[1] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]
เสียงระเบิด เสียงปืน และเสียงกรีดร้องทั้งจากมนุษย์และจากปรสิตต่างดาว เสียงพวกนี้บ่งบอกว่าสถานการณ์ในสนามรบตอนนี้กำลังโกลาหลได้ที่ แต่ถึงจะมีเสียงพวกนี้ดังเข้ามาในโสตประสาทเพื่อย้ำเตือนถึงสถานการณ์รอบตัวในตอนนี้แล้วพลทหารหญิงสโนว์ก็ยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นสนามรบราวกับยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
ซึ่งสโนว์ก็ยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในสนามรบระหว่างมนุษย์และปรสิตต่างดาวมาตลอด ตอนนี้สโนว์ตัดสินใจแล้วว่ามันถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ…
“หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะไม่โกรธถ้าฉันไปสวรรค์ก่อน…”
เพียะ!
“ตื่น สวรรค์ของโลกนี้ไม่ต้อนรับคนในตอนนี้หรอก มีแต่นรกเท่านั้นล่ะที่ต้อนรับคนในตอนนี้”
สั่งเสียเสร็จก็ตั้งใจจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเลยแต่กลับโดนบางอย่างตบหน้าเรียกสติก่อนและยังโดนบอกว่าสวรรค์ไม่ต้อนรับอีก
เธอไม่ได้เลวขนาดที่สวรรค์รับไม่ได้สักหน่อย!
ตั้งใจจะลืมตาขึ้นมาโวยวายใส่คนที่บังอาจมาขัดขวางการนอนพักผ่อนตลอดกาลของตัวเอง แต่ความคิดนั้นก็ต้องพับเก็บไปเมื่อสโนว์ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอ มันคือสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีหน้าตาเหมือนแกะและมีขนาดเท่าฝ่ามือและมีปีกด้วย
เจ้าก้อนขนดูนุ่มนิ่มและน่ารักตัวนี้มันคืออะไร?
“มนุษย์พิเศษอย่างเธอยังตายไม่ได้” สิ่งมีชีวิตประหลาดตรงหน้าได้กล่าวกับเธอ “เธอต้องทำภารกิจกำจัดพวกปรสิตพวกนั้นในสำเร็จก่อน!”
ทันใดนั้นดวงตาสีเขียวของสโนว์ก็มีแววตามุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง ภารกิจยังไม่สำเร็จเธอจะยังตายไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อที่จะดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไปสโนว์จึงจำใจฝืนลุกขึ้นยืนแม้ว่าบาดแผลที่ต้นขาและหน้าท้องจะทำให้เธอเจ็บจนแทบไม่อยากเคลื่อนไหวเลยก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องฝืนลากสังขารของตัวเองออกไปจากสนามรบแห่งนี้ให้ได้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
แต่พอเดินไปได้ไม่ไกลสโนว์ก็เหนื่อยเกินกว่าจะยกขาก้าวต่อไปแล้ว สโนว์สบถด่าร่างกายของตัวเองในใจ ทั้งที่ร่างกายได้วิวัฒนาการจากการได้รับการกระตุ้นจากเซรุ่มพิเศษของกองทัพทหารแล้วแต่ร่างกายของเธอก็ยังอ่อนแอเกินไปสำหรับสงครามนี้อยู่ดี
“สโนว์! สโนว์!”
ในขณะที่เธอกำลังวุ่นวายกับการควบคุมร่างกายของตัวเองให้เดินต่อไปอยู่นั้นเสียงตะโกนเรียกชื่อของเธอก็ดังขึ้นมาแข่งกับเสียงระเบิดรอบตัวและไม่ทันที่สมองของสโนว์จะได้ประมวลผลว่าใครเป็นคนเรียกเธอ ทันใดนั้นร่างกายของสโนว์ก็ถูกคนที่ตะโกนเรียกเมื่อครู่จับอุ้มพาดบ่า
“ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม!?” เขาตะโกนถามเธอพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนพวกปรสิตที่วิ่งตามหลังมาวิ่งตามไม่ทัน
“ฉันไม่ยอมตายหรอกจนกว่าจะคิดบัญชีเรื่องที่นายแย่งลูกอมของฉันไปกินเมื่อสองปีก่อน!”
