LOGINเรือสำราญของเชสเตอร์เมดิเตอร์เรเนียนครูสเป็นเรือขนาดกลางเน้นความเรียบหรูดูดีผสานความคลาสสิกสวยงามมากกว่าความอลังการ ถือความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นหลัก กลุ่มลูกค้าจึงเป็นพวกเงินหนาที่ไม่ต้องการความวุ่นวาย มีมาทั้งแบบครอบครัว กลุ่มเพื่อน การสัมมนาเล็กๆ แบบพิเศษ หรือแม้กระทั่งฮันนีมูน
ร่างสูงใหญ่ที่เดินมาพร้อมผู้จัดการและคนของเขาอีกสองสามคนทำให้คนที่กำลังจัดแจกันเข้ามุมให้เรียบร้อยหลบวูบโดยใช้รูปร่างพอๆ กันของมินตรากำบัง พร้อมกับแอบเหลือบมองตามอย่างระแวดระวัง เพราะเขาหยุดตามจุดต่างๆ พูดคุยสอบถามและนิ่งฟังบ้างบางครั้ง คงจะดูความเรียบร้อยก่อนเปิดต้อนรับแขกและเธอก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะมาถึงตรงนี้
“มิ้นท์เสร็จแล้วก็รีบไปเถอะ”
หญิงสาวสะกิดกระซิบกับเพื่อน
“เดี๋ยวขอพรมน้ำนิดนึง”
“ไม่ต้องแล้ว ไปเร็ว”
เมื่อเห็นว่าปิลันธ์กำลังเดินตรงมาทางนี้ ซึ่งเป็นมุมบันไดเพื่อจะขึ้นไปยังชั้นของสระว่ายน้ำหญิงสาวก็คว้ามือเพื่อนหลบลงไปข้างล่างทันที ทว่ามินตราก็ทันมองตามจนรู้ว่าชาริสาหลบใคร
“หลบทำไมริสา วีให้ตีสนิทเขานี่”
“เอาไว้ก่อน”
“มันควรจะเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกๆ ไม่ใช่เหรอเพื่อความแนบเนียน”
“แล้วจะให้อยู่ๆ ไปทักเขาได้ไง ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”
คนที่ถูกฝากความหวังทำหน้ายุ่ง เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
“ก็ไม่ต้องทัก ยืนทำงานเราไปเดี๋ยวเขาก็ทักเอง หลบแบบนี้จะดึงความสนใจของเขาได้ยังไง”
“มันง่ายแบบนั้นซะที่ไหนเล่า ตอนนี้เราก็เหมือนพนักงานของเขา ริสาไม่คิดว่าเขาจะทักเราต่อหน้าคนของเขาหรอกมิ้นท์”
“เออ ก็ใช่นะ”
มินตรานึกเห็นด้วยขึ้นมา
“คนระดับเขาคงไม่แสดงออกว่าสนใจเราต่อหน้าพนักงานหรอก เผลอๆ จะเมินทำเป็นไม่รู้จัก ไม่เห็นหัวด้วยซ้ำ”
ชาริสาฟังที่เพื่อนพูดแล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับทำหน้ายุ่ง มินตราจึงโอบไหล่อย่างปลอบใจ
“งั้นเรื่องนี้ไว้ก่อน งานเสร็จแล้วเราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อีกรอบดีกว่า อุตส่าห์มีวาสนาได้ขึ้นเรือสำราญทั้งที ต้องเก็บเกี่ยวให้เต็มที่ ไปดูวิวข้างบนกัน”
ชาริสากับเพื่อนขึ้นเรือมาจัดการงานของพวกเธอตั้งแต่เช้ามืด และเวลานี้เรือก็พร้อมให้บริการแล้ว พวกเธอมีหน้าที่เพียงจัดแต่งดอกไม้วางในจุดต่างๆ ตามที่กำหนดแล้วก็ดูแลให้สดชื่นอยู่เสมอ ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่เรือลำนี้แล่นอยู่ในทะเลตามที่ผู้จ้างเจาะจงมาตั้งแต่แรก
เมื่อสองสาวกลับมาถึงห้องที่พักชาริสาก็นั่งลงบนเตียงอย่างท้อแท้
“ริสาจะทำยังไงดีเนี่ยมิ้นท์ จะมีปัญญาที่ไหนไปดึงความสนใจของเขา งงวีมากอ่ะ”
“เอาน่า ยังมีเวลาอีกตั้งหลายวัน มิ้นท์ว่าวีคิดถูก ถ้าไม่สนใจเขาคงไม่มองตั้งแต่แรก”
“มันก็แค่บังเอิญ”
ชาริสาไม่รู้จะพูดให้เพื่อนเข้าใจได้ยังไง เพราะเธอเองก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง แต่ที่แน่ๆ คือเธอไม่อยากเข้าใกล้ปิลันธ์อีกเลย มินตราไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนเธอนอนแทบไม่หลับเพราะใบหน้าคมสันกับสัมผัสจู่โจมที่สร้างความวาบหวามในอกตามหลอกหลอนทุกครั้งยามหลับตา
