Masukนานๆ จะเจอผู้หญิงแบบเธอสักที ที่ผ่านๆ มามีแต่ผู้หญิงมาเสนอให้ จนน่าเบื่อและน่ารำคาญ
“ฉันจะกลับบ้าน” ปิ่นแก้วบอกเขาเสียงแข็ง เธอจะอยู่ให้เขารังแกอีกหรือไง มันบ้าบอสิ้นดี
“ถ้าเธอมีปัญญาออกจากห้องฉัน ก็ไปสิ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ” เขาพูดอย่างไม่แคร์
ปิ่นแก้วเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ เธอทำท่าจะไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ แต่อยากจะร้องไห้เพราะมันขาดวิ่น สภาพไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว แล้วทีนี้เธอจะสวมอะไรออกไปล่ะนี่
“คุณทำได้ยังไง” เธอทำหน้าเหมือนอยากจะทำร้องไห้
“ฉันทำอะไร” เขาแกล้งทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
“คุณฉีกเสื้อผ้าฉัน แล้วฉันจะสวมอะไรล่ะทีนี้” เธออยากจะฆ่าเขานัก
“ใครอนุญาตให้เธอกลับบ้านกันเล่า” เขาเท้าสะเอวมองเธออย่างคุกคาม ที่พูดไปเมื่อกี้นี้มันไม่เข้าไปในสมองของเธอเลยหรือไงกันนะ
“ฉันไม่ให้เธอไป” ปิ่นแก้วได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะตั้งสติ พูดจาดีๆ กับเขา เพราะดูแล้วเขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ
“ฉันขอยืมเสื้อผ้าคุณได้ไหม” เธอทิ้งประเด็นที่เขาบอกว่าไม่ให้ออกจากห้องนี้ไป และขอร้องเขาแทน
“ฉันคิดค่ายืม คิดแพงเสียด้วยสิ เธอยินดีจ่ายหรือเปล่าล่ะ” คำถามของเขา สายตาของเขาทำให้เธอขนลุกซู่ เขามันเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจและไว้ใจไม่ได้ พูดกับเขาจากอีกเรื่องหนึ่งกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งได้ยังไงกัน ประเด็นเดิมมักถูกเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของเขาเสมอ...
ปิ่นแก้วได้มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้าของเขาปกปิดร่างกาย อย่างน้อยเขาก็ไม่ใจร้ายเกินไปนัก แม้จะเป็นแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวของเขาก็ตามที ร่างสูงเดินไปหยิบกระป๋องเบียร์ในตู้เย็นมาเปิดดื่ม ก่อนจะยื่นให้เธออีกกระป๋อง
“ฉันไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์”