“นี่เธอยังแค้นไม่เลิกอีกเหรอ?” วินเตอร์ยิ้มแห้งกับความแค้นอันฝังลึกของเพื่อนสาวเพียงคนเดียว
“ระเบิดจะระเบิดในอีก 30 วินาที!” ฟรอสต์ เพื่อนทหารร่วมรบอีกคนของพวกเธอขี่มอเตอร์ไซค์ตามพวกเธอมา จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกข่าวร้ายขณะเดียวกันก็ใช้ปืนยิงพวกปรสิตที่วิ่งตามพวกเธอมาจนหมด
“พวกเรายังอยู่ในรัศมีของระเบิดอยู่เลยนะ!” วินเตอร์เอ่ยเสียงเครียด
“มีบางอย่างผิดพลาดกับระเบิดทำให้เวลาถูกเร่ง เราต้องไปหาที่หลบก่อน” ฟรอสต์อธิบาย
“เฮงซวย!” สโนว์สบถอย่างอดไม่ได้
เพื่อหลบหนีออกห่างจากเขตที่จะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด วินเตอร์จึงวิ่งในความเร็วที่มากขึ้นและฟรอสต์จึงต้องเร่งความเร็วของมอเตอร์ไซค์ตามไปด้วย เนื่องด้วยความพิเศษของร่างกายวินเตอร์จึงสามารถวิ่งได้เร็วเทียบเท่ากับความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไซค์ของฟรอสต์เลยทีเดียว หากช้าฟรอสต์คงตามไม่ทันแน่
“ข้างหน้ามีหลุม” ฟรอสต์เอ่ยเพื่อชี้ทางให้กับวินเตอร์ หลุมที่ฟรอสต์เห็นมันเป็นหลุมที่เกิดมาจากระเบิดขนาดเล็กที่พวกเขาใช้ระเบิดพวกปรสิตตัวหนึ่ง มันไม่ใหญ่มากแต่ก็มากพอสำหรับให้คนสามคนใช้หลบ
วินเตอร์และฟรอสต์จึงไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปในหลุมตรงหน้า แต่แค่นั้นก็ยังไม่น่าวางใจได้ว่ามันจะปลอดภัยวินเตอร์จึงวางสโนว์ลงก่อนและรีบวิ่งไปดึงรถถังพังๆ มาปิดปากหลุมและเสริมด้วยโล่สีใสที่เกิดจากพลังพิเศษของเขามาคลุมอีกชั้น
ตูม!!
เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุดของมนุษย์ก็ระเบิดออก มันราวกับโลกจะแตกเพราะเสียงระเบิดมันดังมากและสร้างปรากฏการณ์แผ่นดินไหวได้รุนแรงมากและคลื่นลมจากแรงระเบิดก็ทำเอารถถังหนักหลายตันเหนือหัวพวกสโนว์ปลิวหายไป หากไม่มีโล่ของวินเตอร์ที่ช่วยป้องกันอีกชั้นพวกเธอคงถูกเศษซากสิ่งต่างๆ ที่ปลิวมาหล่นลงมาทับตาย
นานหลายนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะสงบ พวกเธอปลอดภัยจากแรงระเบิดแต่สโนว์คิดว่าเธอกำลังตายเพราะเสียเลือดมาก สติของเธอเริ่มเลือนรางจึงไม่มีสติพอที่จะทำแผลห้ามเลือดให้ตัวเองได้
“สโนว์?” ฟรอสต์สังเกตเห็นความผิดปกติของสโนว์เมื่อเห็นว่าเธอวางหัวบนไหล่ของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรงและพอเขามองไปเห็นชุดทหารสีดำของสโนว์เปียกชุ่มเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือเลือด “วินเตอร์! สโนว์กำลังบาดเจ็บหนัก!”