หวังหมิงเป็นเจ้าของโบราณวัตถุทั้งหมดที่จะทำการประมูลในครั้งนี้ ตั้งแต่ทำธุรกิจเรือสำราญเอียนเปิดประมูลบนเรือหลายครั้ง ทว่าต้องเป็นครั้งที่พิเศษจริงๆ ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยบรรดาโบราณวัตถุของราชวงศ์จีนสิบชิ้นของหวังหมิงมูลค่ามหาศาลและมีผู้คนมากมายสนใจอยากครอบครอง ทว่าที่เป็นไฮไลต์จริงๆ ของการประมูลครั้งนี้คือ ‘บลูสกายเพิร์ล’ ไข่มุกล้ำค่าสีชมพูทรงกลมขนาดสองคูณสองนิ้ว ซึ่งชื่อมุกเป็นบลูสกายเพราะว่าสามารถเรืองแสงออกมาเป็นสีฟ้าสว่างได้ในเวลากลางคืนและเมื่ออยู่ใต้น้ำรวมถึงใต้ท้องทะเลลึก เป็นสมบัติล้ำค่าจากแคว้นโบราณลึกลับที่ยากจะไปถึงในแถบทะเลบอลข่านและสูญหายไปในสมัยยุคล่าอาณานิคม เชื่อกันว่ามีพลังในการรักษาใครได้ครอบครองเป็นเจ้าของจะมั่งคั่งดูดทรัพย์มหาศาล มีอายุยืนยาวไม่เจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนเป็นยาอายุวัฒนะ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ามีเพียงชิ้นเดียว หายากไม่ต่างจากไข่มุกราตรีของซูสีไทเฮาเลยทีเดียว
เอียนเคยเป็นนายหน้าจัดการประมูลให้หวังหมิงมาแล้วสองครั้ง แม้ครั้งนี้เขาค่อนข้างแปลกใจที่อีกฝ่ายเปิดประมูลบลูสกายเพิร์ลชิ้นนี้เพราะหวังหมิงเองก็ต้องการเป็นเจ้าของไข่มุกราตรีของซูสีไทเฮา ซึ่งในเมื่อมีสิ่งที่มีมูลค่าและล้ำค่าไม่ต่างกันเขาก็น่าจะเก็บไว้กับตัวมากกว่า
ถึงเอียนจะมองเรื่องความเชื่อเป็นสิ่งงมงายเพราะตนไม่ได้นับถือในสิ่งนั้น ทว่าไม่เคยคิดดูถูก และด้วยความสงสัยจึงชวนอีกฝ่ายพูดคุยเมื่อเข้ามานั่งในห้องทำงานส่วนตัวของเขาหลังจากควบคุมการลำเลียงโบราณวัตถุไปไว้ในตู้นิรภัยเป็นที่เรียบร้อย
“ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่คุณหวังนำบลูสกายเพิร์ลเข้าประมูลด้วย”
“ผมเองก็คิดอยู่นาน แต่เรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใคร รู้สึกว่าดวงของผมจะค่อนข้างขัดกับบลูสกายเพิร์ล ไม่เสริมกันเลย”
ชายชาวจีนรูปร่างสันทัดบอกด้วยท่าทางสบายๆ ทว่านั่งตัวตรงอย่างคนที่มีบุคลิกภาพดีเข้าสังคมบ่อย
“ผมว่าออกจะหนุนกันดีนะครับ คุณหวังมีของโบราณดีๆ เข้ามาตลอด”
เอียนท้วงขำๆ อีกฝ่ายจึงหัวเราะ
“ผมถูกกับของเก่า แต่อาจจะไม่ถูกกับของที่มีพลังพิเศษ เพราะตั้งแต่ได้มาสุขภาพแย่ลง มีเรื่องต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ”
หวังหมิงพูดทีเล่นทีจริง เอียนจึงไม่อยากต่อความมากมาย และเป็นฝ่ายยกกาน้ำชาขึ้นเทให้เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า นับเป็นลุงเลยก็ว่าได้
“ผมรู้ว่าหลายคนตามหามันอยู่ ในเมื่อมันไม่เข้ากับเราก็คงต้องแล้วแต่วาสนาดีกว่าครับ”
คนอายุน้อยกว่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเห็นของโบราณมามาก บางชิ้นคนที่ประมูลได้ไปยังเอากลับมาให้เขาเปิดประมูลใหม่ ด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่น ฝันเห็นอะไรแปลกๆ หรือเจอสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆ นานา แต่รวมแล้วได้ข้อเดียวคือ ไม่เหมาะกับตนนั่นเอง