“ฉันอยากให้เธอดื่ม หรือเธอไม่อยากออกไปจากที่นี่ เลยชอบขัดใจฉันนัก” รัชภาคย์พูดอย่างเป็นต่อ ใจจริงไม่อยากปล่อยไปหรอก แค่จะถ่วงเวลาเอาไว้เท่านั้น ก็มารดาบอกว่าอีกสองสามวันจะให้เธอไปทำงานด้วย นี่เขายังไม่รู้เลยว่าเธอพักที่ไหน แต่เธอเดินเข้าซอยไปทางบ้านของเขา คงไปหามารดาของเขานั่นแหละ ตอนที่เขาคุยกับท่าน พอได้ยินว่าท่านบอกว่าหาเลขาฯ คนใหม่ให้เขาได้แล้ว เขาก็ปฏิเสธหัวชนฝา ท่านเอารูปของเธอมาให้ดูและบอกว่ามาจากต่างจังหวัด จำได้ว่าชื่อปิ่นๆ อะไรสักอย่าง ก็เพิ่งมาคาดคั้นถามเอากับเธอนี่แหละว่าชื่อปิ่นแก้ว เพราะตอนนั้นจำไม่ได้จริงๆ
“ฉันดื่มไม่เป็น เกิดมาไม่เคยดื่ม” เธอตอบเสียงอ่อน
“ก็ลองหน่อยแล้วกัน” เขานั่งลงใกล้ๆ ยัดกระป๋องเบียร์ใส่มือเธอ
“คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันจะไม่เอาเรื่องคุณ” เธออ้อนวอนเขา อยากออกไปจากคอนโดฯ ของเขาเต็มที
“เธอว่ายังไงล่ะ ยินดีจะมาเป็นผู้หญิงของฉันหรือเปล่า” เขาเปลี่ยนเรื่อง ไม่สนใจคำอ้อนวอนของเธอ
“ไม่! ฉันไม่ขายตัว” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไหนๆ ก็เสียไปแล้ว เธอจะได้เงินสบายๆ ไม่ต้องลำบากทำงานให้เหนื่อย ไม่ดีหรือไงฮะ” เขาเสนอ... คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็ย่อมตาโตเมื่อเห็นเงิน
“คิดให้ดีเสียก่อน อย่าเพิ่งตอบปฏิเสธ ฉันรู้ว่าเธอรักศักดิ์ศรี แต่ศักดิ์ศรีมันกินได้หรือเปล่า ฉันรับรองได้ว่าจะเลี้ยงเธอให้มีความสุข อยากได้อะไร อยากมีบ้าน มีรถ มีเงิน ฉันจัดหาให้เธอได้อย่างไม่ขัดสน เพราะฉันรวยมากนะ เธอก็น่าจะรู้ดี” เขาหว่านล้อม ชักจะติดใจเธอเข้าให้แล้วสิ
“เหมือนพวกเสี่ยเลี้ยงเมียน้อย” เธอเบ้ปากใส่เขา สงบลงไปมาก
“ฉันดีกว่าเสี่ยลงพุงพวกนั้นแล้วกัน ฉันหล่อ รวย โพรไฟล์ดี ไม่ได้อัปลักษณ์ขี้เหร่น่ารังเกียจ นอนด้วยแล้วรับรองถึงใจเชียวล่ะ เมื่อกี้ก็พิสูจน์มาแล้ว” เขาอวดอ้างอย่างน่าหมั่นไส้ ถ้าเธอมีกรรไกรจะทิ่มตาเขาให้บอดเลยเชียว
“หลงตัวเอง” เธอเบ้ปากใส่ เบือนหน้าหนี มองอกกับหุ่นล่ำๆ ของเขามากๆ ชักจะใจสั่นหวั่นไหวแปลกๆ
“ฉันหลงตัวเองไม่เป็นไร เธออย่ามาหลงฉันก็แล้วกัน” เขาพูดแล้วจับกระป๋องเบียร์ที่เธอถืออยู่กรอกใส่ปาก
“แค่กๆๆ” ปิ่นแก้วสำลัก ก่อนจะปัดมือเขาออก
“คุณทำบ้าอะไรนี่” เธอยกมือขึ้นเช็ดปาก มองเขาอย่างเคืองๆ
“ก็หัดดื่มเอาไว้ไง เวลาฉันต้องการเพื่อนดื่มในอนาคต เธอจะได้ดื่มเป็นเพื่อนฉัน” เขาตอบหน้าตาย ไม่สำนักความผิดของตัวเองเลยสักนิด
“ใครจะอยู่กับคุณในอนาคตไม่ทราบ” คนอะไรพูดจาไม่รู้เรื่อง เอาแต่ความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ เธอนึกระอากับเขาจริงๆ
“ฉันเป็นพวกมองคนเก่ง แค่มองตาก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอสนใจเงื่อนไขที่ฉันเสนอให้” เขาดักคอ กอดอกมองเธอเหมือนทะลุไปถึงหัวใจ
