พราวตะวันนั่งก้มหน้าเงียบๆสีหน้าเธอดูเศร้าโดยไม่พูดอะไร มีเพียงคิณภัทรที่มองเธอโดยไม่ปิดบังต่อหน้าน้องชายของเขา เจตนิพัทธ์ใช้หางตามองแฟนสาวและมองที่พี่ชายตัวเอง“ย้ายที่นั่งเอาไหม? จะได้มองกันตรงๆไปเลย”“ฉันทำอะไรผิดล่ะ? ในโลกนี้มีสิ่งสวยงามมากมาย ฉันมองก็ผิดเหรอ”“มองเมียคนอื่นมันผิดมั้ยล่ะพี่คิณ”พราวตะวันชักสีหน้าทันทีและหันไปมองเขาด้วยคิ้วที่ขมวด“เจต ทำไมพูดรุนแรงแบบนี้อ่ะ พี่คิณไม่สบายนะ”เจตนิพัทธ์ทำท่าแปลกใจและมองทั้งสองคนสลับไปมา“ไม่สบาย? เป็นอะไร? แล้วทำไมพราวรู้”“ก็พึ่งรู้ตอนสั่งอาหาร”เกรซเดินกลับมาพอดีทำให้คิณภัทรทำหน้าใส่น้องชายเชิงห้ามพูดอะไรอีก เจตนิพัทธ์สังเกตทันทีว่าอาหารที่พี่ชายกินนั้นมีแต่ผัก ปลา และน้ำผลไม้ เมื่ออาหารมาครบแล้วทุกคนทานกันด้วยอาการกร่อยๆ พูดกันน้อย จนเกรซเริ่มสงสัย“อย่าบอกนะว่าพี่น้องงอนกัน พาให้เงียบไปหมด”“เอ่อ..พี่เกรซชอบอาหารที่นี่มั้ยคะ? พี่คิณสั่งให้พี่หลายอย่างเลย มีขนมด้วยนะ แต่รอกินของคาวเสร็จก่อน”พราวตะวันรีบกู้สถานการณ์ให้เพื่อจะได้ไม่เงียบจนเกินไป“อื้อ อร่อยดี สมควรแล้วที่ได้มิชลินหนึ่งดาวสมราคาอยู่”พอของคาวจบ บริกรก็นำของหวานที่
คิณภัทรตื่นขึ้นมาเกือบสิบเอ็ดโมง เขารู้สึกสดชื่นขึ้นพอสมควร ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเจตนิพัทธ์ “มื้อเที่ยงมาเจอกันสิเจต แกคุยเก่ง เพราะฉันรู้สึกเหนื่อยๆ เกรซจะได้ไม่ต้องพูดอยู่คนเดียว”“ได้ ที่ไหนล่ะ?”“ใกล้โรงแรมฉันมีภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสชื่อ Origines ใกล้กับแกลลอรี่ Rico à Mona เจอกันที่นั่นเที่ยงครึ่งนะ”“เจอกันพี่คิณ”พราวตะวันที่ยังนอนดู Netflix อยู่ เธอได้ยินที่แฟนหนุ่มพูดแต่ก็เฉย ไม่ได้สนใจถามหรืออะไรใดๆ “พราว..พี่คิณชวนไปกินมื้อเที่ยงที่ Origines”เธอแค่พยักหน้าแล้วลุกออกจากที่นอนเพื่อจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง“พี่คิณรู้จักแกลลอรี่นี้ด้วยนะ ไม่รู้ว่ารู้หรือเปล่าว่าเป็นแกลลอรี่ของคุณพ่อพราว”“พราวไปแต่งตัวก่อน เดี๋ยวมา”“ขอสวยๆเลยนะ”เธอแอบถอนหายใจและออกไปเงียบๆ และพราวตะวันก็ไม่ทำให้เจตนิพัทธ์ต้องผิดหวัง เธอใส่บอดี้สูทสีดำแขนยาวผ่าหน้าพอให้เห็นร่องอกเล็กน้อย กระโปรงสั้นหนังเมทัลลิกเอวต่ำสีทอง รองเท้าส้นสูงสีดำพื้นแดง เครื่องประดับเธอเลือกของ Bottega Veneta เป็นตุ้มหูและสร้อยคอ คอลเลคชั่น Primavera ตบท้ายด้วยกระเป๋าชาแนลเมติเยร์ ดาร์ท สีดำผ้าซาตินประดับเลื่อมมุกแก้ว ผมสีน
