Home / แฟนตาซี / ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก / [2] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]

Share

[2] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]

last update Huling Na-update: 2024-11-10 07:02:52

[2] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]

โลกมันช่างโหดร้าย สาเหตุที่ทำให้โลกตกอยู่ในสภาพนี้มันเกิดมาจากอุกกาบาตปริศนามากมายที่ตกลงมาบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน อุกกาบาตไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับพื้นโลกและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบ มันยังได้พาปรสิตต่างดาวมาด้วย ปรสิตพวกนั้นจะเข้าไปควบคุมสมองของทุกสิ่งมีชีวิตและทำให้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นกลายพันธุ์จากนั้นพวกมันก็จะฆ่าล้างทุกสิ่งมีชีวิตไม่เลือกหน้ารวมถึงทำให้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นกลายเป็นพวกของมันด้วย

ปัญหาที่เกิดขึ้นกะทันหันทั่วโลกเกือบทำให้อารยธรรมของมนุษย์ล่มสลาย แต่มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะยอมสูญพันธุ์ง่ายๆ พวกเขารวมตัวกันและต่อสู้กับผู้บุกรุกจากต่างดาว เริ่มแรกมนุษย์เสียเปรียบมากเพราะไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนพวกปรสิตจนกระทั่งหลายสิบปีให้หลังมนุษย์ได้ค้นพบสารพิเศษบางอย่างที่สามารถกระตุ้นร่างกายของมนุษย์ให้วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งเทียบเท่ากับปรสิตได้

แต่มนุษย์ที่ได้รับเซรุ่มซึ่งเป็นสารกระตุ้นทำให้ร่างกายวิวัฒนาการจะไม่เพียงได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ปกติถึงห้าเท่าเท่านั้น พวกเขายังได้รับพลังพิเศษตามแต่ความพิเศษของแต่ละคนได้ด้วย อย่างเช่นพลังโล่ของวินเตอร์ พลังมิติของฟรอสต์ หรือพลังควบคุมน้ำของสโนว์

แต่ถึงแม้ว่าฝ่ายมนุษย์จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับปรสิตได้แล้วฝ่ายมนุษย์ก็ยังไม่ถือว่าได้เปรียบพวกปรสิตเพราะในช่วงเวลานั้นจำนวนของฝ่ายมนุษย์เหลือน้อยมาก อีกอย่างการกระตุ้นร่างกายให้วิวัฒนาการก็มีข้อเสียที่สามารถสร้างจุดอ่อนได้เช่นกัน ข้อเสียนั่นมันเป็นปัญหาไม่น้อยเพราะมันมักจะทำให้กำลังรบฝ่ายมนุษย์อ่อนแอจนเกือบพลาดท่าบ่อยครั้ง น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถกำจัดข้อเสียนั่นได้แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตามถึงมนุษย์จะใช้สารกระตุ้นร่างกายให้วิวัฒนาการมาหลายรุ่นจนเข้าสู่ปีที่ห้าสิบแล้วนับตั้งแต่วันที่อุกกาบาตตกลงมาบนโลกสงครามระหว่างมนุษย์และปรสิตก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะไป จนในที่สุดฝ่ายมนุษย์ที่เริ่มเหน็ดเหนื่อยจากสงครามอันยาวนานก็ตัดสินใจใช้วิธีการบ้าระห่ำอย่างการใช้ทหารหน่วยพลีชีพบุกทะลวงเข้าไปในรังของพวกปรสิตเพื่อวางระเบิดมรณะ 

เพื่อฆ่าล้างพวกปรสิตให้หมดโลกแม้จะต้องเสียสละชีวิตของทหารจำนวนมากระหว่างทำภารกิจวางระเบิดในรังปรสิตเหล่าเบื้องบนก็ไม่สนใจและมุ่งมั่นดำเนินแผนการฆ่าล้างพวกปรสิตต่อไปอย่างไร้ซึ่งความเห็นใจ พวกสโนว์จึงถือว่าเป็นทหารรุ่นที่ซวยที่สุดแล้วเพราะพวกเขาถูกฝึกฝนตั้งแต่เด็กให้กลายเป็นทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและเพราะการฝึกฝนเพื่อภารกิจนี้เป็นพิเศษพวกเขาจึงไม่กลัวความตายและกล้าบุกเข้าไปในรังของพวกปรสิตอย่างที่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนทำสำเร็จมาก่อน