“ฉันขอคิดดูก่อน...” เธอตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เถียงเขาไปก็ไม่ชนะ บางทีการเออออห่อหมกไป เขาอาจจะปล่อยเธอออกไปจากคอนโดฯ แห่งนี้เร็วขึ้นก็เป็นได้
“ฉันให้เวลาเธอคิดสิบนาที” เขากอดอกมองเธออย่างรู้ทัน คิดจะหนีเขาเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก คนอย่างรัชภาคย์ไม่ปล่อยใครไปง่ายๆ ยิ่งหนีเขาก็จะยิ่งตาม ยิ่งอยากเอาชนะ ก็ให้มันรู้ไปว่าเธอจะหนีเขาพ้น
“เอ๊ะ!” เธอทำเสียงขัดใจ
“ห้านาที”เขาเร่งเร้าเอาแต่ใจ
“นี่คุณ!” เธอแหวใส่เขา รัชภาคย์ยัดเช็คเงินสดใส่มือของเธอ
“หนึ่งล้าน ค่าพรหมจรรย์ของเธอ และเธอจะได้อีกเยอะ ถ้ายอมมาเป็นผู้หญิงของฉัน” เขาไม่แค่พูด แต่ทำจริง บอกว่าจะให้ก็ให้จริงๆ อยากรู้นักว่าเธอจะใจแข็งไปถึงไหน
ปิ่นแก้วเม้มปากเข้าหากันอย่างขบคิด ยังไงก็เสียไปแล้ว เขาก็พูดถูก เขาไม่ใช่เสี่ยลงพุงน่าเกลียด แต่เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ หล่อเหลา ร่ำรวย ที่สำคัญก็ใจสปอร์ต เธออาจจะไม่ใช่ผู้หญิงดีนักหากจะทำอย่างที่เขาพูด แต่มารดาที่ป่วยหนักกับน้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ และอนาคตของเธอที่ต้องแบกรับภาระอีกมากมาย เธออยากมีบ้านสักหลังให้แม่กับน้องอยู่อย่างสบาย ถ้าเขาจะแถมรถให้สักคันและเงินสดอีกสักตอนเลิกกัน มันก็น่าสนใจไม่น้อย ปิ่นแก้วยังขบคิด กัดริมฝีปากเหมือนตัดสินใจ เธอไม่อยากรบกวนรัชนีกรมากไปกว่านี้ เท่าที่ท่านช่วยเหลือเธอมาก็มากพอแล้ว ไหนยังจะหางานให้เธอทำอีก
“อีกห้านาที...” เขาเร่ง มองเธออย่างร้ายกาจ แค่เห็นอาการของหญิงสาว รัชภาคย์ก็เดาได้ว่าเธอต้องตกลง แค่เล่นตัวแกล้งคิดให้เขาลุ้นเท่านั้นเอง แต่มันก็ลุ้นดี เพราะผู้หญิงคนอื่นๆ ตกปากรับคำทันทีที่เขาเสนอ
“ถ้าฉันตกลง...” ถามออกไปแล้วต้องกัดริมฝีปากตัวเอง รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ร่างกายชาไปหมดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เธอทำบ้าอะไรลงไปนี่ นี่เธอกำลังทำเรื่องบ้าบออะไรอยู่ ปิ่นแก้วถามตัวเองกลับไปกลับมา
“ถ้าเธอตกลง เธออยากได้อะไรฉันจะให้เธอทุกอย่าง แต่เวลาฉันต้องการ เธอต้องมาปรนนิบัติฉันให้ถึงใจ” รัชภาคย์คิดว่าไม่เกินเดือนหรือไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำเขาอาจจะเบื่อเธอ เขาจะกกเธอทั้งคืน เสพสุขร่างกายของเธอให้เต็มอิ่ม มารดาของเขาคงให้เธอน้อยไป เธอถึงรีบตะครุบเงื่อนไขของเขาแบบนี้
