เข้าสู่ระบบดาดฟ้าชั้นสามซึ่งมีสระว่ายน้ำเป็นจุดที่ชาริสากับมินตรามาใช้เวลาในช่วงเย็นสองวันที่ผ่านมา ทั้งสองคนไม่ได้มาว่ายน้ำเล่นแต่มานั่งฟังดนตรีริมสระซึ่งมีคอกเทลให้ดื่มไปด้วยพลางๆ โดยวันนี้เพียงขวัญมาร่วมแก๊งด้วยเพราะเบื่อกับการนั่งเล่นเกมในห้องกับเพื่อนทั้งสองคน ทางนายจ้างอนุญาตให้พวกเธอพักผ่อนได้ตามความสะดวกเพราะถือว่าไม่ใช่พนักงานโดยตรง ขอแค่ให้ดอกไม้สวยสดอยู่เสมอเพียงเท่านั้น ทำให้ในแต่ละวันมีเวลาค่อนข้างมากหลังจากเช็กความเรียบร้อยเสร็จแล้วตั้งแต่เช้าตรู่
จุดสันทนาการบนเรือมีหลายสไตล์ตามความชอบส่วนบุคคล ชาริสากับมินตราชอบส่วนนี้มากกว่าสระด้านบนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเรือ เพราะที่นั่นจัดกึ่งๆ ปาร์ตี้ริมสระ เหมาะกับหนุ่มสาวที่ชอบปาร์ตี้ ว่ายน้ำ ฟังเพลง เต้นรำ แต่ตรงนี้จะเป็นแนวครอบครัว มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ อย่างตอนนี้สามสาวก็เล่นกับสองหนูน้อยชายหนึ่งหญิงหนึ่งวัยสามขวบกับสี่ขวบ พี่ชายที่โตกว่าดูจะดื้อหน่อยส่วนน้องสาวค่อนข้างขี้อาย เด็กๆ มากับปู่กับย่า พวกเธอเห็นนั่งโต๊ะติดกันแล้วเด็กชายวิ่งวุ่นไปทั่วทำเอาคนแก่เหนื่อย เพียงขวัญค่อนข้างชอบเด็กเลยเข้าไปชวนคุยแล้วบอกว่าพวกเธอจะช่วยดูเด็กๆ เอง จนตอนนี้กลายเป็นเด็กติดสามสาวไปแล้ว ทำให้ปู่กับย่าได้มีเวลาทานอาหารและนั่งพักชมบรรยากาศของทะเลยามเย็น
“อย่าแย่งน้องสิอังเดร ถ้าอยากเล่นก็ขอดีๆ โคลอี้หน้างอแล้วเห็นไหม”
มินตราบอกเด็กชายเพราะตนเองนั่งอยู่ฝั่งเดียวกันกับแม่หนูน้อยที่กำลังเล่นตุ๊กตาซึ่งสามารถอัดเสียงพูดตามตัวเองได้ พอถูกพี่แย่งของไปจากมือหนูน้อยก็หน้างอเบะปาก ไม่ได้กรีดร้องแต่จ้องอังเดรที่กำลังเล่นรุนแรงกับตุ๊กตาของตัวเองเขม็ง
“อังเดร คืนน้องก่อนแล้วบอกขอเล่นใหม่ดีๆ นะครับ”
เพียงขวัญข้างอังเดรพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น แต่เด็กชายไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาพูดอัดเสียงของตนแล้วกดฟังอย่างไม่ทะนุถนอมซ้ำๆ ไปมา
ไม่ทันที่ใครจะทันมองโคลอี้ เพราะมัวแต่หันไปขอให้อังเดรคืนของน้อง มือน้อยๆ ก็เลื่อนไปคว้าหมับรถของเล่นที่พี่ชายวางทิ้งไว้บนโต๊ะแต่จับไม่ได้เพราะใหญ่กว่า มือน้อยจึงปัดกึ่งๆ กวาดทิ้งลงพื้น เสียงของหล่นทำให้ทุกคนหันมองรวมทั้งอังเดร และเมื่อเห็นว่าเป็นของเล่นตนเองก็โยนตุ๊กตาทิ้ง ร่างกลมกระโดดผลุงลงจากเก้าอี้วิ่งตามรถที่ไหลไปเรื่อยเพราะล้อของมัน
“เดี๋ยวอังเดร”
ชาริสารีบลุกตามไปพร้อมๆ กับเพียงขวัญ เพราะเส้นทางที่เด็กน้อยกับรถตรงดิ่งไปนั้นคือสระน้ำ
หญิงสาวก้าวเข้าไปคว้าร่างกลมขึ้นอุ้มไว้ เด็กน้อยดิ้นไม่ยอมพร้อมร้องลั่น
“รถ...รถ...เอารถมา”
