“น้องภา ได้เอาใครมาอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า” เขาถามกลับไปเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายรับสาย
“พี่คีรินรู้ได้ยังไงคะ” เสียงอีกฝ่ายดังแทรกออกมาเพราะเขาเปิดเสียงสมาร์ตโฟนให้เธอได้ยินด้วย
“ก็พี่อยู่ที่บ้านนี่ไง ทำไมทำอะไรถึงไม่บอกพี่ก่อน”
“โธ่ น้องภาก็จะบอกนั่นแหละค่ะ แต่ไม่คิดว่าพี่คีรินจะกลับบ้านวันนี้นี่คะ นี่น้องภายังขับรถไม่ถึงคอนโดฯ เลยค่ะ เพิ่งจะมาถึงบางแค แล้วพี่คีรินนึกอะไรถึงได้กลับบ้านคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากจะกลับ เห็นพ่อบอกว่าโทร. ให้กลับบ้านหลายครั้งแล้วก็บอกว่าติดงาน ๆ ตลอด น้องภาก็เลยชะล่าใจ นึกว่ายังไม่กลับนี่คะ ก็เลยให้ยายฤดีพักที่บ้านนั้นก่อน”
“แล้วนึกยังไงให้เพื่อนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มาอยู่ในบ้านร้างตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”
“ก็ยายฤดีเขาอยากอยู่ที่นั่นนี่คะ เขาไปซื้อที่ดินของน้องภา ที่ดินแปลงเล็กน่ะ น้องภาขายให้ยายฤดีไปแล้วนะพี่คีริน อย่าเพิ่งบอกพ่อล่ะ เดี๋ยวนภาจะหาโอกาสบอกพ่อเอง แล้วยายฤดีก็ไม่มีที่พัก ระหว่างรอเงินเดือนออกก็เลยขอเช่าพักที่บ้านพี่คีรินก่อนสักสองสามเดือน ถ้าเก็บเงินสร้างบ้านได้จะย้ายออก น้องภาเห็นสภาพบ้านทรุดโทรมแบบนั้น ก็เลยบอกว่าให้เขาอยู่ฟรีไปเลย แค่สองสามเดือนพี่คีรินคงยังไม่กลับ ก็ตามนั้นแหละ พี่คีรินกลับไปก็ดีแล้ว จะได้หมดห่วงซะที น้องภาฝากเพื่อนด้วยแล้วกัน แค่นี้นะขับรถอยู่” ว่าแล้วก็วางสายไป
“อ้าว นึกจะวางก็วางเฉยเลย แล้วอยู่ ๆ ก็มาฝากกันเนี่ยนะ” คีรินก้มมองสมาร์ตโฟนที่จอดับวูบลง ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งกอดเข่าตาแป๋วอยู่ท่ามกลางหม้อ ถ้วย กะละมังที่เอามารองน้ำซึ่งไหลลงมาจากเพดานห้อง
เขากวาดตามองไปทั่วห้อง เห็นที่นอนปิกนิกอยู่ฝั่งหนึ่งซึ่งไม่มีน้ำหยดใส่ ส่วนด้านนอกที่เป็นห้องโถงเมื่อครู่นี้ เขาเห็นว่ามีน้ำหยดทั่วไปหมดซึ่งเขาไม่น่าจะนอนได้ จึงเดินไปทรุดนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง
“แล้วเราจะเอายังไงกันดี” เขาถามอย่างปลงไม่ตก เมื่อต้องมาเจอกับเธอในสภาพนี้ จะไล่ออกไปก็ไม่ได้ ผู้หญิงตัวคนเดียวจะให้ไปไหนได้ตอนฝนตก ๆ เช่นนี้ แล้วเขาก็เช่นเดียวกัน จะออกไปไหนได้นอกจากนั่งอยู่ตรงนี้ ในเมื่อบ้านทั้งหลังยังคงเต็มไปด้วยฝุ่นและรอยน้ำรั่ว และที่สำคัญก็คือห้องนี้เป็นห้องนอนของเขา ซึ่งตั้งใจว่าจะมาทำความสะอาดเพื่อพักอาศัย แต่เธอจับจองไปแล้ว
“พี่คีรินมาเหนื่อย ๆ หิวไหมคะ” เพียงฤดีอ้อมแอ้มถาม เขาเป็นพี่ชายของเพื่อน แถมยังเป็นเจ้าของบ้านอีก เธอควรจะเอาใจใส่เขาสักนิด ตอบแทนที่เขาไม่ไล่เธอออกไปจากบ้าน
“ไม่..ไม่หิว” ตอบว่าไม่หิวแต่เมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวมื้อเย็นเลย ท้องก็ร้องขึ้นมาทันใด หญิงสาวผุดยิ้มขำขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะว่า
