LOGINเว่ยหย่งฮวาอยากจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านเต็มที เธอจึงตอบข้อความกลับไปว่าให้ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นปิดร้านได้เลยเมื่อถึงเวลา เพราะวันนี้เธอจะไม่เข้าไป
เว่ยหย่งฮวาไปที่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งใจจะซื้ออะไรไว้กลับไปทานที่บ้านเพิ่ม อาหารงานเลี้ยงปิดกองมีมากมายแต่เธอแทบไม่ได้แตะอะไรบรรยากาศแบบนั้นคนที่จะกินได้อร่อยก็คือคนที่ไม่มีปัญหากับใคร
เว่ยหย่งฮวาเชื่อว่าตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นการหาเรื่องจากฝ่ายนั้นเองทั้งนั้น
ทั้งที่วันนี้หน้าตาอาหารน่าทานเป็นอย่างมาก แต่บรรยากาศงานเลี้ยงกลับแย่ที่สุดที่เธอเคยเจอ งานก่อนหน้านี้ไม่ว่าภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ ทุกคนให้เกียรติเธอแม้ว่าเป็นนักแสดงอิสระ
เว่ยหย่งฮวายืนรอขึ้นรถบัสสายประจำที่ป้ายรถ แต่แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนักไม่ทันตั้งตัว เธอรีบเข้าไปหลบในซุ้มที่นั่งแบบมีหลังคา
เว่ยหย่งฮวาอดคิดไม่ได้ว่าชีวิตวันนี้จะซวยซ้ำซวยซ้อนเกินไปแล้ว และเพื่อตอบสนองความคิดนั้นให้เด่นชัดขึ้นไป รถยนต์ที่ขับผ่านมาด้วยความเร็วระดับหนึ่งก็เหยียบน้ำขังที่พื้นก็กระเด็นมาโดนตัวเธอ
นักแสดงสาวอยากจะกรี๊ดแต่ก็กรี๊ดไม่ออก สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของเธอจริง ๆ รู้สึกว่าดวงไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว
เว่ยหย่งฮวาเปลี่ยนใจไม่ใช้รถโดยสารประจำทางเพื่อกลับบ้าน แต่เรียกแท็กซี่แทน แอพลิเคชั่นเพื่อความสะดวกสบายถูกจัดทำขึ้นหลายโปรแกรมหลายวัตถุประสงค์ เป็นความสะดวกในชีวิตอย่างหนึ่งตั้งแต่เข้าสู่ยุคการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเกือบทั้งหมด
รถโดยสารที่เว่ยหย่งฮวาต้องการมาถึงแล้ว เธอใช้เสื้อคลุมตัวเองพับแล้วลองเบาะไว้อีกชั้นก่อนขึ้นไปนั่ง
เว่ยหย่งฮวาบอกจุดหมายปลายทางแล้วก็เงียบไปตลอดทาง ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า ทำให้เธอแทบจะผล็อยหลับอยู่ในรถ แต่เพื่อปลอดภัยของตัวเองตลอดการเดินทาง เธอไม่ควรหลับและปล่อยให้คนขับมองทางคนเดียว
เว่ยหย่งฮวาพิมพ์ข้อความกลับไปหาลูกพี่ลูกน้องคนนั้น ทั้งสองคุยกันสีหน้าเคร่งเครียด
หรือว่าเธอจะเจอดีเข้าให้แล้ว โรงงานที่จ้างผลิตสินค้าไปในครั้งนี้ราคาสูงกว่าที่อื่น เธอจึงคิดว่ามันคุ้มค่า แต่สินค้าทุกตัวที่ส่งมาครั้งนี้กลับมีปัญหา
เว่ยหย่งฮวาก้มหน้าดูจอ โต้ตอบกับลูกพี่ลูกน้องคนนั้นไม่หยุด เธอรื้อแล้วถ่ายรูปมาให้เห็นชัด ๆ เลยว่าคุณภาพสินค้าไม่ผ่านมาตรฐานเธออย่างแรง
"ขอโทษนะ คุณช่วยเปลี่ยนไปส่งที่...หน่อยได้ไหม"
เว่ยหย่งฮวาตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายทันที อย่างไรก็ต้องไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะสินค้าชุดนี้เหมือนจะย่ำแย่จริง ๆ เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ช่วงนี้เธอซวยซ้ำซวยซ้อนจริง ๆ
"อิงอิง อยู่หรือเปล่า?"
