.
.
หลังจากที่กะทิจัดเก็บห้องของตนพร้อมกับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินออกมายังลานฝึกเพื่อไปหาเทมป์และถามเขาว่าเธอต้องเริ่มทำอะไรหรือฝึกยังไง เทมป์ที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็หันไปมองผู้มาเยือนที่เดินเข้ามาหาเขา ก่อนจะรับปากปลายสายและกดวางไป
"นายเหนือสั่งให้ฉันดูแลเธอ"
"ค่ะ..."
"ห้ามเธอเข้าไปที่ผับและหอนารี...เด็ดขาด"
"นายเหนือได้บอกไว้แล้ว"
"และเธอจะต้องฝึกเหมือนทุกคนที่นี่ เธอจะเปรียบเสมอเทียบเท่ากับลูกน้องนายเหนือ เพื่อทำตามสิ่งที่เธออยากทำจนกว่าจะมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอม"
"แล้ว...หนูพอจะไปเดินเล่นหรือนั่งเล่นได้ที่ไหนบ้างคะ"
"ห้ามออกไปทางที่เข้ามาก็พอ จะเดินที่ไหนก็เรื่องของเธอ แต่ต้องทำงานช่วยที่โรงฝึกนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสะอาด ทำอาหาร ซักผ้า ล้างจาน"
"แล้วหนูจะได้พบกับนายเหนืออีกไหมคะ?"
"คืนนี้นายจะเข้ามาหาเธอเอง หลังเสร็จงาน"
"ค่ะ"
กะทิตอบแค่นั้นก่อนจะเดินตามเทมป์ไปอ่างล้างจานที่ติดกับกำแพงของโกดัง จานชามกองพะเนินอยู่ที่อ่างนั้น กะทิมองอย่างท้แท้ก่อนจะเข้าไปยืนล้างจานอย่างเงียบๆ เทมป์จึงปล่อยให้เธอทำหน้าที่แล้วเดินจากไป
ความเงียบงันและไม่ได้คุยกับใคร ความรู้สึกเศร้ากับการสูญเสียที่ยังไม่ทันข้ามคืนก็ก่อตัวขึ้น ซ้ำยังโทษชะตาชีวิตของตัวเองที่ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ น้ำตาเริ่มไหลอาบสองแก้มเนียนอีกครั้งก่อนจะไหลหยดลงบนจานที่กำลังล้าง เพราะจมอยู่กับภวังค์ความเสียใจจึงไม่ทันสังเกตชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง พวกเขายกยิ้มมองร่างกายของเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่ประสงค์ดี
"คนสวยจ๋า..กำลังเอ๊าะๆ อยู่เลย แถมไม่ใช่นางบำเรอนายอีกด้วย
"งั้นแสดงว่าเราก็กินได้สินะ"
ชายหนุ่มทั้งสองพูดไปพลางหัวเราะไปอย่างได้ใจ กะทิเลือกที่จะไม่สนใจไม่โต้ตอบและยังคงก้มหน้าล้างจานต่อไป อารมณ์ของเธอตอนนี้ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น ความเสียใจมันครอบงำอยู่ในอกจนไม่อยากเถียงไม่อยากพูดคุย สภาพจิตใจของเธอกำลังย่ำแย่มากพอแล้ว
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืนหรือตอบโต้ใดๆ ก็ได้ใจกว่าเดิม ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลังทันทีพร้อมมือหนา ที่รวบจับหน้าอกอวบของเธอไว้แน่น กะทิตกใจสะดุ้งเฮือกและพยายามที่จะผลักมือของเขาออกและดิ้นรนสุดตัวเพื่อออกจากการเกากุมของชายคนนั้น เธอส่งเสียงร้องสุดเสียงจนทุกคนหันมามองรวมถึงเทมป์
"กรี๊ดดดดดดดด! ปล่อยหนูนะ!"
"โอ้โห นิ่มเป็นบ้าเลย...กำลังตึงๆ เลย ได้อารมณ์ฉิบหาย"
"กรี๊ดดดดดๆ! ปล่อยหหนู! อย่าทำอะไรหนูเลย"
"ถ้ามึงเสร็จแล้วกูต่อนะ หุ่นเด็กนี่น่าขย้ำฉิบ.."