เพียงขวัญมาถึงช้ากว่าแต่ก้าวเลยชาริสากับอังเดรต่อไปเมื่อเห็นรถของเล่นกำลังมุ่งตรงจะลงสู่สระน้ำ จังหวะนั้นเธอคว้ารถเอาไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว ร่างสวยอิ่มในชุดสายเดี่ยวกระโปรงผ้าพริ้วหยุดอยู่ริมสระพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะนั้นชาริสารั้งอังเดรที่ตัวค่อนข้างหนักแทบจะไม่อยู่จึงพาเข้ามาหาเพื่อเอาของเล่น ทว่าร่างกลมรีบดิ้นพุ่งฉวยรถจากมือของเพียงขวัญแต่ตัวก็กระแทกหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่อย่างจัง ชาริสาตกใจถลันมาคว้าร่างเด็กชายไปกอดไว้ ทว่ามืออีกข้างคว้าเพื่อนรุ่นพี่ไม่ทันเสียแล้ว
“พาย!!”
ตูม!!
ชาริสาพลิกร่างตนเองบังอังเดรและกอดไว้แนบอก เวลานั้นมินตรารีบถลาเข้ามาทันที ส่วนปู่กับย่าก็อุ้มโคลอี้ตามมาด้วยความตกใจ
เนื่องจากคนรอบสระหันมองเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนอังเดรร้องโวยวายและคิดว่าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงจึงยืนมองเพียงเท่านั้นทำให้ทุกคนเห็นในตอนที่เพียงขวัญตกลงไปในสระอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รวมถึงเอียน เชสเตอร์ด้วย ชายหนุ่มนัดดื่มกับหวังหมิงที่นี่ เขาเดินตรงไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งมีพนักงานของเขาสองคนโดดลงสระทันทีที่เห็นคนตกลงไป แล้วเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาว ดูเหมือนเธอเองก็ว่ายน้ำได้จึงกลับมาริมสระได้เร็ว ตอนนี้คนของเขากำลังช่วยกันยกตัวเธอขึ้นโดยมีหญิงสาวสองคนออกแรงฉุดให้คนที่เปียกโชกทั้งตัวขึ้นมานั่งริมสระ
“พายเป็นไง ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ชาริสาถามพร้อมกับลูบหน้าลูบหลังอีกฝ่าย เธอส่งอังเดรให้ไปยืนห่างสระกับปู่ย่าแล้ว
“ไม่เป็นไร”
พวกเธอพูดกันเองด้วยภาษาไทย คนรอบข้างจึงไม่สามารถเข้าใจได้
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้สามสาวหันมอง แล้วต่างก็อึ้งชะงักไป พวกเธอไม่ได้สะดุดที่คนถามทว่าเป็นคนที่เดินตามเข้ามาด้านหลังต่างหาก
“เอ่อ...ไม่มีค่ะ”
เป็นมินตราที่หาเสียงเจอก่อน ทั้งสองสาวช่วยกันพยุงเพียงขวัญขึ้นมายืนเรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้อาจจะยังตกใจเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ถ้ามีอาการเจ็บหรือร่างกายแปลกๆ ยังไง ขอให้บอกนะครับ หรือจะไปเช็กร่างกายที่ห้องพยาบาลตอนนี้ก็ได้”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้านิ่งยังแนะนำเสียงเรียบ
“ไม่...ไม่เป็นไรคะ ขอตัวกลับห้องพักดีกว่าค่ะ”
เพียงขวัญส่ายหน้า ลอบมองคนที่อยู่ด้านหลังของเขาแวบหนึ่ง ยังไม่ทันเห็นหน้าคมชัดด้วยซ้ำก็รีบหลบ ขณะจะเลี่ยงออกไปปู่กับย่าของอังเดรก็เข้ามาขอบคุณและขอโทษซึ่งสามสาวยิ้มรับและไม่ได้โกรธเคือง แถมยังชวนเด็กทั้งสองคนมาเล่นด้วยกันใหม่อีกด้วยซึ่งทั้งคู่ก็รับคำอย่างแจ่มใส ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเห็น เด็กๆ ยังไร้เดียงสากันเกินกว่าจะเข้าใจว่าเมื่อครู่เป็นสถานการณ์อันตรายหากพวกตนตกลงไป