“แต่ครั้งนี้ผมอยากให้คนของผมเฝ้าห้องนิรภัยด้วย ผมค่อนข้างกังวลเพราะบลูสกายเพิร์ลนั่นแหละ”
เอียนเงยหน้าด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจฟัง แต่ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“คุณคงไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม”
ยอมรับว่าการที่หวังหมิงก้าวก่ายความรับผิดชอบของเขาทำให้รู้สึกไม่พอใจนิดๆ ทว่าสุดท้ายเอียนก็ยอมตกลงด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขออนุญาต แต่ต้องการบอกว่าจะส่งคนมาคุ้มกันบลูสกายเพิร์ล ในแง่ธุรกิจอะไรที่พอปล่อยวางได้เอียนก็มักจะยอมปล่อย ทั้งที่นิสัยส่วนตัวแล้วชายหนุ่มจะไม่ยอมให้ใครมาวางอำนาจบังคับเขาได้แน่
=====
“ผมรู้คนสวย”เขากระซิบเสียงพร่า ใบหน้าคมขยับมาหาอีกครั้งพร้อมมือหนาเลื่อนมาเกาะกุมอกข้างหนึ่งของเธอเข้าเต็มๆ เพียงขวัญถอยตามสัญชาตณาณทว่าเพราะนอนบนฟูกหนาทำให้ไปไหนไม่ได้ มือบางรีบคว้าข้อมือหนาทันควัน ขณะที่ริมฝีปากได้รูปกระซิบชิดปากเธอ“ผ่อนคลาย เชื่อใจผม”ชายหนุ่มบอกแล้วบดจูบพร้อมกับมือหนาเคล้าคลึงอกอวบสวยเต็มกำมืออย่างแผ่วเบาเพียงขวัญครางฮือในทันที หากก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายทำราวกับเป็นเจ้าของมัน ไม่นานอกคู่สวยก็ถูกปากร้อนผ่าวครอบครองสลับไปมาทั้งสองข้าง ทั้งไล้เลียดูดดื่มเหมือนชิมรสอาหารถูกปากจนหญิงสาวหอบกระเส่า เนิ่นนานจนพอใจเอียนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกางกางขาสั้นของหญิงสาว เขาถอดมันออกโดยไม่จำเป็นต้องถามความสมัครใจจากอีกฝ่าย ร่างอ่อนระทวยไร้แรงต้านราวกับยินยอมพร้อมใจให้เขาพาไปทุกที่ แม้ตอนปลดชั้นในสองชิ้นบนร่างเธอก็ไม่ขัดขืนเอียนขยับมือหนาไปหาสัดส่วนอ่อนไหวโดยไม่ลังเล รับรู้ว่าอีกฝ่ายเกร็งและพยายามจะบิดตัวหนีแต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ มือข้างหนึ่งวางบนอกอวบ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบเร้าโรมรันร่างหญิงสาวทุกส่วนพร้อมกันทำเอาอีกฝ่ายถึงกับครางกระสับกระส่ายกับความต้องการที่ถูกปลุกให้พุ่งส
‘แผนเริ่มแล้ว’วิเวียนบอกเป็นสัญญาณก่อนจะเลิกการติดต่อ นับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการแชตกลุ่มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงเวลาประมูลทุกคนจะมาเจอกันที่ห้องของวิเวียนก่อนหน้านี้ทั้งหมดต่างบอกความคืบหน้ากันในกรุ๊ป มีเพียงเพียงขวัญที่เงียบไปทำให้ทุกคนเริ่มกังวลแต่งานสำคัญก็ล้มเลิกไม่ได้ พวกเธอต้องเดินหน้าต่อ ส่วนชาริสานั้นวิเวียนบอกให้ตามไปสมทบกับมินตราที่ห้องเพราะหากปิลันธ์อยู่กับผู้หญิงเขาคงใช้เวลากับเธอพักใหญ่และไม่ออกมาจนกว่าจะถึงเวลาประมูล ถ้าเขาจะไปร่วมงานด้วยขณะกำลังจะเดินไปยังชั้นที่ตัวเองพัก คนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ทำให้ชาริสาหลบอยู่ตรงมุมทางเดินก่อน แม้คนกลุ่มนั้นอาจจะจำเธอไม่ได้แต่หญิงสาวไม่ชอบหน้าตาลุงนั่นเพราะฉะนั้นอยู่ในห่างๆ ดีกว่า