“แต่ว่า!”
“บอกให้อยู่เฉย ๆ จะเริ่มตรวจแล้ว”
จิลเก็บความอายทั้งหมดลงไปเมื่อเธอหนีอีกไม่ได้แล้ว คนตรงหน้านี้เป็นหมอคินน์ที่เธอพึ่งจะผ่านคืนเร่าร้อนมาด้วยกัน และเธอยังมาตรวจร่างกายเพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานอีก
“ให้ตายเถอะนี่บวมขนาดนี้เลยเหรอ เจ็บไหม”
เสียงอ่อนโยนที่ถามเธอทำเอาหัวใจของชมชนกสั่นอีกครั้ง ก่อนจะตอบเขาไปด้วยเสียงสั่น
“ไม่ค่ะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีฉีกขาดเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับอักเสบเดี๋ยวผมจะจ่ายยาแก้อักเสบและลดบวมไปให้ ส่วนที่เหลือจะส่งตรวจที่แล็บอีกครั้ง อยากจะถามอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันลงไปได้หรือยัง”
เป็นครั้งแรกที่เขาตรวจเสร็จแต่ยังไม่อยากเดินออกจากห้อง เขายังอยากจะนั่งมองอีกนาน ๆ เหมือนกับพวกโรคจิตที่กำลังนั่งยิ้มให้กับผลงานตัวเอง และต้องตกใจเมื่อเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง
“จิล… เมื่อคืนทำไมถึงหนี”
“หมอคะ หมอตรวจเสร็จก็ควรจะปล่อยฉันไปได้แล้ว”
“อยากให้ปล่อยงั้นเหรอ แล้วเมื่อคืนนี้ใครล่ะที่เรียกให้ผมช่วย ไม่ใช่คุณหรอกเหรอ”
หมอคินน์ถอดหน้ากากอนามัยออกและก้มลงมากระซิบที่ข้างหู จิลรู้สึกเสียววาบไปถึงท้องน้อยเมื่อเขากระซิบเธอ กลิ่นหมากฝรั่งรสบลูเบอร์รี่มิ้นท์ทำเอาเธอรู้สึกหวั่นไหวและเมื่อเขากลับไปที่ขาหยั่งอีกครั้งก็ยิ้มออกมา
“แย่ล่ะสิ พูดแค่นี้ถึงกับเริ่มแฉะเชียวนะ ทำยังไงดีล่ะจิลหรือว่าจะให้ผมช่วยคุณอีกครั้ง”
“หมอคะ เมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับคุณ ดังนั้นวันนี้ก็ช่วยปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
“อะไรนะ ไม่ใช่ว่าคุณชอบผมหรอกเหรอ”
“คือฉัน “เคย” ชอบคุณแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำมักง่ายกับฉันแบบนี้ได้ ปล่อยค่ะไม่งั้นฉันจะตะโกนเรียกคนให้ช่วย คุณคงไม่อยากเสียชื่อเพราะข้อหาลวนลามคนไข้หรอกนะคะ”
กลายเป็นคณาธิปที่อึ้งไปเมื่อเธอพูดจบ น้ำเสียงเธอแม้ว่าจะสั่นแต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เมื่อปล่อยเธอจากเครื่องตรวจและลงมาได้ก็รีบเดินออกจากห้องตรวจไปทันทีเพื่อเปลี่ยนชุด
“จิล เป็นยังไงบ้างทำไมแกตาแดงแบบนั้นล่ะ”
“มิ้นท์ ฉันอยากกลับบ้าน”
“แต่ว่าแกยังไม่ได้เอกสารใบรับรองแพทย์แล้วก็ยาเลยนะ”
“ฉันไม่เอาแล้ว รีบไปจ่ายเงินแล้วกลับกันเถอะ”
“จิลนี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ฉัน…”
“คุณชมชนกคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
พยาบาลที่เคาน์เตอร์เรียกเธอไปพบ จิลจึงได้หันมาบอกเพื่อน
