พอนั่งลงแล้วก็ไม่สามารถรับออเดอร์ได้อีก กลิ่นหอมของข้าวผัดลอยมาแล้ว ทั้งกลิ่นเนื้อ กลิ่นปลา หอมขนาดนี้ ใครจะไปมีแรงกดรับออเดอร์กันล่ะ
คุณลูกค้าทั้งหลาย ขออภัยด้วยนะครับ ตอนนี้พวกเราขอ “สัญญาณหลุด” ชั่วคราว
กลุ่มหนุ่มๆ พนักงานส่งของได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว พร้อมกับแอบขอโทษลูกค้าในใจ กินไปได้ครึ่งจานถึงค่อยเริ่มกดรับออเดอร์อีกที พอดีกับที่เชฟทำอาหารเสร็จ แต่ละคนพากันหยิบอาหารแล้วออกไปส่ง
หน้าร้านตอนนี้มีกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ หนึ่งในนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายไปทางป้ายหน้าร้าน แล้วถามคนในสาย
“ลั่วลั่ว ร้านนี้ใช่ไหม?”
เสียงปลายสายตอบกลับมา “ใช่เลยเฟยอี้ อย่าลืมนะ ต้องพา ‘ท็อปไอดอล’ กลับมาให้ฉันด้วยล่ะ!”
“โอเค เดี๋ยวจะพาท็อปไอดอลกลับไปให้เธอเอง”
เฟยอี้วางสายแล้วหันไปบอกเพื่อนๆ ว่าใช่ร้านนี้แน่นอน จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน เพื่อนของเธอเคยมาทานข้าวเย็นที่ร้านนี้ กลับไปถึงบ้านก็เล่าใหญ่เลยว่าร้านนี้ดีแค่ไหน รสชาติสีสันอาหารเป็นยังไง บอกว่านี่คืออาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา
เพราะแบบนั้น เฟยอี้ถึงกับต้องลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากินตอนดึกเพราะหิว แต่พอเห็นรูปอาหารแล้วก็ยังอยากกินอยู่ดี วันนี้เลยรีบใช้เวลาพักเที่ยงแวะมาให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ทีมของลั่วลั่วต้องถ่ายทำถึงเย็น เธออยู่ฝ่ายแต่งหน้าเลยออกมาก่อนไม่ได้ ต้องรอให้ถ่ายเสร็จถึงจะว่าง
กลุ่มเฟยอี้พอเดินเข้ามาเห็นบรรยากาศในสวนใต้ร่มไม้ โต๊ะเก้าอี้ไม้ กับบ้านทรงเก่าแบบเรียบง่ายก็รู้สึกชอบมาก แต่น่าเสียดายโต๊ะด้านนอกเต็มหมดแล้ว เลยต้องย้ายเข้าไปนั่งในห้องข้างใน ซึ่งก็จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามไม่แพ้กัน
เพื่อนที่มาด้วยกันเปิดบานประตูไม้หลายบานออก แล้วใช้ไม้ยันประตูไว้ ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศในลาน หน้าร้านที่เต็มไปด้วยความคึกคักและเสียงกินข้าว
โต๊ะที่อยู่ใกล้เธอ ทุกคนกำลังกินไปยิ้มไป สีหน้าดูมีความสุขกันถ้วนหน้า นั่งอยู่ในห้องแล้วมองออกไปเห็นวิวลานด้านนอก ก็ให้ความรู้สึกเพลินตาเพลินใจไปอีกแบบ
“ร้านนี้แปลกดีเนอะ บรรยากาศเงียบจนน่าแปลก มีแต่เสียงตะเกียบกับช้อนกระทบชาม ลูกค้าก็เงียบๆ เหมือนกัน ทุกคนดูตั้งใจแค่กินอย่างเดียว ไม่ค่อยคุยกันเลย”
“แต่รู้สึกไหม? แค่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านก็รู้สึกใจเบาขึ้นเฉยเลย เหมือนเวลาที่นี่เดินช้าลง ลมยังพัดเบาๆ จนรู้สึกแปลกใจเลยล่ะ”