“เดี๋ยว...”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตอนพวกเธอกำลังเดินผ่านเอียนและคนของเขาทำให้สามสาวถึงกับชะงักกึก
“ถึงไม่เป็นไร แต่คุณกลับไปแบบนี้น่าจะเป็นหวัด”
ทั้งสามคนหันมองคนพูดพร้อมกันโดยอัตโนมัติ ร่างสูงใหญ่ของเอียนเดินแหวกคนของเขาตรงมาใกล้พร้อมกับถอดสูทไปด้วยก่อนจะยื่นมาตรงหน้าเพียงขวัญ
คนที่เปียกทั้งตัวจนชุดขาวแนบเนื้อมองเห็นชัดแทบทุกส่วนตาโต มองสูทแล้วไล่ตามมือใหญ่ขึ้นไปถึงใบหน้าคมสันกระทั่งสบกับตาสีน้ำตาลอ่อนคู่คม
“รับไปเถอะ”
แม้น้ำเสียงจะฟังดูเรียบเรื่อยแต่แววตาเขาบอกชัดว่าต้องรับ เพียงขวัญจึงยื่นมือไปรับสูทของชายหนุ่มพร้อมกล่าวขอบคุณเสียงเบา สองสาวรุ่นน้องจึงพลอยขอบคุณไปด้วย จากนั้นมินตราก็รีบหยิบเอาสูทเนื้อดีตัวใหญ่คลุมให้สาวรุ่นพี่
“เกิดอะไรขึ้นกับครับเนี่ย”
หวังหมิงมาถึงสระพอดีและเห็นว่าทุกสายตากระจุกอยู่ที่มุมหนึ่งของสระ เขาจึงเดินเข้ามาถามอย่างอารมณ์ดีพร้อมๆ กับที่สามสาวกำลังเดินออกมาจึงสวนกัน
“โอ้ว...สาวน้อยตกน้ำ ช่างน่าสงสาร”
เอียนเดินตามมาเมื่อคนที่ตนเองนัดเอาไว้มาถึง แล้วอธิบายเหตุการณ์เพียงสั้นๆ
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“งั้นเหรอครับ ผมเป็นคนขี้สงสารซะด้วยสิ โดยเฉพาะกับสาวสวย”
หวังหมิงมองสามสาวตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดี แต่เอียนกลับรู้สึกขัดใจกับคำพูดและแววตาลูกค้าของตนขึ้นมาตงิดๆ
เพราะพวกเขาคุยกันเกี่ยวกับพวกเธอสามสาวจึงหยุดอยู่กับที่อย่างทำตัวไม่ถูก คิดว่าเดินหนีไปเลยก็คงไม่เหมาะ
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ให้คนของผมเดินไปส่งพวกคุณก็แล้วกัน ผมเป็นห่วง พวกคุณพักห้องไหนจะได้รู้ไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือได้”
“ไม่จำเป็นมั้งครับ”
เอียนหลุดปากทักท้วงอย่างยั้งไม่ทัน ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้นึกสนใจนักหากหวังหมิงจะเกี้ยวพาใคร เมื่อหวังหมิงหันมองเขาด้วยท่าทางสงสัยชายหนุ่มจึงอธิบายเสียงเรียบ
“คุณหวังกำลังทำให้คุณผู้หญิงตกใจนะครับ วันนี้ผมคิดว่าคงไม่สะดวก ยังไงก็ยังอยู่บนเรือ เอาไว้ทักทายกันอีกทีก็ได้นี่ครับ”
“ฮ่าๆ ๆ นั่นสินะ ผมก็ลืมไป สาวสวยเปียกปอนทั้งตัวแบบนี้ คงไม่อยากให้มีผู้ชายเดินตาม”
หวังหมิงหัวเราะอย่างร่าเริง แล้วขยับเข้าไปหาสามสาว
“เอาอย่างนี้ เสื้อตัวเดียวคงไม่พอ เอาเสื้อลูกน้องผมไปอีกตัวนึงก็แล้วกัน อย่างน้อยจะได้ช่วยให้อุ่นใจขึ้น”
เขาพูดพร้อมกับมองขาเรียวสวยที่พ้นปลายเสื้อสูทของเอียนอย่างเจาะจงทำเอาเพียงขวัญสะดุ้งเบี่ยงตัวนิดๆ ท่าทางเป็นกังวล โดยไม่มีใครรู้ว่าเอียนตาวาววาบขึ้นวูบหนึ่งก่อนจางหายไปกับการกระทำของหวังหมิง
ลูกน้องคนที่อยู่ใกล้ๆ ถอดสูทยื่นให้คนเป็นนาย หวังหมิงเอาไปยื่นให้สามสาว ชาริสาไม่อยากให้มีปัญหาและเห็นว่าเพียงขวัญกำลังรู้สึกไม่ดีมากๆ จึงรีบรับไปผูกเอวให้ สามสาวกล่าวขอบคุณหวังหมิงแล้วรีบขอตัวออกมาจากตรงนั้นเพราะเพียงขวัญไม่อาจฝืนทนอายได้อีกต่อไปแล้ว