“ฉันไปจ่ายเงินก่อนนะ แกรออยู่นี่เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
“ก็ได้”
มิ้นท์รู้สึกงงเล็กน้อย แต่เมื่อประตูห้องตรวจเปิดและหมอที่เดินออกมาพร้อมชุดกาวน์สีขาวก็ทำให้เธอตกใจ เพราะคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจของเพื่อนเธอก็คือหมอคณาธิป รุ่นพี่ของจิลนั่นเอง
“เชี่ย โลกนี้มันจะกลมเกินไปแล้ว ขนาดหนีมาคลินิกก็ยังมาเจอเขาเหรอเนี่ย”
เคาน์เตอร์ยา
“คุณหมอให้ยามาตามนี้นะคะ ทานเมื่อมีอาการปวดถ้าหายปวดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทานจนหมด ทานหลังอาหารนะคะ”
“ขอบคุณค่ะเท่าไหร่คะ”
“เอ่อ ในนี้บอกว่าไม่ต้องชำระค่ะเพราะว่ามีคนชำระแล้ว”
“อะไรนะคะ แต่ว่า…”
“รับยาเสร็จแล้วก็มาคุยกันหน่อยไหมคุณชมชนก”
จิลหันไปก็เห็นคุณหมอที่สวมชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาจนเกือบประชิดตัว พยาบาลเรียกคนไข้คนต่อไปมารับยาและไม่ได้สนใจพวกเขาอีก
หมอคินน์ดึงมือเธอและพาเข้าไปที่ห้องพักแพทย์ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเคสที่ต้องตรวจแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของเขาที่โรงพยาบาลแต่ก็ต้องมาที่คลินิกของตัวเองที่เปิดรับรักษาโรคทั่วไป เมื่อเข้าห้องได้เขาก็ล็อกประตูทันที
“ทำไมถึงต้องมาตรวจ คุณกลัวอะไรงั้นเหรอ”
“ฉันก็แค่… ฉัน...”
“ทำไม หรือว่าคิดจะไปแจ้งความเอาเรื่องผมงั้นเหรอ ที่จริงเรามาคุยกันก่อนดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องถึงกับต้องไปแจ้งความเลยนี่”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่คิดจะไปแจ้งความให้ตัวเองอับอายหรอกค่ะ”
“แล้วยังไง หรือว่าอยากใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ผม เอาเอกสารและใบรับรองแพทย์นี้มาบังคับให้ผมรับผิดชอบคุณงั้นเหรอ”
“คุณหมอคะนี่คุณ… ไอคิวคุณอาจจะสูงจริง ๆ ฉันยอมรับแต่อีคิวของคุณต่ำกว่าเด็กสิบขวบเสียอีก”
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกไปแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอบคุณนะคะสำหรับค่ายาและค่าตรวจที่จ่ายให้ แต่ครั้งหน้าคงจะไม่รบกวน”
“เดี๋ยวก่อน นี่คุณกำลังจะบอกว่ามาที่นี่แค่ตรวจเฉย ๆ งั้นเหรอ”
จิลนึกโมโหไม่หาย นี่เธอชอบคนแบบนี้เข้าไปได้ยังไง ถ้ารู้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้เธอคงถอยนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้หรอก เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อมองเขาให้ชัด ๆ อีกครั้งซึ่งคณาธิปไม่คิดจะถอยเธอจึงหยุด
“ใช่ค่ะ เพราะฉันไม่ทราบว่าจะติดโรคอื่นหรือเปล่า ก็แค่อยากมาตรวจดูเพราะก่อนหน้านี้ฉันเองก็รู้ว่าคุณ “สำส่อน” มากขนาดไหน ก็เลยมาตรวจให้แน่ใจขอตัวก่อนนะคะคุณหมอ”
