เพียงฤดี นักบัญชีสาวแสนขยันผู้ต้องการหลีกหนีจากสภาพคนหาเช้ากินค่ำในเมืองหลวงและครอบครัวที่เต็มไปด้วยปัญหา จึงตัดสินใจซื้อที่ดินในต่างจังหวัดแปลงหนึ่ง หวังว่าจะใช้เป็นสถานที่เขียนนิยายออนไลน์และทำช่องยูทูป หลังจากที่ทำเป็นอาชีพเสริมมานาน เพื่อจะสร้างความมั่นคงให้กับทุกคนในครอบครัวที่จากมา พวกเขาจะได้รู้สักทีว่า เธอไม่ได้คิดจะทิ้งมาเพื่อหาความสบายตามลำพังอย่างที่มารดาปรามาสไว้ แม้ตอนนี้จะต้องอาศัยอยู่ในบ้านร้างตามลำพังเธอก็ยอม! ขณะที่คีรินสถาปนิกหนุ่มมากความสามารถ เดินทางกลับบ้านที่ทิ้งร้างไว้เกือบสิบปีเพื่อตั้งหลัก หลังจากผิดหวังเรื่องความรัก คำว่า ‘ห่างกันสักพัก’ ของคนรักที่กำลังจะแต่งงานกัน ทำให้เขาต้องตัดสินใจเดินทางกลับมายังบ้านเกิด แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก กลับพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของเขา แล้วเขาจะไล่ผู้หญิงไร้บ้านคนนี้ออกไปได้อย่างไร นอกจากรับไว้ให้อยู่ช่วยงานบ้านระหว่างที่เขารีโนเวทบ้านก็ยังดี ทว่าบรรยากาศอันงดงามของพะโต๊ะ เมืองในหมอกของภาคใต้ที่สวยงามดั่งเมืองเหนือ กับความขยันใสซื่อของเธอ ก็ค่อย ๆ ร้อยรัดหัวใจของเขาเอาไว้อย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางกำแพงของคำว่า ‘ห่างกันสักพัก’ ซึ่งคอยก่อกวนอยู่ในหัวใจ
View More๑
ทางที่ต้องเลือก
เพียงฤดีหญิงสาวร่างบอบบาง นั่งร้องไห้ร่างกายสั่นเทาอยู่ต่อหน้านภาธรเพื่อนสาวคนสนิท เธอลูบแขนเขียวช้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ภาพในหัววนเวียนอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามารดาโทร. เรียกให้เธอรีบกลับบ้าน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอจะตั้งใจจะทำโอที หลังจากกลับไปบ้าน ท่านก็บ่นเรื่องเธอกลับช้า ก่อนจะขอเงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งเธอต้องให้ท่านทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ขอเพิ่มอีกห้าพันบาทช่วยจ่ายค่าผ่อนรถให้กับเอกกมลผู้เป็นพี่ชายคนโต
‘แม่คะ แล้วเงินเดือนพี่ท็อปไปไหนหมดล่ะคะ ถ้าเอาไปหมื่นห้าแล้วฤดีจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายจนกว่าจะสิ้นเดือนล่ะคะ เงินเดือนฤดีแค่สองหมื่นห้าเอง ไหนยังจะต้องให้เงินแม็กซ์ไปมหา’ลัยอีก’ หญิงสาวท้วง
เพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้มารดาหนึ่งหมื่นบาททุกเดือน จะเหลือหนึ่งหมื่นห้าพันบาทไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับนภดลหรือแม็กซ์ผู้เป็นน้องชายที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละหนึ่งพันบาท ก่อนจะเจียดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นเงินเก็บส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอเองแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
‘แต่รถแม่ก็ต้องใช้ มีธุระจะออกไปไหนมาไหนก็ต้องให้พี่เขาพาไป แกก็ต้องช่วยจ่ายบ้าง ฉันรู้นะว่าแกมีรายได้อื่นอีกแต่ไม่ยอมบอกฉัน ยังไงเดือนนี้แกก็ต้องช่วย ฉันคิดว่าต่อไปแกก็ช่วยค่าผ่อนรถมาเดือนละห้าพันก็แล้วกัน’
ผู้เป็นมารดาเอ่ยเสียงแข็ง ทั้ง ๆ ที่ตอนดาวน์รถเธอก็ช่วยออกเงินไปแล้วมากกว่าครึ่งจากเงินที่เก็บเล็กผสมน้อย เพราะพี่ชายบอกว่าได้งานเป็นเซลล์ต้องใช้รถ ถ้าได้รถแล้วเขาจะหาเงินผ่อนเอง แต่หลังจากได้รถไปแล้วก็ยังมาขอเงินเธอไปช่วยผ่อนอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มีเงินเดือนแถมไม่ต้องช่วยค่าใช้จ่ายอะไรในบ้าน และมารดาก็ต้องมาบังคับเอากับเธออยู่ร่ำไป ทั้ง ๆ ที่เธอแทบไม่ได้ใช้รถคันนั้นเลยด้วยซ้ำ