ฟรอสต์รีบหันไปบอกวินเตอร์ขณะที่เขารีบนำอุปกรณ์ทำแผลและยาออกมาจากมิติซึ่งเป็นพลังพิเศษของเขา ส่วนทางด้านวินเตอร์เมื่อได้ยินคำบอกของฟรอสต์เขาก็ฉีกเสื้อทหารที่หนาแน่นของสโนว์ทิ้งทันทีเพื่อที่จะได้ทำแผลได้อย่างสะดวก
“มีแผลที่ต้นขาและหน้าท้อง” วินเตอร์เอ่ยเพื่อบอกฟรอสต์
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายพวกเขาก็แบ่งหน้าที่กันอย่างรู้งาน วินเตอร์รับผิดชอบทำแผลที่ต้นขาของสโนว์ส่วนฟรอสต์ก็ทำแผลบริเวณหน้าท้องของสโนว์ เนื่องจากว่าพวกเขาถูกฝึกมาเป็นทหารตั้งแต่จำความได้ เรื่องการทำแผลจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาและพวกเขาก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ทำแผลให้สโนว์เรียบร้อยเหลือเพียงให้ร่างกายของเธอรักษาตัวเองเท่านั้น เพราะสำหรับร่างกายที่ได้รับสารพิเศษจนวิวัฒนาการแล้วสามารถฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บหนักได้เพียงแค่พักผ่อนสามวัน
“รู้สึกหิวซะแล้วสิ” เมื่อสโนว์ได้สติเธอก็บ่นขึ้นมา ฟรอสต์หลับตาหนีอย่างเอือมระอากับความตะกละของเธอ
“ท้องเป็นรูรั่วอยู่ไม่ใช่รึไง” ฟรอสต์กล่าว แต่เขาก็เอาอาหารแห้งออกมาจากมิติและป้อนให้กับสโนว์
“ให้ฉันด้วยสิ” วินเตอร์อ้าปากรอการป้อนจากฟรอสต์เหมือนกับลูกนก ฟรอสต์โยนอาหารแห้งเข้าปากวินเตอร์อย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกอย่างยังไงซะเขาก็ทำหน้าที่ป้อนหาอาหารให้ลูกนกสองตัวนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว เขาค่อนข้างชินกับมัน
พวกเขาทั้งสามคนจะต้องหลบอยู่ในหลุมสักพักจนกว่าพวกปรสิตจะโดนสารพิษที่มาพร้อมกับระเบิดเมื่อครู่ฆ่าตายทั้งหมด ระหว่างนั้นพวกเขาจึงถือโอกาสพักเติมพลังเพื่อจะได้มีแรงปฏิบัติงานต่อ
“ครั้งนี้…หน่วยของเรามีใครรอดบ้าง” วินเตอร์เริ่มบทสนทนาขึ้นมากะทันหัน สโนว์ที่กำลังเคลิ้มหลับจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมามองวินเตอร์ ก่อนที่เธอจะเบนสายตาขึ้นไปมองท้องฟ้าสีเทาเพราะถูกควันระเบิดปกคลุมไว้ทั้งหมด
พวกเขาทั้งสามคนเงียบ คำตอบของคำถามจึงเข้าใจได้ไม่ยากนอกจาก…มีแค่พวกเธอสามคนอีกแล้วที่รอดชีวิตมาได้
พวกเธอเป็นทหารหน่วยพลีชีพ หน้าที่ของทหารหน่วยพลีชีพก็คือบุกทะลวงเข้าไปในรังของพวกปรสิตเพื่อวางระเบิดบวกสารพิษที่เป็นอันตรายต่อพวกปรสิตเพื่อฆ่าล้างพวกมันในคราวเดียว ซึ่งหน้าที่นี้มันเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงตายมากเพราะกว่าจะบุกทะลวงฝ่าดงปรสิตเข้าไปได้พวกเขาก็ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมรบไปมากมาย
ทหารหน่วยนี้ได้ชื่อว่าทหารหน่วยพลีชีพเพราะว่าทำงานเสร็จแล้วก็ตายยังไงล่ะ
[48] [ศัตรูในเงามืด]เมื่อร่างกายได้รับความสุขซ้ำแล้วซ้ำเล่าสติก็จะเริ่มล่องลอยจนไม่อาจแยกแยะเวลาที่ผ่านไปได้อีกต่อไป“สโนว์? หลับไปแล้วเหรอ?”เสียงกระซิบแผ่วเบาและนุ่มนวลที่ข้างหูทำให้สติของสโนว์กลับมาเล็กน้อย เธอยกเปลือกตาขึ้นด้วยดวงตาพร่ามัวและไม่จดจ่อ เธอยังคงนั่งอยู่บนตักและหันหน้าแนบชิดลำตัวส่วนหน้าเข้าหาฟรอสต์เหมือนเดิมก่อนที่จะหมดสติไป เธอวางคางอยู่บนไหล่หนาของเขาพร้อมทั้งทิ้งตัวพิงเขาด้วยท่าทางไร้น้ำหนัก“เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?” เธอพึมพำถามเสียงเบา ความรับผิดชอบในหน้าที่ทำให้สโนว์พยายามตื่นตัว“ยังเหลือเวลาอีกหน่อย” ฟรอสต์กระซิบตอบเธอขณะที่โอบกอดเธอด้วยแขนทั้งสองข้างด้วยเรี่ยวแรงที่แข็งแกร่งขณะที่ประทับจูบไปตามไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน แต่เมื่อเขาเห็นรอยจูบที่วินเตอร์ทิ้งไว้เขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบให้หนักมากขึ้นอีกหน่อยจนกลบทับรอยเก่าไปได้“พอแล้ว” สโนว์เอียงคอหลบจูบและเอ่ยห้ามปราม เธอรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วเพราะท้องของเธอรู้สึกแน่นมาก น้ำที่อัดแน่นในท้องของเธอไม่สามารถหาทางออกมาได้เพราะแท่งอุ่นของฟรอสต์ยังคงฝังอยู่ข้างใน“ไม่ได้” ฟรอสต์ปฏิเสธ ในเมื่อยังไม่รู้สึกเพียงพอเขาจะยอมปล
