ภายในห้องขังของเรือนจำเสียงโวยวายของทหารยามหน้าเรือนจำดังขึ้นผสมผสานกับเสียงแหลมเล็กตะโกนก้องอย่างไม่ยินยอม"ท่านอาจินหมิง!" เสียงหนึ่งร้องขึ้น"ท่านอาหญิงแย่แล้ว" อีกเสียงร้องตาม"หยุดนะ! เจ้าเด็กจอมซน" เสียงทหารยามคำรามลั่น"โอ๊ย!" ตามด้วยเสียงร้องคล้ายเจ็บปวดของทหารยามคนเดิม "เจ้ากัดข้าทำไม เจ้าเด็กแสบ""ปล่อยข้านะ ท่านอาจินหมิง ท่านอา!""หนิงเฉิงวิ่งไปทางนี้""หยุดนะ!""พี่ใหญ่ ทางนี้ ทางนี้""เฮ้ย!" เสียงของเด็กน้อยและเสียงของทหารยามมากกว่าหนึ่งโหวกเหวกโวยวายดังระงมอยู่หน้าห้องขังของเรือนจำ เสียงเหล่านั้นดังเข้ามาจนถึงฟงจินหมิงที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งเอาแผ่นหลังพิงผนังห้องขังอยู่ด้านในชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นนึกแปลกใจ แต่เขาไม่คิดจะเสียเวลาอันใดกับลางสังหรณ์ถึงเหตุร้ายที่กำลังรุมเร้าเขาจึงลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงก่อนเอ่ยเสียงเย็นเยียบไปทางผู้คุมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากห้องขังตน"ปล่อยข้าออกไป!""เฮอะ!" ผู้คุมแค่นเสียงในลำคอแค่นั้นทันใดนั้นประตูเหล็กของห้องขังพลันดังลั่นจากการถูกของแข็งกระแทกอย่างรุนแรง ผู้คุมหันมามองด้วยตาเบิกโพลง เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามในห้องขังใช้เพียงเท้าเตะประต
หญิงสาวนอนกุมท้องอยู่บนพื้นดินท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาและหยุดยืนมุงดูอย่างสนใจใคร่รู้“อะไรกัน! ทหารรังแกชาวบ้าน” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็หาได้มีผลกับทหารผู้อุกอาจไม่ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วรวบรัดจนไม่ทันคิดการณ์อันใดเสี่ยวชุ่ยรีบวิ่งมาทางหลี่ลี่เหมยอย่างตระหนกตกใจด้วยคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ฟงหนิงอันและฟงหนิงเฉิงยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่ซุกซนไปวันๆ จึงทำอันใดไม่ถูกเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดแอบหนีออกมาจากจวนไร้ซึ่งทหารองครักษ์ติดตามจึงทำอันใดไม่ได้ทั้งนั้นในยามนี้ เสียงหนึ่งดังคำรามตามมาแบบกระชั้นชิด"ลงทัณฑ์นางกลางถนนตรงนี้เลย นี่คือคำสั่งของพระชายา ใครกล้าขัดขืนย่อมมีโทษไม่ต่างกัน"เสียงนั้นเป็นเสียงของหนึ่งในทหารทั้งห้า คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของทหารชุดนี้ เขาคำรามเสียงดังลั่นสั่งการอย่างรวดเร็วมาทางหลี่ลี่เหมยที่นอนขดคู้กายงามอยู่กลางถนน"เฆี่ยนนางให้หนัก! ประจานให้หลาบจำ อย่าให้ใครกล้าเหิมเกริมเยี่ยงนาง"ทันใดนั้นพลันมีทหารมาอีกหนึ่งคนเดินแบบย่างสาวขุมเข้าหาหลี่ลี่เหมยพร้อมด้วยแส้เส้นใหญ่ถืออยู่ในมือ เขาแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมแลดูน
โรงน้ำชาใกล้กับกำแพงของเรือนจำหลี่ลี่เหมยยังคงเลือกที่จะนั่งจิบชาอยู่ตรงริมชายคาของร้านน้ำชาพลางนั่งมองกำแพงของเรือนจำที่คุมขังฟงจินหมิงเอาไว้อย่างไม่อาจทำอันใดได้มากไปกว่านั้นฟงหนิงอันกับฟงหนิงเฉิงก็นั่งอยู่ด้วยกันโดยมีเสี่ยวชุ่ยยืนดูแลอยู่ไม่ห่าง ทั้งสี่คนยังคงคุยกันถึงเรื่องราวเมื่อครึ่งชั่วยามที่ผ่านมา“ข้าน้อยนึกว่าคุณหนูจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของท่านหญิงจินเยว่ชิงเสียแล้ว” เสี่ยวชุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี นางยิ้มจนตาหยีพาหน้ากลมแป้นคลี่บาน“ท่านอาของพวกเราเก่งมาก” ฟงหนิงอันกับฟงหนิงเฉิงกล่าวพร้อมกันพลางยกนิ้วส่งให้สื่อความหมายว่าเยี่ยมยอดหลี่ลี่เหมยเห็นอย่างนั้นจึงหัวเราะเสียงสดใสก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวเด็กน้อยทั้งสองอย่างเอื้อเอ็นดูเสี่ยวชุ่ยยกนิ้วขึ้นเคาะปลายคางพลางทำท่าครุ่นคิดอย่างสงสัย “ว่าแต่ท่านหญิงจินเยว่ชิงกับคุณชายท่านนั้นเดินจูงมือกันนานแล้วนะเจ้าคะ”นางกล่าวพร้อมชี้นิ้วไปยังทิศทางที่มีบุรุษรูปงามกับสตรีโฉมสะคราญเดินจับมือกันหัวเราะให้กันอย่างสำราญอยู่ไกลๆหลี่ลี่เหมยยกมือขึ้นท้าวคางแล้วมองตามทิศทางนั้นทันใด “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นรักแรกพบ”“อ่า...รักแรกพ
ชงหยวนจึงยกยิ้มชอบใจและก้มหน้ามองสตรีในอ้อมแขนด้วยสายตาอบอุ่นมีเสน่ห์มากล้นพร้อมยอมรับหน้าตาเฉยว่า"ยอดรักของข้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ อย่าได้สนใจนางมารตนนี้เลย"จินเยว่ชิงได้สติหลุดออกจากภวังค์ในทันที แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยวาจาใด กลับถูกบุรุษร่างสูงสง่าเจ้าของวงแขนแข็งแรงอุ้มแนบอกอุ่นแล้วเดินฝ่าฝูงชนไปทันทีภาพเหตุการณ์ตรงนี้ คือคู่รักที่พร้อมปกป้องกันและกันจากนางมารร้าย อา...ช่างน่าประทับใจในตำหนักอันรโหฐานประดับประดาด้วยเครื่องเรือนสูงค่าบนเก้าอี้เนื้อเสลาที่สลักลวดลายแสนวิจิตรกำลังมีสตรีสูงศักดิ์ผิวพรรณขาวลออใบหน้างดงามอ่อนกว่าวัยนั่งประทับอยู่นางกำลังขมวดคิ้วมุ่นดวงตาที่เขียนเอาไว้อย่างประณีตกำลังฉายแววขัดเคืองซือจินถามกลับทันทีเมื่อสาวใช้ของจินเยว่ชิงเล่าเหตุการณ์ที่ท้ายตลาดจนจบ “ถูกทำร้ายกลางตลาดเชียวรึ?”เส้นเสียงไม่แหลมไม่หวานเอ่ยถามอีกครา “ธิดาคนงามของข้าถูกหยามกลางธารกำนัลเชียวรึ?” “เพคะ พระชายา” สาวใช้ผู้ติดตามจินเยว่ชิงรีบตอบรับอย่างเอาหน้าเอาตา “ท่านหญิงเข้าไปทักทายสตรีนางนั้นด้วยท่าทางเป็นมิตรมีไมตรีมากนัก หากแต่สตรีนางนั้นกลับตะโกนใส่หน้าท่านหญิงทั้งยังกราดเกรี้