“อะไรนะ! นี่เธอว่าใครสำส่อน”
เขาโกรธจนตัวสั่นแต่เมื่อหันมาก็เห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกไปแล้วจากประตูด้านหลัง เธอรู้ดีว่าห้องมีประตูสองฝั่ง ไม่นานเขาจึงได้เดินตามออกไปและเห็นว่าเธอมากับเพื่อนและกำลังเดินกลับไปที่รถ
“สำส่อนงั้นเหรอ ดีนี่จิลเธอกล้าพูดแบบนี้คงคิดมาแล้วสินะว่าจะเป็นศัตรูกับฉัน อย่ามาออดอ้อนให้รับผิดชอบทีหลังก็แล้วกัน”
เขาตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว นอกจากแผลบวมภายนอกเธอก็ไม่มีอันตราย แต่เมื่อคืนนี้เขาคงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ถึงได้ทำเสียจนเธอแทบจะเดินไม่ไหวแบบนั้น ซึ่งหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีอาการแบบนี้ แต่เธอที่เป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน เมื่อเจอของเขาที่ทั้งใหญ่และอารมณ์ที่เร่าร้อนเมื่อคืนก็ทำให้เธอมีอาการแบบนี้
“อยู่แถวนี้หรอกเหรอ”
เขารีบวิ่งไปเอาประวัติของเธอมาดูทันที ซึ่งโชคดีที่มีทั้งเอกสารบัตรประชาชนและที่อยู่ปัจจุบัน
“คอนโดใกล้ ๆ นี่เอง ชั้นห้าห้องห้าสองสอง”
คอนโดจิล
“จิล เมื่อกี้ฉันเห็นอีตาหมอของแก อย่าบอกนะว่าแกให้เขาตรวจ”
“ใช่ เป็นเขาจริง ๆ ซวยชะมัดเลยทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนนะว่าเขาจะมาเปิดคลินิกอยู่ใกล้ ๆ นี่ด้วย”
“ฉันว่าแกคงหนีเขาไม่พ้นแล้วล่ะ อยู่ที่ทำงานแล้วก็มีคลินิกอยู่ใกล้ขนาดนี้ แกจะเอายังไงต่อ”
“ฉัน…”
“แกยังชอบเขาอยู่สินะ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนนี้แกคงไม่ยอมให้เขาทำ”
จิลไม่ปฏิเสธ เพื่อนเธอเองก็รู้ดีว่าเธอก็คงดีใจไม่น้อยที่ได้คุณหมอที่ชอบเป็นคนแรกของตัวเอง พวกเธอแม้ว่าจะมีหัวที่ทันสมัยแต่ครั้งแรกก็ขอให้กับคนที่พึงพอใจมากที่สุด ซึ่งนับว่าจิลเองก็ไม่ได้คิดเสียใจที่ครั้งแรกของเธอเป็นคุณหมอคณาธิป
“ฉันอยากนอนพักแล้ว ขอบใจนะมิ้นท์ที่ขับรถมาส่ง”
“ไม่เป็นไร แกอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“สบายมาก ฉันไปก่อนนะ”
จิลเดินขึ้นห้องเหมือนกับคนไร้เรี่ยวแรง เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็ล้มตัวลงนอนทันทีโดยที่ไม่ทันได้กินยาที่หมอสั่งด้วยซ้ำไป ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงที่เพื่อนของเธอกลับไป
กว่าจิลลุกขึ้นมาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว เธอจึงคิดจะไปหาอะไรกิน แต่จังหวะนั้นเองที่เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นซึ่งเธอก็ส่องไปดูจึงได้เห็นว่าเป็นใคร แต่ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