"ไม่! ฮึกๆ ..ฮือๆ ..ปล่อยหนูเถอะ...อย่าทำอะไรหนูเลย ฮือๆ"
เด็กสาวยกมือไหว้อ้อนวอนขอร้องทั้งน้ำตา แต่กลับทำให้ชายหนุ่มสองคนหัวเราะอย่างชอบใจ ชายหนุ่มที่กอดเธออยู่แล้วหันไปอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าและพาไปที่ห้องนอนของเธอพร้อมกับเพื่อนของเขาที่เดินตามไปติดๆ กะทิทั้งกรีดร้องทั้งดิ้นไปทั้งน้ำตาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสะทกสะท้านเลยและไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือ เพื่อนชายเดินตามเข้าไปด้วยหันไปปิดประตูพร้อมล็อกกลอนและจดจ้องร่างของเด็กสาวอย่างหื่นกระหาย
ชายหนุ่มที่อุ้มเธอโยนเด็กสาวลงบนเตียงแข็งๆ นั้นก่อนจะเริ่มปลดเชือกกางเกงวอร์มของตน ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยเหงื่อหลังจากฝึกซ้อมทำให้กะทิรู้สึกขยะแขยง เด็กสาวพยายามลุกขึ้นเพื่อจะหนีแต่ก็โดนผลักล้มลงไปติดกับเตียงเช่นเดิม
"อย่าดื้อน่า เป็นเด็กดีนะ พี่จะเอ็นดูเธอเยอะๆ เลย"
"ฮึกๆ ..ฮือๆ ไม่นะ!..ปล่อยหนูไปเถอะ ฮือๆ"
"ยังสดยังซิงขนาดนี้ ปล่อยไปก็โง่สิ...มาเป็นของพี่ดีกว่าน่า รับรองถึงใจ"
"กรี๊ดดดดดดดด!!"
เด็กสาวที่ดิ้นพล่านกรีดร้องขึ้น เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าคร่อมร่างเธอไว้และเริ่มลวนลามซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนของเธอ มือสากของเขาล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อยืดและบีบเคล้นเต้าอวบอิ่มอย่างได้ใจ มือสากนั้นละจากเต้าตึงก่อนจะหันไปเลิกเสื้อของเด็กสาวขึ้นเพราะรู้สึกว่ามันเกะกะเผยให้เห็นอกอวบขาวสวยชิดกันในบราสีดำยิ่งเห็นแบบนั้นก็ทำให้ความเป็นชายฮึกเหิมขึ้น
"ไม่ปล่อยโง่กว่านะ"
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ประตูถูกไขกุญแจเข้ามา ตามด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูคุ้นหู เพื่อนชายที่เข้ามาด้วยกันกลับเงียบกริบเพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้ส่งเสียงออกไปแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มที่กำลังหมกมุ่นอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูนั้นถึงกับหยุดชะงักก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง เพราะนั่นไม่ใช่เสียงเพื่อนของตนแน่นอน
ผลั่ก!!
หมัดหนักๆ สวนเข้าที่หน้าทันทีเมื่อเขาหันไปเห็นผู้ที่เข้ามาเยือนจนตัวเองเซล้มไปกองกับพื้นข้างล่างเตียง การันต์หลุบตามองลูกน้องของตนอย่างหัวเสีย แต่ที่น่าหัวเสียมากกว่าคงจะเป็นเด็กสาวที่นั่งร้องไฟ้อยู่บนเตียง เพราะเธอเข้ามาวันแรกก็ทำให้เขามีงานเพิ่ม
"คุณการันต์..."