เจตนิพัทธ์กับพราวตะวันหลังจากใช้เวลาหนึ่งวันเต็มที่ดิสนีย์แลนด์จนเหนื่อยอ่อน เมื่อกลับมาทานมื้อเย็นก็แยกย้ายกันสลบเหมือดตั้งแต่ยังไม่ถึงสามทุ่ม ไม่กี่วันที่เหลือเธอพาเขาไปย่านเก่าแก่ย่านหนึ่งของฝรั่งเศสอย่าง Le Marais ที่ผสมผสานความวินเทจกับแฟชั่น ไปยังคาเฟ่ร้านประจำของเธอเวลาที่อยู่ปารีสอย่าง Terres de Café ไปพิพิธภัณฑ์มายากลบนถนน Rue-Saint-Paul หรือไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่ลอยอยู่ในแม่น้ำแซนอย่าง Joséphine Baker Pool เขาสนุกมากเมื่ออยู่กับเธอจนแทบไม่อยากกลับ หลังจากมื้อเย็นและเข้าไปอาบน้ำเสร็จแล้วในวันหนึ่ง เจตนิพัทธ์ก็ไปนั่งเล่นที่ห้องของพราวตะวัน เธอนั่งหวีผมคุยเล่นกับโคลเอ้อยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอเขาเห็นว่าเป็นพี่ชายโทรมา เลยปลีกตัวไปคุยที่ห้องนอนของเขา“ฮัลโหล พี่คิณ”“เจต ฉันจะไปฝรั่งเศสพรุ่งนี้ พอดีจะพาเกรซไปเที่ยวแล้วรวดดูว่ามีธุรกิจอะไรน่าสนใจ คงได้เจอกัน”“อีกสามวันเจตจะกลับแล้ว พี่ก็ไปเที่ยวกับแฟนเถอะ”“ทำไม? เจอกันหน่อยสิ อยากกินอะไรดีๆกับน้องชายที่ต่างประเทศบ้าง”“โอเค แต่ถ้าพูดบลัฟหรือว่าแขวะพราวอีก เจตไม่ยอมนะ สงสารพราว”“ฉันปากไวเอง ขอโทษไปแ
วันนี้ครอบครัวโบฟัวร์ได้ชวนเพื่อนๆศิลปินของพวกเขามาทานอาหารค่ำที่บ้าน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานศิลปะที่พวกเขาจะจัดการแสดงนิทรรศการด้วยกันจนดึก ทำให้พราวตะวันกับเจตนิพัทธ์ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน โดยทั้งสองอาสาพาโคลเอ้น้องสาวตัวน้อยเข้านอนแทนเดลฟีน“ขอบใจนะจ๊ะ แพรีส รบกวนมากเลย”“ยินดีค่ะ”ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนโคลเอ้ด้วยการที่พราวตะวันเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง เจตนิพัทธ์รู้สึกเพลินมากเวลาที่ฟังแฟนสาวพูดภาษาฝรั่งเศส เธอดูมีเสน่ห์ สำเนียงและน้ำเสียงไพเราะ แม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม จนกระทั่งเด็กหญิงค่อยๆผล็อยหลับไป…จากนั้นทั้งคู่ได้ค่อยๆย่องออกมาและปิดประตูอย่างเบามือ โดยไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องให้“พรุ่งนี้ไปดิสนีย์แลนด์ไหม?”“อื้ม..ได้ งั้นวันนี้นอนพักกันก่อน พรุ่งนี้ลุยกันต่อ”พราวตะวันพูดจบเจตนิพัทธ์ก็จู่โจมจูบทันที จนตัวเธอเอนไปติดผนัง “ไม่ไหวแล้ว..คืนนี้ได้ไหม?”เธอไม่ตอบและหลบตาเขาเหมือนกำลังคิดว่าจะปฏิเสธยังไง “ทำไมเหรอ? จริงๆแล้วในใจพราวสับสนใช่ไหม?”“หือ สับสนอะไร? แค่คิดว่าต้องกินยาอีกแล้วเหรอ แค่นั้นเอง”“เจตจัดการตัวเองได้”“ขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะไปหาเอง”เจตนิพัทธ์ปล่อยเธอ