เธอเม้มปากเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ผู้ชายบ้าอะไรเผด็จการ มั่นใจในตัวเองเหลือร้าย แถมยังฉลาดเป็นกรดเสียอีก ตอนแรกคิดว่าอาจจะยอมเขา แต่ตอนนี้คิดว่ารับปากไปก่อน แล้วค่อยหนีเขาไป ใครจะยอมเป็นนางบำเรอเขากันเล่า บ้าแล้ว...ถ้ารัชนีกรรู้เข้า คงมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ถ้าน้องสาว ถ้ามารดารู้เข้าอีก ทั้งสองคงผิดหวังในตัวเธอมากๆ
“ฉันต้องทำยังไงบ้าง ถ้าฉันตกลง” เธอแกล้งถาม เขาคงไม่ขังเธอเอาไว้ในคอนโดฯ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกนะ ขอแค่ให้เธอได้ออกจากห้องนี้ไป เธอจะหนีไปให้ไกลเลยเชียว เขาไม่มีวันตามหาเธอเจอแน่
นานๆ จะเจอผู้หญิงแบบเธอสักที ที่ผ่านๆ มามีแต่ผู้หญิงมาเสนอให้ จนน่าเบื่อและน่ารำคาญ“ฉันจะกลับบ้าน” ปิ่นแก้วบอกเขาเสียงแข็ง เธอจะอยู่ให้เขารังแกอีกหรือไง มันบ้าบอสิ้นดี“ถ้าเธอมีปัญญาออกจากห้องฉัน ก็ไปสิ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ” เขาพูดอย่างไม่แคร์ปิ่นแก้วเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ เธอทำท่าจะไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ แต่อยากจะร้องไห้เพราะมันขาดวิ่น สภาพไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว แล้วทีนี้เธอจะสวมอะไรออกไปล่ะนี่“คุณทำได้ยังไง” เธอทำหน้าเหมือนอยากจะทำร้องไห้“ฉันทำอะไร” เขาแกล้งทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด“คุณฉีกเสื้อผ้าฉัน แล้วฉันจะสวมอะไรล่ะทีนี้” เธออยากจะฆ่าเขานัก“ใครอนุญาตให้เธอกลับบ้านกันเล่า” เขาเท้าสะเอวมองเธออย่างคุกคาม ที่พูดไปเมื่อกี้นี้มันไม่เข้าไปในสมองของเธอเลยหรือไงกันนะ“ฉันไม่ให้เธอไป” ปิ่นแก้วได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะตั้งสติ พูดจาดีๆ กับเขา เพราะดูแล้วเขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ“ฉันขอยืมเสื้อผ้าคุณได้ไหม” เธอทิ้งประเด็นที่เขาบอกว่าไม่ให้ออกจากห้องนี้ไป และขอร้องเขาแทน“ฉันคิดค่ายืม คิดแพงเสียด้วยสิ เธอยินดีจ่ายหรือเปล่าล่ะ” คำถามของเขา สายตาของเขาทำให้เธอขนลุกซู่ เขามันเจ้าเล่ห์ ร้า