"พวกมึงไม่รู้หรอว่าที่นี่มีกล้อง"
"เอ่อ...รู้ครับ"
"ทำไมถึงยังกล้าทำวะ"
"ขอโทษครับ...ผมนึกว่าไม่ใช่เด็กบำเรอนายเหนือ"
"เพราะมึงคิดแบบนั้นไง...นายเหนือไม่ปล่อยพวกมึงไว้แน่"
การันต์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ สายตาพลันมองไปยังเด็กสาวที่เสื้อถูกเลิกขึ้นจนเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมด กะทิที่นั่งร้องไห้อยู่ก็เหลือบไปเห็นสายตาของการันต์คนที่เข้ามาช่วยเธอไว้จึงรีบดึงเสื้อลง เธอเริ่มทำตัวไม่ถูกว่าจะเขินอายหรือจะร้องไห้ก่อนดี ชายหนุ่มที่โดนต่อยเมื่อครู่พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นรีบเข้าไปกอดขาการันต์อย่างอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจจากลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นนาย
"อย่าบอกนายเลยนะคุณการันต์ ผมยังไม่อยากตาย"
"พวกมึงโง่หรือวะ คิดว่ากูมาที่นี่เพราะอะไรถ้าไม่ใช่คำสั่งนาย"
"ช่วยพูดให้ผมหน่อยเถอะครับ ผมยังไม่อยากตาย"
"พวกมึงก็รู้ว่านายเป็นคนยังไง"
การันต์หลุบตามองลูกน้องของตนแล้วสะบัดขาที่ถูกเกาะกุมไว้ ก่อนจะหันไปมองเด็กสาวที่กำลังนั่งร้องไห้ไม่หยุดและตัวสั่นเทาเหมือนลูกนกอยู่บนเตียง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นความอ่อนแอของเด็กสาวตรงหน้า พลางคิดว่าจะฝึกเด็กอ่อนแอแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ และอาจจะทำไม่ได้
"เธอก็แต่งตัวให้เรียบร้อย เดี๋ยวนายเข้ามา"
การันต์หันไปพูดกับเธอ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมชายหนุ่มทั้งสองที่จะลงมือทำมิดีมิร้ายกับเธอ เหลือเพียงเทมป์ที่ยืนยกยิ้มมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก เพราะเขาก็อยากเห็นเด็กสาวคนนี้ป่นปี้ไปเหมือนกัน เผื่อจะเลิกอ่อนแอและยอมรับโลกความจริงที่โหดร้ายนี้ได้บ้าง
สำหรับเทมป์แล้วการที่เราเจ็บปวดมากๆ จะทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้นด้วย นั่นคือคติของเขา การที่เธอมานั่งพะวงหวงความบริสุทธิ์แล้วให้ผู้เป็นนายหรือคนรอบข้างมาปกป้อง เขาก็กลัวว่าจะเป็นภาระเจ้านายของตนเสียเปล่าๆ จนอาจจะเกิดความผิดพลาดในอนาคตก็ได้
เทมป์ละสายตาจากเด็กสาวแล้วเดินตามการันต์ไป กะทิเห็นว่าไม่มีคนอยู่แล้วก็จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกจากโกดังไปยังสวนด้านหลัง ซึ่งจะมีกำแพงกั้นอยู่และยังมีซุ้มทางเข้าไปยังตัวตึกๆ หนึ่งที่คล้ายกับบ้านพักหลังใหญ่ที่เธอไม่เคยเห็นผ่านสายตามาก่อน
เด็กสาววิ่งออกมาอย่างเหนื่อยหอบโดยไม่สนใจอะไร ก่อนจะหยุดเอามือเท้ากำแพงและอาเจียนออกมาอย่างทรมาน หัวของเธอปวดจนเหมือนจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ทั้งอาเจียนและร้องไห้ในเวลาเดียวกันจนตัวเองเข่าอ่อนและล้มลงไปนั่งกองกับพื้นดินที่เย็นเฉียบ
เด็กสาวเอามือทุบอกเพราะความจุกทรมานอยู่ด้านใน มืออีกข้างทึ้งผมตัวเองเหมือนคนบ้าด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เรื่องต่างๆ ที่เธอเจอใบวันเดียวนั้นมันเกินกว่าที่เด็กสาวอายุ18อย่างเธอจะรับไหว
