ในที่สุดมื้ออาหารที่สุดแสนจะอึดอัดก็จบลง.. ตอนแรกคุณพี่เจี๊ยบจะเลี้ยงแต่พี่กรก็บอกว่าไม่ได้เพราะเขาไม่ต้องการมากินฟรี.. ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะช่วยจ่ายครึ่งนึง..เธอไม่อยากโดนพี่กรบ่นเอาน่ะว่าง่ายๆ เดี๋ยวจะมาล้ำเลิกบุญคุณอีก.. เธอไม่ชอบอะไรทำนองนี้...
" มาทำไม?"
คำถามสั้นๆที่ออกมาจากปากพี่กรหลังจากที่เดินออกมาจากร้านอาหารแล้ว.. มันเป็นโทนเสียงที่สุดแสนจะแตกต่างกับโทนเสียงที่เธอได้ยินเมื่อครู่ตอนที่พี่กรพูดกับคุณพี่เจี๊ยบเลยก็ว่าได้....
" มาทานข้าวยังไงล่ะคะ มาร้านอาหารไม่มาทานข้าวจะให้มานั่งวิปัสนารึยังไงกันพี่กรก็ถามแปลกนะคะ..." ธันย กานต์ตอบออกมาราวกับว่าเธอนั้นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดแต่จริงๆแล้วหัวใจของเธอน่ะมันเดือดปุดๆเลยก็ว่าได้.. เพราะการกระทำและคำพูดของพี่กรมันทำให้เธอโมโหทั้งพี่กรและผู้หญิงคนนั้น.. แต่เธอไม่อยากจะระเบิดมันออกมาในตอนนี้... สาเหตุที่ไม่พร้อมจะระเบิดเพราะว่าคนทั้งสองคนยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่น่าเกลียดยังไงล่ะ เขาทั้งสองคนนั่งในมุมที่ใครๆก็สามารถมองเห็นได้.. มันจึงทำให้เธอไม่สามารถหาข้ออ้างมาตำหนิได้ยังไงเล่า....
" ยัยน้องคิดจะทำอะไร?"
" น้องจะทำอะไรล่ะคะพี่กร.. น้องเห็นร้านนี้เปิดใหม่แล้วมันก็อยู่ไม่ไกลจากอออฟิศของกานด้วย.. หรือว่าไม่จริง? โกดังน่ะไกลแต่ออฟฟิศไม่ไกลเลย.. ถ้าพี่กรคิดจะพาน้องกับกานมาทานาอาหารบ้าง... มันก็น่าจะดีนะคะ.. แล้วที่สำคัญเจ้าของร้านก็เป็น "เพื่อน" ของพี่กรอีกต่างหาก... ดังนั้นการที่น้องจะมาช่วย "เพื่อน" ของพี่กร.. มันไม่น่าจะมีปัญหานี่คะ..."
ทินกรได้ยินสิ่งที่น้องสาวของตัวเองพูดออกมาเขาก็พอจะรับรู้ได้ว่าสองคนนี้ต้องการมาหาเรื่องเจี๊ยบอย่างแน่นอน.. เพราะการที่น้องยาเน้นคำว่าเพื่อนหนักๆนั้น.. มันเป็นการแสดงให้เขาเห็นว่าเขาต้องเว้นระยะห่างจากเจี๊ยบ...
" ที่สำคัญพี่กรจะต้องรู้สถานะของตัวเองด้วยนะคะว่าพี่กรเป็นคู่หมั้นคู่หมายของกาน.. และการที่กานมาแสดงตัวตนแบบนี้มันก็ไม่ผิด... น้องไม่อยากจะพูดแล้ว.. พี่กรโตแล้วพี่กรน่าจะคิดได้นะคะ.. คิดให้มากๆว่าคนคนนั้นน่ะเขาเคยทำอะไรกับพี่กรเอาไว้บ้าง.. ไปกันเถอะกานเราไปเดินช๊อปปิ้งกันดีกว่า.. อยู่ตรงนี้นานๆแล้วเดี๋ยวยาจะหน้าแก่" พูดจบทิติยากรก็จูงมือของเพื่อนตัวเองออกไปทันที... เธอไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับพี่กรแล้ว.. เธอคิดว่าพี่กรน่าจะพอแยกแยะออกนะว่าอะไรควรอะไรไม่ควร....
