บนผนังห้องมีรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับพระราชินีที่แขวนไว้บนผนัง ส่วนด้านล่างเป็นภาพชายหญิงวัยกลางคนแขวนคู่กันไว้บนผนัง ซึ่งด้านล่างรูปมีหิ้งซึ่งวางแจกันดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว ซึ่งเธอเชื่อว่านี่คงเป็นรูปของเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นคุณตากับคุณยายที่เพื่อนของเธอเล่าให้ฟัง เพียงฤดีเดินไปยกมือไหว้แล้วหยิบแจกันลงมา หันไปบอกเขาว่า
“ฤดีเอาแจกันไปเปลี่ยนดอกไม้ให้คุณตาคุณยายนะคะ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยทำความสะอาดพื้นให้ค่ะ แต่ตอนนี้พี่คีรินลงไปทานข้าวก่อนไหมคะ ฤดีทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวว่า
“อืม ก็ดี แต่เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ก้าวลงบันได ก่อนจะเดินออกไปที่รถแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้องนอน
เพียงฤดีถือแจกันดอกไม้ตามลงไปด้านล่าง เธอวางแจกันดอกไม้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ ก่อนจะล้างแจกันวางไว้ แล้วเดินออกไปนอกบ้าน
หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดอย่างลึกที่สุด เมื่อเห็นบรรยากาศภายนอกที่มีหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นเนินเขา ภูเขา และหุบเขา ภูมิประเทศไม่ได้เป็นที่ราบอย่างที่เธอเคยอยู่ แต่มันสูงบ้างต่ำบ้างทำให้หันไปทางไหนก็มีมิติสวยงามน่ามองไปหมด
หญิงสาวเดินไปยังต้นเข็มดอกสีแดงต้นใหญ่ใกล้ม้านั่งหินอ่อนเก่า ๆ หน้าบ้าน ซึ่งเธอทำความสะอาดไว้แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่มาทำความสะอาดบ้าน ต้นเข็มต้นนี้น่าจะปลูกมานานมาก เพราะต้นใหญ่จนสูงท่วมหัวแล้ว เธอตัดดอกเข็มใหญ่ไปสองช่อ และดอกมะลิป่าสีขาวไปอีกสองสามช่อแล้วเดินเข้าไปในครัว
เธอได้ยินเขาอาบน้ำอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมา ซึ่งอยู่ในชุดใหม่ เป็นกางเกงยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อยืดโปโลสีดำ เธอรู้สึกว่าหน้าตาของเขาสดใสขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้มาก หากจะถามว่าพี่ชายของเพื่อนเธอนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง เธอก็คงตอบได้อย่างไม่ยากนักว่าเขาเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลามากคนหนึ่งทีเดียว คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป โครงหน้าของเขาเหมาะเจาะไปหมดทุกอย่าง เสียแต่ว่าดูเงียบขรึมไปหน่อยเท่านั้นเอง
ทว่าเวลานี้เธอไม่มีความรู้สึกที่จะชื่นชมกับความหล่อเหลานั้น เพราะคงจะรบกวนเขาอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่นานนัก เธอต้องหาทางที่จะทำบ้านเล็ก ๆ สักหลังในพื้นที่ของตัวเอง เธอเคยได้ยินนภาธรบอกว่าคีรินมีแฟนอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ และทั้งสองกำลังวางแผนที่จะแต่งงานกัน
หากเธออยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป อาจจะทำให้แฟนของเขาไม่สบายใจนัก แผนที่ว่าจะอยู่ที่นี่สักสองสามเดือน คงต้องยุติลงเพียงเท่านี้ แผนต่อไปคือเธอจะทำอย่างไรให้ได้เงินมาสักก้อนหนึ่ง เพื่อสร้างบ้าน อย่างน้อยเธอไม่ควรอยู่ที่นี่เกินหนึ่งเดือน
“เดี๋ยวฤดีจะไปจัดโต๊ะอาหารที่ม้านั่งหน้าบ้านนะคะ พี่คีรินไปนั่งรอก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวฤดียกไปให้” เธอว่า แล้วตักอาหารที่ปรุงไว้สามอย่างใส่ภาชนะ
