กตัวโตหรืองี่เง่าไปบ้าง แต่เขารักฉันนั่นก็พอแล้ว
“เจต พราวคิดว่าจะออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ แล้วไปฝึกงานกับแกลลอรี่ของพ่อที่ฝรั่งเศสแทน”
“หะ..ทำไมอ่ะ? พ่ออยากให้ไปหาด้วยล่ะสิ”
“อื้อ..เหลืออีกสองเดือนก็ฝึกได้แหละ”
“ต้องห่างกันอีกแล้วเหรอ? ลองคิดดูอีกทีได้มั้ยพราว?”
“ทุกทีพราวไปหาพ่อทุกครั้ง เจตก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา”
“ไม่รู้สิ ช่วงนี้เราดูไม่ค่อยเข้าใจกันเลยไม่อยากอยู่ห่างเท่าไหร่”
“จูบหน่อยได้มั้ย?…”
เจตนิพัทธ์ยิ้มให้กับคำขอของแฟนสาวที่อ้อนเขาอย่างน่ารักน่าชัง พร้อมกับบรรจงจูบอย่างแนบแน่นให้ สำหรับพราวตะวัน จูบของแฟนหนุ่มคือสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมเธอจากเรื่องแย่ๆที่พี่ชายของเขาได้ทำเอาไว้
พราวตะวันหันมาตามเสียงเรียกจากคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เธอสอดส่ายสายตาไม่เห็นรถของเขา และทำหน้าแทนคำถามเชิงว่ามาที่นี่ทำไม“ใจคอจะให้ผมโดนยุงกัดอีกนานไหม? ผมยืนรอให้เจตกลับบ้านมาสักพักใหญ่แล้ว”คิณภัทรไม่เรียกตัวเขาเองว่าพี่อีกและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก แต่ทว่าลึกในใจนั้นตรงข้ามแบบสุดขั้ว นั่นเพราะระหว่างเขาและเธอยังมีประตูบ้านที่ขวางกั้นอยู่ พราวตะวันเดินไปใกล้ประตูหน้าบ้าน เธอรู้ดีว่าเขาได้ยินบทรักแบบจัดเต็มที่เธอมอบให้กับน้องชายของเขา แต่ไม่คิดว่าหลังจากได้ยินได้ฟังแล้วต้องถ่อมาถึงที่บ้านเธอ“พี่คิณ พราวจะลาออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ เพื่อความสบายใจของตัวพราวเอง ที่บอกก็เพื่อที่พี่จะได้รู้ว่าเป็นเพราะพี่ที่ทำลายความรักของพราวที่มีต่องาน และถ้าพี่อยากพูดอะไรกับใครก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับเจตหรือแม่หรือใครก็แล้วแต่ อย่างมากพราวก็แค่ไปอยู่ฝรั่งเศส”เขาตกใจกับสิ่งที่เธอบอก จนเผลอจับประตูบ้านไว้ มองด้วยสายตาที่แพ้ใจให้คนตรงหน้าอย่างราบคาบ“อย่าไปไหนเลย ผมขอโทษนะ ขอคุยด้วยแค่วันนี้ได้มั้ย?”พราวตะวันกอดอกแล้วหันด้านข้างให้เขา “พูดได้เลยค่ะ เชิญ”“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?”“ไ
พราวตะวันลุกไปเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มอ้าแขนรับเธอให้กลับมานั่งบนตักเขา เงยหน้าจูบเธอที่ประคองวงหน้าเขาอย่างรักใคร่ สองมือของเจตนิพัทธ์ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วกายเธอ ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบที่ปากไล่ลงมาตามลำคอ จมูกโด่งของเขาดอมดมไปทั่ว ลมหายใจแสนอบอุ่นนั้นชวนให้เธอเคลิ้ม“หอมจังที่รัก..