เฮ้อ.....
" ไหวไหมกาน..." ตอนนี้เธอเป็นห่วงความรู้สึกของกานเอามากๆ ขนาดตอนที่นั่งทานข้าวกันเธอยังเห็นกานนั่งกระพริบตาอยู่บ่อยๆราวกับว่าต้องการจะไล่น้ำตาของตัวเองไม่ให้มันหยดลงมา...
" ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ.. ไปกันเถอะไปใช้เงินกันเผื่ออารมณ์จะดีขึ้นมาบ้าง... ฟู่ว~~"
ตึกตึกตึก... หมับ!!!
" ฉันไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้.." ทินกรรีบวิ่งตามสองคนออกมาทันที.... บอกตามตรงเขาไม่ที่น้องยาและเพื่อนสนิทของน้องยามาหาเรื่องเจี๊ยบถึงที่ร้าน.. เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก.....
" ไม่ชอบอะไรคะ? กานเหรอ? แหม.. อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็ชอบเองแหละค่ะพี่กร... ไม่เคยได้ยินเหรอคะว่าแต่งงานแล้วอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง..." ธันยกานต์ตอบออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม.. ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหม? รู้สิ.. รู้สึกเจ็บที่แขนรู้สึกชาที่หน้า รู้สึกกระดากปากที่พูดออกไปแบบนั้น.. แต่จะให้เธอทำยังไงล่ะก็หัวใจของเธอมันรักพี่กรไปแล้วนี่นา... ถ้าจะให้เธอรักผู้ชายคนอื่น.. มันก็ต้องใช้เวลานานมาก~~ แบบว่านานมากๆ นานเสียจนเธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถรักคนอื่นได้รึเปล่า....
" ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอทั้งนั้น..."
" ตอนนี้ไม่คิด.. แต่ตอนหน้า... ตอนนู้น.. ในอนาคตอาจจะคิดก็ได้นะคะ.. แล้วก็.. เบาแรงหน่อยก็ได้.. ถ้าบีบแรงอีกนี้สักนิดมีหวังแขนของกานคงจะต้องหักแน่ๆเลยค่ะพี่กร.." เธอเจ็บมากๆพี่กรบีบแขนของเธอแน่นมาๆจนเธอเจ็บไม่รู้จะอธิบายยังไง.. จะให้เธอร้องไห้ออกมาให้พี่กรเห็นมีหวังพี่กรได้หัวเราะเยาะเธอเข้าให้น่ะสิ..
ทินกรที่เผลอบีบแขนของธันยกานต์ไปเสียเต็มแรงเขาจึงต้องคลายมือของเขาออกจากแขนกลมกลึงของธันย กานต์ทันที... เขาเองก็ไม่ได้อยากจะแตะเนื้อต้องตัวของ ธันยกานต์สักเท่าไร เขาออกจะรังเกลียดเลยก็ว่าได้... แต่ที่เขาทำเพราะเขาโมโหน่ะสิถ้าไม่โมโหเขาไม่มีทางจับเนื้อต้องตัวเจ้าหล่อนเป็นแน่....
ธันยกานต์ลูบแขนของตัวเองเบาๆเพราะความเจ็บ... จะรุนแรงอะไรกับเธอนักหนาก็ไม่รู้...คนนิสัยไม่ดี..คอยดูเถอะถ้าเธอทนไม่ไหวขึ้นมา.. เธอจะหยุดรักเขาให้ดู.. แต่จะหยุดตอนไหนนั้น... เธอเองก็บอกไม่ได้ด้วยสิ...
