[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]
ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือน ซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้
หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้ว
พวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…
“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินทางทั้งสามวันก่อนหน้านี้มันสูญเปล่าทั้งหมด
“สำรวจหาร่องรอยกันก่อน อย่างน้อยเราอาจจะเจออะไรบางอย่างที่น่าจะช่วยบอกเราว่าควรไปทางไหนดี” พวกเขาตกลงกันแบบนั้นและแยกย้ายกันสำรวจโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอุโมงค์แยกออกเป็นหลายทาง แม้แต่เพดานโพรงถ้ำก็ยังมีทางแยกด้วยซ้ำ พวกเขาคงต้องเสียเวลาสำรวจกันสักพัก
สโนว์เคยคิดว่าพวกปรสิตเหมือนปลวกเพราะพวกมันสร้างรังได้สูงใหญ่และอลังการงานสร้างมาก แต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันเหมือนมดมากกว่า พวกมันจะสร้างเส้นทางมากมายไว้ใต้ดินลึกขนาดนี้ทำเพื่ออะไรกัน!
เธอเริ่มบ่นในใจอย่างหัวเสียขณะที่ส่องไฟฉายไปทั่วเพื่อตามหาร่องรอยของพวกปรสิต แต่สิ่งที่เธอพบไม่ใช่แค่ร่องรอย มันคือ….สิ่งมีชีวิต?
สโนว์กะพริบตาสองครั้งจากนั้นก็พยายามเพ่งมองสิ่งที่เธอบังเอิญส่องไฟฉายไปเจอ มันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเพราะเธอเห็นมันกะพริบตาได้ แวบแรกที่เจอมันเธอคิดว่ามันคือปรสิต แต่รูปร่างของมันไม่เหมือนพวกปรสิตที่เธอเคยเจอเลยเพราะมันมีขนาดเล็กเท่าลูกเทนนิส มีขนปุยสีขาวและเขาม้วนเหมือนแกะและมีปีกด้วย
มัน…น่ารักเกินกว่าจะเป็นพวกเดียวกับปรสิตพวกนั้น
“ทุกคน ฉันเจอบางอย่าง” สโนว์ส่งเสียงเรียกคนอื่นๆ และทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นก็กระพือปีกบินเข้าไปอุโมงค์ สโนว์รีบวิ่งตามไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง เธอคิดว่าแค่ต้องวิ่งตามไป
“เดี๋ยวสโนว์!” พวกวินเตอร์ต้องวิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะสโนว์วิ่งตามสิ่งมีชีวิตปริศนาอย่างไม่ลดล่ะ
เพื่อตามเจ้าตัวนุ่มนิ่มนั่นให้ทันสโนว์วิ่งเต็มฝีเท้าของเธอ แต่น่าแปลกที่เธอตามมันไม่ทัน มันบินเร็วขนาดไหนกัน? แต่สโนว์ก็ไม่ยอมแพ้และวิ่งตามมันต่อไปอีกหลายกิโลจนกระทั่งเธอเห็นทางแยกอื่นและมันไม่ใช่แค่ทางแยกร้างเหมือนก่อนนี้ มันมีร่องรอยสดใหม่ของพวกปรสิตด้วย
สโนว์และคนอื่นๆ หยุดวิ่งทันทีที่เห็นร่องรอยพวกนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถูกทางเพราะข้างหน้านี้ต้องมีพวกปรสิตอาศัยอยู่แน่นอน!