“คนบ้า ปล่อยนะ อื้อ...” รัชภาคย์ขยำสะโพกของเธอเต็มแรง จับยกขึ้นให้ริมฝีปากร้อนได้ซอกซอนเข้าสู่กลีบกายสาว ปลายลิ้นตวัดลามเลียอย่างกระหาย สอดแทรกเข้าออกในโพรงนุ่มอันแสนคับแคบ ปิ่นแก้วครางไปด่าไปจนระทวย เขาใช้ลิ้นชำนาญการปลุกเร้าให้เธอสุขสมในเวลาอันรวดเร็วเสียงดูดกลืนน้ำหวานจากซอกกายสาวทำให้ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด กระถดสะโพกหนีเมื่อเห็นเขาผละห่างจากส่วนนั้น เธอส่ายหน้าเมื่อเขาแยกขาเธอออกอีกครั้ง“ไม่ไหวแล้ว” เขาพูดได้แค่นั้น รีบแทรกกายเข้ามาตรงหว่างขาของเธอ ประคองแก่นกายใหญ่โตเสียดสีกับกลีบผกากรองแสนสวย ปิ่นแก้วดิ้นหนีแต่ติดที่เขาล็อกสะโพกเอาไว้“กรี๊ด!!! คนบ้า เจ็บนะ ไอ้เลว”“เฮ้ย!” รัชภาคย์ร้องอย่างตกใจเมื่อเขาเสียบกายเข้าไปในร่างเธอพรวดเดียว แต่ความกระชับที่ตอดรัด และเยื่อพรหมจรรย์ที่ขาดสะบั้นทำให้เขาคาดไม่ถึง“ฮือๆๆ คนเลว ถอยออกไปนะ” เธอร้องด้วยความเจ็บ“ถอยไม่ได้แล้วล่ะคนสวย เอาเป็นว่าฉันจะเพิ่มเงินให้เธออีก หรือจะเอาเป็นรายเดือนดี อยู่กับฉันรับรองไม่ต้องทำงานงกๆ เป็นเลขาฯ ก็สบายไปทั้งชาติ” รัชภาคย์เสนอสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้เธอ เกิดมาก็เพิ่งนอนกับผู้หญิงบริสุทธิ์เป็นคนแรก ส่วนมากพวก
“ก็ถอยไปสิ” เธอขู่ฟ่อ มองอย่างระแวดระวัง เขามันเป็นพวกไว้ใจไม่ได้ ให้ตายเถอะ!“ไม่คิดว่าคนที่คุณแม่ส่งมาจะร้ายกาจขนาดนี้” เขาเริ่มหัวเสีย จะเล่นตัวอะไรกันนักกันหนา นี่เล่นทำลายข้าวของในห้องเขาอย่างบ้าคลั่ง แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไม่ใช่คนของใครหรืออะไรทั้งนั้น ไปเปิดประตูห้องสิ เร็วๆ เลย ไม่งั้นฉันฟาดแน่” เธอยื่นคำขาดเสียงเฉียบ ยังไงก็ต้องหนีออกไปจากห้องนี้ให้ได้“ได้ๆ วางลงแล้วกัน อันนั้นแพง” รัชภาคย์มองแจกันเขม็ง แม่นี่คงไม่ฟาดลงมาจริงๆ หรอกใช่ไหม นั่นมันของรักของหวงเขาเลยนะ“ก็ไปเปิดประตูก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะคืนให้คุณ” หญิงสาวยื่นคำขาด เห็นหนทางเอาตัวรอดเมื่อเขาหวงแจกันใบนี้จับใจ ถึงจะรวยขนาดไหน แต่ของแพงๆ แบบนี้เขาคงไม่อยากให้ตกแตกเสียหายอย่างแน่นอน ก็อย่างที่เขาพูด เธอทำงานอีกกี่ชาติก็คงไม่มีปัญญาซื้อให้เขาใหม่ ขนาดที่ซุกหัวนอนเธอยังต้องพึ่งคนอื่น แม่ก็ป่วยหนัก น้องก็ยังเรียนหนังสือไม่จบ“เร็วสิ” เธอมองอย่างระแวดระวัง“เชิญเลย เอาแจกันวางไว้ตรงนั้นด้วย” เขาชี้ไปยังแจกันที่เธอถืออยู่“ไม่! ฉันจะวางมันไว้หน้าประตู คุณค่อยมาหยิบไปเอง ฉันไม่ไว้ใจคุณ