ในเมื่อคัดค้านไม่ได้ เธอก็ต้องจำใจโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีให้มารดาไป เมื่อเห็นเงินเข้าบัญชีแล้วท่านก็รีบออกจากบ้านไปทันที บอกว่าจะกดเงินไปใช้หนี้ที่ยืมเพื่อนไว้
หลังจากโอนเงินให้มารดาเสร็จ หญิงสาวเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋าถือแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างประตูบ้าน ก่อนจะเข้าไปทำอาหารรับประทาน
ขณะที่เอกกมลพี่ชายของเธอขับรถกลับมาบ้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ทั้งหมดเหมือนจะเมากันมาแล้ว
‘ฤดีทำกับแกล้มมาพี่ให้หน่อย’ เสียงพี่ชายของเธอตะโกนสั่งเสียงเอะอะ
เธอจึงทำกับแกล้มง่าย ๆ ไปวางให้สองสามอย่างทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยากจะทำไปให้สักนิด เพียงแต่ไม่อยากจะทะเลาะกับพี่ชาย เพราะรู้ว่าเมาแล้วก็คุยอะไรไม่รู้เรื่อง เธอเห็นเพื่อนพี่ชายมองเธอด้วยสายตาไม่ปกตินัก แววตาน่ารังเกียจนั้นทำให้เธอขนลุกเกรียว จึงเลี่ยงออกไปรดน้ำต้นไม้นอกบ้าน
เธอปลูกผักไว้ข้างบ้านจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้าน แม้จะต้องฟังมารดาบ่นว่าปลูกไว้ให้รกรุงรัง ของแค่นี้ซื้อกินเอาก็ได้ไม่เห็นต้องปลูก แต่เธอก็ยอมฟังเสียงบ่น เพื่อจะได้ประหยัดค่าอาหารลงได้บ้าง เพราะตอนนี้อาหารทุกอย่างปรับราคาขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จนเธอแทบจะรับมือกับค่าใช้จ่ายไม่ไหวอีกแล้ว
แต่เมื่อเธอรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก็เห็นเอกกมลนั้นเมาจนฟุบหลับไปบนโซฟาพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ขณะที่อีกคนมองมาที่เธอด้วยดวงตาหื่นกระหาย
ภาพนั้นกระจายหายไปเมื่อเสียงของนภาธรดังขึ้นอีกครั้ง
“แกเป็นอะไรฤดี บอกฉันสิ ทำไมถึงอยู่ในสภาพแบบนี้” นภาธรสอบถามเพื่อนสาวที่โซซัดโซเซมาหาเธอที่หน้าคอนโดฯ ในสภาพไม่สู้ดีนัก เสื้อที่ใส่ไปทำงานเมื่อเช้านี้ตอนนี้กระดุมหลุดจนเพียงฤดีต้องเอามือกุมไว้ ส่วนแขนขาวเนียนนั้นมีรอยแดงช้ำ เธอจึงรีบพาเพื่อนขึ้นมาบนห้อง
“พี่ท็อปพาเพื่อนมากินเหล้าที่บ้าน แม่ก็ไม่อยู่ แม็กซ์ก็ไม่อยู่ พี่ท็อปเมาหลับ เพื่อนเขาจะ...จะ...”
“จะข่มขืนแกงั้นหรือ...” นภาธรเบิกตากว้าง เพียงฤดีพยักหน้า
“แล้วมันทำอะไรแกหรือยัง”
“ยัง ฉันผลักมันล้มลง แล้ววิ่งหนีออกมาทัน มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี ฉันเลยให้มาส่งที่คอนโดฯ แกนี่แหละ โชคดีที่ฉันคว้ากระเป๋าออกมาทัน ถึงได้มีเงินจ่ายค่ารถแล้วก็โทร.หาแกได้”
“พี่ท็อปอีกแล้วเหรอ แกยังจะทนอยู่ที่นั่นอีกเหรอฤดี ไหนจะแม่ไหนจะพี่สร้างแต่ความหนักใจให้แก” นภาธรได้แต่ถอนใจ เพราะรู้จักกับเพียงฤดีมานาน รู้ว่าเพื่อนต้องรับภาระหนักแค่ไหน
“ฉันจะ...จะไม่ทนอีกแล้วล่ะนภา ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่ที่บ้านนั้นแล้ว” เพียงฤดีเอ่ยเคล้าเสียงสะอื้น
“ดีแล้วแก ฉันก็บอกให้แกย้ายออกมาตั้งนานแล้วก็ไม่เชื่อ ไปขนของแกออกมาเลย แล้วมาอยู่กับฉันที่คอนโดฯ นี่แหละ ฉันอยู่คนเดียวห้องก็ตั้งกว้างไม่ต้องเกรงใจหรอก” ว่าพลางกวาดตามองห้องสีหวานสไตล์วินเทจของตัวเอง
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น