ถังเหยากำลังผัดข้าวอยู่ก็เห็นว่าออเดอร์ในแอปเด้งรัวๆ หันไปดูซี่โครงวัวตุ๋นซอสเหลืออยู่นิดเดียว เลยบอกให้ หยางอิงปิดเมนูในแอปไปก่อน แล้วก็เตือนว่าไก่เสฉวนเหลือแค่สิบกว่าส่วน รีบปิดไว้เลยก่อนที่จะหมด
วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ ทำให้ของที่เตรียมไว้เริ่มไม่พอแล้ว ดูท่าไม่ทันถึงเวลาพักเที่ยงก็น่าจะขายหมดแล้วแน่ๆ
ถิงถิงเพิ่งไปช่วยเพื่อนในกองถ่ายทำธุระเล็กน้อย กลับมากะจะหยิบโทรศัพท์มาสั่งอาหารสักหน่อย แต่ดันเจอเรื่องประหลาด ในเมนูของร้านตระกูลถัง ขึ้นสถานะ เต็ม เกือบหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้สั่งเลย
ฮะ? ซี่โครงวัวตุ๋นซอสหมดไปแล้ว ไก่ก็เหลือแค่ 2 ที่ โชคดีที่มือไวพอ กดใส่ตะกร้าได้ทันเวลา ต้องสั่งเต้าหู้สูตรพิเศษเพิ่มอีกสามที่ ซุปก็เหลือแค่ 3 ถ้วย รีบสั่งให้หมดไปเลย พอกดจ่ายเงินเสร็จแล้วลองออกจากหน้าแอปแล้วเข้าใหม่ ร้านก็ขึ้นว่า “อาหารหมด ไม่รับออเดอร์” แล้ว
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!!
ถิงถิงยังงุนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นผู้กำกับเฉินเดินตรงมาจากฝั่งตรงข้าม ปรากฏว่าผู้กำกับอยากให้เธอช่วยสั่ง ซี่โครงวัวตุ๋นไวน์แดง ให้สองที่ ของเขากับผู้กำกับซ่ง เพราะวันนี้ทั้งคู่ต้องถ่ายทำจนไม่ได้ออกไปไหน
แต่ไก่เผ็ดเสฉวนยังเหลือแค่สองที่ ส่วนซี่โครงวัวตุ๋นนั้นหายไปจากเมนูนานแล้ว ถิงถิงเลยได้แต่บอกความจริงให้ผู้กำกับฟัง
พอผู้กำกับเฉินได้ยินว่าของหมดก็เสียดายสุดๆ วันนี้กองถ่ายไม่มีเวลาพักนาน เลยต้องสั่งมากินที่กอง เขายังจำรสชาติของซี่โครงตุ๋นได้ไม่ลืม ตั้งใจจะกินต่ออีกมื้อตอนเที่ยงแท้ๆ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะบ่ายโมงก็หมดแล้ว สุดท้ายก็ต้องกินรวมกับทีม แล้วค่อยแวะร้านตระกูลถังใหม่ตอนเย็น
ถังเหยายุ่งจนถึงเกือบบ่ายสองกว่าจะได้พัก ลูกค้าหมดแล้วถึงค่อยได้ปิดร้านขึ้นป้าย “อาหารหมด” ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะยังไม่ได้หยุดพักเลย จริงๆ แล้วเธอเขียนไว้ตั้งแต่ต้นว่ารับลูกค้ารอบเที่ยงถึงบ่ายโมง กับรอบเย็นตั้งแต่สองทุ่ม แต่คนที่มายืนต่อแถวด้านหลังมักไม่เห็นป้าย พอถึงคิวพวกเขา…เธอก็ใจอ่อนไม่กล้าปฏิเสธให้กลับ
“เที่ยงนี้คนเยอะจริงๆ แฮะ แบบนี้คงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ เราทำอาหารทันก็จริง แต่งานเก็บล้างใช้เวลามาก กลัวลูกค้าจะต้องรอนาน”
ถังเหยาก็เริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนกัน หลังจบช่วงเที่ยงไม่คิดเลยว่าลูกค้าจะมากันแน่นขนาดนี้ เรียกว่าเต็มตั้งแต่ในห้องจนถึงหน้าระเบียง ส่วนลานหน้าร้านไม่ต้องพูดถึง โต๊ะนั่งหมดทุกตัวตลอดเวลา ปล่อยให้หยางอิงวิ่งไปวิ่งมาแค่คนเดียวก็ดูจะไม่ไหวจริงๆ