" เอาเป็นว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วเราสองคนขอตัวนะคะ.. อ๋อแล้วอย่าลืมนะคะพี่กรว่าคนนั้นคือแฟนเก่า.. เขาทิ้งพี่กรไป.. และทำให้พี่กรเสียใจม๊ากมาก.. เสียใจจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนเลยก็ว่าได้..." หึ.. คิดสิคิด.. พี่กรควรจะคิดได้แล้วว่าเธอคนนั้นเป็นคนหักอกของพี่กร.. เธอคนนั้นเป็นคนทำให้พี่กรเสียใจจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลยก็ว่าได้..เสียใจเสียจนยอมบินหนีไปเรียนต่อที่เยอรมัน...
ตึกตึกตึก...
" อย่านะคะพี่กร.. ถ้าพี่กรทำอะไรเพื่อนน้อง.. น้องจะไปฟ้องท่านแม่กับท่านพ่อ... ลองดูสิค่ะว่าท่านแม่และท่านพ่อจะฟังใคร.. ระหว่างลูกสาวกับผู้หญิงที่ทิ้งพี่กรไป..."
ตอนนี้ทิติยากรมายืนขวางพี่ชายของเธอเพราะเธอเห็นสีหน้าและแววตาของพี่ชายเธอแล้ว.. ถ้าเธอไม่ขวางเอาไว้เธอกลัวว่าพี่ชายของเธอจะเผลอทำรุนแรงกับกานเข้าให้..
"เราไปกันเธอกาน.. พี่กรโตแล้วนะคะ.. เรียนจบมาจากเมืองนอกเมืองนา.. และหน้าที่การงานก็ไม่ใช่กระจอกงอกง่อยเสียจนไม่สามารถแยกแยะชั่วดีได้.. พี่กรควรจะคิดให้มากสักนิดนะคะ.. " พูดจบทิติยากรก็ลากเพื่อนของตัวเองออกไปทันที.. ไม่เพียงแค่ลากไปจากตรงนั้นเธอยังคอยหันมามองด้านหลังอีกด้วยเพราะเธอระแวงกลัวว่าพี่ชายของเธอจะเดินตามมาหาเรื่องพวกเธอน่ะสิ...
ธันยกานต์รู้สึกแค่ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันเต้นผิดปกติเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นมันหวิวๆ มันเต้นแรงบ้างเป็นบางครั้ง.. เต้นแรงราวกับว่ามันจะกระเด็นออกมาด้านนอกเสียให้ได้.. ภายในลำคอของเธอมันรู้สึกตีบตันไปหมด.. เธอรู้สึกว่าเธอหายใจไม่ค่อยจะออก.. ไม่รู้สิความรู้สึกนี้มันพึ่งเกิดได้ไม่นาน.. ความรู้สึกนี้มันทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง... ความรู้สึกที่เกิดมันทำให้เธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก.. เธอกลัวว่าพี่กรจะดุด่าและไล่ให้เธอไปไกลๆ เธอกลัวว่าพี่กรจะกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น.. ความรู้สึกแบบนี้เธอไม่ชอบเลย.. เพราะมันทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองและความรู้สึกที่มันอยู่ภายในลึกๆของเธอได้..
ทิติยากรที่เป็นเพื่อนของตัวเองได้แต่เม้มปากพร้อมกับสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดมันทำให้เธอนั้นรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก.. เธอต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว... เธอจะปล่อยเรื่องนี้ไปแบบนี้ไม่ได้....