“พี่ช่วยถือก็แล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ถือจานอาหารออกไป แล้วเดินกลับมาเอาอีกถ้วยหนึ่งที่เหลืออยู่ หญิงสาวตักข้าวใส่จานแล้วถือไปส่งให้เขา
“อ้าว แล้วเราไม่กินด้วยกันเหรอ” เขามองอาหารสามอย่างซึ่งมีผัดผัก ต้มยำและไข่เจียว ซึ่งมีจานข้าววางไว้ตรงหน้าเขาแค่จานเดียว
“เอ่อ ฤดีทานในครัวก็ได้ค่ะ” หญิงสาวว่าด้วยท่าทางเกรง ๆ
“เอามากินด้วยกันเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับเราด้วย” เมื่อเขาเอ่ยมาแบบนี้ เธอจึงเดินกลับไปตักข้าวแล้วมานั่งฝั่งตรงข้ามเขา
“ชื่ออะไรนะ เราน่ะ” เขาถาม หลังจากรับประทานอาหารไปสองสามคำ
“เพียงฤดีค่ะ พี่คีรินเรียกฤดีเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” เขาพยักหน้าช้า ๆ พลางมองหน้าเธอนิ่งอยู่ก่อนจะถามว่า
“นึกยังไงถึงได้มาซื้อที่ดินไกลขนาดนี้” หญิงสาวกระอึกกระอักก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เอ่อ ฤดีแค่อยากมีที่ดินมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากมีความมั่นคงในชีวิต ถ้าอยู่กรุงเทพฯ เงินแค่นี้คงซื้อบ้านหรือที่ดินไม่ได้แน่ ๆ แต่ที่ต่างจังหวัดยังพอหาซื้อได้ ฤดีอยากสร้างฐานะให้มั่นคงแล้วค่อยพาแม่มาอยู่ด้วยค่ะ ครอบครัวของฤดีอยู่ในกรุงเทพฯ มาตลอด แม่ไม่กล้าย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด ฤดีจึงคิดว่าถ้าเราไม่เริ่มก้าวออกมา ก็ไม่มีวันสร้างตัวได้แน่ ๆ ค่ะ” เขาย่นคิ้วเล็กน้อย ถามว่า
“ออกจากกรุงเทพฯ เพื่อมาสร้างตัวในต่างจังหวัดเนี่ยนะ ประหลาดคนจริง ๆ มีแต่เขาหนีจากต่างจังหวัดเพื่อไปสร้างตัวในกรุงเทพฯ”
“ฤดีว่าขอแค่มีบ้านมีที่ดินเป็นของตัวเอง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สร้างตัวได้ค่ะ ขอแค่ขยันและอดทน อาจจะใช้เวลาและความอดทนมากหน่อย แต่คนที่นี่เขาก็อยู่กันได้ ดูเหมือนจะมีฐานะดีกันด้วยนะคะ เห็นมีบ้านและมีรถจอดหน้าบ้านกันแทบทุกบ้านเลย ทำไมฤดีจะสร้างตัวแบบเขาไม่ได้” หญิงสาวว่า
เขาพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะก้มหน้ารับประทานอาหาร ส่วนเธอก็ก้มลงรับประทานอาหารครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ฤดีขออยู่ที่นี่ต่อสักหนึ่งเดือนได้ไหมคะ พี่คีรินจะคิดค่าเช่าก็ได้ค่ะ เงินออกรอบหน้าฤดีจะพยายามหาที่อยู่ใหม่” เธอเจรจาเรื่องที่พัก เขาพยักหน้า
“อืม เอาเป็นว่าช่วงนี้ก็ช่วยพี่ซ่อมบ้านและทำอาหารให้พี่ แลกกับค่าเช่าก็แล้วกัน” เขาว่าเสียงเรียบ ๆ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ อยู่ในน้ำเสียงนั้น แต่หญิงสาวก็ยิ้มออกมาได้ ก่อนจะกล่าวขอบคุณเขาอย่างดีใจ
“ขอบคุณมากค่ะพี่คีริน ฤดีจะช่วยพี่คีรินทำงานทุกอย่างเลยค่ะ”
“ก็ดี แล้วกับข้าวยังเหลืออีกเยอะไหม”
“ก็เหลือไม่มากเท่าไรค่ะ พอดีฤดีซื้อมาน้อยเพราะอยู่คนเดียว แล้วตู้เย็นก็ใบเล็กมากค่ะ แต่ยายนภาบอกว่าอีกสองวันจะมีตลาดนัด เดี๋ยวฤดีค่อยปั่นจักรยานออกไปซื้อ” เขาพยักหน้า
“งั้นเดี๋ยวออกไปซื้อของด้วยกัน” เขาว่า
“ไปซื้อของหรือคะ” หญิงสาวทวนคำ
“ใช่ พี่ต้องไปซื้อของมาซ่อมบ้าน เราก็ไปเลือกซื้อกับข้าวเลยก็แล้วกัน”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ ก่อนจะก้มหน้ารับประทานอาหารอย่างเงียบ ๆ
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น