“เอ่อ เดี๋ยวฤดีไปหาอะไรมาให้กินก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวเดินเข้าไปในครัว เสียบปลั๊กเตาไฟฟ้า นำหม้อสเตนเลสใส่น้ำตั้งบนเตา แกะห่อบะหมี่สำเร็จรูปใส่ลงไป ใส่หมูสับที่ซื้อติดตู้เย็นไว้ ตอกไข่ใส่หนึ่งใบ แล้วเทใส่ชามนำมาให้เขากิน
“กินบะหมี่ไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าฤดีค่อยทำอาหารเช้าให้ค่ะ” หญิงสาววางชามบะหมี่ตรงหน้าเขาพร้อมกับขวดน้ำดื่ม ตอนเธออยู่ที่บ้าน เธอก็มีหน้าที่บริการทุกคนในบ้าน จึงติดเป็นนิสัย
เมื่อเห็นเขาหยิบชามบะหมี่ขึ้นกิน เธอจึงหันไปจัดที่นอน เพราะดูแล้วเขาคงไม่สามารถไปนอนที่ไหนได้นอกจากในห้องนี้ จึงเอาผ้านวมอีกชุดนึงที่เธอเพิ่งซื้อมาปูให้ ห่างจากที่นอนปิกนิกของเธอเล็กน้อย เพราะบริเวณอื่นมีน้ำหยดเต็มไปหมด อย่างน้อยก็พักผ่อนให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน แล้วค่อยว่ากันพรุ่งนี้อีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หญิงสาวเอากระเป๋าเดินทางและหมอนมากั้นที่นอนระหว่างของเธอกับของเขาแล้วบอกว่า “นี่ที่นอนพี่คีรินนะคะ ที่อื่นคงนอนไม่ได้เพราะยังไม่ได้ทำความสะอาดเลยค่ะ”
คีรินมองที่นอนที่เธอจัดไว้ให้ก่อนจะพยักหน้า อย่างน้อยคืนนี้เขาก็ยังได้นอนพักผ่อน ส่วนพรุ่งนี้คงต้องเริ่มต้นปรับปรุงบ้านทันที เพราะคงจะทนอยู่แบบนี้ไม่ไหว
“ง่วงก็นอนก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก” เขาว่าแล้วก็รับประทานบะหมี่สำเร็จรูปต่อไปเงียบ ๆ
เพียงฤดีเดินไปขยับกะละมังเพื่อให้น้ำหยดลงมาในตำแหน่งที่จะไม่กระเซ็นมากนัก ก่อนจะมานั่งบนที่นอนปิกนิกของตัวเอง มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจเธออีก จึงเอนกายลงนอน ดึงผ้านวมมาคลุมแล้วเคลิ้มหลับไปด้วยความง่วงและความอ่อนเพลีย
คีรินกินบะหมี่สำเร็จรูปเสร็จก็เดินเข้าไปในครัว เอาชามไปล้างที่อ่างล้างจาน ก่อนจะหันมองข้าวของที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน ก็เห็นน้ำหยดลงมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้ทำความสะอาดไว้อย่างดี เมื่อกลับเข้ามาในห้อง เขาก็เห็นหญิงสาวนอนหลับสนิทไปแล้ว
เขาไม่อยากไปสนใจเธอมากนัก เพราะเธอเป็นเพื่อนของน้องสาว ก็คงไม่ต่างจากน้องสาวของเขาเหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ที่เด็กสาวรุ่นนี้จะมาซื้อที่ดินอยู่ต่างจังหวัด และกล้าจะมาอาศัยอยู่ในบ้านร้างตามลำพัง แต่เพราะเขาเองก็ง่วงเหมือนกัน
ความสงสัยเรื่องของเธอจึงเก็บเอาไว้ถามวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน คีรินเอนกายลงบนที่นอนแล้วหลับลงทันทีที่หัวถึงหมอน ลืมคิดถึงความเศร้าโศกที่ผ่านมาของตัวเองเสียสนิท
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น