=====
“ผมรู้คนสวย”เขากระซิบเสียงพร่า ใบหน้าคมขยับมาหาอีกครั้งพร้อมมือหนาเลื่อนมาเกาะกุมอกข้างหนึ่งของเธอเข้าเต็มๆ เพียงขวัญถอยตามสัญชาตณาณทว่าเพราะนอนบนฟูกหนาทำให้ไปไหนไม่ได้ มือบางรีบคว้าข้อมือหนาทันควัน ขณะที่ริมฝีปากได้รูปกระซิบชิดปากเธอ“ผ่อนคลาย เชื่อใจผม”ชายหนุ่มบอกแล้วบดจูบพร้อมกับมือหนาเคล้าคลึงอกอวบสวยเต็มกำมืออย่างแผ่วเบาเพียงขวัญครางฮือในทันที หากก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายทำราวกับเป็นเจ้าของมัน ไม่นานอกคู่สวยก็ถูกปากร้อนผ่าวครอบครองสลับไปมาทั้งสองข้าง ทั้งไล้เลียดูดดื่มเหมือนชิมรสอาหารถูกปากจนหญิงสาวหอบกระเส่า เนิ่นนานจนพอใจเอียนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกางกางขาสั้นของหญิงสาว เขาถอดมันออกโดยไม่จำเป็นต้องถามความสมัครใจจากอีกฝ่าย ร่างอ่อนระทวยไร้แรงต้านราวกับยินยอมพร้อมใจให้เขาพาไปทุกที่ แม้ตอนปลดชั้นในสองชิ้นบนร่างเธอก็ไม่ขัดขืนเอียนขยับมือหนาไปหาสัดส่วนอ่อนไหวโดยไม่ลังเล รับรู้ว่าอีกฝ่ายเกร็งและพยายามจะบิดตัวหนีแต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ มือข้างหนึ่งวางบนอกอวบ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบเร้าโรมรันร่างหญิงสาวทุกส่วนพร้อมกันทำเอาอีกฝ่ายถึงกับครางกระสับกระส่ายกับความต้องการที่ถูกปลุกให้พุ่งส
‘แผนเริ่มแล้ว’วิเวียนบอกเป็นสัญญาณก่อนจะเลิกการติดต่อ นับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการแชตกลุ่มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงเวลาประมูลทุกคนจะมาเจอกันที่ห้องของวิเวียนก่อนหน้านี้ทั้งหมดต่างบอกความคืบหน้ากันในกรุ๊ป มีเพียงเพียงขวัญที่เงียบไปทำให้ทุกคนเริ่มกังวลแต่งานสำคัญก็ล้มเลิกไม่ได้ พวกเธอต้องเดินหน้าต่อ ส่วนชาริสานั้นวิเวียนบอกให้ตามไปสมทบกับมินตราที่ห้องเพราะหากปิลันธ์อยู่กับผู้หญิงเขาคงใช้เวลากับเธอพักใหญ่และไม่ออกมาจนกว่าจะถึงเวลาประมูล ถ้าเขาจะไปร่วมงานด้วยขณะกำลังจะเดินไปยังชั้นที่ตัวเองพัก คนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ทำให้ชาริสาหลบอยู่ตรงมุมทางเดินก่อน แม้คนกลุ่มนั้นอาจจะจำเธอไม่ได้แต่หญิงสาวไม่ชอบหน้าตาลุงนั่นเพราะฉะนั้นอยู่ในห่างๆ ดีกว่า และเมื่อลิฟต์มาถึงคนส่วนใหญ่ก็ก้าวเข้าไปแต่อีกสองคนกลับแยกออกไปทางอื่น เธอเห็นหนึ่งในนั้นล้วงไปจับบางอย่างในเสื้อสูท ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเป็นปืนแต่เพราะเขาหันเสื้อด้านในมาทางเธอชาริสาจึงรู้ว่ามันคือกล่อง กล่องสีดำที่เขาพยายามใส่ไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไม่ให้เป็นที่สังเกต ชาริสากลับมาหลบในมุมเดิมขณะครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป‘อย่าไปยุ่งเรื่อง