ในที่สุดวันที่เขาจะได้เจอลูกแฝดของเขาแล้ว.. เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจมากๆท่านแม่ท่านพ่อและพระญาติของท่านแม่ต่างพากันเห่อหลานตั้งแต่ยังไม่คลอดเลยก็ว่าได้.. ทุกพระองค์ต่างเสด็จมาเยี่ยมมาพูดคุยกับเขาและกานกันอย่างเป็นกันเอง.. และเมื่อถึงกำหนดคลอดทุกพระองค์ก็พากันมายืนรอที่หน้าห้องคลอด.. ท่านแม่เป็นคนเล่าให้ทางฝั่งพระญาติฟังว่าสะใภ้ของท่านน้ำคล่ำแตกแล้วและบอกว่าเขาได้พาไปที่โรงพยาบาลก่อนแล้ว.. หลังจากนั้นไม่นานพระญาติฝั่งท่านแม่ก็พากันมาเฝ้าธันยกานต์ที่นี่กันเต็มหน้าห้องคลอดเลย...เวลาที่ทุกคนรอคอยตอนนี้ก็มาถึงเมื่อประตูห้องคลอดเปิดออกมาทุกพระองค์ทุกท่านก็รีบกรูกันมายังรถเข็นอันเล็กๆที่มีร่างจ่ำม้ำของแฝดชายอยู่..กว่าเขาและลูกแฝดจะผ่านด่านไปได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปตามๆกัน..ภายในห้องพักตอนนี้ทุกพระองค์ต่างพากันพูดคุยส่งเสียงหัวเราะกันด้วยความสนุกสนานราวกับว่าวันนี้เป็นวันรวมญาติยังไงก็ไม่รู้.." เอาเป็นว่าเดี๋ยวถ้าสะใภ้หญิงศศิออกจากโรงพยาบาลเมื่อไรฉันจะไปเยี่ยมที่วังนะ..."" เพคะท่านพี่... " ท่านหญิงศศิวารีขานรับด้วยความยินดี.. ท่านพี่หญิงของเธอทรงกล่าวเอาไว้แล้วว่าไม่อยากจะรบกวนเด็กๆและหลานสะใ
เสียงโอ้กอากที่ดังออกมาจากห้องน้ำในคอนโดทำให้ทินกรถึงกับอยากจะแพ้ท้องแทนธันยกานต์ เขานึกสงสารน้องกานเหมือนกันนะ นี่ขนาดท้องไปได้สามเดือนแล้วแต่อาการแพ้ท้องมันยังไม่เบาบางลงเลยสักนิด แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะการแพ้ท้องของธันยกานต์ทำให้อย่างน้อยเขาได้อยู่กับธันยกานต์ได้ทั้งวันจนแทบจะนั่งสิงกันอยู่แล้ว..." กานครับ.. กลั่วปากหน่อยนะ แล้วอะดมซะ..." ทินกรเดินเข้าไปหาเมียตัวน้อยของเขาทันทีพร้อมกับอ้าแขน กว้างๆรอให้ธันยกานต์ได้เข้ามาซุกไซร้ที่ตามคอของเขา.. หึหึใช่ธันยกานต์แพ้ท้องแบบว่าติดกลิ่นของเขา ไม่เพียงแค่สูดดมนะจะมีบ้างที่เจ้าตัวเผลอดูดที่ลำคอของเขา.. เมื่อไรที่เจ้าตัวดูดที่คอของเขาเมื่อนั้น.. เพลงรักอันร้อนฉ่าของเขาและเธอก็เริ่มขึ้นทันทีโดยที่ไม่มีอะไรมาหยุดความต้องการของว่าที่คุณแม่ลูกแฝดได้นอกจากว่าเจ้าตัวจะพอใจและสุขสม.... เมื่อนั้นเจ้าตัวถึงจะอาการดีขึ้น.. ส่วนเขาน่ะเหรอก็ติดกลิ่นเมียนะ.. เวลาเขาไปไหนมาไหนเขาจะต้องมีกางเกงชั้นในของน้องกานติดไปด้วยเสมอ บางทีเขารู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะอาเจียนเขาก็จะหยิบกางเกงชั้นในของน้องกานออกมาสูดดมราวกับคนโรคจิต.. แต่เขาก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไรเพราะมันคือเ
ตอนนี้ทินกรและธันยกานต์ไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลไหนก็จะเห็นเขาและเธอไปไหนมาไหนด้วยกัน.. ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอและเขามันก็เริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว.. ตอนนี้ทินกรสามารถจับมือและโอบไหล่ธันยกานต์ได้แล้วโดยที่เจ้าตัวไม่บ่นหรือปัดมือเขาหนี.. และที่สำคัญเขาจัดเต็มทุกคืนและเวลาที่เขาไปเฝ้าธันยกานต์ที่บริษัทเขาก็จะจับธันยกานต์กินนานนับชั่วโมงเพื่อเร่งน้ำเชื้อของเขาให้มันเดินเร็วขึ้น.. อาหารการกินและไหนจะเครื่องดื่มที่เขาจัดหามาให้อย่างเต็มที่เขาคิดว่าอีกไม่นานธันยกานต์ก็น่าจะท้อง...." อยากกินอะไร? พี่อยากกินหอยนางรมอ่ะ เราไปหาร้านที่หายหอยนางรมกินกันดีกว่าไหม แบบว่ายำหอยนางรม ร้านซีฟู้ดเป็นไง ไปกินกุ้งกัน กุ้งตัวโตๆ หอยนางรมตัวใหญ่ๆ.. ไปกัน.." ทินกรไม่รอให้กานได้ตอบตกลงหรือว่าตอบปฏิเสธเขาเลยสักนิดเขาเลือกที่จะจัดแจงทุกอย่างด้วยตัวเขาเองโดยการถามเองและตอบเอง.. แต่จะว่าไปอยู่ๆเขาก็อยากกินอาการทะเทขึ้นมา... สงสัยคงจะต้องหาเวลาว่างพากานไปเที่ยวทะเลไปหาอาหารทะเลสดๆกินกันดีกว่า...เมื่อทั้งสองคนมานั่งร้านอาหารที่ติดริมแม้น้ำเจ้าพระยาเพียงเดินเข้ามาทั้งสองคนก็ถึงกับน้ำลายแตกกันถ้วนหน้า.. ไม่รู้เพราะกลิ่
ทินกรรีบเดินกลับมาหาธันยกานต์อย่างรวดเร็ว สายตาของเขาและเธอต่างจ้องมองกันอย่างไม่มีใครคนใดคนนึงหลบหลีกสายตาอันร้อนแรงของกันและกัน..." พี่จะไม่ขอหรือถามกานแต่พี่จะทำในสิ่งที่พี่ต้องการ พี่เป็นของกาน และกานก็เป็นของพี่.. ต่อจากนี้ไปพี่จะเป็นของกานคนเดียวและกานก็จะเป็นของพี่แค่คนเดียว...." แล้วถ้าฉันไม่ต้องการละคะคุณจะทำยังไง..."หึหึหึ..." พี่ก็จะบังคับ.. เมื่อพี่ต้องการอะไรหรืออยากได้อะไร.. พี่ก็จะไม่รอช้าอีกต่อไป.. ฉะนั้นน้องกานเตรียมตัวได้เลยครับเพราะหลังจากวินาทีนี้พี่จะทำทุกวิถีทางให้กานนั้นมาเป็นของพี่.. ถึงแม้ว่าจะต้องใช้วิธีที่สกปรกพี่ก็จะทำ..."จุ๊บ...ทินกรจูบลงไปที่ริมฝีปากสีแดงสวยสดใสของธันยกานต์อย่างแผ่วเบา.. เขาค่อยๆแทะเล็มและกลืนกินริมฝีปากสวยสดของธันยกานต์อย่างตั้งอกตั้งใจ.. ฝ่ามือที่เรียวนิ่มตามประสาคนที่ไม่เคยต้องทำงานหนักค่อยๆลูบไล้และบีบนวดกระตุ้นให้ร่างกายสวยสมส่วนมีอารมณ์ไปกับเขา..ธันยกานต์แอ่นตามอารมณ์ที่เธอมีร่วมไปกับเขา... ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันความเคยชินที่เธอเคยได้รับมาจากเขา.. สัมผัสที่มันเบาหวิวราวกับขนนกที่พัดผ่านอย่างแผ่วเบาตามร่างของเธอ..ร่างกายเปล