“ถอยไปตั้งหลักก่อนหรือจะเข้าสำรวจก่อน” วินเตอร์ถามความเห็นทุกคน
“ถอยไปเตรียมตัว” ฟรอสต์เอ่ย ทุกคนในทีมก็เห็นด้วยเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งวิ่งกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อความไม่ประหม่าพวกเขาควรไปพักเอาแรงก่อนและต้องไปเตรียมอาวุธให้พร้อมสำหรับออกรบเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าไปสำรวจได้โดยไม่เกิดการปะทะ
แต่ทางที่ดีพวกเขาควรสำรวจให้เงียบที่สุดเพราะพวกเขามีอยู่กันแค่เจ็ดคน จำนวนแค่นี้ไม่มีทางเอาชนะพวกปรสิตที่มาเป็นฝูงได้ พวกเขาจึงต้องพยายามซ่อนตัวตนของตัวเองจากพวกปรสิตให้ได้มากที่สุด ไม่เพียงต้องเคลื่อนไหวให้เงียบเชียบ พวกเขาจะต้องฉีดสเปรย์พิเศษด้วย มันเป็นสเปรย์ที่สามารถกลบกลิ่นอายของมนุษย์ไม่ให้พวกปรสิตได้กลิ่นได้
หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเขาก็เริ่มออกสำรวจ พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่มีร่องรอยของปรสิตมากที่สุดเพราะเชื่อว่าเป็นทางที่จะพาพวกเขาไปพบกับพวกปรสิตแต่ระหว่างทางพวกเขาไม่พบศัตรูเลย พวกเขาพบเพียงว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้อุโมงค์ก็ยิ่งสว่างขึ้นเพราะแสงบางอย่างที่ส่องสว่างมาจากปลายทางของอุโมงค์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่แสงจากดวงอาทิตย์เพราะมันเป็นแสงสีม่วงสลัวๆ
แสงสีม่วงสว่างมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นปลายทางข้างหน้า ฟรอสต์ส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดและเขาก็เดินเข้าไปสำรวจก่อน ที่ปลายอุโมงค์ฟรอสต์พบว่าทางข้างหน้ามันเป็นหลุมขนาดใหญ่และลึกมาก ข้างบนเองก็เหมือนกัน แต่ต้นกำเนิดแสงสีม่วงมาจากหลุมด้านล่าง ฟรอสต์จึงพยายามเพ่งตามองลงไปในหลุมเพื่อดูว่าข้างล่างนั่นมีอะไร แต่เขาเห็นแค่การเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตเพราะแสงสีม่วงที่ส่องมาจากด้านล่างมันสว่างมาก เขาส่งสัญญาณมือเรียกทุกคน
“เราต้องลงไปสำรวจด้านล่าง” ฟรอสต์พูด
พวกเขารู้ว่าการลงไปสำรวจข้างล่างอันตรายมากเพราะพวกเขาสามารถเห็นการเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตข้างล่างนั้นได้ พวกเขาตัดสินใจแบ่งกลุ่มกันเพราะถ้าลงไปหมดทุกคนและเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นพวกเขาอาจจะไม่รอดกันหมดทุกคนก็ได้ สโนว์และวินเตอร์จึงลงไปสำรวจกันแค่สองคนเพราะยิ่งคนน้อยก็ยิ่งง่ายแก่การซ่อนตัวหรือหลบหนี
เมื่อวางแผนและตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว สโนว์และวินเตอร์ก็ใช้อุปกรณ์ปีนผาของทหารปีนลงไปด้านล่างทันที ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียวแต่คล่องแคล่วว่องไว เมื่อพวกเธอลงมาจนมองเห็นพวกปรสิตที่เดินกันยั่วเยี้ยเต็มพื้นแล้วพวกเธอก็ลดความเร็วลงและเงียบเชียบกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็มองหาร่องบนผนังที่พวกปรสิตสร้างไม่ดีเป็นที่หลบซ่อนสายตาของพวกปรสิตด้วย
ทั้งสองทำเช่นนี้เพื่อหลบซ่อนตัวตนจากพวกปรสิตมาตลอดจนกระทั่งทั้งสองคนก็สามารถลงมาถึงปลายทางของอุโมงค์ยักษ์ได้สำเร็จ แต่พอมองลงไปพวกสโนว์ก็เห็นแค่ฝูงปรสิตเดินกันยั้วเยี้ย ไม่เห็นอย่างอื่นที่น่าจะเป็นประโยชน์ แต่เห็นเพียงแค่นี้ทั้งสองก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าที่นี่มีปรสิตมากแค่ไหน
สโนว์และวินเตอร์จึงตัดสินใจเสี่ยงโหนตัวออกไปจากอุโมงค์เพื่อดูว่ามันมีอะไรข้างล่าง และเมื่อพวกเขาได้โหนตัวลงไปได้เล็กน้อยพอได้เห็นสิ่งรอบข้าง วินเตอร์และสโนว์ก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอตกตะลึงอย่างมาก
มันคือโพรง…ไม่สิ มันใหญ่กว่านั้น มันกว้างใหญ่มากกว่าหลุมซึ่งเป็นทางที่พวกเขาใช้เข้ามาเสียอีก!
มันคือถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์นี้เต็มไปด้วยพวกปรสิตหลายหมื่นแสนหรืออาจจะล้านตัวและพวกสโนว์ก็ได้พบด้วยว่าอุโมงค์ที่พวกเธอใช่ไต่ลงมาไม่ได้มีแค่อันเดียว นั่นหมายความว่ามันมีช่องทางอื่นที่จะลงมาที่นี่อีกมาก
“นั่น” สโนว์เหลือบไปเห็นบางอย่าง เธออ้าปากกระซิบไร้เสียงเรียกวินเตอร์และชี้ให้เขาหันไปมอง
พวกเขาได้พบกับต้นกำเนิดแสงสีม่วงมันเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่สามารถเรืองแสงได้แต่พวกสโนว์ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาตั้งแต่จำความได้รู้ดีว่ามันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา มันเป็นอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกและได้สร้างหายนะให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน!
พวกเขาประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่ามันอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาประหลาดใจกับพฤติกรรมของพวกปรสิตมากกว่า พวกมันยืนนิ่งล้อมอุกกาบาตอย่างเป็นระเบียบและมีท่าทางราวกับว่ากำลังอาบแสงสีม่วงจากอุกกาบาต พฤติกรรมของพวกมันดูน่าสงสัยมาก
สโนว์ยกกล้องออกมาถ่ายภาพและวิดีโออย่างเงียบเชียบเพื่อเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นรอบอุกกาบาตสีม่วงนั้น
เพื่อสังเกตดูพฤติกรรมของพวกมัน วินเตอร์และสโนว์จึงโหนตัวอยู่เหนือหัวของพวกปรสิตสักพักใหญ่จนกระทั่งพวกเขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจจากพวกปรสิตที่กำลังยืนรายล้อมอุกกาบาตอยู่ พวกปรสิตที่แขนขาไม่สมประกอบงอกแขนขาใหม่และดูแข็งแกร่งมากขึ้น พวกมันพัฒนาอย่างก้าวกระโดดต่อหน้าต่อตาพวกเขา
สโนว์และวินเตอร์ปะทะกับพวกปรสิตในสนามรบมาหลายสิบปีแต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกปรสิตสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ขนาดที่สามารถงอกร่างกายส่วนที่เสียหายได้
แสงสีม่วงจากอุกกาบาตนั่นพิเศษกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก
“วินเตอร์ เราต้องเก็บตัวอย่าง” พวกเขาจะไม่เข้ามาเสียเที่ยวเด็ดขาด พวกเขาจะต้องเก็บหลักฐานกลับไปตรวจสอบด้วยเพราะนั่นอาจจะเป็นกุญแจไขความลับของพวกปรสิตและทำให้มนุษยชาติได้รับชัยชนะในที่สุด
แต่การที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้อุกกาบาตโดยที่ไม่ให้พวกปรสิตที่ยืนล้อมอุกกาบาตอยู่ไม่รู้ตัวเสียก่อนมันเป็นเรื่องที่ยากมาก มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะถูกค้นพบและถูกกำจัดโดยฝูงปรสิตก่อนที่จะได้เข้าใกล้อุกกาบาตด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีทางเลย
พลังพิเศษของวินเตอร์คือโล่สีใส แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโล่มันมีความสามารถล่องหนได้ มันไม่เพียงปกป้องผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากการโจมตี มันยังสามารถพรางตาผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากศัตรูได้ด้วย หากว่าวินเตอร์ใช้โล่ห่อหุ้มตัวเองไว้เขาก็จะสามารถล่องหนได้และสามารถเข้าไปใกล้อุกกาบาตได้โดยไม่ต้องปะทะกับฝูงปรสิต