เพราะไร้ความกลัวในความตายและมุ่งที่จะทำภารกิจให้สำเร็จเพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกก็เหลือกันแค่สามคนจากหนึ่งร้อยคน

“ดวงแข็งชะมัด” สโนว์กำลังบ่นถึงความตายยากของพวกเธอสามคน กี่ครั้งแล้วที่พวกเธอรอดตายกันมาได้แค่สามคน

“ฉันดีใจนะที่พวกนายยังมีชีวิตอยู่” วินเตอร์กล่าวด้วยความรู้สึกจากใจจริงของเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก” สโนว์ทำเป็นไม่สนใจแม้ว่ามุมปากจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างยินดี ฟรอสต์ก็ไม่ต่างกัน แม้จะทำเป็นหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจแต่ในใจของเขาก็ชอบใจไม่ต่างกัน

ในตอนนั้นสโนว์และฟรอสต์ก็คิดเหมือนกันว่ารอยยิ้มสดใสเหมือนลูกหมาของวินเตอร์มันช่าง ดีต่อใจจริงๆ พวกเธอหวังว่ารอยยิ้มนี้จะคงอยู่ตลอดไป

“ฉันง่วงแล้ว” สโนว์บอกและหลับตาลงเป็นการบอกว่าเธอจะนอนแล้ว

“เรามีเวลาอีกสามชั่วโมง” ฟรอสต์เอ่ยพลางเอาผ้าห่มออกมาจากกระเป๋ามิติของเขา

“อากาศค่อนข้างหนาวเรามานอนใกล้ๆ กันดีกว่า” วินเตอร์พูด จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ขยับเข้าหากันเพื่อมอบความอบอุ่นในกันและกัน เนื่องจากว่าพวกเขาอยู่ในสนามรบด้วยกันมานานการใกล้ชิดกันขนาดนี้จึงเป็นเรื่องปกติของพวกเขา

พวกเขานอนหลับสนิทอยู่ในหลุมหลบภัยชั่วคราวจนกระทั่งสามชั่วโมงให้หลังฟรอสต์ก็ตื่นขึ้นมาปลุกสโนว์และวินเตอร์เพื่อทำภารกิจต่อ แม้จะไม่เต็มใจพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาจากฝันหวานและมาเจอฝันร้ายในโลกความเป็นจริง

“นี่เสื้อสำรองของเธอ และนี่หน้ากากกันแก๊ส” ฟรอสต์เอาเสื้อผ้ามาให้สโนว์เปลี่ยนเพราะตัวเก่ามันถูกวินเตอร์ฉีกซะกระจุยเพื่อทำแผลให้เธอ และเขาก็ไม่ลืมที่จะเอาหน้ากากกันแก๊สออกมาให้ทั้งสองคนด้วยเพราะภารกิจของพวกเขาหลังจากที่ทำภารกิจวางระเบิดสำเร็จก็คือการเข้าไปในรังของปรสิตอีกครั้งเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกปรสิตตายหมดแล้ว ซึ่งรอบบริเวณรังของพวกปรสิตน่าจะยังเหลือสารพิษอยู่ถึงแม้ว่าสารพิษที่มาพร้อมระเบิดมันจะส่งผลแค่กับพวกปรสิต แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่ควรสูดดมเข้าไปพวกเขาจึงจำเป็นต้องใส่หน้ากากแก๊ส

เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็เดินฝ่าหมอกควันจากระเบิดไปยังทิศทางที่คาดว่าจะมีรังของปรสิตอยู่ ระหว่างทางพวกเขาระวังตัวมากเพราะมันอาจจะยังมีพวกปรสิตที่เหลือรอดโผล่ออกมาโจมตีพวกเขาก็ได้ แต่ดูเหมือนจะเป็นโชคดีของพวกเขาที่ไม่มีพวกปรสิตเข้ามาโจมตีพวกเขาเลย

