[5] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]
สถานการณ์น่าลุ้นระทึกผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ให้ความรู้สึกยาวนาน กว่าวินเตอร์จะเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้สโนว์ที่รอลุ้นอยู่บนเพดานก็เผลอกลั้นหายใจไปนานหลายนาที
ด้วยความโชคดีและความสามารถของวินเตอร์ ในที่สุดเขาก็สามารถเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้และสามารถแอบหลบกลับมาได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน อันที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องแอบลอบเข้าไปในใจกลางฝูงปรสิตเพราะภารกิจหลักของพวกเขาก็คือลอบเข้าไปวางระเบิดในรังของพวกปรสิต เพราะงั้นภารกิจพลีชีพแบบนี้พวกเขาทำมาหลายรอบจนชำนาญแล้วล่ะ
แต่การเอาระเบิดไปวางกับการเข้าไปเก็บตัวอย่างสำคัญมันไม่เหมือนกัน ภารกิจอันแรกจะตายก็ช่างขอแค่วางระเบิดสำเร็จภารกิจก็สำเร็จ แต่อันที่สองถ้าหากกลับมาไม่ได้ตัวอย่างสำคัญที่แอบเก็บมาก็จะสูญเปล่าภารกิจก็จะไม่สำเร็จ ระดับความเครียดจึงต่างกันเล็กน้อย ซึ่งพอได้รับข้อมูลที่ต้องการมาทั้งหมดแล้วสโนว์และวินเตอร์ก็รีบวิ่งกลับมาหาฟรอสต์และคนอื่น ๆ ทันทีราวกับกลัวว่าพวกปรสิตจะวิ่งตามหลังมา และเมื่อกลับไปถึงที่ซ่อนตัวสโนว์และวินเตอร์ก็รู้สึกราวกับว่าได้อากาศหายกลับมาเลยทีเดียว
“ในนั้นแออัดชะมัด แทบไม่มีอากาศหายใจเลย!” สโนว์บ่นพลางปาดเหงื่อ
“ฉันว่าเธอน่าจะตื่นเต้นเกินไปมากกว่านะ” ทหารร่วมทีมเอ่ยความจริงที่สโนว์ไม่ยอมรับ
“จะเป็นไปได้ยังไง! ภารกิจแบบนี้ฉันผ่านมาแล้วตั้งเยอะ ไม่มีทางตื่นเต้นกับภารกิจที่ทำแค่สอดแนมกับขโมยของหรอก!” สโนว์แย้งเสียงแข็ง
“ขโมยของ?” ทั้งห้าคนที่ไม่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้นั่นตั้งคำถามเดียวกัน วินเตอร์จึงนำหินเรืองแสงสีม่วงออกมาจากกระเป๋า แม้ว่ามันจะเล็กกว่าอันที่อยู่ข้างล่างเป็นหมื่นเท่าแต่แสงสีม่วงของมันก็ส่องสว่างเจิดจ้าไม่น้อย
“นั่น…มันเหมือนอุกกาบาต?”