พราวตะวันได้เห็นข้อความนั้นในตอนเช้าที่ตื่นนอน เธอยิ้มให้กับตัวเองที่เขาละเอียดอ่อนถึงกับอ่านกวีฝรั่งเศสและส่งประโยคที่น่ารักแต่ลึกซึ้งมาให้ สติ! พราวตะวัน…แม่บ้านได้มาทำงานแต่เช้าและเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนด้วย oeuf à la coque เสิร์ฟกับขนมปังปิ้งที่เรียกว่าบาแก็ตสำหรับจุ่มน้ำ Les oeufs brouillés ไข่คน หรือออมเล็ต ตามด้วยเครื่องดื่มคือ เกรปฟรุต“ขอโทษนะคะ ฉันอยากได้ครัวซองต์ มีมั้ยคะ?”“ได้ค่ะ คุณแพรีส”“Merci beaucoup” (ขอบคุณมากนะคะ)พราวตะวันกล่าวและยิ้มให้แม่บ้านอย่างน่ารัก ก่อนจะหันไปถามเจตว่าต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งเขาโอเคกับทุกอย่างบนโต๊ะอยู่แล้วจึงปฏิเสธ “พี่แพรีส วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนคะ?”โคลเอ้ถามพี่สาวตาแป๋ว พร้อมกับตักซีเรียลผลไม้กินไปด้วย“ว่าจะไปลูฟวร์ แล้วก็แวะกินอะไรอร่อยๆแถวนั้น พ่อว่าร้านไหนดีคะ?”“ใกล้ลูฟวร์อย่างนั้นเหรอ.. Le Procope เป็นไง? มีไวน์ดีๆ กับสเต็กเนื้อ tenderloin อย่างดี พ่อแนะนำให้ลูกพาแฟนไปกินให้ได้นะ เอารถพ่อไปใช้สิ นั่งแค่สองคนใช้คันเล็กน่าจะได้”“ค่ะพ่อ”คิณภัทรที่ตื่นเช้ามาเห็นว่ามีข้อความเสียงจากพราวตะวัน เขาดีใจมากที่เธอยอมเรียกว่าพี่เหมื
คิณภัทรเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าเขาหงุดหงิดอะไรที่ไม่ได้เห็นหน้าพราวตะวัน จนทำให้เขาต้องแอบออกไปดื่มคนเดียวในตอนดึกๆเป็นระยะเวลาสักพักใหญ่มาแล้วตั้งแต่เริ่มคบกับเกรซเธอทำของใส่ฉันหรือเปล่านะ..ทำไมฉันเลิกคิดถึงเธอไม่เคยได้เลย..13.00 สนามบินสุวรรณภูมิ วันศุกร์ครอบครัวจิรวราพงศ์ได้มาส่งเจตนิพัทธ์เพื่อขึ้นเครื่อง ในขณะที่พราวตะวันลากกระเป๋าใบโตมาคนเดียว เธอดูสดใส มัดผมหางม้าที่หนาและยาวเป็นลอนใหญ่ เสื้อแขนกุดปิดคอรัดรูปสีดำแบบบอดี้สูท กางเกงยีนรัดรูปและบู้ทส้นสูงสีดำยาวถึงหัวเข่า ตุ้มหูเงินวงใหญ่และแต่งหน้าสวยมากแบบที่เจตนิพัทธ์ที่คบมาสองปีกว่ายังอ้าปากค้าง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่..พี่คิณ เอ้อ เจต ตื่นเต้นมั้ยน่ะดูทำหน้า”สายตาเธอที่มองน้องชายของเขา ทำให้คิณภัทรได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจเงียบๆ ทุกคนพูดคุยสนุกสนานกัน มีเพียงเขาที่เหมือนส่วนเกิน“แม่โอนเงินให้เจตแล้วนะ อย่าลืมเอาคืนให้หนูพราวล่ะ ค่าตั๋วน่ะ แล้วแม่ให้เงินหนูพราวไว้ติดตัวด้วย ให้เผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ“”แม่ให้พราวต่างหากแสนห้ากับค่าตั๋วของเราสองคน เจตโอนเลยตอนนี้แหละ”เธอตกใจที่คุณเจตสุภาให้ขนาดนั้น ทั้งที่เจอกันไม่กี่คร