[47] [ไม่อนุญาตให้จับ]ฟรอสต์รู้สึกว่ามันเป็นการทรมานทางร่างกายอันแสนหวานทางด้านสโนว์กลับรู้สึกว่ามันไม่น่าพอใจนักทำไมมันยากจัง สโนว์คิดขณะที่เช็ดคราบน้ำสีขาวออกจากริมฝีปากของเธอที่มีอาการชาเล็กน้อยสโนว์ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะทักษะของเธอแย่มากหรือเพราะฟรอสต์อดทนเก่งกันแน่ กว่าที่ฟรอสต์จะถึงจุดสุดยอดมันก็ใช้เวลานานมาก ลิ้นและปากของเธอรู้สึกเมื่อยไปหมดแล้ว“รสชาติค่อนข้างแปลก” สโนว์หน้านิ่วคิ้วขมวดขณะคายน้ำสีขาวข้นที่ยังเหลืออยู่ในปากออกไป“สโนว์” ฟรอสต์เอ่ยปากเรียกสโนว์เสียงเคร่งขรึม แต่อันที่จริงเขากำลังกระสับกระส่าย การถึงจุดสุดยอดเพียงครั้งเดียวมันไม่เพียงพออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้สโนว์ไม่อยากจะช่วยให้ฟรอสต์เสร็จอีกรอบ เธออยากจะคลายความกระสับกระส่ายของตัวเองก่อนมากกว่า เธอวางมือลงบนท้องน้อยของตัวเองที่รู้สึกวูบวาบอย่างแปลกประหลาดยากที่จะบรรยาย เธอรู้ว่าถ้าหากข้างในมันได้รับการเติมเต็มและกระแทกสักหน่อยร่างกายของเธอก็จะรู้สึกพอใจมากสายตาของสโนว์เหลือบไปมองแก่นกายของฟรอสต์ที่สามารถเติมเต็มความตั้งการของเธอได้ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้านิ่งเรียบของเขาแต่สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได
[46] [เรื่องราวการแก้แค้นบนเตียง?] NC“อย่าดิ้นรนสิ” สโนว์กล่าวเสียงเข้มพร้อมทั้งกดศีรษะของฟรอสต์ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าและกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ร่างของเธอให้ใบหน้าของเขาแนบชิดกับเตียงนอนจนเขาไม่สามารถผงกหัวขึ้นมาได้“…กำลังทำอะไรอยู่?” ฟรอสต์ที่ถูกบังคับให้อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเอ่ยถามด้วยความยอมจำนนสโนว์จับแขนของเขาไขว้หลังและมัดพวกมันไว้ด้วยพลังน้ำที่แม้จะดูอ่อนแอแต่มันกลับไม่ง่ายที่จะทำลาย ความยืดหยุ่นของน้ำที่แม้จะถูกทำลายมันก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเชือกพันธนาการที่แน่นหนาเหมือนเดิม“ฉันจะได้กัดคอนายได้อย่างสะดวกยังไงล่ะ ฟรอสต์” สโนว์ยกยิ้มมุมปาก อันที่จริงเธอกำลังแก้แค้นต่างหาก “ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้วฉันจะบอนด์ให้”สโนว์กล่าวพลางตบบั้นท้ายเปลือยเปล่าที่มีแต่กล้ามเนื้อของฟรอสต์สองสามครั้ง มุมปากของฟรอสต์กระตุกเล็กน้อยแต่เขาก็ผ่อนคลายร่างกายและยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่นั่งคร่อมอยู่ข้างหลังของเขา เขาทำได้เพียงหลับตาลงและสูดดมกลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าที่ทำให้ร่างกายที่กำลังอยู่ในรอบฮีทของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมประสาทสัมผัสของฟรอสต์ในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นและ