ด้วยเหตุนี้หน้าที่ลงไปเก็บตัวอย่างอุกกาบาตจะต้องเป็นหน้าที่ของวินเตอร์อย่างแน่นอน ซึ่งในขณะที่วินเตอร์ต้องโหนตัวลงไปอยู่กลางฝูงปรสิตเพื่อเข้าไปเอาตัวอย่างอุกกาบาต สโนว์ก็คอยสนับสนุนอยู่ข้างบน สโนว์จะคอยสังเกตการณ์จากด้านบนและบอกเส้นทางเข้าใกล้อุกกาบาตกับวินเตอร์ แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นสโนว์ก็พร้อมจะใช้พลังพิเศษของตัวเองช่วยเหลือวินเตอร์ เนื่องจากว่าพลังควบคุมน้ำของเธอสามารถโจมตีระยะไกลได้ พลังของเธอจึงเหมาะที่จะสนับสนุนจากข้างบนมากที่สุด แต่สโนว์หวังว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อย่างนั้นขึ้นมา
[48] [ศัตรูในเงามืด]เมื่อร่างกายได้รับความสุขซ้ำแล้วซ้ำเล่าสติก็จะเริ่มล่องลอยจนไม่อาจแยกแยะเวลาที่ผ่านไปได้อีกต่อไป“สโนว์? หลับไปแล้วเหรอ?”เสียงกระซิบแผ่วเบาและนุ่มนวลที่ข้างหูทำให้สติของสโนว์กลับมาเล็กน้อย เธอยกเปลือกตาขึ้นด้วยดวงตาพร่ามัวและไม่จดจ่อ เธอยังคงนั่งอยู่บนตักและหันหน้าแนบชิดลำตัวส่วนหน้าเข้าหาฟรอสต์เหมือนเดิมก่อนที่จะหมดสติไป เธอวางคางอยู่บนไหล่หนาของเขาพร้อมทั้งทิ้งตัวพิงเขาด้วยท่าทางไร้น้ำหนัก“เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?” เธอพึมพำถามเสียงเบา ความรับผิดชอบในหน้าที่ทำให้สโนว์พยายามตื่นตัว“ยังเหลือเวลาอีกหน่อย” ฟรอสต์กระซิบตอบเธอขณะที่โอบกอดเธอด้วยแขนทั้งสองข้างด้วยเรี่ยวแรงที่แข็งแกร่งขณะที่ประทับจูบไปตามไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน แต่เมื่อเขาเห็นรอยจูบที่วินเตอร์ทิ้งไว้เขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบให้หนักมากขึ้นอีกหน่อยจนกลบทับรอยเก่าไปได้“พอแล้ว” สโนว์เอียงคอหลบจูบและเอ่ยห้ามปราม เธอรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วเพราะท้องของเธอรู้สึกแน่นมาก น้ำที่อัดแน่นในท้องของเธอไม่สามารถหาทางออกมาได้เพราะแท่งอุ่นของฟรอสต์ยังคงฝังอยู่ข้างใน“ไม่ได้” ฟรอสต์ปฏิเสธ ในเมื่อยังไม่รู้สึกเพียงพอเขาจะยอมปล
[47] [ไม่อนุญาตให้จับ]ฟรอสต์รู้สึกว่ามันเป็นการทรมานทางร่างกายอันแสนหวานทางด้านสโนว์กลับรู้สึกว่ามันไม่น่าพอใจนักทำไมมันยากจัง สโนว์คิดขณะที่เช็ดคราบน้ำสีขาวออกจากริมฝีปากของเธอที่มีอาการชาเล็กน้อยสโนว์ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะทักษะของเธอแย่มากหรือเพราะฟรอสต์อดทนเก่งกันแน่ กว่าที่ฟรอสต์จะถึงจุดสุดยอดมันก็ใช้เวลานานมาก ลิ้นและปากของเธอรู้สึกเมื่อยไปหมดแล้ว“รสชาติค่อนข้างแปลก” สโนว์หน้านิ่วคิ้วขมวดขณะคายน้ำสีขาวข้นที่ยังเหลืออยู่ในปากออกไป“สโนว์” ฟรอสต์เอ่ยปากเรียกสโนว์เสียงเคร่งขรึม แต่อันที่จริงเขากำลังกระสับกระส่าย การถึงจุดสุดยอดเพียงครั้งเดียวมันไม่เพียงพออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้สโนว์ไม่อยากจะช่วยให้ฟรอสต์เสร็จอีกรอบ เธออยากจะคลายความกระสับกระส่ายของตัวเองก่อนมากกว่า เธอวางมือลงบนท้องน้อยของตัวเองที่รู้สึกวูบวาบอย่างแปลกประหลาดยากที่จะบรรยาย เธอรู้ว่าถ้าหากข้างในมันได้รับการเติมเต็มและกระแทกสักหน่อยร่างกายของเธอก็จะรู้สึกพอใจมากสายตาของสโนว์เหลือบไปมองแก่นกายของฟรอสต์ที่สามารถเติมเต็มความตั้งการของเธอได้ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้านิ่งเรียบของเขาแต่สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได
[46] [เรื่องราวการแก้แค้นบนเตียง?] NC“อย่าดิ้นรนสิ” สโนว์กล่าวเสียงเข้มพร้อมทั้งกดศีรษะของฟรอสต์ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าและกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ร่างของเธอให้ใบหน้าของเขาแนบชิดกับเตียงนอนจนเขาไม่สามารถผงกหัวขึ้นมาได้“…กำลังทำอะไรอยู่?” ฟรอสต์ที่ถูกบังคับให้อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเอ่ยถามด้วยความยอมจำนนสโนว์จับแขนของเขาไขว้หลังและมัดพวกมันไว้ด้วยพลังน้ำที่แม้จะดูอ่อนแอแต่มันกลับไม่ง่ายที่จะทำลาย ความยืดหยุ่นของน้ำที่แม้จะถูกทำลายมันก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเชือกพันธนาการที่แน่นหนาเหมือนเดิม“ฉันจะได้กัดคอนายได้อย่างสะดวกยังไงล่ะ ฟรอสต์” สโนว์ยกยิ้มมุมปาก อันที่จริงเธอกำลังแก้แค้นต่างหาก “ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้วฉันจะบอนด์ให้”สโนว์กล่าวพลางตบบั้นท้ายเปลือยเปล่าที่มีแต่กล้ามเนื้อของฟรอสต์สองสามครั้ง มุมปากของฟรอสต์กระตุกเล็กน้อยแต่เขาก็ผ่อนคลายร่างกายและยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่นั่งคร่อมอยู่ข้างหลังของเขา เขาทำได้เพียงหลับตาลงและสูดดมกลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าที่ทำให้ร่างกายที่กำลังอยู่ในรอบฮีทของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมประสาทสัมผัสของฟรอสต์ในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นและ
[45] [ครั้งหน้าสามคนไปเลย]เมื่อกลับมาถึงฐานทัพทหารทางเหนือ ฟรอสต์ก็มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพทันทีเนื่องจากว่าฟรอสต์เป็นผู้รับผิดชอบรายงานต่อผู้บัญชาการฐานทัพเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะออกไปฝึกฝนครั้งนี้อย่างไรก็ตามการรายงานของฟรอสต์กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะนี้บรรยากาศในห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดันเนื่องจากว่าการรายงานเปลี่ยนเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนรับมือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ผู้บัญชาการฐานทัพย่อยหรือพลโทเทเลอร์วางมือบนพนักพิงเก้าอี้พลางหลับตาลงเพื่อสงบอารมณ์จากการประชุมที่ตึงเครียดนานเกือบชั่วโมง ใบหน้าของชายที่กำลังเข้าสู่วัยชราเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้มากมายแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมพลโทเทเลอร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยสายตามุ่งมั่นราวกับพร้อมที่จะต่อสู้และตายไปพร้อมกับศัตรู เขามองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังดูเยาว์วัยแต่อารมณ์และบรรยากาศนั้นกลับเหมือนทหารผ่านศึกมามากมายเหมือนชายชราเช่นเขา และยังบรรยากาศของพลังอันแข็งแกร่งนั่น…พลโทเทเลอร์รู้สึกไว้วางใจขึ้นมาจึงผ่อนคลายใบหน้าตึงเครียดลงเ
[44] [กลิ่นป่าน้ำแข็ง]ก่อนดวงอาทิตย์ตกดินเด็กทั้งสองคนได้นำทางทหารทั้งสิบคนไปยังหลุมหลบภัยได้อย่างราบรื่นเพราะปรสิตที่ปรากฏตัวระหว่างทางถูกทหารหน่วยพลีชีพกำจัดจนหมดอย่างง่ายดายเด็กทั้งสองมองทหารหน่วยพลีชีพด้วยสายตาทั้งหวาดกลัวและชื่นชม อาจจะด้วยความต้องการพึ่งพาผู้แข็งแกร่งพวกเขาจึงเริ่มกล้าเปิดปากพูดมากขึ้น“ที่นี่คือหลุมหลบภัยที่พวกเราอาศัยอยู่มาตลอด มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่มันแข็งแรงมากและปรสิตก็ไม่เคยหาพวกเราเจอ” เด็กชายกล่าวขณะดึงประตูกิ่งไม้ที่ถูกเถาวัลย์หนาปกคลุมจนสามารถปกปิดประตูโลหะที่หนาและแข็งแกร่งไว้ได้อย่างแนบเนียนเมื่อเปิดประตูเข้าไปพวกเขาก็จะพบเจอกับเส้นทางที่จะนำพาลงไปใต้ดินและพบกับห้องขนาดใหญ่ที่เหมือนว่าจะเป็นด่านป้องกันแรกหากปรสิตบุกรุกเข้ามาได้ และถ้าเข้าไปลึกมากขึ้นก็จะพบกับประตูโลหะอีกบาน ข้างหลังประตูนั่นมีพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและเนื่องจากหลุมหลบภัยน่าจะไม่ได้รับการดูแลและปรับปรุงเป็นอย่างดีเป็นเวลานานสภาพแวดล้อมภายในหลุมหลบภัยไม่ถือว่าดีมากนัก ซึ่งมันก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนบนผนังที่แตกร้าวและมีวัชพืชเติบโตมากมายพร้อมด้วยทั้งกลิ่นชื้นแล
[43] [ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นสาม]ในที่สุดคำสั่งก็ส่งมาถึงทหารหน่วยพลีชีพ แต่ยังไม่ใช่คำสั่งออกรบแต่อย่างใดมันเป็นคำสั่งให้พวกเขาฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจลับต่อไป ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อภารกิจลับมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ที่ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามได้มาเจอกันและได้รวมหน่วยเป็นหน่วยพลีชีพเดียวกันตามคำสั่งของผู้บัญชาการ จากนี้ไปก่อนเริ่มทำภารกิจลับที่กำลังจะมาถึงหลังจากนี้ในอีกไม่นานพวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้คุ้นชินกับพลังและทักษะการต่อสู้ของกันและกัน“พบเป้าหมายที่ชั้นสามของอาคาร มันกำลังเข้าใกล้หน้าต่าง จำนวนไม่แน่ชัด” สโนว์กล่าวเสียงไร้อารมณ์เพื่อรายงานไปยังวิทยุสื่อสาร[รับทราบ] เสียงตอบกลับเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อ่อนวัยที่ไม่คุ้นเคยเพราะเขาคือสมาชิกทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามที่เพิ่งได้รวมหน่วยเข้ากับทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่หนึ่งอย่างพวกเธอ“ฉันจะรอรับชมอยู่ตรงนี้” สโนว์ยืนอยู่บนยอดอาคารร้างอย่างสบายอารมณ์ในตอนนี้ทหารทั้งสองรุ่นได้ออกมาทำภารกิจร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อประเมินพลังและความสามารถและสร้างความคุ้นชินซึ่งกันและกันก่อนจะต้องออกรบร่วมกันในสง