เพราะเกรงว่าความเลินเล่อของตัวเองที่ลืมคิดถึงกล้องวงจรปิดไปจะทำให้งานพลาดชาริสาจึงรีบกดลิฟต์เพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกตถ้าเธอหยุดรออยู่ตรงนี้นานจนเกินไป หญิงสาวคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นจริงต้องมีการตรวจกล้องแน่แม้ชั้นนี้จะไม่ใช่ชั้นของห้องนิรภัยแต่การทำลับๆ ล่อๆ ของเธออาจมีคนสังเกตเห็นขึ้นมาชาริสาพยายามสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกพร้อมกับคิดว่าตนควรบอกให้วิเวียนรู้เอาไว้ก่อนเกี่ยวกับปิลันธ์ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาแต่ตามเขาไม่ได้ต่างหาก ทว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะพิมพ์ข้อความประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าไปทว่าคนที่อยู่ข้างในทำให้ใจดวงน้อยร่วงลงไปตาตุ่ม หากก็ยังคงพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงอาการตระหนกเอาไว้ขณะสบตากับอีกฝ่ายแล้วก้าวเข้าไปด้านใน“ชั้นไหนครับ”คนอยู่ก่อนเอ่ยถามอย่างสุภาพบุรุษ“ชั้นสามค่ะ”เมื่อเขากดลิฟต์ให้หญิงสาวก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะก้มลงเปลี่ยนเป็นเข้าแอปโซเชียลดูนั่นนี่วางมาดให้ปกติในยุคสังคมก้มหน้ากระทั่งถึงชั้นของตนจึงก้าวออกมา“ขอให้สนุกนะครับ”หญิงสาวหันกลับไปยิ้มรับและเอ่ยขอบคุณชายในชุดสูทดำ คนที่เธอจำได้ว่าเขายืนอยู่ข้างกายเอียนเสมอ!ร่าง
พื้นที่สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ถูกเคลียร์เพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษของเอียน เชสเตอร์ เมื่อฮ.ลงจอดเรียบร้อย ชายในชุดสูทดำหกคนก็ก้าวลงมาก่อน ตามด้วยชายร่างสูงใหญ่ในชุดเชื้อเชิ้ตสีฟ้าพาสเทลเกงเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน ชายในชุดสูทดำหกคนตั้งแถวยืนฝั่งละสามคน ทำให้ผู้นำที่ดูสง่าผ่าเผยอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นเกินใครขึ้นไปอีก แล้วทั้งกลุ่มก็ตรงมาหาคนของเอียนที่ยืนตั้งแถวรอรับ ในขณะที่ฮ.ก็บินขึ้นในทันทีที่คนออกมาในระยะห่างอย่างปลอดภัยแล้ว“ยินดีต้อนรับครับ...ท่าน”ลูยส์เอ่ยอย่างลังเลกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ใส่ชุดต่างจากทุกคน สายตาหลังแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มดูคมและกวาดไล่มองหน้าพวกเขาจนครบก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เอียน?”“เอ่อ...คุณเอียนเกิดปัญหานิดหน่อย เลยสั่งให้ผมมาต้อนรับแทนแล้วก็ฝากขอประทาน...เอ่อ...และบอกว่าจะมาขอ...เอ่อ...”“อย่ามากพิธีเลย สบายๆ เถอะ ใช่ว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก”“ครับ แล้วคุณเอียนจะขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งครับ”คำพูดเกร็งๆ ในตอนแรกเริ่มติดขัดน้อยลงเมื่ออีกฝ่ายอนุญาต“เอาละ ฉันพักห้องไหนล่ะ พาไปสิ”“ครับ เชิญครับ”ลูยส์ผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายจึงเดินนำโดยมีลูยส์กับเจมส์และคนของ