ผิวก็นุ่มนิ่มไปหมด”พูดจบแค่นั้นก็อุ้มเธอขยับไปนอนบนเตียงให้อยู่ภายใต้ร่างกายเขาอย่างง่ายดาย เจตนิพัทธ์ใช้มือลูบไล้ขาอ่อนพลางสบตาเธอไปด้วย “บอกก่อนนะว่าพราวน่าจะขาอ่อน”พราวตะวันขำเบาๆ ในสายตาเขาเธอทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ เจตนิพัทธ์เลื่อนสายบ่าของชุดนอนลงจนเห็นหน้าอกขาวเนียน ใช้นิ้วจับยอดอกบี้เบาๆ จนพราวตะวันทั้งเสียวทั้งจักจี้,จั๊กจี้ จนต้องมุดหน้าเข้าซบอกแฟนหนุ่มพร้อมกับร้องครางเสียงอู้อี้ไม่หยุดเขาเริ่มละเลงลิ้นลงบนหน้าอกทั้งสองเต้านั้นอย่างหลงใหล โดยที่สาวสวยได้แต่ครางเบาๆแอ่นตัวเล็กน้อยอยู่ตลอด ก่อนจะดึงปลายชุดนอนสั้นนั้นให้เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและกางเกงชั้นในแบบซีทรูสีขาว ที่ทำให้เห็นเงาของดงดอกหญ้าบางๆที่แสนเซ็กซี่ชวนให้น่าค้นหาสุดๆ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวขยับลงไปจนหน้าของเขาอยู่ที
คิณภัทรกลับถึงบ้านด้วยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พอไม่เห็นรถของน้องชายก็เข้าใจได้ว่าคงไปหาพราวตะวัน แต่เขาไม่สนใจเพราะวันนี้เขาได้อย่างที่ใจอยากแล้ว พอล้มตัวลงนอนพักบนเตียงก็นึกถึงเรือนร่างของเธอที่พึ่งได้เสพสม ความต้องการในใจลึกๆยังเฝ้ารอที่จะได้เจอเธออีก จนกระทั่งแม่ของเขาให้แม่บ้านมาเคาะประตูเรียกให้เขาไปทานมื้อเย็น “เจตยังไม่กลับบ้านหรือเนี่ย?”คิณภัทรถามขึ้นพลางดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารพร้อมหน้าพ่อและแม่“น้องบอกขอไปกินข้าวกับหนูพราว เห็นบอกว่าไม่ได้เจอกันหลายวัน ขออยู่นั่งเล่นที่บ้านน้องนานหน่อย”เขาส่ายหน้ายิ้มขำน้องชาย “สมกับเป็นลูกรักแม่จริงๆ”“หือ..ทำไมพูดแบบนั้น แม่ก็รักเท่ากันแหละน่า”คิณภัทรสบตากับพ่อแล้วยิ้มอย่างรู้กัน ทีนี้ตาพ่อเป็นฝ่ายพูดกับภรรยาบ้าง“เมื่อก่อนเจตติดคุณ เดี๋ยวนี้ติดแฟนไปแล้ว มาดามน้อยใจมั้ย?”ทำเอามาดามเจตสุภาถึงกับหัวเราะออกมาที่โดนสามีแซว“ลูกรักใคร ภาก็รักด้วยค่ะ หนูพราวน่ารักออก”“แล้วทีกับคิณ แม่อยากให้จับคู่กับลูกของเพื่อน ทีกับเจต แม่ให้อิสระเลือกใครก็ได้ ไหงงั้น?”“คิณ ลูกเป็นพี่คนโต เป็นทุกอย่างของบ้านเรา จะเลือกใครก็ต้องดูให้ดีสิ เพรา
แท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้าน พราวตะวันควานหากระเป๋าเงินและควักธนบัตรออกมาจ่าย แต่โดนคนขับแท็กซี่ตอบว่าไม่มีเงินทอน“จ่ายมาพอดีได้ไหม? พอดีผมไม่มีเศษย่อยๆติดตัวมาเอาไว้ทอน สมัยนี้เค้าสแกนจ่ายกันหมดแล้ว”“เอ่อ งั้นรอสักครู่ค่ะ จะเข้าบ้านไปเอาเงินมาให้”“โอ๊ย น้อง มันเสียเวลาพี่ไง ก็ถือว่าที่ต้องทอนก็เป็นทิปไปสิ”“เงินทอนตั้งแปดสิบเนี่ยนะคะ”“ทำไมล่ะ? เรียกรถแล้วไม่มีปัญญาเหรอเงินแค่นี้?”แต่พราวตะวันไม่ทันจะได้ตอบอะไร คิณภัทรเคาะกระจกฝั่งคนขับแท็กซี่พอดี“เห็นป่ะ มีลูกค้าแล้ว จ่ายๆมาสักที เสียเวล่ำเวลาทำมาหากิน”คนขับลดกระจกลงก็เจอคิณภัทรถามด้วยสีหน้าถมึงทึง“ค่าโดยสารเท่าไหร่?”“คุณจะไปที่ไหนครับ?”“หมายถึงของเมียผม”พราวตะวันช็อกที่เขาพูดแบบนั้นพลางมองออกนอกหน้าต่างรถไปที่หน้าบ้านเพราะกลัวแม่อยู่แถวนั้นจะได้ยินเข้าคิณภัทรสแกนจ่ายให้แล้ว เธอรีบเปิดประตูรถลงมา แล้วพูดเรื่องโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่สปา “พราวลืมโทรศัพท์ไว้ที่สปา แต่พราวจะเอาแค่เครื่องของตัวเอง ส่วนที่พี่ซื้อให้พราวขอไม่รับ”เธอล้วงหาอะไรในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับยื่นให้เขา“นี่ค่ะ..เงินที่เคยอยากคืนให้ ตอนนี้พราวไม่สนแล้วว่าพ