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก... ตอนนี้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเขาได้สองอาทิตย์แล้ว.. ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับคนรักเก่าของเขาตอนนี้ท่านป้าดำเนินคดีจนถึงที่สุดในข้อหาพยายามฆ่า ถึงแม้ว่าทางนั้นจะปฏิเสธเพียงใดแต่คำพูดและการกระทำถูกบรรทึกเอาไว้จากทางร้านอาหารนั้นหมด.. มันจึงทำให้อดีตคนรักเก่าของเขาไม่สามารถหลุดพ้นข้อหานั้นได้.. ไม่เพียงแค่จะติดคุกแต่อดีตคนรักเก่าของเขาหรือคุณชายทินกรพยายามขอความช่วยเหลือจากคนที่หล่อนเคยอยู่ด้วยหลายปีแต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ยอมยื่นมือลงมาช่วยเพราะคนที่หญิงสาวได้ไปทำร้ายนั้นเป็นถึงครอบครัวราชนิกุลใครบ้างจะไม่รู้จักท่านผู้หญิงศศิวารี และคุณชายพิรัตน์ ดังนั้นคนที่คอยสนับสนุนหญิงสาวมาตลอดจึงเลือกที่จะตัดหางปล่อยวัดและหุบกิจการร้านอาหารของเธอทันที.."เสียใจไหมคะคนรักเก่าของคุณถูกจับและไม่ได้ประกันตัว..." มือบางที่กำลังจัดแจงผลไม้ใส่จานอยู่แต่ปากก็ขยับเขยื้อนเอ่ยถามออกไปด้วยความใคร่รู้..." เอ.. ถามแบบนี้.. หึงรึเปล่าน๊า... หึหึ" ทินกรหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ.. ตั้งแต่ที่เขาเจ็บตัวธันยกานต์ก็คุยกับเขามากขึ้น..ถึงแม้ว่ามีบ้างที่เจ้าตัวเอ่ยคำประชดประชั
ธันยกานต์เดินไปเดินมาหน้าห้องผ่าตัดนานนับชั่วโมงจนเพื่อนสนิทของเธออย่างคุณยาต้องเดินมาหาและเอามือเรียวของเธอมาวางไว้ที่ไหล่เล็ก..." เราไปนั่งรอกันตรงนู้นดีกว่ากาน.. เดินไปเดินมายาปวดหัว.. อีกสักพักท่านแม่และท่านพ่อก็น่าจะมาแล้ว...." ทิติยากรรีบชักชวนเพื่อนของเธอให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้ว่างหน้าห้องผ่าตัดทันที.. เธอน่ะปวดหัว ตาลายมากๆเลยจะบอกให้....เพียงแค่สองสาวก้นแตะถึงเก้าอี้ทีมแพทย์และพยาบาลก็เปิดประตูห้องออกมาด้วยสีหน้าอันเหนื่อยล้า....ตึกตึกตึก...." คุณหมอค่ะ.. พี่กรเป็นยังไงบ้างคะ?" ธันยกานต์เก็บความเป็นห่วงเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปเธอต้องการที่จะรู้ว่าอาการของเขาหนักหรือไม่.. เธอจะดีใจมากถ้าคุณหมอบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก...." ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะต้องให้อยู่ในห้องปลอดเชื้อไปก่อนและรอให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนนะครับถ้าทุกอย่างปกติดีพรุ่งนี้เราจะย้ายผู้ป่วยไปอยู่ในห้องพิเศษ.. ยังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ...""ค่ะ..ขอบคุณนะคะ...." ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เธอเบาใจขึ้นมาได้แต่เธอก็ยังคงไม่หายกังวลอยู่ดี" เอานะพี่กรอยู่กับทีพยาบาลและหมออย่างใกล้ชิดแล้ว.. ยาว่าไม่น่าจะมีอะไรหน้าเ