หลังจากที่เธอนั่งตั้งสติอยู่พักหนึ่งเธอก็ยันตัวลุกขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดแรง ความรู้สึกเพลียทั้งร่างกายและจิตใจจนแทบจะยืนไม่ขึ้น เด็กสาวพยายามยันตัวเองขึ้นโดยใช้มือเกาะกำแพงเพื่อยึดช่วยพยุงตัวเองอีกแรง เธอตั้งใจจะเดินกลับเข้าไปที่โกดังโรงฝึกนั้น แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อผู้ที่รับเธอเลี้ยงมา
"นายเหนือขา...ฟ้าคิดถึงนายเหนือจะแย่"
เสียงหวานเรียกชื่อเขาอย่างออดอ้อนอยู่จากอีกฟากฝั่งของกำแพง ด้วยความอยากรู้เธอจึงเดินไปทางซุ้มประตูไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่มากนัก ก่อนจะเดินผ่านซุ้มนั้นเข้าไปและหันไปทางสวนสวยที่อยู่ทางขวามือของตน ก็เห็นศาลาคล้ายๆ กับที่นั่งพักผ่อนอยู่ไม่ห่างจากกำแพงที่เธอพึ่งนั่งร้องไห้มากนัก
เด็กสาวย่องเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นแต่หญิงสาวในชุดสีขาวเซ็กซี่นั่งอยู่บนโต๊ะแทนที่จะเป็นเก้าอี้ เพราะต้นไม้บังอีกคนที่หญิงสาวคนนั้นกำลังสนทนาด้วยอยู่ เธอจึงกึ่งมอบกึ่งหลบเดินเข้าไปอีก พอเธอเดินเข้าไปใกล้พอก็รีบนั่งลงหลบอยู่ตรงพุ่มไม้ที่ใกล้ที่สุดก่อนจะชะโงกหน้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"อื้มมมม...นายเหนือขา...แรงอีกสิคะ"
ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มที่หน้าตาคุ้นเคยกำลังซุกไซ้ใบหน้าหล่อเหลาบนเนินอกสวยพร้อมกับมือหนา ที่บีบขย้ำเต้าใหญ่ของหญิงสาวสวยคนนั้นอย่างไม่ปรานี ร่างหนาของเขายืนอยู่แทรกกลางระหว่างขาของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะ มืออีกข้างจับเอวบางของหญิงสาวไว้แนบชิด สะโพกสอบของเขาขยับเข้าออกจนร่างเพรียวของหญิงคนนั้นสั่นไหวไปตามแรงส่ง เรียกเสียงครางหวานจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
กะทิเอามือปิดปากไว้แน่นไม่ให้ส่งเสียงออกไป ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาพอๆ กับร่างกายของเธอที่ร้อนขึ้นอย่างน่าประหลาด แม้อยากจะละสายตามากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้
เสื้อเชิ้ตดำของทิศเหนือถูกปลดกระดุมออกหลุดลุ่ยไม่เป็นทรงทำให้ดึงดูดสายตาของเด็กสาวที่กำลังซุ้มดู แก่นกายใหญ่หนาเคลื่อนเข้าออกอย่างหนักหน่วงจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังมาถึงที่ที่เด็กสาวนั่งซ่อนตัวอยู่ กะทิรีบหดหัวกลับเข้าพุ่มไม้อย่าตกตะลึง ก่อนจะต้องรีบหันหลังแล้วค่อยๆ คลานออกจากตรงนั้น เพราะคิดว่าถ้าโดนจับได้เธอได้ตายจริงๆ แน่
สายตาคมปรายตามองบั้นท้ายที่คลานออกไปอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะยกยิ้มและจัดการกระแทกสะโพกเข้าใส่หญิงสาวคู่ขาจนเธอร้องลั่นอย่างทรมานกับบทรักที่รุนแรงและหนักหน่วงมากขึ้นกว่าทุกครั้ง เป็นเพราะบั้นท้ายของเด็กสาวคนนั้นเป็นเหตุ ถึงทำให้เขากระหายขนาดนี้
"หึ...."
.
.