“ไม่จริงน่า! ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
ห้องส่งตัว หมอคินน์ค่อย ๆ พยุงภรรยาเข้ามาในห้องหอที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับทั้งคู่ งานในวันนี้ถูกจัดที่เรือนหอที่พึ่งสร้างเสร็จ เมื่อพาเธอมานั่งที่เตียงหมอคินน์ก็ก้มลงไปถอดรองเท้าให้จนจิลต้องห้ามเขา“อย่าทำแบบนี้นะคะ เดี๋ยวจิลถอดเองดีกว่า”“ไม่เป็นไร หลังจากนี้ให้ผมทำเถอะนะ คุณแค่อุ้มท้องเจ้าตัวเล็กนี่กับต้องทนแพ้ท้องทุกวันก็ลำบากแย่แล้ว แค่ถอดรองเท้าให้คุณผมทำได้อยู่แล้ว”“แต่ว่า…”เมื่อหมอคินน์ถอดรองเท้าเธอออกถึงได้รู้ว่าทำไมจิลถึงไม่อยากให้เขาเป็นคนถอด รองเท้าแม้ว่าจะสวยแต่กลับกัดเจ้าสาวของเขาจนมีรอยแผล“อะไรเนี่ย! ทำไมไม่บอกผมว่ารองเท้ากัดล่ะ แล้วทำไมต้องทนเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวผมไปเอายามาทาให้”“หมอคะ! อย่าไปเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยทาก็ได้ไม่ได้เจ็บมาก ยังมีถุงน่องรองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง มิ้นท์เองก็เอาแผ่นรองมากันให้แล้วตอนอยู่ในงาน”“ทำไมไม่พูดอะไรเลยผมจะได้ให้คนเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้”“จิลไม่คิดว่าวันจริงเท้าจะบวมมากขึ้นขนาดนี้ค่ะ วันที่ลองใส่ยังพอดีกับเท้าอยู่เลย”“เฮ้อ อยู่นี่นะผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณแช่เท้า”หมอคินน์ลุกขึ้นเพื่อจะไปเตรียมของ จิลลุกขึ้นกอดเขาจากด้านหลัง คณาธิปร
“นี่แกยังจะทรมานเมียแกอีกเหรอ ตอนนี้จิลก็กำลังท้องแกยังจะทรมานลูกสะใภ้ของฉันแบบนี้ได้ยังไง”“ผมรู้ครับแต่ผมก็ติดรสมือเมียผมไปแล้วนี่นา อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้แพ้มากแต่ยังไงผมก็ต้องดูแลจิลให้ดีที่สุด แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”“เดือนหน้าจะรับปริญญาแล้วใช่ไหม คงต้องจัดการให้ดี ๆ แล้วล่ะ คุณลินดา จริงด้วยบอกคุณแม่หรือยัง”“บอกแล้วค่ะคุณแม่บอกว่าจะรีบมาที่กรุงเทพค่ะถ้างานที่ฮ่องกงเรียบร้อยคงจะมาอยู่ยาวค่ะ”“ดีเลย ๆ งั้นแม่ไม่รบกวนละ ตาคินน์เลิกงานแล้วก็รีบพาจิลกลับไปบ้านพักผ่อนแล้วอย่าหักโหมนักเข้าใจไหม หนูเองก็พักมาก ๆ นะเข้าใจไหม ท้องแรกอาจจะยังทำตัวไม่ถูกเอาไว้แม่จะทำอาหารบำรุงครรภ์ไปให้”“ขอบคุณค่ะคุณแม่”คุณแม่หมอคินน์กลับไปแล้วเขาจึงพาเธอกลับบ้าน แต่เรื่องทุกอย่างไม่ง่ายเลย เพราะจิลแพ้ท้องเกือบทุกวันจนหมอคินน์ไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกในช่วงนี้ นอกจากจะมีธุระสำคัญอย่างไปตรวจครรภ์กับเขาที่โรงพยาบาล หรือฝึกซ้อมรับปริญญาเท่านั้นหนึ่งเดือนถัดมา / งานรับปริญญา “ชิดกันหน่อยนะครับ หนึ่ง สอง… สวยมากครับ”หมอคินน์ที่ถ่ายรูปคู่กับจิลซึ่งถือช่อดอกไม้ช่อโตที่เขาถือมาให้พร้อมกับลูกโป่งเพื่อแสด