พวกเขาเดินทางกันอย่างปลอดภัยจนกระทั่งมาถึงจุดที่พวกเขาคาดว่าเคยเป็นรังของพวกปรสิต เนื่องจากว่ารังของพวกปรสิตมักจะเหมือนกับรังของปลวกตรงที่ว่าพวกมันจะพยายามสร้างรังให้ดูสูงใหญ่และโดดเด่น รังของพวกมันจึงง่ายต่อการสังเกตเห็น ถึงแม้ว่าจะถูกระเบิดทำลายไปแล้วมันก็จะยังเหลือซากของรังอันใหญ่โตของพวกมันอยู่บ้าง

“ฉันว่าเราก็มาถูกทางนะ แต่ทำไมฉันไม่เห็นอะไรเลย?” วินเตอร์เงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาซากรังของพวกปรสิต

“ฉันว่านายมองผิดทาง” สโนว์กล่าว เธอมองไปข้างหน้าที่เริ่มเห็นบางอย่างเลือนราง และก็ราวกับสายลมเป็นใจเพราะเมื่อพวกเธอเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นฝุ่นละอองก็ถูกลมห่าใหญ่พัดหายไปในทีเดียวทำให้ทุกอย่างถูกเผยออกมา

มันไม่เหลือรังที่ตั้งตระหง่านอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ซากก็ไม่เหลือ นั่นเพราะว่าทุกอย่างมันได้ตกลงไปในหลุมยักษ์ตรงหน้าพวกเขาทั้งสามคนแล้ว

 “หลุมนี่เกิดจากระเบิดที่พวกเราวางเมื่อสามชั่วโมงก่อนเหรอ?” วินเตอร์กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เชื่อสายตาและเอ่ยอย่างสงสัย

 

“ไม่ใช่” ฟรอสต์ปฏิเสธความคิดเห็นของวินเตอร์ทันที “บางทีใต้รังพวกปรสิตอาจจะมีโพรงใต้ดิน เมื่อเราหย่อนระเบิดลงไปพื้นดินก็เลยทรุดตัวลง”

“โพรงพวกนี้เกิดจากพวกปรสิตรึเปล่า?” สโนว์พูด

“มีความเป็นไปได้” ฟรอสต์พยักหน้า

หลุมยักษ์ตรงหน้าของพวกเขาใหญ่มากและลึกมาก มากขนาดที่ว่าแม้ในหลุมจะมีซากรังของพวกปรสิตตกลงไปมันก็ยังไม่อาจเติมเต็มหลุมได้ นั่นหมายความว่ารังใต้ดินของพวกปรสิตมันใหญ่โตกว่ารังที่พวกเขาเห็นอยู่บนพื้นดินเสียอีก

“ฉันว่ามันไม่น่าใช่โพรงธรรมดานะ แต่มันน่าจะเป็นอุโมงค์มากกว่า” สโนว์กล่าวเมื่อสังเกตเห็นว่าผนังหลุมมีรูมากมาย ถ้าสภาพมันยังดีอยู่พวกมันน่าจะเป็นอุโมงค์ถ้ำใต้ดินที่มีเส้นทางซับซ้อนเหมือนรังมด

พวกเขาทั้งสามคนรู้ตัวทันทีว่าได้ค้นพบสิ่งที่เป็นความลับของพวกปรสิตแล้ว พวกเขาจะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานกับทางกองทัพโดยด่วน หลังจากสำรวจพื้นที่เสร็จสิ้นแล้วพวกเขาก็รีบกลับฐานที่มั่นของทหารที่อยู่ในเมือง S และรายงานเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจจนจบภารกิจกับผู้บัญชาการของพวกเขา

หลังจากรายงานทุกอย่างทั้งหมดแล้วมันก็ถึงเวลาพักผ่อนของพวกเขา แต่…

“หลังจากนี่อีกสามวันเราจะลงไปสำรวจในอุโมงค์ใต้ดินของพวกปรสิต อย่าลืมเตรียมตัวซะล่ะ” ผู้บัญชาการของพวกเขาได้กล่าวเช่นนั้น

ไอ้เฮงซวย! สามวันแผลก็ยังไม่หายสนิทเลยด้วยซ้ำนี่ไม่คิดจะให้พักเลยรึไง!?