..4 ปีผ่านไปหลังจากที่กะทิคลอดลูกชายตัวน้อย ทิศเหนือก็ยังคงดูแลไม่ห่างแต่ถึงอย่างนั้นเธอและลูกก็ออกจากบ้านไร่เมื่อครบสามเดือนเหมือนที่ตกลงไว้ ทิศเหนือเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขายังคงคอยเทียวไปหาเธอและลูกที่บ้านไม่ได้ห่าง แถมยังไม่ยอมนอนบ้านของตนเองอีกด้วย ในทุกๆ วันเขาจะมีข้ออ้างเพื่อได้นอนที่บ้านของภรรยาสาว แม้จะต้องนอนที่โซฟาก็ตามก็ยังดีกว่าช่วงปีแรกๆ ที่ต้องนอนในรถ ปีหลังๆ มานี้กะทิก็ดูจะใจอ่อนลงอยู่บ้าง ส่วนการันต์กับอัญญาก็ได้แต่งงานกันเรียบร้อยในปีที่สามชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่งเหมือนทุกครั้ง ด้วยใบหน้าที่หล่อร้ายของเขาทำเอาครูสาวถึงกับมองค้าง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้เลย แม้จะเป็นสูญรวมสายตาแต่ทิศเหนือกลับไม่ได้สนใจใดๆ ยังคงก้มมองนาฬิกาเพื่อรอเวลาที่ลูกชายตัวน้อยของเขาเลิกเรียน“ปะป๊าฮับ!”เสียงเรียกของเด็กชายดังขึ้น ทิศเหนือรีบหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่ลูกชายตัวน้อยจะวิ่งกางแขนไปหาผู้เป็นพ่ออย่างดีใจเช่นทุกวัน ครูสาวยืนม
..“เริ่มเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่มีน้ำนมดื่ม เพราะเด็กยังทานอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำนมจากอกคุณแม่”“เอ่อ....”พยาบาลสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปลากมือของทิศเหนือไปยังหญิงสาวที่ยังนั่งอ้าปากค้างอยู่ กะทิเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ส่วนพยาบาลก็สอนวิธีนวดให้ทิศเหนืออย่างตั้งใจ ทิศเหนือเองก็ไม่ต่างจากกะทิเท่าไหร่ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำมันแบบเขินๆ ที่กะทิไม่แย้งเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องปัญหาที่มีของตน จึงทำได้แค่เงียบ“อย่างนั้นแหละค่ะ...ต้องนวดแบบนี้บ่อยๆ นะคะ”“...ครับ”“เพราะว่าถ้าคุณพ่อช่วยนวดจะทำให้น้ำนมไหลออกมาได้เร็ว”“เอ่อ...ครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พยาบาลขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้คนทั้งคู่อยู่ด้วยกันเงียบๆ ในห้อง กะทิเองก็ไม่ได้พูดอะไรเอนตัวนอนและหลับตานิ่ง เพื่อรอเวลาที่คุณหมอจะส่งตัวลูกชายของตน ทิศเหนือมองหน้าไร้อารมณ์ของกะทิก็หย่อนตัวนั่งโซฟาข้างๆ เตียงพร้อมกับถอนหายใจ อาจจะเป็นเพราะความเพลียจึงทำให้กะทิผล็อยหลับไป ทิศเหนือมองกะทิอยู่เงียบๆ อย่างนั้
..เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทิศเหนือไม่เคยออกไปทำงานนอกบ้านอีกเลย แถมยังใช้เวลาเกือบสองเดือนที่ทำงานอยู่ที่บ้านไร่ไม่หนีหายไปไหนแม้แต่นาทีเดียว กะทิเองจะยังไม่ค่อยพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม แถมยังพยายามทำตัวห่างจากเขาอีกตามเคย แม้กระทั่งถึงวันคลอดเธอก็ไม่เคยถามหาเขา ยังคงถามหาแต่การันต์ลูกน้องของเขาแทนจนตอนนี้มาอยู่หน้าห้องคลอดทิศเหนือก็แทบจะนั่งไม่อยู่ ลุกเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววหมอคนไหนจะเดินออกมาจากห้องคลอดเลย การันต์นั่งมองผู้เป็นนายไปมา แม้ตัวเขาเองจะตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหลานแต่ก็ไม่เท่าทิศเหนือเลย“นั่งก่อนดีไหมครับนาย”“เป็นมึงนั่งใจเย็นได้หรอวะ กูตื่นเต้นจนอยากจะไปทำคลอดเองแล้วเนี่ย”“อย่างน้อยนายเหนือก็น่าจะใจเย็นลงหน่อยนะครับ”“แม่ง...ช้าฉิบหาย หมอมัวทำอะไรกันอยู่วะ”ทิศเหนือเดินไปเดินมาพร้อมกับสบถไป คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อรู้สึกว่ามันนานเกินไปสำหรับเขา การันต์ยิ้มกริ่มเพราะความใจร้อนอยากเห็นหน้าลูกชายของผู้เป็นนาย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะมีล
..หลังจากขับรถมานานกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงบ้านไร่เดชาเสียที คนในบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขาเพราะยังไม่ค่ำจึงมีคนงานในบ้านเดินเข้ามาช่วยหอบหิ้วข้าวของของเจ้านายเข้าบ้านไป แม้กะทิจะอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสนิทสนมด้วย เพราะถือว่าเธอเป็นคุณนายเดชาเดชจึงมีหลายครั้งที่กะทิมักจะออกไปเดินเล่นคนเดียว ถึงจะมีผู้ติดตามไปแต่กลับไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเธอทิศเหนือเองก็ไม่ได้ถามไถ่เธอเรื่องนี้ และกะทิก็ไม่ยอมบอกเขากลัวว่าจะไปเป็นเรื่องรบกวนเวลาเขาทำงานเสียเปล่าๆ แต่การไม่ที่เธอไม่อยากงอแงใส่เขาหรือเอาแต่ใจกับเขา กลายเป็นการเปิดทางให้เขามีคนอื่นเสียอย่างนั้น ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามีคนอื่นแต่ช่วงเวลานั้นทิศเหนือก็ได้แปรใจปันให้คนอื่นไปแล้วกะทิเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยอย่างเงียบๆ ไม่มีคำพูดหรือสนทนาใดๆ กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอเดินเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันหลังกลับไปมองมาเฟียหนุ่มที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆ เหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เลี้ยงไว้ กะทิหันไปมองชายหนุ่มที่เดินตามเธอเข้าในห้องด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ ใบหน้าหล่อทำทีท่าสงสัย
..“เลือกได้ดีค่ะ”กะทิพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความดีใจ แม้ภายในใจจะไม่ได้เป็นอย่างสีหน้าที่แสดงออกไป แววตาของมาเฟียหนุ่มผู้โหดร้ายกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขามองกะทิด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บปวดมากกว่าการโดนแย่งแฟนคนแรกเสียอีก แม้แต่ลูกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของลูกชายตัวเอง“แต่...เธอต้องอยู่กับพี่จนกว่าจะคลอดได้สามเดือน เพราะร่างกายเธอยังคงไม่หายดี”“ไม่จำเป็น”“พี่ขอแค่สามเดือน ให้เวลาพี่หาบ้านที่จะซื้อให้และรถ”“คนอย่างคุณมันไม่ใช่เรื่องยากหรอกแค่เรื่องพวกนั้น”“ก็จริง...แต่พี่ขอ..ขอร้อง...ให้พี่คุกเข่าตรงนี้ก็ยอม”“ทำสิ”กะทิพูดออกมาอย่างไม่แยแส การันต์เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อทิศเหนือยอมคุกเข่าทันทีที่กะทิพูดจบ เพราะคนอย่างทิศเหนือไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร มีแต่คนอื่นที่คุกเข่าต่อหน้าเขาเพราะความเกรงกลัว ทิศเหนือยอมจำนนทุกอย่างจริงๆ เพื่อให้ได้อยู่กับลูกและเมียเพียงแค่สามเดือน“กะทิ นายเหนือ”“ได้ ฉันจะยอมอยู่กับคุณสามเดือน และค
..“อะไรนะครับ?”“กูให้มึงไปสืบหาเรื่องของอัญญา...แต่มึงกลับมาสภาพนี้ มึงสืบแบบไหน?”“ก็....”“อย่าบอกนะว่าแบบเดิมที่เคยทำ”“.......”การันต์ไม่ได้ตอบคำถามทีเล่นทีจริงของผู้เป็นนาย เพียงเท่านั้นทิศเหนือก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิดแน่นอน เพราะเขาและการันต์อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจะไม่รู้วิธีการของลูกน้องคนสนิท ทิศเหนือยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ“ขอโทษครับนาย”“กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงเลย”“ผมนึกว่านายจะโกรธที่...”“ทำไมกูต้องโกรธ กูดีใจด้วยซ้ำ กะทิจะได้ไม่คิดมาก”“นายจะบอกเรื่องนี้กับกะทิหรอครับ?”“มีเหตุผลอะไรที่กูต้องบอก...เดี๋ยวเธอก็เห็นท่าทีของพวกมึงเอง”“ครับ? ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“กูไม่ได้หมายถึงมึงหรอก กูหมายถึงอัญญาต่างหาก”ทิศเหนือพูดด้วยความมั่นใจ เพราะดูจากผู้หญิงแล้วไม่ว่าจะรักหรือไม่รักถ้าได้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอที่ทำให้จำไม่ลืมก็ไม่แปลกที่ท่าทีที่มีต่อกันมันจะเปลี่ยนไปเองตามธรรมชาติ และยิ่งเป็นคนที่