เธอกำลังมึน...เพียงขวัญคิดขณะพยายามฝืนทำร่างกายให้ดูเหมือนเป็นปกติ หญิงสาวดื่มคอกเทลไปแล้วห้าแก้ว มันมากเกินไปสำหรับคนคออ่อนเช่นเธอ แต่ไม่อาจปฏิเสธหวังหมิงที่สั่งมาให้เพิ่มได้ แม้พยายามจิบช้าที่สุดแล้วแต่ราวกับอีกฝ่ายจ้องมอมเหล้าเธอ เมื่อเห็นคอกเทลของเธอพร่องไปมากกว่าครึ่งแก้วเขาจะสั่งแก้วใหม่เพิ่มทันทีถึงเธอจะบอกว่าเกรงใจแล้วก็ตาม“เพิ่มอีกแก้วไหมครับ”“ไม่แล้วล่ะค่ะ พายเริ่มมึนแล้ว เดี๋ยวเดินกลับห้องไม่ไหว”เพียงขวัญรีบปฏิเสธแล้วอธิบายเพิ่มเมื่อหวังหมิงหันไปยังลูกน้องของตน“อ้าวงั้นเหรอ ต้องขอโทษจริงๆ ผมเองก็ลืมคิดไปว่าคุณอาจจะคอไม่แข็ง วันนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากเลย รู้ไหมว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือยังไม่มีเคยมีสาวสวยขนาดนี้มานั่งดื่มด้วยสักที”“เอ่อ...”หญิงสาวเหลือบไปทางเอียนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ซึ่งอีกฝ่ายก็เบนสายตามายังเธอแวบเดียวแล้วเมินไปราวกับไม่ได้ยินคำพูดหวังหมิงที่เหมือนจะเกี้ยวพาเธอ ทว่าเพียงขวัญมั่นใจว่าเห็นมุมปากเขายิ้มนิดๆ“คุณหวังให้เกียรติพายเกินไปแล้วล่ะค่ะ”เธอพยายามถ่อมตัวพร้อมยิ้มให้ ไม่รู้หรอกว่าดวงตาที่หวานอยู่แล้วของตนนั้นหวานเยิ้มเพียงใด และยิ้มแบบนั้นก็ทำให้มุมปา
สาวหน้าหวานในชุดสบายๆ เสื้อบางสีขาวตัวยาว ยัดปลายด้านหน้าเข้าไปในกางเกงขาสั้นสีขาว ดึงดูดสายตาเอียนได้ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในโซนของสระน้ำ เจ้าตัวมีท่าทางราวกำลังมองหาใครอยู่ เธออาจจะมาหาเพื่อนหรือเด็กๆ ที่เล่นด้วยวันนั้น กระทั่งมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่หญิงสาวดูนิ่งขึงไปชั่วอึดใจก่อนจะละสายตาแล้วมองไปในทิศทางอื่น นั่นทำให้เอียนขมวดคิ้วนิดๆเธอมีท่าทีราวกับไม่อยากเจอเขา...“อ้าว นั่นสาวสวยที่ตกน้ำวันนั้นนี่นา”น้ำเสียงชื่นมื่นของหวังหมิงทำให้เอียนคอแข็งโดยทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเธอเหมือนเขา“อาหลี่ไปเชิญคุณผู้หญิงมาหน่อย บอกว่าฉันอยากเลี้ยงปลอบขวัญ”“ครับนาย”คนของหวังหมิงเดินไปแล้วเอียนจึงเอ่ยขึ้น“ไม่น่าเชื่อว่านักธุรกิจที่ใจเย็น วางแผนแยบยลอย่างคุณหวัง จะใจร้อนเรื่องสาวๆ”เขาลองหยั่งเชิงและอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงดัง“เดี๋ยวนี้ชักช้าก็อดกันพอดี ผมมันแก่แล้ว ถ้าไม่รีบตะครุบเหยื่อก็ช้ากว่าพวกหนุ่มๆ หล่อๆ น่ะสิครับ”เอียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำมือแน่นขึ้น แม้สีหน้าจะดูยิ้มนิดๆ ก็ตาม ขณะเดียวกันสาวสวยตัวเล็กทว่าอวบอิ่มก็ก้าวตามคนของหวังหมิงมาด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด







