ถังเหยาเพิ่งได้รับออเดอร์แรกจากแอปฯ สั่งอาหาร
สามจานอย่างหลักเต้าหู้ผัดพริกเสฉวน, ซี่โครงตุ๋นซอสไวน์แดง, และไก่เผ็ดเสฉวนถูกเตรียมเรียบร้อย วางบนเตาให้ไฟอ่อนเคี่ยวไว้ ส่วนไก่เสฉวนนั้น จะทำซอสราดตอนลูกค้าสั่งเท่านั้น
ข้าวผัดหยางโจว ข้าวผัดทะเล และข้าวผัดสับปะรด จะเริ่มผัดก็ต่อเมื่อถึงเวลาจัดจานเสิร์ฟเท่านั้น ซุปเปรี้ยวปลาป่นทำเสร็จเรียบร้อย ใส่ในหม้อเก็บความร้อนอย่างดี ส่วนสลัดผักน้ำมันงาเป็นเมนูเคียงที่ไม่คิดเงิน แค่คลุกกับน้ำสลัดสูตรพิเศษของร้านก็พอ
ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว แม้จะทำคนเดียว แต่ถังเหยาก็จัดการได้หมดทั้งครัว
หลังปรุงเสร็จจะวางจานไว้ที่เคาน์เตอร์ ส่งอาหารให้หยางอิงเป็นคนรับต่อ น้ำบ๊วยโซดาก็แช่ไว้ในตู้เย็นแล้ว แค่เทใส่น้ำแข็งก็พร้อมเสิร์ฟ หยางอิงยืนอยู่ตรงช่องส่งอาหาร มองดูถังเหยากำลัง “ร่ายรำกับกระทะ” ในครัว มือทั้งสองข้างของถังเหยาถือกระทะใบเบ้อเริ่ม สะบัดไปมาอย่างชำนาญ เมล็ดข้าวในกระทะเหมือนกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน
กลิ่นหอมของอาหารลอยมาตามสายลม พุ่งเข้าจมูก หยางอิงเพิ่งอิ่มข้าวเช้ามาแท้ๆ แต่พอได้กลิ่นนี้ก็หิวขึ้นมาอีกจนท้องร้องจ๊อก ๆ
“เหยาเหยาเอ๊ย ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ จะต้องจับเธอมาแต่งให้ได้เลย หอมเกินต้านแล้วแม่!” ประโยคนี้ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ เพราะเธอพูดจากใจจริง
ถังเหยาไม่เพียงแต่ทำอาหารเก่ง แต่ยังเป็นคนที่น่าหลงใหลมากด้วย ปกติอาจดูเป็นสายเนือยชิลล์ๆ เหมือนปลาทะเลว่ายตามน้ำ แต่พอได้ลงมือทำอะไรจริงจังแล้ว เธอกลับจริงจังชนิดเป๊ะทุกมุม ตอนรู้ว่าจะมาเปิดร้านอาหาร หยางอิงถึงกับทำตะเกียบหล่นเลยทีเดียว
ให้ถังเหยามาเปิดร้านอาหาร? คนแบบเนี่ยนี่นะจะลุกมาทำอาหารให้คนอื่น? ไม่มีทาง!
ถังเหยาน่ะ เป็นปลาทะเลสายเนือยโดยกำเนิด บางทีทำกับข้าวให้ตัวเองยังแทบไม่อยากลงมือ แล้วอย่างนี้จะให้มาทำขายทุกวัน? แต่พอรู้ว่ามันเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณตา ทุกข้อสงสัยก็หายไปหมดสิ้น
งั้นต้องรีบอาศัยช่วงที่ถังเหยายังเปิดร้านอยู่ มากินให้คุ้มก่อนที่เธอจะขี้เกียจแล้วเลิกทำ!
ถังเหยาได้ยินเพื่อนแซวก็แค่ส่ายหน้ายิ้มๆ ประโยคนี้เธอได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว มือก็ยังไม่หยุดผัดข้าวในกระทะ เมล็ดข้าวสีเหลืองทองเด้งขึ้นเด้งลงสลับกันไปมา ถึงจะรู้ว่ารสชาติดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังตักใส่จานมาชิมก่อน พอพอใจแล้วถึงค่อยหรี่ไฟลง
เตรียมกล่องข้าวไว้สามกล่อง กล่องหนึ่งใส่ข้าวสวย กล่องหนึ่งข้าวผัดทะเล อีกกล่องเป็นข้าวผัดหยางโจว แล้วก็หยิบกล่องกลมมาใส่กับข้าวและซุป เพิ่มกล่องเล็กๆ อีกสามกล่องใส่สลัด ตอนนี้เธอยังแค่คลุกผักไว้ก่อน พอคนส่งอาหารมาผักจะได้พอดีรส
กลุ่มไรเดอร์ของเขตเหิงเตี้ยนกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปก็รับงานเหมือนกันหมด เฉินผิง เพิ่งกินข้าวร้านใกล้ๆ เสร็จ พอเห็นแจ้งเตือนออร์เดอร์ก็กดรับทันที ยืนมองจากข้างนอกนึกว่าเป็นบ้านคนธรรมดา ที่ไหนได้เพิ่งเปิดร้านข้าวต่างหาก มีเมนูไม้แขวนอยู่หน้าประตูด้วย แต่เขาดันไม่ทันสังเกต เดินเข้ามาถึงรู้ว่าสวนข้างในกว้างมาก
“มารับออร์เดอร์ครับ”
หยางอิงเห็นคนเดินเข้ามาต้อนรับ “รอสักครู่นะคะ”
แล้วหยิบน้ำบ๊วยสามแก้วที่เตรียมไว้ใส่น้ำแข็งเรียบร้อย ปิดฝาให้แน่น วางขนมกล่องเล็กๆ สามกล่องบนฝาแก้ว จากนั้นก็หยิบข้าวและกับข้าวใส่ถุงแยกให้ครบ เช็กอีกทีว่าไม่ลืมตะเกียบ ช้อน และผ้าเปียก ถึงยื่นให้ไรเดอร์
“ขอบคุณที่รอนะคะ วันนี้เปิดร้านวันแรก ทางร้านมีน้ำบ๊วยแจกให้ด้วย ลองชิมดูนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่มารับออร์เดอร์นี้”
เฉินผิงมองเชฟสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมรอยยิ้ม กับพนักงานอีกคนที่ดูสดใสร่าเริงกำลังยื่นอาหารให้เขา ใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ? ทำไมไม่รู้มาก่อนเลยว่าร้านนี้มีสาวสวยถึงสองคน! แค่รอยยิ้มก็เหมือนทั้งโลกสดใสขึ้นมาทันที ทำให้คนมองแทบละสายตาไม่ได้
ผู้หญิงอะไรกันน่ารักขนาดนี้ พูดจายังน่าฟังน้ำเสียงไพเราะ เสียดายที่เขากินข้าวมาแล้ว ไม่งั้นจะนั่งกินที่ร้านสักหน่อย ถ้าเย็นนี้ร้านยังเปิดอยู่ล่ะก็ต้องกลับมาอุดหนุนอีกแน่นอน
พอเฉินผิงเดินออกไป ก็มีสองสาวเดินสวนเข้ามาพอดี
ตงอ้ายกับลี่หลินเดินวนมาทั่วถนนสายอาหารในย่านเหิงเตี้ยน แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินอะไรดี พอเดินมาถึงบ้านไม้หลังเก่าที่เปิดประตูอยู่ เห็นคนส่งอาหารเดินออกมา จึงเพิ่งรู้ว่านี่คือร้านอาหาร
มองเข้าไปในลานบ้าน เห็นเงาต้นไม้สูงๆ ก็คิดแค่ว่าเข้าไปหลบร้อนก่อนก็ยังดี เดินมานานกลางแดดจนหมดอารมณ์ความอยากไปแล้ว พอเดินเข้าลานมาก็เจอเงาไม้ร่มเย็น พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้กับบ่อน้ำโบราณ บรรยากาศแบบจีนดั้งเดิมแท้ๆ ข้างบนยังมีโคมไฟกระดาษแขวนเรียงกันสวยงาม ดูแล้วเหมือนฉากในซีรีส์ย้อนยุคไม่มีผิด
ถึงจะยังไม่เห็นว่าข้างในห้องหน้าตาเป็นยังไง แต่แค่บรรยากาศในลานก็ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา ทั้งคู่เลือกโต๊ะใต้ต้นอู๋ถง ฟังเสียงใบไม้ไหวในลมเบาๆ ลมเย็นที่พัดมาก็เหมือนพัดเข้าไปถึงในใจ