“อ่อยอะ ไอ้อ้า...” เธอดิ้นรนแต่หนีไม่รอดเพราะโดนมัดปากมัดมือไพล่หลังเอาไว้ ได้แต่ร้องด่าเขาไปแบบนั้น เพราะไร้หนทางหนีออกไปจากรถได้เนื่องจากเขาล็อกรถอย่างแน่นหนา“เอาน่า... เดี๋ยวฉันสนองให้ถึงใจเลย รับรองว่าได้เงินก้อนใหญ่แน่ๆ” รัชภาคย์พูดแล้วหัวเราะน่ากลัว ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดที่มารดากดดันเขาเรื่องแต่งงาน ผู้หญิงแต่ละคนที่มารดาหาให้ ไม่เกินอาทิตย์ทั้งนั้น พอได้เงินก็จากไปแต่โดยดี เขาทำถึงขนาดนี้แล้ว ท่านยังไม่เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงพวกนั้นอีกว่าหิวเงินแค่ไหน ยังจะหาผู้หญิงมาให้เขาอีก ทั้งๆ ที่เขาไม่ต้องการใครทั้งนั้น“เธอโชคร้ายเองนะ ที่หาเรื่องมากระตุกหนวดเสืออย่างฉัน ฉันกำลังหงุดหงิด อารมณ์เสีย เธอก็ดันจะมาแบล็กเมล์เรียกเงิน ทั้งๆ ที่เธอเดินมาให้รถฉันเฉี่ยวเอง” เขายังไม่ยอมรับความผิด“อือๆๆ ไอ้อ้า...” ปิ่นแก้วส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน ด่าเขาไม่เป็นภาษาเพราะโดนมัดปากเอาไว้“เก็บเสียงไว้ร้องครางใต้ร่างฉันจะดีกว่า...” เขาเหยียบคันเร่งจนมิด จนคนที่กลัวความเร็วถึงกับหน้าซีดตัวสั่น เธอหลับตาปี๋ ก่อนที่เขาจะเบรกรถจนหัวทิ่ม ลงไปลากเธอออกจากรถเมื่อถึงที่หมาย“อือๆๆ” เธอดิ้นรนแต่เขาก็ไม่
เอี๊ยด!!! เสียงเบรกรถดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เพราะล้อรถยนต์เบียดอัดกับถนนเต็มกำลัง คนขับถึงกับสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเปิดประตูลงมาด้วยความโมโหเตรียมใส่อารมณ์เต็มที่ เนื่องจากเพิ่งมีปากเสียงกับมารดามาหยกๆ“เดินยังไงแม่คุณ ไม่เห็นรถหรือไง อยากตายมากนักใช่ไหม” คนปากร้ายมองคู่กรณีอย่างหาเรื่องเต็มที่ ก่อนจะหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด แล้วลูบคางไปมาเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้“คุณนั่นแหละบ้า ขับรถยังไง ตาบอดหรือ มองไม่เห็นคนหรือไง เลี้ยวออกมาเร็วขนาดนี้ ถ้าไม่ชนคนอื่นตาย รถก็คงพลิกคว่ำ ใบขับขี่ที่มีอยู่น่ะ ซื้อมาหรือเปล่า” ปิ่นแก้วเงยหน้าขึ้นตอบโต้คนตรงหน้า รัชภาคย์เห็นหน้าคนที่เงยหน้าขึ้นมาเต็มตาแล้วถึงกับอึ้ง สวย น่ารัก ตาโต จมูก ปาก คิ้วคางเหมาะเจาะ สวยกว่ารูปที่มารดาให้ดูเสียอีกผู้หญิงคนนี้นี่เอง!!! คนที่มารดาเอ็นดูนักหนา นี่น่ะเหรอลูกสาวเพื่อน ที่บอกว่าจะให้มาเป็นเลขาฯ ของเขา คงไม่ได้แค่มาเป็นเลขาฯ อย่างเดียว คิดจะมาอ่อยเขาด้วยล่ะมั้ง ก็สวยอยู่หรอก เขาเล่นด้วยสักพักก็คงเบื่อเหมือนผู้หญิงคนก่อนๆ“คนอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย แทนที่จะมาช่วย ผู้ชายเดี๋ยวนี้ นิสัยเป็นแบบนี้กันหมดหรือไงกัน” ปิ่นแก้