๒๑ปรับตัวเองง่ายกว่าเพียงฤดีอัดคลิปนิยายเสียงเสร็จก็เดินกลับไปที่บ้านเพื่อช่วยมารดาทำอาหารเย็น ปล่อยให้คีรินได้กลับไปทำงานของเขา ซึ่งช่วงเย็นเขาก็จะมากินข้าวที่บ้านของเธอ เนื่องจากมารดาจะทำกับข้าวไว้ให้ตั้งแต่หทัยรัตน์รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ คีรินก็ถือโอกาสไม่กินข้าวตอนเย็นที่บ้านตัวเองอีก จะหิ้วท้องไปนั่งรอกินข้าวที่บ้านของเธอทุกเย็นมีเพียงช่วงเช้าที่เธอจะมาทำอาหารเช้าให้เขาตามปกติ โดยทำเผื่อไปถึงมื้อเที่ยงด้วย และเธอก็กินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงร่วมกับเขา โดยที่มารดาของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่ช่วงเย็นเธอจะกลับไปช่วยมารดาทำอาหารและรอเขาไปกินด้วยกันเมื่อไปถึงบ้านเธอเห็นนภดลกับมารดานั่งดูสมาร์ตโฟนแล้วคุยอะไรกันอยู่“ดูอะไรเหรอแม็กซ์” เพียงฤดีเดินเข้าไปถาม“ส่องเฟซบีอยู่ ทะเลาะกับพี่ท็อปแล้วโพสต์เฟซด่ากระจาย แถมกรีดข้อมือตัวเองด้วย สยองมาก”“แล้วพี่ท็อปเป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็คงเหนื่อยหน่อยน่ะ เมื่อกี้ผมแค่โทร. ไปจะถามว่ามางานแต่งงานพ
เสียงดังที่อยู่ในห้องนอนฝั่งตรงข้าม ทำให้คีรินต้องเงี่ยหูแนบกับประตูแล้วย่นคิ้วเบา ๆ เมื่อมีเสียงแปลก ๆ เหมือนมีคนสองสามคนอยู่ในนั้น เขาจึงตัดสินใจเคาะประตู “ฤดี ฤดี” ไม่มีเสียงตอบ แต่เขาได้ยินเสียงเดินมาเปิดประตู “มีอะไรหรือคะพี่คีริน” หญิงสาวถาม “ฤดีเข้ามาทำอะไรในนี้น่ะ แล้วเมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกัน”“ไม่มีใครค่ะ ฤดีอยู่คนเดียว” เธอว่าพลางเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม เขาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ กวาดตามองไปทั่วห้อง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีข้าวของของเธอมากนัก เพราะขนกลับไปไว้ที่บ้านของตัวเองหมดแล้ว เขาเปิดประตูห้องน้ำดูก็ไม่มีใคร ก่อนจะหันมาถาม “เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกันจริง ๆ นะ แล้วฤดีทำอะไรน่ะ” เขาเห็นไมค์โครโฟนตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเลยเดินเข้ามาดู
นิรานั่งมองไลฟ์สดในเพจไร่คีรินที่เธอเห็นเอกภพเปิดดู แล้วลองมาเปิดดูเองบ้าง เห็นท่าทางมีความสุขของเขาแล้วเธอถึงกับน้ำตาปรี่ลงมา เขากำลังมีความสุข ธุรกิจใหม่ก็กำลังรุ่งเรืองในขณะที่เธอสูญเสียเขาไปแล้วส่วนกิตติกรหรือกอล์ฟผู้กำกับชื่อดังซึ่งเธอเอาเงินของคีรินไปฝากลงทุนกับเขา และหวังว่าเขาจะดูแลเธอต่อจากคีรินได้เป็นอย่างดีเพราะมีฐานะดีกว่า และสามารถส่งเสริมอาชีพของเธอได้ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ลำบากเพราะแม้คีรินจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็มีคดีความที่ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ชื่อดัง จึงมีการฟ้องร้องของคู่กรณีคนอื่น ๆอีกทั้งเมื่อเธอมาลองคบกับดนุวัฒน์ไฮโซชื่อดัง ก็กลับกลายเป็นว่าคุณสมบัติของเธอไม่เพียงพอที่จะเป็นสะใภ้ผู้ดีเก่าในสายตามารดาของเขา ความหวังที่จะขึ้นไปอยู่บนที่สูงตกวูบลงมาทันใดตอนนี้มีเพียงบริษัทผลิตละครสั้นเล็ก ๆ ที่เธอขอให้คีรินลงทุนให้เท่านั้น ที่เป็นหลักให้กับชีวิต แต่พอเขาออกไป แฟนคลับของเขาก็ติดตามเขาไปด้วย จนตอนนี้ช่องของเธอมียอดวิวน้อยลงมาก รายได้ก็ลดน้อยลงตาม เอานักแสดงใหม่เข้ามาแทนเขา ก็เข้ากับทีมงานไ
Comments