""อะไรนะ""ทั้งสามคนหันมามองหน้าคณาธิปด้วยความคิดที่ไม่เหมือนกัน “แกจะไม่ใจร้อนเกินไปเหรอที่ไปดูที่และตัดสินใจแบบนั้น ต้องให้…”“แม่ครับ ผมให้ซินแสของคุณแม่ไปช่วยดูมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ที่ดินไม่มีปัญหาอีกอย่างเป็นทำเลทองและอยู่ในโครงการของคุณพ่อนั่นแหละครับ ไม่ได้ซื้อที่อื่นเลย”“แต่ว่าที่ดินตอนนี้ต้องดูดี ๆ อีกอย่างบริษัทที่รับออกแบบ…”“พ่อครับ เรื่องนั้นผมมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์คอยดูแลให้อยู่นะครับ อีกอย่างพี่จรูญก็ช่วยผมได้เพราะเขาดูแลโครงการบ้านที่นี่อยู่เหมือนกัน”“แต่ว่า เรื่องนี้ไม่เห็นคุณหมอบอกจิลมาก่อนเลย”“คือว่าเรื่องนี้…. ผมอยากจะเซอร์ไพรส์คุณแต่ไม่คิดว่าคุณแม่จะพูดเรื่องเรือนหอขึ้นมาก็เลยต้องรีบบอกน่ะ หมู่บ้านนี้เป็นของคุณพ่อก็จริงแต่ผมซื้อที่ดินและปลูกเองนะครับไม่เกี่ยวกับเงินบริษัท ที่สำคัญที่นี่อยู่ใกล้มหาลัยของจิลแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเดิมด้วย”จิลไม่กล้ามีปากเสียงต่อหน้าพ่อแม่ของเขา แม้ว่าจะไม่เคยได้ออกความเห็นเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าหมอคินน์จะทำทุกอย่างรวดเร็วแบบนี้ ตั้งแต่เรื่องที่เชียงใหม่จนถึงที่นี่ เธ
จิลแทบไม่มีความรู้สึกเลยเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน จำได้แค่ครั้งสุดท้ายเธอไม่มีเสียงและอยู่ในอ้อมกอดของเขาบนเตียงและหลับสนิทไปเลยหลังจากนั้นเมื่อหันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ซึ่งไม่ได้สวมเสื้อผ้าเหมือนกับเธอก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งจับที่ปลายจมูกคมสันน่ามองนั่น“ตื่นแล้วแกล้งคนแบบนี้ระวังจะไม่มีแรงกลับกรุงเทพฯ เอานะครับ”“อุ๊ย! คุณตื่นแล้วเหรอ แกล้งหลับเหรอคะเนี่ย”คณาธิปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคู่หมั้นข้าง ๆ และดึงเธอเข้ามาหอมแก้มอีกครั้งและกอดเธอเอาไว้“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้เหรอว่ามีคนกำลังจะลักหลับสามีตัวเอง”“พูดอะไรแบบนั้นคะ ไม่ได้ทำสักหน่อย”“งั้นก็แอบมองเพราะผมหล่อมาก”“แหวะ”“ท้องแล้วเหรอ แสดงว่าความพยายามที่ผ่านมาได้ผล”“จะบ้าเหรอคะหมอ! เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยใครท้องกันล่ะคะ”“จริงสิจิลคุณวางแผนเอาไว้หรือยัง หลังเรียนจบแล้วแต่งงาน อยากมีลูกกี่คน”“เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดเอาไว้เลยค่ะ ช่วงนี้คงต้องฉีดยาคุมไปก่อนจนกว่าจิลจะเรียนจบนะคะ”“ผมรู้ครับแต่หลังจากแต่งงานยังไงแม่ผมก็ต้องถาม นี่ยังไลน์มาถามทุกวันว่าขอคุณแต่งงานสำเร็จหรือเปล่า”“อะไรนะคะ คุณแม่ข