พนักงานสาวเดินถือแก้วไม้ใส่น้ำบ๊วยเย็นๆ มาเสิร์ฟ บอกว่าเป็นของแถมจากทางร้าน บนโต๊ะยังมีแจกันปากแคบใส่ดอกไม้สวยๆ ตกแต่งไว้ด้วย ตงอ้ายอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือ มาถ่ายรูปโต๊ะอาหารกับวิวบ่อน้ำและสวนดอกไม้ตรงหน้า เจ้าของร้านนี้ต้องเป็นคนที่มีเซนส์ด้านศิลปะสุดๆ ตกแต่งได้โดดเด่นน่าประทับใจมาก
“กลิ่นหอมจังเลย”
กลิ่นหอมของข้าวผัดลอยมากับสายลมบางๆ ผ่านออกมาจากในครัว พอมองเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ก็เห็นเสี้ยวหน้าของเชฟสาวด้านใน กำลังใช้สองมือสลับผัดกระทะคู่ เมล็ดข้าวสีทองเด้งขึ้นลงราวกับมีชีวิต ท่าทางในการผัดดูคล่องแคล่วสวยงาม จนทั้งสองคนมองตาค้างอยู่แบบนั้น จนกระทั่งอาหารเสร็จถึงมีสติกลับคืนมาได้
ลี่หลินมองข้าวสองจานที่วางอยู่บนโต๊ะ แค่เห็นสีสันกับได้กลิ่นหอมก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แบบนี้มันน่ากินเกินไปแล้ว! หน้าตายังดูดีกว่าร้านอาหารระดับสามดาวที่เคยไปกินอีก
เธอสั่งซี่โครงตุ๋นซอสไวน์แดงกับข้าวผัดหยางโจว พอมองไปที่ซี่โครงวัวก็เห็นว่ามีซอสน้ำข้นสีน้ำตาลแดงเคลือบอยู่ทั่ว เนื้อวัวตุ๋นนุ่มๆ กับแครอทและมันฝรั่งที่ดูดซึมซอสเข้าไปเต็มที่ กลิ่นก็หอมจนอดใจไม่อยู่ ต้องรีบตักเนื้อขึ้นมากินพร้อมกับข้าวผัดทันที
พอรสสัมผัสแรกแตะที่ปลายลิ้น ก็ลืมไปหมดเลยว่านี่มันที่ไหน ตาก็จ้องแค่จานข้าวตรงหน้าอย่างเดียว ข้าวผัดหอมกรุ่นเต็มไปด้วยหมูชิ้นนุ่มๆ ละลายในปาก ผัดคลุกเคล้ากับกุนเชียงกลิ่นหอมเฉพาะตัว และผักสามสีก็เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ กุนเชียงนี่ไม่ธรรมดาเลยกลิ่นหอมแรงแต่ไม่ฉุน รสชาติเข้มข้นเค็มหวานกำลังดี พอได้เคี้ยวพร้อมแครอท หอมหัวใหญ่ และถั่วลันเตา กลายเป็นรสสัมผัสที่เข้ากันมาก
ข้าวก็ผัดมาได้กำลังดี ไม่แฉะเกินไปและไม่แห้งเกินไป เมล็ดข้าวเคลือบสีเหลืองทองของไข่แดงสวยน่ากิน ข้าวผัดจานนี้มันสุดยอดจริงๆ กินคำแรกก็อยากจะตักคำที่สองทันทีเลย
แงงงง แอดหิววว ขอซี่โครงตุ๋นด้วยคนฮะ ข้าวผัดด้วยยยยยย หูววว อ่านไปน้ำลายไหลไป
วันนี้มากับเพื่อนสนิทชื่อ “หยู่เยียน” ให้ช่วยถือกล้องให้ เธอจัดทรงผมนิดหน่อยก่อนจะเริ่มไลฟ์“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่Meo Blog ทายสิว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเอ่ย”หยู่เยียนรู้หน้าที่ดี รีบหมุนกล้องตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปบริเวณรอบๆ“ถูกต้องค่า! ตอนนี้เราอยู่ที่เหิงเตี้ยน แฟนๆ เคยแนะนำมาว่าที่นี่มีร้านข้าวชื่อ ‘ตระกูลถัง’ อร่อยมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาลองให้ได้ และมาแชร์กับทุกคนด้วยนะคะ! ได้ข่าวว่าต้องต่อคิว ก็เลยรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ อ้าว มีคนมารอก่อนเราแล้ว!”ซินหยางเดินมาเจอคนยืนรอคิวอยู่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ทำเอาเธอพูดเสียงเบาลงทันที เพราะรอบตัวก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น“ไม่น่าเชื่อเลยทุกคน ยังไม่ห้าโมงแท้ๆ แต่มีคนมารอกินข้าวกันแล้วอะ”ระหว่างรอ คนในคิวก็พูดคุยกันเพลิน ส่วนใหญ่ก็พูดถึงร้านตระกูลถังนั่นแหละ“ผมค
ด้านหน้าร้าน ถังเหยาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงเดินออกมาดู แล้วต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกาเหวินยืนอยู่ตรงนั้นเจ็ดโมงครึ่งเช้าเองนะ...มาถึงตั้งแต่เช้าแบบนี้ คิดจะมากินอาหารเช้าหรือยังไงกัน? ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลยด้วยซ้ำ“สวัสดีครับคุณถัง ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านเปิดขายอาหารเช้าตอนกี่โมงครับ?”“ขอโทษด้วยค่ะคุณเกา ร้านเราไม่ได้ขายอาหารเช้าค่ะ”เกาเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันดูผิดหวังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถังเหยารู้สึกแปลกใจเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเล่าเรื่องของกู้จื่ออวี้ให้เธอฟัง พร้อมหยิบใบวินิจฉัยสุขภาพเมื่อวานให้ดู เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูสุขุมคนนั้น จะป่วยหนักขนาดนี้“จริงๆ ผมก็พยายามไปซื้อจากร้านอื่นให้แล้วนะครับ แต่เขากินไม่ได้เลย...ใครจะคิดว่าเมื่อวานเขาจะกินได้เยอะขนาดนั้น แถมตอนกลางคืนก็ยังหลับได้ดี ไม่กระสับกระส่ายเหมือนทุกที ผมเลยกะว่าจะมาซื้อให้ครบสามมื้อเลย แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณไม่ได้ขายอาหารเช้า”
โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทายผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู
เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลยยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้นหยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เ
ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองเหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉินกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว
ความโดดเด่นที่สุดของจานนี้ ต้องยกให้กับฝีมือการปรุงรส และความสามารถในการควบคุมไฟของ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงถึงจะทำได้แบบนี้ จะใช้ไฟแรงตอนไหน ควรลดไฟหรือถอนฟืนเมื่อใด ทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ประสบการณ์ควบคุม เพื่อให้เนื้อหมูซึมซับน้ำซอสได้อย่างทั่วถึง โดยไม่เละ ไม่แห้ง และยังคงความสดฉ่ำของวัตถุดิบไว้อย่างสมบูรณ์แบบนี่เป็น หมูต้มตงพอ ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน ยิ่งกว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านดังเต๋ออี้จิ่วโหลว ที่เขาเคยหลงใหลเสียอีกที่นั่นแต่ละจานจะใช้หม้อดินขนาดเล็กเคี่ยวแยกกันทีละหม้อ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้น แต่ที่ร้านตระกูลถังกลับเคี่ยวรวมหม้อใหญ่ แต่ยังคงความสวยงามและรสชาติระดับเทพเอาไว้ได้ทุกชิ้น ฝีมือเชฟสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเรื่องมีดและการควบคุมไฟ พรสวรรค์ชัดๆ!พอเที่ยงตรงนักแสดงตัวประกอบ รวมถึงพนักงานในกองถ่ายหลายคณะที่เพิ่งเลิกกอง พอมีเวลาปุ๊บก็รีบพุ่งไปที่ร้านตระกูลถัง หวังจะได้ลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้ยินข่าวลือมาว่ามีขายวันนี้ หมูต้มตงพอ สีสวยเคลือบน้ำซอสข้นๆ นั่นแหละ! เมนูในตำนานที่หลายคนรอคอย ยังไม่ทันจะได้กดสั่ง ก็เห็นข้อความที่ทำให้เข่าอ่อนหม