“มันคืออุกกาบาต” ฟรอสต์เอ่ยขึ้นมาอย่างมั่นใจทันที
ทหารอีกสี่คนมองเศษเสี้ยวอุกกาบาตอย่างสงสัยและเคร่งเครียด
“ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย” ทหารคนหนึ่งกล่าวความคิดเห็นของตัวเองออกมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
“พวกมันมีพฤติกรรมแปลกประหลาดกับอุกกาบาตก้อนใหญ่ข้างใต้ ดูเหมือนแสงสีม่วงจะ…ฟื้นฟูร่างกายให้พวกมัน?” วินเตอร์กล่าวอย่างไม่มั่นใจนัก เขายังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาเข้าใจจริงๆ ละก็มนุษยชาติไม่มีทางกำจัดพวกปรสิตให้หมดจากโลกนี้ไปได้แน่
“ฉันเห็นกับตา พวกมันงอกอวัยวะใหม่” สโนว์กล่าวอย่างมั่นใจ “ฉันถ่ายวิดีโอเอาไว้แล้ว”
หลังจากได้ยินสิ่งที่สโนว์และวินเตอร์เล่า บรรยากาศตึงเครียดก็เข้าครอบงำพวกเขา เงียบกันไปสักพักฟรอสต์ก็เป็นคนกล่าวขึ้นมาก่อน “ถ้าสังเกตการณ์ต่อเราอาจจะได้ข้อมูลสำคัญเพิ่มขึ้น แต่การนำตัวอย่างนี้กลับฐานทัพเพื่อนำไปวิจัยก็สำคัญเช่นกันเพราะนี่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรากำจัดพวกปรสิตได้… ฉันขอถามความเห็นพวกนาย”
ทหารพลีชีพทั้งเจ็ดนายมองหน้ากันหลังจากที่ฟรอสต์ตั้งคำถาม พวกเขาทราบดีว่าถ้าหากอยู่สังเกตการณ์ต่อไปพวกเขาอาจจะได้ข้อมูลที่สำคัญมากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่ความโลภนี้อาจทำให้พวกเขาถูกพวกปรสิตค้นพบตัวตนระหว่างสังเกตการณ์ และท้ายที่สุดพวกเขาอาจไม่สามารถเอารอดชีวิตและเอาข้อมูลสำคัญนี้กลับไปให้ผู้บัญชาการได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นสิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดในตอนนี้มันจะกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า
“สเปรย์กลบกลิ่นไม่สามารถซ่อนพวกเราจากพวกปรสิตที่มีจมูกพิเศษได้ การอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่” ทหารคนหนึ่งออกความคิดเห็น คนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยเพราะไม่มีใครอยากอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยศัตรูของเผ่าพันธุ์แบบนี้
“เราไม่ควรโลภมาก ไม่งั้นจะไม่ได้อะไรเลย” สโนว์เห็นด้วยกับทหารคนนั้น “อีกอย่างตอนนี้ฉันยังตื่นเต้นไม่หายเลย รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีสักเท่าไหร่” น่าแปลกที่หัวใจของสโนว์ยังเต้นแรงและรู้สึกร้อนไปทั่วร่างกาย จะว่าตื่นเต้นกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หายก็ไม่น่าใช่เท่าไหร่นักเพราะเธอเคยผ่านเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นกว่านี้มาแล้ว แค่นี้ไม่ถือว่าเท่าไหร่
“ฉันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ฉันรู้สึกว่าในนี้ร้อนและน่าอึดอัดกว่าก่อนหน้านี้มาก” วินเตอร์ก็มีอาการคล้ายกับสโนว์
พวกเขาไม่เอะใจกับอาการผิดปกติของสโนว์และวินเตอร์มากนักจนกระทั่งทหารคนหนึ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้และถามขึ้นมา “พวกนายฮีทครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”
สโวน์ วินเตอร์ รวมถึงฟรอสต์ชะงักเมื่อได้ยินคำถาม
“อีกหนึ่งเดือนเพศรองของพวกเราถึงจะปรากฏ” ฟรอสต์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีทันทีเขาจึงรีบพูดขึ้นมา “จะมีทางเป็นไปได้เหรอที่จะเกิดอาการฮีท?”
“บางครั้งเพศรองจะปรากฏขึ้นเร็วหรืออาจจะช้าก็ได้ มันไม่แน่นอนหรอก” ทหารคนนั้นกล่าวหน้าเครียด
“บ้าจริง สเปรย์ปกปิดกลิ่นฟีโรโมนไม่ได้!” ทหารคนหนึ่งสบถออกมาและรีบถอยห่างจากสโนว์และวินเตอร์ทันทีเพราะตอนนี้พวกเขาไม่ต่างจากตัวดึงดูดฝูงปรสิตข้างล่างให้เข้ามาหา “รีบออกจากที่นี่ซะก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวและเจอพวกฉันไปด้วย!” เขาหันอาวุธไปหาสโนว์และวินเตอร์ทันที
ฟรอสต์เห็นดังนั้นก็ไม่ลังเลที่จะหันปืนไปหาทหารคนนั้นและยืนอยู่ข้างเพื่อนของเขา
“ลดปืนลง” ฟรอสต์กล่าวเสียงเข้ม
“นั่นนายทำอะไร พวกนั้นกำลัง…”
“ปรสิต!”