โชคดีที่วินเตอร์ล็อกตัวสโนว์ไว้ทันเธอก็เลยไม่ถูกลงโทษโทษฐานกระโดดถีบหน้าผู้บัญชาการ

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [48] [ศัตรูในเงามืด]

    [48] [ศัตรูในเงามืด]เมื่อร่างกายได้รับความสุขซ้ำแล้วซ้ำเล่าสติก็จะเริ่มล่องลอยจนไม่อาจแยกแยะเวลาที่ผ่านไปได้อีกต่อไป“สโนว์? หลับไปแล้วเหรอ?”เสียงกระซิบแผ่วเบาและนุ่มนวลที่ข้างหูทำให้สติของสโนว์กลับมาเล็กน้อย เธอยกเปลือกตาขึ้นด้วยดวงตาพร่ามัวและไม่จดจ่อ เธอยังคงนั่งอยู่บนตักและหันหน้าแนบชิดลำตัวส่วนหน้าเข้าหาฟรอสต์เหมือนเดิมก่อนที่จะหมดสติไป เธอวางคางอยู่บนไหล่หนาของเขาพร้อมทั้งทิ้งตัวพิงเขาด้วยท่าทางไร้น้ำหนัก“เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?” เธอพึมพำถามเสียงเบา ความรับผิดชอบในหน้าที่ทำให้สโนว์พยายามตื่นตัว“ยังเหลือเวลาอีกหน่อย” ฟรอสต์กระซิบตอบเธอขณะที่โอบกอดเธอด้วยแขนทั้งสองข้างด้วยเรี่ยวแรงที่แข็งแกร่งขณะที่ประทับจูบไปตามไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน แต่เมื่อเขาเห็นรอยจูบที่วินเตอร์ทิ้งไว้เขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบให้หนักมากขึ้นอีกหน่อยจนกลบทับรอยเก่าไปได้“พอแล้ว” สโนว์เอียงคอหลบจูบและเอ่ยห้ามปราม เธอรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วเพราะท้องของเธอรู้สึกแน่นมาก น้ำที่อัดแน่นในท้องของเธอไม่สามารถหาทางออกมาได้เพราะแท่งอุ่นของฟรอสต์ยังคงฝังอยู่ข้างใน“ไม่ได้” ฟรอสต์ปฏิเสธ ในเมื่อยังไม่รู้สึกเพียงพอเขาจะยอมปล

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [47] [ไม่อนุญาตให้จับ] NC

    [47] [ไม่อนุญาตให้จับ]ฟรอสต์รู้สึกว่ามันเป็นการทรมานทางร่างกายอันแสนหวานทางด้านสโนว์กลับรู้สึกว่ามันไม่น่าพอใจนักทำไมมันยากจัง สโนว์คิดขณะที่เช็ดคราบน้ำสีขาวออกจากริมฝีปากของเธอที่มีอาการชาเล็กน้อยสโนว์ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะทักษะของเธอแย่มากหรือเพราะฟรอสต์อดทนเก่งกันแน่ กว่าที่ฟรอสต์จะถึงจุดสุดยอดมันก็ใช้เวลานานมาก ลิ้นและปากของเธอรู้สึกเมื่อยไปหมดแล้ว“รสชาติค่อนข้างแปลก” สโนว์หน้านิ่วคิ้วขมวดขณะคายน้ำสีขาวข้นที่ยังเหลืออยู่ในปากออกไป“สโนว์” ฟรอสต์เอ่ยปากเรียกสโนว์เสียงเคร่งขรึม แต่อันที่จริงเขากำลังกระสับกระส่าย การถึงจุดสุดยอดเพียงครั้งเดียวมันไม่เพียงพออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้สโนว์ไม่อยากจะช่วยให้ฟรอสต์เสร็จอีกรอบ เธออยากจะคลายความกระสับกระส่ายของตัวเองก่อนมากกว่า เธอวางมือลงบนท้องน้อยของตัวเองที่รู้สึกวูบวาบอย่างแปลกประหลาดยากที่จะบรรยาย เธอรู้ว่าถ้าหากข้างในมันได้รับการเติมเต็มและกระแทกสักหน่อยร่างกายของเธอก็จะรู้สึกพอใจมากสายตาของสโนว์เหลือบไปมองแก่นกายของฟรอสต์ที่สามารถเติมเต็มความตั้งการของเธอได้ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้านิ่งเรียบของเขาแต่สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [46] [เรื่องราวการแก้แค้นบนเตียง?] NC