เว่ยหย่งฮวาไขกุญแจร้านเล็ก ๆ ของเธอเข้ามาด้านในก็ไม่พบเปิดไฟอยู่ ถึงเธอจะไม่ได้บอกลูกพี่ลูกน้องคนนั้นก่อนว่าจะมาหา แต่ระยะเวลาไม่กี่นาทีจะปิดร้านได้เร็วขนาดนี้เชียว
เว่ยหย่งฮวาเดินหาไปทั่วร้าน คิดว่าเธออาจจะแค่ไม่ได้เปิดไฟไว้เท่านั้นแต่ก็ไม่พบใครเลย ร้านเล็ก ๆ ของเธอแห่งนี้ ด้านบนทำเป็นห้องพักชั่วคราวเผื่อมีใครต้องค้างคืน วันนี้เธอตั้งใจจะค้างที่นี่จึงขึ้นไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ ก่อนจะลงมาดูสินค้าเจ้าปัญหา
เสื้อและกางเกงเดนิมยังวางแล้วเก็บรักษาอยู่บนชั้นวางเหมือนเดิม หลังจากที่รื้อออกมาตรวจสภาพแล้วได้แต่ส่ายหน้า เวลานี้ดึกมาก ต่อให้ติดต่อโรงงานไปก็คงไม่มีใครตอบ
เว่ยหย่งฮวาตัดสินใจส่งอีเมลทิ้งไว้ หวังว่าพรุ่งนี้พนักงานของโรงงานนั้นจะติดต่อเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว
"เปลี่ยนโรงงานผลิตดีไหมนะ"
ครึ่งปีมานี้นี่เป็นครั้งที่สองที่มีปัญหา แถมยังเป็นปัญหาที่ทำให้สินค้าใช้ไม่ได้สักตัวเลยด้วย เหมือนเอาของเหลือจากความผิดพลาดทั้งหมดส่งมาให้ เจ้าของแบรนด์อย่างเธอไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่ ต่อให้เป็นแบรนด์เล็ก ๆ แต่นี่ก็เป็นความภาคภูมิใจ
เว่ยหย่งฮวาพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นลง วันนี้เธอเจอเรื่องหนักมามากเกินไปแล้ว หากจะปล่อยให้อารมณ์โกรธค้างคาอยู่แบบนี้จะไม่ดีกับสุขภาพเธอด้วย
เว่ยหย่งฮวาต้องการกำลังใจจึงโทรศัพท์ไปหาแม่ แต่ยังไม่ทันที่เสียงรอสายจะดังเธอก็ตัดสายทิ้งก่อนเพราะกลัวจะรบกวน แม่ของเธออาจจะหลับไปแล้วก็ได้
"นี่มันวันแย่ ๆ อะไรกันเนี่ย รับไม่ได้จริงๆ" เธอเอนตัวนอนบนโซฟา วางแขนก่ายหน้าผาก ด้วยความเหนื่อยล้าจึงเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
ค่ำคืนที่มืดสนิททุกคนรู้ว่าอันตรายสามารถย่างกลายเข้ามาได้เสมอ แต่ที่ผ่านมาสงบสุขมากจนอาจนึกไม่ถึงว่าจะถึงคราวตัวเองเข้าจนได้
ประตูกระจกที่ล็อคดีแล้วจากด้านใน มีม่านติดไว้ไม่ให้คนนอกมองเข้ามาเห็นว่าข้างในมีอะไรหรือมีใครอยู่หรือไม่ หากเคยมาสักครั้งก็จะรู้ว่ามันเป็นแค่ร้านขายเสื้อธรรมดา ห้องเล็ก ๆ ห้องเดียวไม่มีของมีค่าอะไร
"เคยมีทั้งได้และไม่ได้เกิดขึ้นทั้ง สองกรณี พวกท่านก็ทำใจเผื่อเอาไว้หน่อย คนความจำเสื่อมยิ่งหวาดกลัวมากเพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักและคนที่ไม่รู้จัก แม้พวกท่านจะจำนางได้ รู้ว่านางเป็นใคร แต่นางไม่รู้อะไรเลยมีความหวาดกลัวและพะวงย่อมไม่แปลก""เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านหมอมาก" ฮูหยินให้คนไปส่งเขาก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างบุตรสาว ซึ่งเธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังระแวงอยู่"เอาล่ะฮวาฮวา ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรพวกเรายังเป็นบ้านของเจ้าเสมอ ยังเป็นครอบครัวของเจ้า เพราะงั้นทำใจให้สบายเถอะนะ"ฮูหยินผู้มีสติกว่าสามีเอ่ยแนะนำคนใกล้ตัวของเธอให้ฟังทีละคนว่าใครเป็นใครบ้าง สาวน้อยที่ร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างประตูตอนนั้นคือหนิงชิงชิง เป็นสาวรับใช้คนสนิทของร่างเดิม นางค่อยๆ คลานมาแนบใบหน้ากับขา ร้องไห้ไม่หยุดจนฮูหยินต้องปรามให้นางใจเย็นขึ้นหน่อย"คนที่สมควรต้องปลอบตอนนี้คือคุณหนูของเจ้า ทำไมมาร้องไห้แข่งกับนางเสียได้เล่า""ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าดีใจมากนี่เจ้าคะ คุณหมอฟื้นแล้วแบบนี้ เหมือนฝันไปเลยเจ้าค่ะ"เว่ยหย่งฮวาพูดไม่ออก ถึงพูดออกก็บอกไม่ได้ เรื่องบางเรื่องให้เป็นความเข้าใจผิดตลอดไปอาจจะเป็นการดีกว่าให้รู้ค
เรือนไม้แห่งหนึ่งเงียบสงัด แสงจากตะเกียงริบหรี่ลง ทุกคนล้วนมีสีหน้าโศกเศร้า ผู้เป็นพ่อแม่ยังไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเย็นเมื่อวานกระทันหันเกินกว่าจะตั้งตัวได้ทันเสียงร้องไห้ของผู้เป็นแม่กรีดหัวใจคนฟังแทนไปแล้วว่านางเจ็บปวดเพียงใด คุณหนูสามบุตรสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของเสนาบดีเว่ยพลัดตกน้ำจนเสียชีวิตสร้างความตกตะลึงให้คนทั้งจวนก่อนจะกลายเป็นความเศร้าในเวลาต่อมา ใบหน้าของนางถูกผ้าสีขาวปักลายละเมียดละไมคลุมไว้หนิงชิงชิงน้ำตานองหน้า ปาดแล้วปาดอีกก็ยังไหลอยู่ นางสะอึกสะอื้นแทบไม่เป็นอันทำงาน จัดดอกไม้ขาวประดับรอบโลงแต่ละครั้งมือก็สั่น แต่นางก็ไม่ยอมให้คนอื่นทำแทน"คุณหนูเจ้าขา เป็นเพราะชิงชิงดูแลคุณหนูไม่ดีเอง ขอให้คุณหนูไปอยู่ที่ชอบๆ นะเจ้าคะ"เสียงรบกวนที่ดังแว่วเข้าหูนางมาได้ระหนึ่งรบกวนการนอนเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา ทว่าตัวนางกลับไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเลย ถ้ารู้ว่าจะหมดแรงง่ายขนาดนี้ กินข้าวฝีมืออิงอิงก่อนออกมาก็คงดีผ้าคลุมหน้าสีขาวถูกลมหายใจเป่ารดจนกระพือขึ้นน้อยๆ คนกำลังเอ่ยลาส่งผู้ตายชะงักมือที่กำลังวางดอกไม้รอบโลงด้านใน"คุณหนู…"ความเศร้าแป
หากไม่ใช่โจรโง่ ๆ ที่สุ่มหาบ้านปล้นไปเรื่อย ก็ต้องเป็นคนคุ้นเคยที่รู้ว่ามันมีของมีค่าอะไรในที่แห่งนี้ ที่ดูผิวเผินเป็นแค่ร้านขายเสื้อธรรมดาบ้าง กุญแจร้านถูกหมุนบิดจนปลดล็อคได้จากด้านนอก ง่ายดายเสียจนไม่มีเสียงรบกวนออกมา แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย กระทั่งผู้บุกรุกก้าวเข้ามาจึงสังเกตได้ว่าบนพื้นมีรอยหยดน้ำ ซึ่งก่อนจะออกไปอิงอิงจำได้ว่าทำความสะอาดหมดแล้ว หญิงสาวรู้สึกระแวงขึ้นมาทันที เธอคว้าเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาเป็นอาวุธก่อนจะย่องเข้าไปในร้านเมื่อมาถึงห้องด้านหลังถัดจากห้องน้ำมาก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่ "พี่ฮวาฮวา?" อิงอิงชะโงกหน้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าใช่จริง ๆ เมื่อรู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยเธอก็โล่งอก ตั้งใจจะหมุนตัวกลับไปปิดประตูร้าน ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้บุกรุกเข้ามาที่ร้านจริง ๆ และชายผู้นั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในในร้านเพียงคนเดียว กรี๊ดดดดด เสียงกรีดร้องหวีดแหลมดังจนปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้นมา เว่ยหย่งฮวาสะดุ้งตัวโยน หันมองตามทิศทางของเสียง จากแสงไฟถนนที่ลอดเข้ามาทำให้เห็
เว่ยหย่งฮวาอยากจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านเต็มที เธอจึงตอบข้อความกลับไปว่าให้ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นปิดร้านได้เลยเมื่อถึงเวลา เพราะวันนี้เธอจะไม่เข้าไป เว่ยหย่งฮวาไปที่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งใจจะซื้ออะไรไว้กลับไปทานที่บ้านเพิ่ม อาหารงานเลี้ยงปิดกองมีมากมายแต่เธอแทบไม่ได้แตะอะไรบรรยากาศแบบนั้นคนที่จะกินได้อร่อยก็คือคนที่ไม่มีปัญหากับใคร เว่ยหย่งฮวาเชื่อว่าตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นการหาเรื่องจากฝ่ายนั้นเองทั้งนั้น ทั้งที่วันนี้หน้าตาอาหารน่าทานเป็นอย่างมาก แต่บรรยากาศงานเลี้ยงกลับแย่ที่สุดที่เธอเคยเจอ งานก่อนหน้านี้ไม่ว่าภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ ทุกคนให้เกียรติเธอแม้ว่าเป็นนักแสดงอิสระ เว่ยหย่งฮวายืนรอขึ้นรถบัสสายประจำที่ป้ายรถ แต่แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนักไม่ทันตั้งตัว เธอรีบเข้าไปหลบในซุ้มที่นั่งแบบมีหลังคา เว่ยหย่งฮวาอดคิดไม่ได้ว่าชีวิตวันนี้จะซวยซ้ำซวยซ้อนเกินไปแล้ว และเพื่อตอบสนองความคิดนั้นให้เด่นชัดขึ้นไป รถยนต์ที่ขับผ่านมาด้วยความเร็วระดับหนึ่งก็เหยียบน้ำขังที่พื้นก็กระเด็นมาโดนตัวเธอ นักแสดงสาวอยากจะกรี๊ดแต่ก็กรี๊ดไม่ออก สงสัยว
เสียงสังสรรค์ในงานเลี้ยงหลังปิดกล้อง ทำให้เว่ยหย่งฮวาอดรู้สึกน้อยใจตัวเองไม่ได้ เพราะท่ามกลางผู้คนที่มากมายนี้ตัวเธอกลับโดดเดี่ยว นอกจากผู้จัดการชั่วคราวที่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นหัวนักแสดงอิสระคนนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นงานครั้งที่เท่าไรเว่ยหย่งฮวาก็ไม่เคยชินได้เลย อาจเพราะเธอไม่ยอมปีนขึ้นเตียงผู้กำกับพวกนั้น ทำให้เธอเป็นเพียงดาราลำดับสามที่กำลังตกกระป๋องเท่านั้น แต่เธอยอมเป็นดาราตกกระป๋องดีกว่าเป็นของเล่นให้ชายวัยกลางคนที่อ้วนลงพุงแบบนั้น "ทำไมถึงยังนั่งอยู่อีกกันนะ ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวบ้างเหรอ" เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ที่นั่งในห้องจัดเลี้ยงเป็นแถวยาวสามแถว เว่ยหย่งฮวานั่งอยู่แถวด้านในของโต๊ะจัดเลี้ยงแถวแรก เธอจำเสียงนั้นได้เพราะต่อบทกันมานักต่อนักแล้ว "อย่าพูดไปเชียวนะ ทำงานมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ยังขึ้นแท่นนางเอกอันดับต้น ๆ ไม่ได้เลย" เว่ยหย่งฮวาอดจะกรอกตาไม่ได้จริง ๆ ก็คนที่พูดอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ความเป็นมนุษย์ช่างย้อนแย้ง แล้วที่เธอไม่ได้ขึ้นเป็นนางเอกก็เพราะไม่ได้ปีนขึ้นเตียงเหมือนเจ้าหล่อนไง