ก่อนที่พวกเขาจะได้ข้อสรุปทหารคนหนึ่งก็ตะโกนเตือนขึ้นมา เมื่อพวกเขาหันไปมองข้างหลังสิ่งที่พวกเขาได้พบก็คือฝูงปรสิตที่กำลังเข้ามาในอุโมงค์ที่พวกเขาใช้ซ่อนตัว ไม่ต้องคิดให้มาก พวกเขาถ่วงเวลาพวกปรสิตที่ตามมาด้วยการโยนระเบิดไฟฟ้าปิดกันทางเข้าและวิ่งหนีทันที แต่ทางหนีที่พวกเขารู้จักก็มีทางเดียวเท่านั้นและที่พวกเขารู้แน่ชัดก็คือมันเป็นทางที่ไกลมาก พวกเขาไม่สามารถวิ่งหนีตลอดสองวันได้ มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะหมดแรงก่อน
ทหารคนที่หันปืนใส่สโนว์และวินเตอร์คิดถึงความจริงนี้ได้เช่นกัน เขาจึงมีความคิดที่ไม่น่ารื่นรมย์ขึ้นมา เขาเหลือบสายตามองพวกสโนว์และพวกปรสิตที่พยายามวิ่งตามหลังพวกเขามาและคิดหาจังหวะที่จะทิ้งเพื่อนร่วมทีมที่เดินทางมาด้วยกันเพราะมันคือทางรอดของพวกเขาที่เหลือ
สโนว์และวินเตอร์เห็นสายตาของเพื่อนทหารร่วมทีมและเข้าใจถึงเจตนาในสายตานั้นได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจกับสายตานั่นแต่ก็ไม่ได้นึกโกรธแค้น มันไม่ยากที่จะเข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายและสถานการณ์ของตัวเอง
“ฉันจำได้ว่าข้างหน้ามีทางแยก”
สโนว์หันไปมองหน้าวินเตอร์ที่เป็นคนพูด สายตาที่ตัดสินใจอย่างหนักแน่นของเขาจ้องมองเข้ามาในดวงตาสีเขียวของสโนว์ สโนว์เข้าใจความหมายและไม่แปลกใจที่คนอย่างวินเตอร์จะตัดสินใจแบบนั้น เขาตัดสินใจที่จะเสียสละเพื่อเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ แม้ว่าสโนว์จะหงุดหงิดในใจแต่เธอก็ตัดสินใจที่จะติดตามการตัดสินใจของเขา
สโนว์และวินเตอร์โยนข้อมูลและตัวอย่างสำคัญทั้งหมดไปให้ฟรอสต์
“นายยังมีโอกาสรอดมากกว่าพวกฉัน” สโนว์กล่าว
ฟรอสต์มองเพื่อนทั้งสองของเขาอย่างตกตะลึง พวกเขากำลังตัดสินใจที่จะไปตายโดยทิ้งเขาไว้คนเดียวงั้นเหรอ? ฟรอสต์เอ่ยเสียงแข็งขึ้นมาทันที “ไม่ได้”
“เพื่อภารกิจ” มีชีวิตรอดเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ นั่นคือหน้าที่ในฐานะทหารพลีชีพอย่างพวกเขา
เมื่อถึงทางแยกสโนว์และวินเตอร์หยุดวิ่งทันที วินเตอร์สร้างโล่ล่องหนขึ้นมาซ่อนเส้นทางที่นำไปสู่ทางออกเพียงทางเดียวและเมื่อพวกปรสิตวิ่งเข้ามาใกล้และเห็นตัวพวกเขา สโนว์ก็ใช้พลังพิเศษควบคุมน้ำโจมตีพวกมันเพื่อดึงความสนใจจากฝูงปรสิตที่วิ่งตามมา
ฟรอสต์หยุดวิ่ง เขามองแผ่นหลังของเพื่อนที่ตัดสินใจที่จะเสียสละตัวเองด้วยสายตาที่อ่านอารมณ์ยากเพราะมันเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย
“ทำอะไรอยู่ เราควรรีบหนีในตอนที่พวกนั้นดึงดูดความสนใจพวกมัน!”