กำลังคิดว่าจะหาคนมาช่วยเพิ่มอยู่พอดี ก็ได้ยินเสียงลุงหวังที่กำลังนั่งจิบชาพูด “ถ้าหนูถังเหยาไม่รังเกียจ ลุงอยากลองช่วยทำงานนี้ดู ถ้าหนูโอเคลุงก็จะทำ แต่ถ้าไม่เหมาะก็ถือว่าลุงไม่ได้พูดก็ได้นะ”
“ลุงหวังพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าลุงช่วยหนูดีใจมากเลยค่ะ ลุงพูดออกมาแล้ว ทีนี้ก็อย่าเรียกหนูว่าคุณถังเหยาอีกเลย เรียกเสี่ยวเหยาก็พอแล้วค่ะ”
ถังเหยาไม่ได้แกล้งยิ้มหรือทำเป็นดีใจ แต่เธอดีใจจริงๆ ที่ลุงหวังเสนอตัวมาช่วย เพราะเมื่อคนเราเริ่มอยากทำอะไรบางอย่าง แปลว่าใจเปิดรับสิ่งใหม่ และเดินไปในทางที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของลุงหวังก็ยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง งานในร้านเองก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เธอจึงไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวที่จะตอบตกลง
ลุงหวังมองสองสาววัยรุ่นเดินออกไปอย่างร่าเริง ความคิดที่อยากช่วยก็เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ
เมื่อกลางวันขณะที่ลุงนั่งอยู่ลานหลังบ้าน มองผ่านหน้าต่างเห็น ถังเหยายุ่งจนแทบไม่ได้หยุดมือ แต่ก็ยังยิ้มและพูดคุยกับหยางอิงอย่างมีชีวิตชีวา ยังมีเวลาหันมาถามลุงอีกว่า “หิวไหม อยากกินอะไรก่อนไหมคะ?”
มองผ่านแผ่นไม้กันสายตา เห็นลูกค้าต่างนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย หรือเห็นสีหน้าตื่นเต้นของแขกที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้าน ลุงก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าชีวิตนี้ยังมีอะไรดีๆ รออยู่อีกมาก หรือจะพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ ลุงหวังยังอยากอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ต่อไปอีก
แม้ตอนเย็นวันนี้ถังเหยาจะตั้งใจทำอาหารเพิ่ม แต่ลูกค้าก็ยังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด สุดท้ายเธอก็ต้องปิดแอปสั่งอาหารเร็วกว่าที่วางแผนไว้ เฉินผิงกับกลุ่มไรเดอร์ยังรู้สึกโชคดีอยู่เลยที่มากินช่วงเที่ยง ไม่อย่างนั้นคงได้แค่ยืนดมกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากครัวหน้าร้านแน่นอน
และเมื่อเปิดร้านไปได้สักพัก ก็แน่นตั้งแต่สนามหน้าร้านยันทางเดิน ระเบียงด้านนอกก็เต็มหมด ห้องด้านในยังพอมีโต๊ะว่างอยู่แค่สองโต๊ะเท่านั้น แค่วันเดียว ร้าน “ตระกูลถัง” กลายเป็นคนละเรื่องไปเลย เหมือนลูกค้าทุกคนได้ยินข่าวแล้วรีบแห่กันมาอย่างไงอย่างนั้น
ของอร่อยกลายเป็นกระแสชั่วข้ามวัน
อีดิทไปหิวไปมีอยู่จริง!!!!
วันนี้มากับเพื่อนสนิทชื่อ “หยู่เยียน” ให้ช่วยถือกล้องให้ เธอจัดทรงผมนิดหน่อยก่อนจะเริ่มไลฟ์“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่Meo Blog ทายสิว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเอ่ย”หยู่เยียนรู้หน้าที่ดี รีบหมุนกล้องตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปบริเวณรอบๆ“ถูกต้องค่า! ตอนนี้เราอยู่ที่เหิงเตี้ยน แฟนๆ เคยแนะนำมาว่าที่นี่มีร้านข้าวชื่อ ‘ตระกูลถัง’ อร่อยมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาลองให้ได้ และมาแชร์กับทุกคนด้วยนะคะ! ได้ข่าวว่าต้องต่อคิว ก็เลยรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ อ้าว มีคนมารอก่อนเราแล้ว!”ซินหยางเดินมาเจอคนยืนรอคิวอยู่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ทำเอาเธอพูดเสียงเบาลงทันที เพราะรอบตัวก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น“ไม่น่าเชื่อเลยทุกคน ยังไม่ห้าโมงแท้ๆ แต่มีคนมารอกินข้าวกันแล้วอะ”ระหว่างรอ คนในคิวก็พูดคุยกันเพลิน ส่วนใหญ่ก็พูดถึงร้านตระกูลถังนั่นแหละ“ผมค
ด้านหน้าร้าน ถังเหยาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงเดินออกมาดู แล้วต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกาเหวินยืนอยู่ตรงนั้นเจ็ดโมงครึ่งเช้าเองนะ...มาถึงตั้งแต่เช้าแบบนี้ คิดจะมากินอาหารเช้าหรือยังไงกัน? ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลยด้วยซ้ำ“สวัสดีครับคุณถัง ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านเปิดขายอาหารเช้าตอนกี่โมงครับ?”“ขอโทษด้วยค่ะคุณเกา ร้านเราไม่ได้ขายอาหารเช้าค่ะ”เกาเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันดูผิดหวังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถังเหยารู้สึกแปลกใจเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเล่าเรื่องของกู้จื่ออวี้ให้เธอฟัง พร้อมหยิบใบวินิจฉัยสุขภาพเมื่อวานให้ดู เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูสุขุมคนนั้น จะป่วยหนักขนาดนี้“จริงๆ ผมก็พยายามไปซื้อจากร้านอื่นให้แล้วนะครับ แต่เขากินไม่ได้เลย...ใครจะคิดว่าเมื่อวานเขาจะกินได้เยอะขนาดนั้น แถมตอนกลางคืนก็ยังหลับได้ดี ไม่กระสับกระส่ายเหมือนทุกที ผมเลยกะว่าจะมาซื้อให้ครบสามมื้อเลย แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณไม่ได้ขายอาหารเช้า”
โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทายผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู
เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลยยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้นหยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เ
ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองเหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉินกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว
ความโดดเด่นที่สุดของจานนี้ ต้องยกให้กับฝีมือการปรุงรส และความสามารถในการควบคุมไฟของ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงถึงจะทำได้แบบนี้ จะใช้ไฟแรงตอนไหน ควรลดไฟหรือถอนฟืนเมื่อใด ทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ประสบการณ์ควบคุม เพื่อให้เนื้อหมูซึมซับน้ำซอสได้อย่างทั่วถึง โดยไม่เละ ไม่แห้ง และยังคงความสดฉ่ำของวัตถุดิบไว้อย่างสมบูรณ์แบบนี่เป็น หมูต้มตงพอ ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน ยิ่งกว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านดังเต๋ออี้จิ่วโหลว ที่เขาเคยหลงใหลเสียอีกที่นั่นแต่ละจานจะใช้หม้อดินขนาดเล็กเคี่ยวแยกกันทีละหม้อ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้น แต่ที่ร้านตระกูลถังกลับเคี่ยวรวมหม้อใหญ่ แต่ยังคงความสวยงามและรสชาติระดับเทพเอาไว้ได้ทุกชิ้น ฝีมือเชฟสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเรื่องมีดและการควบคุมไฟ พรสวรรค์ชัดๆ!พอเที่ยงตรงนักแสดงตัวประกอบ รวมถึงพนักงานในกองถ่ายหลายคณะที่เพิ่งเลิกกอง พอมีเวลาปุ๊บก็รีบพุ่งไปที่ร้านตระกูลถัง หวังจะได้ลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้ยินข่าวลือมาว่ามีขายวันนี้ หมูต้มตงพอ สีสวยเคลือบน้ำซอสข้นๆ นั่นแหละ! เมนูในตำนานที่หลายคนรอคอย ยังไม่ทันจะได้กดสั่ง ก็เห็นข้อความที่ทำให้เข่าอ่อนหม