[45] [ครั้งหน้าสามคนไปเลย]เมื่อกลับมาถึงฐานทัพทหารทางเหนือ ฟรอสต์ก็มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพทันทีเนื่องจากว่าฟรอสต์เป็นผู้รับผิดชอบรายงานต่อผู้บัญชาการฐานทัพเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะออกไปฝึกฝนครั้งนี้อย่างไรก็ตามการรายงานของฟรอสต์กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะนี้บรรยากาศในห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดันเนื่องจากว่าการรายงานเปลี่ยนเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนรับมือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ผู้บัญชาการฐานทัพย่อยหรือพลโทเทเลอร์วางมือบนพนักพิงเก้าอี้พลางหลับตาลงเพื่อสงบอารมณ์จากการประชุมที่ตึงเครียดนานเกือบชั่วโมง ใบหน้าของชายที่กำลังเข้าสู่วัยชราเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้มากมายแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมพลโทเทเลอร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยสายตามุ่งมั่นราวกับพร้อมที่จะต่อสู้และตายไปพร้อมกับศัตรู เขามองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังดูเยาว์วัยแต่อารมณ์และบรรยากาศนั้นกลับเหมือนทหารผ่านศึกมามากมายเหมือนชายชราเช่นเขา และยังบรรยากาศของพลังอันแข็งแกร่งนั่น…พลโทเทเลอร์รู้สึกไว้วางใจขึ้นมาจึงผ่อนคลายใบหน้าตึงเครียดลงเ
[44] [กลิ่นป่าน้ำแข็ง]ก่อนดวงอาทิตย์ตกดินเด็กทั้งสองคนได้นำทางทหารทั้งสิบคนไปยังหลุมหลบภัยได้อย่างราบรื่นเพราะปรสิตที่ปรากฏตัวระหว่างทางถูกทหารหน่วยพลีชีพกำจัดจนหมดอย่างง่ายดายเด็กทั้งสองมองทหารหน่วยพลีชีพด้วยสายตาทั้งหวาดกลัวและชื่นชม อาจจะด้วยความต้องการพึ่งพาผู้แข็งแกร่งพวกเขาจึงเริ่มกล้าเปิดปากพูดมากขึ้น“ที่นี่คือหลุมหลบภัยที่พวกเราอาศัยอยู่มาตลอด มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่มันแข็งแรงมากและปรสิตก็ไม่เคยหาพวกเราเจอ” เด็กชายกล่าวขณะดึงประตูกิ่งไม้ที่ถูกเถาวัลย์หนาปกคลุมจนสามารถปกปิดประตูโลหะที่หนาและแข็งแกร่งไว้ได้อย่างแนบเนียนเมื่อเปิดประตูเข้าไปพวกเขาก็จะพบเจอกับเส้นทางที่จะนำพาลงไปใต้ดินและพบกับห้องขนาดใหญ่ที่เหมือนว่าจะเป็นด่านป้องกันแรกหากปรสิตบุกรุกเข้ามาได้ และถ้าเข้าไปลึกมากขึ้นก็จะพบกับประตูโลหะอีกบาน ข้างหลังประตูนั่นมีพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและเนื่องจากหลุมหลบภัยน่าจะไม่ได้รับการดูแลและปรับปรุงเป็นอย่างดีเป็นเวลานานสภาพแวดล้อมภายในหลุมหลบภัยไม่ถือว่าดีมากนัก ซึ่งมันก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนบนผนังที่แตกร้าวและมีวัชพืชเติบโตมากมายพร้อมด้วยทั้งกลิ่นชื้นแล
[43] [ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นสาม]ในที่สุดคำสั่งก็ส่งมาถึงทหารหน่วยพลีชีพ แต่ยังไม่ใช่คำสั่งออกรบแต่อย่างใดมันเป็นคำสั่งให้พวกเขาฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจลับต่อไป ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อภารกิจลับมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ที่ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามได้มาเจอกันและได้รวมหน่วยเป็นหน่วยพลีชีพเดียวกันตามคำสั่งของผู้บัญชาการ จากนี้ไปก่อนเริ่มทำภารกิจลับที่กำลังจะมาถึงหลังจากนี้ในอีกไม่นานพวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้คุ้นชินกับพลังและทักษะการต่อสู้ของกันและกัน“พบเป้าหมายที่ชั้นสามของอาคาร มันกำลังเข้าใกล้หน้าต่าง จำนวนไม่แน่ชัด” สโนว์กล่าวเสียงไร้อารมณ์เพื่อรายงานไปยังวิทยุสื่อสาร[รับทราบ] เสียงตอบกลับเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อ่อนวัยที่ไม่คุ้นเคยเพราะเขาคือสมาชิกทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามที่เพิ่งได้รวมหน่วยเข้ากับทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่หนึ่งอย่างพวกเธอ“ฉันจะรอรับชมอยู่ตรงนี้” สโนว์ยืนอยู่บนยอดอาคารร้างอย่างสบายอารมณ์ในตอนนี้ทหารทั้งสองรุ่นได้ออกมาทำภารกิจร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อประเมินพลังและความสามารถและสร้างความคุ้นชินซึ่งกันและกันก่อนจะต้องออกรบร่วมกันในสง