    [46] [เรื่องราวการแก้แค้นบนเตียง?] NC“อย่าดิ้นรนสิ” สโนว์กล่าวเสียงเข้มพร้อมทั้งกดศีรษะของฟรอสต์ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าและกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ร่างของเธอให้ใบหน้าของเขาแนบชิดกับเตียงนอนจนเขาไม่สามารถผงกหัวขึ้นมาได้“…กำลังทำอะไรอยู่?” ฟรอสต์ที่ถูกบังคับให้อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเอ่ยถามด้วยความยอมจำนนสโนว์จับแขนของเขาไขว้หลังและมัดพวกมันไว้ด้วยพลังน้ำที่แม้จะดูอ่อนแอแต่มันกลับไม่ง่ายที่จะทำลาย ความยืดหยุ่นของน้ำที่แม้จะถูกทำลายมันก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเชือกพันธนาการที่แน่นหนาเหมือนเดิม“ฉันจะได้กัดคอนายได้อย่างสะดวกยังไงล่ะ ฟรอสต์” สโนว์ยกยิ้มมุมปาก อันที่จริงเธอกำลังแก้แค้นต่างหาก “ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้วฉันจะบอนด์ให้”สโนว์กล่าวพลางตบบั้นท้ายเปลือยเปล่าที่มีแต่กล้ามเนื้อของฟรอสต์สองสามครั้ง มุมปากของฟรอสต์กระตุกเล็กน้อยแต่เขาก็ผ่อนคลายร่างกายและยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่นั่งคร่อมอยู่ข้างหลังของเขา เขาทำได้เพียงหลับตาลงและสูดดมกลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าที่ทำให้ร่างกายที่กำลังอยู่ในรอบฮีทของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมประสาทสัมผัสของฟรอสต์ในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นและ

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [45] [ครั้งหน้าสามคนไปเลย]

    [45] [ครั้งหน้าสามคนไปเลย]เมื่อกลับมาถึงฐานทัพทหารทางเหนือ ฟรอสต์ก็มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพทันทีเนื่องจากว่าฟรอสต์เป็นผู้รับผิดชอบรายงานต่อผู้บัญชาการฐานทัพเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะออกไปฝึกฝนครั้งนี้อย่างไรก็ตามการรายงานของฟรอสต์กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะนี้บรรยากาศในห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดันเนื่องจากว่าการรายงานเปลี่ยนเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนรับมือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ผู้บัญชาการฐานทัพย่อยหรือพลโทเทเลอร์วางมือบนพนักพิงเก้าอี้พลางหลับตาลงเพื่อสงบอารมณ์จากการประชุมที่ตึงเครียดนานเกือบชั่วโมง ใบหน้าของชายที่กำลังเข้าสู่วัยชราเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้มากมายแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมพลโทเทเลอร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยสายตามุ่งมั่นราวกับพร้อมที่จะต่อสู้และตายไปพร้อมกับศัตรู เขามองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังดูเยาว์วัยแต่อารมณ์และบรรยากาศนั้นกลับเหมือนทหารผ่านศึกมามากมายเหมือนชายชราเช่นเขา และยังบรรยากาศของพลังอันแข็งแกร่งนั่น…พลโทเทเลอร์รู้สึกไว้วางใจขึ้นมาจึงผ่อนคลายใบหน้าตึงเครียดลงเ