ฟรอสต์กัดฟันแน่นจากนั้นก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาโยนของที่วินเตอร์และสโนว์โยนมาให้ไปให้ทหารคนอื่น
“พวกคุณไปเถอะ” ฟรอสต์กล่าวก่อนที่จะวิ่งไปหาสองคนนั้น
“ชิ เจ้าโง่” ทหารทั้งสี่คนที่เหลือหันหลังวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล
[48] [ศัตรูในเงามืด]เมื่อร่างกายได้รับความสุขซ้ำแล้วซ้ำเล่าสติก็จะเริ่มล่องลอยจนไม่อาจแยกแยะเวลาที่ผ่านไปได้อีกต่อไป“สโนว์? หลับไปแล้วเหรอ?”เสียงกระซิบแผ่วเบาและนุ่มนวลที่ข้างหูทำให้สติของสโนว์กลับมาเล็กน้อย เธอยกเปลือกตาขึ้นด้วยดวงตาพร่ามัวและไม่จดจ่อ เธอยังคงนั่งอยู่บนตักและหันหน้าแนบชิดลำตัวส่วนหน้าเข้าหาฟรอสต์เหมือนเดิมก่อนที่จะหมดสติไป เธอวางคางอยู่บนไหล่หนาของเขาพร้อมทั้งทิ้งตัวพิงเขาด้วยท่าทางไร้น้ำหนัก“เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?” เธอพึมพำถามเสียงเบา ความรับผิดชอบในหน้าที่ทำให้สโนว์พยายามตื่นตัว“ยังเหลือเวลาอีกหน่อย” ฟรอสต์กระซิบตอบเธอขณะที่โอบกอดเธอด้วยแขนทั้งสองข้างด้วยเรี่ยวแรงที่แข็งแกร่งขณะที่ประทับจูบไปตามไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน แต่เมื่อเขาเห็นรอยจูบที่วินเตอร์ทิ้งไว้เขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบให้หนักมากขึ้นอีกหน่อยจนกลบทับรอยเก่าไปได้“พอแล้ว” สโนว์เอียงคอหลบจูบและเอ่ยห้ามปราม เธอรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วเพราะท้องของเธอรู้สึกแน่นมาก น้ำที่อัดแน่นในท้องของเธอไม่สามารถหาทางออกมาได้เพราะแท่งอุ่นของฟรอสต์ยังคงฝังอยู่ข้างใน“ไม่ได้” ฟรอสต์ปฏิเสธ ในเมื่อยังไม่รู้สึกเพียงพอเขาจะยอมปล
[47] [ไม่อนุญาตให้จับ]ฟรอสต์รู้สึกว่ามันเป็นการทรมานทางร่างกายอันแสนหวานทางด้านสโนว์กลับรู้สึกว่ามันไม่น่าพอใจนักทำไมมันยากจัง สโนว์คิดขณะที่เช็ดคราบน้ำสีขาวออกจากริมฝีปากของเธอที่มีอาการชาเล็กน้อยสโนว์ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะทักษะของเธอแย่มากหรือเพราะฟรอสต์อดทนเก่งกันแน่ กว่าที่ฟรอสต์จะถึงจุดสุดยอดมันก็ใช้เวลานานมาก ลิ้นและปากของเธอรู้สึกเมื่อยไปหมดแล้ว“รสชาติค่อนข้างแปลก” สโนว์หน้านิ่วคิ้วขมวดขณะคายน้ำสีขาวข้นที่ยังเหลืออยู่ในปากออกไป“สโนว์” ฟรอสต์เอ่ยปากเรียกสโนว์เสียงเคร่งขรึม แต่อันที่จริงเขากำลังกระสับกระส่าย การถึงจุดสุดยอดเพียงครั้งเดียวมันไม่เพียงพออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้สโนว์ไม่อยากจะช่วยให้ฟรอสต์เสร็จอีกรอบ เธออยากจะคลายความกระสับกระส่ายของตัวเองก่อนมากกว่า เธอวางมือลงบนท้องน้อยของตัวเองที่รู้สึกวูบวาบอย่างแปลกประหลาดยากที่จะบรรยาย เธอรู้ว่าถ้าหากข้างในมันได้รับการเติมเต็มและกระแทกสักหน่อยร่างกายของเธอก็จะรู้สึกพอใจมากสายตาของสโนว์เหลือบไปมองแก่นกายของฟรอสต์ที่สามารถเติมเต็มความตั้งการของเธอได้ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้านิ่งเรียบของเขาแต่สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได
[46] [เรื่องราวการแก้แค้นบนเตียง?] NC“อย่าดิ้นรนสิ” สโนว์กล่าวเสียงเข้มพร้อมทั้งกดศีรษะของฟรอสต์ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าและกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ร่างของเธอให้ใบหน้าของเขาแนบชิดกับเตียงนอนจนเขาไม่สามารถผงกหัวขึ้นมาได้“…กำลังทำอะไรอยู่?” ฟรอสต์ที่ถูกบังคับให้อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเอ่ยถามด้วยความยอมจำนนสโนว์จับแขนของเขาไขว้หลังและมัดพวกมันไว้ด้วยพลังน้ำที่แม้จะดูอ่อนแอแต่มันกลับไม่ง่ายที่จะทำลาย ความยืดหยุ่นของน้ำที่แม้จะถูกทำลายมันก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเชือกพันธนาการที่แน่นหนาเหมือนเดิม“ฉันจะได้กัดคอนายได้อย่างสะดวกยังไงล่ะ ฟรอสต์” สโนว์ยกยิ้มมุมปาก อันที่จริงเธอกำลังแก้แค้นต่างหาก “ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้วฉันจะบอนด์ให้”สโนว์กล่าวพลางตบบั้นท้ายเปลือยเปล่าที่มีแต่กล้ามเนื้อของฟรอสต์สองสามครั้ง มุมปากของฟรอสต์กระตุกเล็กน้อยแต่เขาก็ผ่อนคลายร่างกายและยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่นั่งคร่อมอยู่ข้างหลังของเขา เขาทำได้เพียงหลับตาลงและสูดดมกลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าที่ทำให้ร่างกายที่กำลังอยู่ในรอบฮีทของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมประสาทสัมผัสของฟรอสต์ในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นและ
[45] [ครั้งหน้าสามคนไปเลย]เมื่อกลับมาถึงฐานทัพทหารทางเหนือ ฟรอสต์ก็มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพทันทีเนื่องจากว่าฟรอสต์เป็นผู้รับผิดชอบรายงานต่อผู้บัญชาการฐานทัพเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะออกไปฝึกฝนครั้งนี้อย่างไรก็ตามการรายงานของฟรอสต์กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะนี้บรรยากาศในห้องทำงานของผู้บัญชาการฐานทัพเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดันเนื่องจากว่าการรายงานเปลี่ยนเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนรับมือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ผู้บัญชาการฐานทัพย่อยหรือพลโทเทเลอร์วางมือบนพนักพิงเก้าอี้พลางหลับตาลงเพื่อสงบอารมณ์จากการประชุมที่ตึงเครียดนานเกือบชั่วโมง ใบหน้าของชายที่กำลังเข้าสู่วัยชราเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้มากมายแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมพลโทเทเลอร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยสายตามุ่งมั่นราวกับพร้อมที่จะต่อสู้และตายไปพร้อมกับศัตรู เขามองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังดูเยาว์วัยแต่อารมณ์และบรรยากาศนั้นกลับเหมือนทหารผ่านศึกมามากมายเหมือนชายชราเช่นเขา และยังบรรยากาศของพลังอันแข็งแกร่งนั่น…พลโทเทเลอร์รู้สึกไว้วางใจขึ้นมาจึงผ่อนคลายใบหน้าตึงเครียดลงเ