คิณภัทรนั่งดูพราวตะวันที่โดนนวดจนเผลอหลับไปด้วยความเสน่หา กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องบวกกับการนั่งดูพนักงานสาวนวดคลึงร่างกายเธอด้วยน้ำมันจนผิวเงาวาวไปทั่วทั้งตัว เมื่อมาถึงตอนที่พนักงานสาวเอาผ้าขนหนูออกเพื่อนวดแผ่นหลังและสะโพก ก้นกลมที่งอนงามนั้น ทำเอาใจเขาหวาบหวามสุดๆ สิ่งที่พราวตะวันไม่รู้คือ ห้องสปานี้เป็นแบบ Private Onsen สำหรับคู่รัก จึงมีอ่างแช่ขนาดใหญ่ในห้องด้วยนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าหลังจากนวดเสร็จสองชั่วโมง คิณภัทรได้จ่ายเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วโมงสำหรับการใช้ห้องนี้ต่อ หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เขานั่งดูเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของพราวตะวัน มันทำให้เขาลืมความผิดชอบชั่วดีไปขณะหนึ่งว่านี่คือ แฟนสาวของน้องชายตัวเอง พนักงานสาวดูเวลาท่าทางบ่งบอกว่าครบสองชั่วโมงแล้ว เขารีบลุกขึ้นทำท่าให้เธอออกไปเงียบๆ “ผมไม่ต้องการปลุกเธอ ให้เธออยู่แบบนั้นส่วนผมจะแช่น้ำอุ่น ครบเวลาพวกเราจะออกไปเอง ถ้าเวลาเกินไปก็คิดเงินเพิ่มได้เลย แต่จริงๆตัดบัตรผมเผื่อไปเลยก็ได้”เขากระซิบคุยกับพนักงานเบาๆก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ไป “จ่ายเพิ่มไปอีกชั่วโมง ตอนจะกลับผมจะไปเอาบัตรคืนที่แคชเชียร์เอง”พนักงานสาวออกไปแล้ว คิณภ
เจตนิพัทธ์ไปหาพี่ชายที่ห้องทำงานในตอนเที่ยงเพื่ออยากถามสิ่งที่เขาคาใจ “ว่าไงเจต?”คิณภัทรถามโดยเหลือบตามองแค่นั้น แล้วก้มดูเอกสารตรงหน้าต่อไป“พี่ไปหาพราวมาใช่มั้ยเมื่อเช้า?”“ใช่ ไปอธิบายว่าเป็นความผิดฉันเองไง”“แล้ว..พราวว่าไงบ้าง?”“สบายใจได้ ยังไงเธอก็ไม่เลิกกับแกหรอก”“อธิบายชัดๆหน่อยได้มั้ย?”“เธอบอกว่าแค่โกรธ ไม่ได้จะเลิก มีอะไรอีกมั้ย? ฉันจะทำงานต่อ”“แล้วพี่ไม่กินมื้อเที่ยงล่ะ ไปด้วยกันสิ ไหนๆก็ไปหาพราวยังไม่ได้ด้วย กินคนเดียวเหงา”“พอแกไม่มีใครถึงจะเห็นหัวฉันสินะ ไอ้น้องบ้า”“สรุปจะไปมั้ย? จะเลี้ยงก็ได้อ่ะ””สภาพ..มีตังกี่บาท? แกไปกินเถอะ หัดใช้ชีวิตคนเดียวให้เป็นบ้างสิ ฉันยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกนานอยู่”เจตนิพัทธ์เลยออกไปเพียงลำพัง พร้อมกับส่งรูปและข้อความให้พราวตะวันว่าเขากินข้าวอยู่คนเดียว ส่วนเธอที่ออกมากินข้างนอกกับเพื่อนที่ฝึกงานเกิดใจอ่อนสงสารจึงโทรกลับไปหา“ดีใจจัง พราวยอมโทรมาหาแล้ว”“ดีแล้วล่ะ จะได้ประหยัดน้ำมันด้วย ไม่ต้องตัวติดกันตลอดก็ได้”“แต่เจตคิดถึงพราวนะ ขอไปส่งที่บ้านได้มั้ยตอนเลิกงาน?”“อย่าพึ่งเลย วันนี้จะกลับเอง”“แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นเหมือนเดิม?”