และเมื่อลิฟต์มาถึงคนส่วนใหญ่ก็ก้าวเข้าไปแต่อีกสองคนกลับแยกออกไปทางอื่น เธอเห็นหนึ่งในนั้นล้วงไปจับบางอย่างในเสื้อสูท ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเป็นปืนแต่เพราะเขาหันเสื้อด้านในมาทางเธอชาริสาจึงรู้ว่ามันคือกล่อง กล่องสีดำที่เขาพยายามใส่ไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไม่ให้เป็นที่สังเกต ชาริสากลับมาหลบในมุมเดิมขณะครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป‘อย่าไปยุ่งเรื่อง
เพราะเกรงว่าความเลินเล่อของตัวเองที่ลืมคิดถึงกล้องวงจรปิดไปจะทำให้งานพลาดชาริสาจึงรีบกดลิฟต์เพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกตถ้าเธอหยุดรออยู่ตรงนี้นานจนเกินไป หญิงสาวคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นจริงต้องมีการตรวจกล้องแน่แม้ชั้นนี้จะไม่ใช่ชั้นของห้องนิรภัยแต่การทำลับๆ ล่อๆ ของเธออาจมีคนสังเกตเห็นขึ้นมาชาริสาพยายามสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกพร้อมกับคิดว่าตนควรบอกให้วิเวียนรู้เอาไว้ก่อนเกี่ยวกับปิลันธ์ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาแต่ตามเขาไม่ได้ต่างหาก ทว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะพิมพ์ข้อความประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าไปทว่าคนที่อยู่ข้างในทำให้ใจดวงน้อยร่วงลงไปตาตุ่ม หากก็ยังคงพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงอาการตระหนกเอาไว้ขณะสบตากับอีกฝ่ายแล้วก้าวเข้าไปด้านใน“ชั้นไหนครับ”คนอยู่ก่อนเอ่ยถามอย่างสุภาพบุรุษ“ชั้นสามค่ะ”เมื่อเขากดลิฟต์ให้หญิงสาวก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะก้มลงเปลี่ยนเป็นเข้าแอปโซเชียลดูนั่นนี่วางมาดให้ปกติในยุคสังคมก้มหน้ากระทั่งถึงชั้นของตนจึงก้าวออกมา“ขอให้สนุกนะครับ”หญิงสาวหันกลับไปยิ้มรับและเอ่ยขอบคุณชายในชุดสูทดำ คนที่เธอจำได้ว่าเขายืนอยู่ข้างกายเอียนเสมอ!ร่าง
พื้นที่สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ถูกเคลียร์เพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษของเอียน เชสเตอร์ เมื่อฮ.ลงจอดเรียบร้อย ชายในชุดสูทดำหกคนก็ก้าวลงมาก่อน ตามด้วยชายร่างสูงใหญ่ในชุดเชื้อเชิ้ตสีฟ้าพาสเทลเกงเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน ชายในชุดสูทดำหกคนตั้งแถวยืนฝั่งละสามคน ทำให้ผู้นำที่ดูสง่าผ่าเผยอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นเกินใครขึ้นไปอีก แล้วทั้งกลุ่มก็ตรงมาหาคนของเอียนที่ยืนตั้งแถวรอรับ ในขณะที่ฮ.ก็บินขึ้นในทันทีที่คนออกมาในระยะห่างอย่างปลอดภัยแล้ว“ยินดีต้อนรับครับ...ท่าน”ลูยส์เอ่ยอย่างลังเลกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ใส่ชุดต่างจากทุกคน สายตาหลังแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มดูคมและกวาดไล่มองหน้าพวกเขาจนครบก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เอียน?”“เอ่อ...คุณเอียนเกิดปัญหานิดหน่อย เลยสั่งให้ผมมาต้อนรับแทนแล้วก็ฝากขอประทาน...เอ่อ...และบอกว่าจะมาขอ...เอ่อ...”“อย่ามากพิธีเลย สบายๆ เถอะ ใช่ว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก”“ครับ แล้วคุณเอียนจะขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งครับ”คำพูดเกร็งๆ ในตอนแรกเริ่มติดขัดน้อยลงเมื่ออีกฝ่ายอนุญาต“เอาละ ฉันพักห้องไหนล่ะ พาไปสิ”“ครับ เชิญครับ”ลูยส์ผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายจึงเดินนำโดยมีลูยส์กับเจมส์และคนของ
เธอกำลังมึน...เพียงขวัญคิดขณะพยายามฝืนทำร่างกายให้ดูเหมือนเป็นปกติ หญิงสาวดื่มคอกเทลไปแล้วห้าแก้ว มันมากเกินไปสำหรับคนคออ่อนเช่นเธอ แต่ไม่อาจปฏิเสธหวังหมิงที่สั่งมาให้เพิ่มได้ แม้พยายามจิบช้าที่สุดแล้วแต่ราวกับอีกฝ่ายจ้องมอมเหล้าเธอ เมื่อเห็นคอกเทลของเธอพร่องไปมากกว่าครึ่งแก้วเขาจะสั่งแก้วใหม่เพิ่มทันทีถึงเธอจะบอกว่าเกรงใจแล้วก็ตาม“เพิ่มอีกแก้วไหมครับ”“ไม่แล้วล่ะค่ะ พายเริ่มมึนแล้ว เดี๋ยวเดินกลับห้องไม่ไหว”เพียงขวัญรีบปฏิเสธแล้วอธิบายเพิ่มเมื่อหวังหมิงหันไปยังลูกน้องของตน“อ้าวงั้นเหรอ ต้องขอโทษจริงๆ ผมเองก็ลืมคิดไปว่าคุณอาจจะคอไม่แข็ง วันนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากเลย รู้ไหมว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือยังไม่มีเคยมีสาวสวยขนาดนี้มานั่งดื่มด้วยสักที”“เอ่อ...”หญิงสาวเหลือบไปทางเอียนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ซึ่งอีกฝ่ายก็เบนสายตามายังเธอแวบเดียวแล้วเมินไปราวกับไม่ได้ยินคำพูดหวังหมิงที่เหมือนจะเกี้ยวพาเธอ ทว่าเพียงขวัญมั่นใจว่าเห็นมุมปากเขายิ้มนิดๆ“คุณหวังให้เกียรติพายเกินไปแล้วล่ะค่ะ”เธอพยายามถ่อมตัวพร้อมยิ้มให้ ไม่รู้หรอกว่าดวงตาที่หวานอยู่แล้วของตนนั้นหวานเยิ้มเพียงใด และยิ้มแบบนั้นก็ทำให้มุมปา
สาวหน้าหวานในชุดสบายๆ เสื้อบางสีขาวตัวยาว ยัดปลายด้านหน้าเข้าไปในกางเกงขาสั้นสีขาว ดึงดูดสายตาเอียนได้ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในโซนของสระน้ำ เจ้าตัวมีท่าทางราวกำลังมองหาใครอยู่ เธออาจจะมาหาเพื่อนหรือเด็กๆ ที่เล่นด้วยวันนั้น กระทั่งมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่หญิงสาวดูนิ่งขึงไปชั่วอึดใจก่อนจะละสายตาแล้วมองไปในทิศทางอื่น นั่นทำให้เอียนขมวดคิ้วนิดๆเธอมีท่าทีราวกับไม่อยากเจอเขา...“อ้าว นั่นสาวสวยที่ตกน้ำวันนั้นนี่นา”น้ำเสียงชื่นมื่นของหวังหมิงทำให้เอียนคอแข็งโดยทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเธอเหมือนเขา“อาหลี่ไปเชิญคุณผู้หญิงมาหน่อย บอกว่าฉันอยากเลี้ยงปลอบขวัญ”“ครับนาย”คนของหวังหมิงเดินไปแล้วเอียนจึงเอ่ยขึ้น“ไม่น่าเชื่อว่านักธุรกิจที่ใจเย็น วางแผนแยบยลอย่างคุณหวัง จะใจร้อนเรื่องสาวๆ”เขาลองหยั่งเชิงและอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงดัง“เดี๋ยวนี้ชักช้าก็อดกันพอดี ผมมันแก่แล้ว ถ้าไม่รีบตะครุบเหยื่อก็ช้ากว่าพวกหนุ่มๆ หล่อๆ น่ะสิครับ”เอียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำมือแน่นขึ้น แม้สีหน้าจะดูยิ้มนิดๆ ก็ตาม ขณะเดียวกันสาวสวยตัวเล็กทว่าอวบอิ่มก็ก้าวตามคนของหวังหมิงมาด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด