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [44] [กลิ่นป่าน้ำแข็ง]

    [44] [กลิ่นป่าน้ำแข็ง]ก่อนดวงอาทิตย์ตกดินเด็กทั้งสองคนได้นำทางทหารทั้งสิบคนไปยังหลุมหลบภัยได้อย่างราบรื่นเพราะปรสิตที่ปรากฏตัวระหว่างทางถูกทหารหน่วยพลีชีพกำจัดจนหมดอย่างง่ายดายเด็กทั้งสองมองทหารหน่วยพลีชีพด้วยสายตาทั้งหวาดกลัวและชื่นชม อาจจะด้วยความต้องการพึ่งพาผู้แข็งแกร่งพวกเขาจึงเริ่มกล้าเปิดปากพูดมากขึ้น“ที่นี่คือหลุมหลบภัยที่พวกเราอาศัยอยู่มาตลอด มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่มันแข็งแรงมากและปรสิตก็ไม่เคยหาพวกเราเจอ” เด็กชายกล่าวขณะดึงประตูกิ่งไม้ที่ถูกเถาวัลย์หนาปกคลุมจนสามารถปกปิดประตูโลหะที่หนาและแข็งแกร่งไว้ได้อย่างแนบเนียนเมื่อเปิดประตูเข้าไปพวกเขาก็จะพบเจอกับเส้นทางที่จะนำพาลงไปใต้ดินและพบกับห้องขนาดใหญ่ที่เหมือนว่าจะเป็นด่านป้องกันแรกหากปรสิตบุกรุกเข้ามาได้ และถ้าเข้าไปลึกมากขึ้นก็จะพบกับประตูโลหะอีกบาน ข้างหลังประตูนั่นมีพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและเนื่องจากหลุมหลบภัยน่าจะไม่ได้รับการดูแลและปรับปรุงเป็นอย่างดีเป็นเวลานานสภาพแวดล้อมภายในหลุมหลบภัยไม่ถือว่าดีมากนัก ซึ่งมันก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนบนผนังที่แตกร้าวและมีวัชพืชเติบโตมากมายพร้อมด้วยทั้งกลิ่นชื้นแล

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [43] [ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นสาม]

    [43] [ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นสาม]ในที่สุดคำสั่งก็ส่งมาถึงทหารหน่วยพลีชีพ แต่ยังไม่ใช่คำสั่งออกรบแต่อย่างใดมันเป็นคำสั่งให้พวกเขาฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจลับต่อไป ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อภารกิจลับมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ที่ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามได้มาเจอกันและได้รวมหน่วยเป็นหน่วยพลีชีพเดียวกันตามคำสั่งของผู้บัญชาการ จากนี้ไปก่อนเริ่มทำภารกิจลับที่กำลังจะมาถึงหลังจากนี้ในอีกไม่นานพวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้คุ้นชินกับพลังและทักษะการต่อสู้ของกันและกัน“พบเป้าหมายที่ชั้นสามของอาคาร มันกำลังเข้าใกล้หน้าต่าง จำนวนไม่แน่ชัด” สโนว์กล่าวเสียงไร้อารมณ์เพื่อรายงานไปยังวิทยุสื่อสาร[รับทราบ] เสียงตอบกลับเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อ่อนวัยที่ไม่คุ้นเคยเพราะเขาคือสมาชิกทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามที่เพิ่งได้รวมหน่วยเข้ากับทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่หนึ่งอย่างพวกเธอ“ฉันจะรอรับชมอยู่ตรงนี้” สโนว์ยืนอยู่บนยอดอาคารร้างอย่างสบายอารมณ์ในตอนนี้ทหารทั้งสองรุ่นได้ออกมาทำภารกิจร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อประเมินพลังและความสามารถและสร้างความคุ้นชินซึ่งกันและกันก่อนจะต้องออกรบร่วมกันในสง

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status