[44] [กลิ่นป่าน้ำแข็ง]ก่อนดวงอาทิตย์ตกดินเด็กทั้งสองคนได้นำทางทหารทั้งสิบคนไปยังหลุมหลบภัยได้อย่างราบรื่นเพราะปรสิตที่ปรากฏตัวระหว่างทางถูกทหารหน่วยพลีชีพกำจัดจนหมดอย่างง่ายดายเด็กทั้งสองมองทหารหน่วยพลีชีพด้วยสายตาทั้งหวาดกลัวและชื่นชม อาจจะด้วยความต้องการพึ่งพาผู้แข็งแกร่งพวกเขาจึงเริ่มกล้าเปิดปากพูดมากขึ้น“ที่นี่คือหลุมหลบภัยที่พวกเราอาศัยอยู่มาตลอด มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่มันแข็งแรงมากและปรสิตก็ไม่เคยหาพวกเราเจอ” เด็กชายกล่าวขณะดึงประตูกิ่งไม้ที่ถูกเถาวัลย์หนาปกคลุมจนสามารถปกปิดประตูโลหะที่หนาและแข็งแกร่งไว้ได้อย่างแนบเนียนเมื่อเปิดประตูเข้าไปพวกเขาก็จะพบเจอกับเส้นทางที่จะนำพาลงไปใต้ดินและพบกับห้องขนาดใหญ่ที่เหมือนว่าจะเป็นด่านป้องกันแรกหากปรสิตบุกรุกเข้ามาได้ และถ้าเข้าไปลึกมากขึ้นก็จะพบกับประตูโลหะอีกบาน ข้างหลังประตูนั่นมีพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและเนื่องจากหลุมหลบภัยน่าจะไม่ได้รับการดูแลและปรับปรุงเป็นอย่างดีเป็นเวลานานสภาพแวดล้อมภายในหลุมหลบภัยไม่ถือว่าดีมากนัก ซึ่งมันก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนบนผนังที่แตกร้าวและมีวัชพืชเติบโตมากมายพร้อมด้วยทั้งกลิ่นชื้นแล
[43] [ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นสาม]ในที่สุดคำสั่งก็ส่งมาถึงทหารหน่วยพลีชีพ แต่ยังไม่ใช่คำสั่งออกรบแต่อย่างใดมันเป็นคำสั่งให้พวกเขาฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจลับต่อไป ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อภารกิจลับมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ที่ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามได้มาเจอกันและได้รวมหน่วยเป็นหน่วยพลีชีพเดียวกันตามคำสั่งของผู้บัญชาการ จากนี้ไปก่อนเริ่มทำภารกิจลับที่กำลังจะมาถึงหลังจากนี้ในอีกไม่นานพวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้คุ้นชินกับพลังและทักษะการต่อสู้ของกันและกัน“พบเป้าหมายที่ชั้นสามของอาคาร มันกำลังเข้าใกล้หน้าต่าง จำนวนไม่แน่ชัด” สโนว์กล่าวเสียงไร้อารมณ์เพื่อรายงานไปยังวิทยุสื่อสาร[รับทราบ] เสียงตอบกลับเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อ่อนวัยที่ไม่คุ้นเคยเพราะเขาคือสมาชิกทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามที่เพิ่งได้รวมหน่วยเข้ากับทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่หนึ่งอย่างพวกเธอ“ฉันจะรอรับชมอยู่ตรงนี้” สโนว์ยืนอยู่บนยอดอาคารร้างอย่างสบายอารมณ์ในตอนนี้ทหารทั้งสองรุ่นได้ออกมาทำภารกิจร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อประเมินพลังและความสามารถและสร้างความคุ้นชินซึ่งกันและกันก่อนจะต้องออกรบร่วมกันในสง