หึ! สตรีตรงหน้าของนางช่างมารยา เจอบุรุษเจ้ามารยาเข้าไปหน่อยเป็นไรอึดใจหลี่ลี่เหมยพลันเปลี่ยนท่าทางจากเย็นชาเย็นเยียบเป็นกราดเกรี้ยวร้ายกาจในทันใด “ข้าเกลียดเจ้า!”“...!?”จินเยว่ชิงถึงกับตกใจสะดุ้งสุดตัว นางตกใจจริงๆ มิได้เสแสร้ง จู่ๆ สตรีตรงหน้าก็ร้ายกาจขึ้นมาจริงๆ อันใดกัน!? ฟงหนิงอัน ฟงหนิงเฉิงและเสี่ยวชุ่ยก็ตกใจไม่แพ้กันจินเยว่ชิงกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง นางเริ่มสับสนนี่มันงิ้วอันใด?หลี่ลี่เหมยยังไม่หยุด นางเอื้อมมือขึ้นมาผลักไหล่บางของจินเยว่ชิงเพื่อความสมจริงและนั่นยิ่งทำให้จินเยว่ชิงได้สมใจท่านหญิงรีบทำตัวอ่อนแอโอนเอนราวคนไร้กระดูก นางเซถลาถอยหลังพร้อมที่จะล้มพับอย่างสวยงามตลอดเวลาหลี่ลี่เหมยยังคงเดินตามร่างบอบบางเลอค่าพร้อมผลักไหล่บางอย่างโหดร้ายและต่อเนื่องไปยังทิศทางหนึ่ง สาวใช้ผู้ติดตามท่านหญิงเริ่มตื่นตะลึงด้วยคาดไม่ถึงว่าจินเยว่ชิงจะถูกทำร้ายอีกแล้วเหล่าสาวใช้ได้แต่ยืนนิ่งงันเข้าไปรับร่างบางของจินเยว่ชิงไม่ทันเลยสักคน พวกนางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ของสตรีในห้องหอและไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน จึงทำอันใดไม่ถูกทั้งสิ้น ในขณะที่สตรีงดงามปานนางฟ้ากำลังถูกสตรีร้า
ภายในอาณาเขตท้ายตลาดท่ามกลางผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ระยะทางประมาณไม่ถึงจั้ง มีสองสตรียืนประจันหน้ากันคล้ายกับกำลังยืนมองกันกลางสมรภูมิรบ“มิใช่ว่าไม่มีเงินซื้อผ้าอีกหรอกระมัง"“...”หลี่ลี่เหมยถึงกับหน้าม้านกะพริบตาเบาๆ นางแอบเอื้อมมือมาจับถุงเงินที่เอวของตนเองอย่างลืมตัว นั่นเป็นเหตุการณ์ที่สตรีสูงศักดิ์อย่างนางไม่เคยได้พบเจอ นับว่าหมากตาแรกของท่านหญิงนางนี้จัดการนางได้ผลยิ่งนักหึ! นับถือ นับถือจินเยว่ชิงยังคงมีสีหน้าอ่อนหวานพลางก้าวเท้าน้อยๆ เข้าหาหลี่ลี่เหมยก่อนพูดจากระซิบกระซาบเสียงนุ่ม "ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเป็นคนรักของฟงจินหมิง หาใช่น้องสาวคนเล็กของบ้านฟง อย่างที่เจ้าตบตาข้าในคราแรกไม่” หลี่ลี่เหมยเลิกคิ้วขึ้นสูงยามฟังคำหวานของจินเยว่ชิง ใครตบตาเจ้ากันสืบข่าวพลาดเองมิใช่รึ!ท่านหญิงยังคงเล่นงิ้วคล้ายเจอสหายแล้วทักทายกันอย่างอ่อนหวาน แต่ทว่าสวนทางกับประโยคกระซิบกระซาบที่ได้ยินเพียงพวกนาง“เจ้าไม่ต้องห่วงจินหมิงแต่อย่างใด เขาหาได้อยู่อย่างลำบากในเรือนจำไม่ เพราะว่าแท้จริงแล้วเขาอยู่อย่างสุขกายสบายใจในตำหนักของข้า" "...!?"สตรีในอาภรณ์สีฟ้ากระจ่างหรูหราเอียงคอมองสตรีในอาภรณ์สี