“พรีเวดดิ้งเหรอคะ”“มาเถอะน่า มีอีกหลายคนที่รอถ่ายอยู่นะ”“ออ ค่ะ ๆ”“เดินระวังหน่อย”หมอคินน์ค่อย ๆ จับตัวจิลเข้าไปถ่ายรูปในฉากที่โรงแรมจัดเอาไว้ให้ ทั้งคู่ถ่ายรูปไปเยอะมากและถ่ายในหลาย ๆ มุมของโรงแรมเหมือนกับช่างภาพถูกจ้างมา แต่คณาธิปก็ไม่ได้ขัดใจเพราะวันนี้คู่หมั้นของเขาสวยเหมือนกับเจ้านางทางเหนือและเขาเองก็ไม่เคยแต่งชุดแบบนี้เลยสักครั้ง“อร่อยไหม”“อาหารของโรงแรมวันนี้อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ หรือเป็นเพราะว่าเทศกาล ดูสิคะคนเริ่มมาลอยกระทงกันแล้ว”“อยากไปลอยหรือเปล่า”“อืม รอให้แขกคนอื่นลอยไปก่อนก็ได้ค่ะคนยังเยอะอยู่เลย”“แต่ช่วงสามทุ่มเห็นบอกว่าจะมีจุดประทีปลอยแม่น้ำปิง ที่จริงจะมีปล่อยโคมที่เรียกว่างานอะไรนะ...”“ประเพณียี่เป็ง[1]ค่ะแต่เห็นบอกว่าตอนนี้งดปล่อยโคมกันแล้ว ให้จุดไฟแล้วลอยโคมสายในน้ำแทนค่ะ”“ก็ดีนะ แบบนี้ไม่อันตรายด้วย”ทางโรงแรมมีจัดงานลอยกระทงแบบย่อม ๆ แขกที่มาพักที่นี่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทุกคนต่างสวมชุดล้านนาที่ทางโรงแรมมีจัดเตรียมไว้ให้ แต่เท่าที่จิลเริ่มสังเกต ทุกคนล้วนแต่จ้องมองพวกเขาทั้งสองคนเพราะชุดที่เธอและหมอคินน์ใส่เหมือนจะไม่เหมือนกับชุดพื้นเมืองที่คนอื่
จิลค่อย ๆ ขยับช่วงเอวตามจังหวะและเริ่มรุนแรงขึ้นเพราะเธอทนไม่ไหว ความเสียวที่เขากระตุ้นเริ่มทำให้เธอลืมตัว“อ๊าา ที่รักคะช่วยด้วย!!”“มาแล้ว...อาา แน่นฉิบหายเลย โอยจิลผมเสียวมาก…อาา”คณาธิปดึงเธอลงมากอดเขาเอาไว้และเป็นฝ่ายเด้งตอบเธอไป ความแรงและความถี่ของเขาทำได้ดีกว่าเธอ ไม่นานจิลก็เริ่มร้องดังมากขึ้น ร่างบางเกร็งสุดตัวและร้องสุดเสียงเมื่อถึงฝั่งไปก่อน หมอคินน์เองก็ไม่อยากรอ เขาจึงได้เร่งตามเธอไปทันที“อาา…ไม่คิดว่าจะน่ากินขนาดนี้”“ต่อสิคะที่รัก”“ให้ตายเถอะ ทำไมคืนนี้คุณเร่าร้อนขนาดนี้”จิลลุกขึ้นและหันหลังพร้อมกับก้มบั้นท้ายรอเขา เธอถอดชั้นในออกไปแล้วโดยไม่รอให้เขาทำ หมอคินน์แค่เห็นบั้นท้ายขาวกลมตรงหน้ามีเหรอที่จะทนไหว เพียงแค่จังหวะเดียวเขาก็สอดเข้าไปจนสุดและแช่เอาไว้เพื่อซึมซับความอบอุ่นและการบีบรัดตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปขย้ำบั้นท้ายจนเกิดรอย“เฮือก!! อ๊าา…ฮึก!! อ๊าา…หมอคะ แรงอีกค่ะ อ๊าา แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา”จิลเสร็จไปไม่รู้กี่รอบในคืนนี้แต่เขาก็ยังปรนเปรอเธอไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอจะยอมตามใจเขามากกว่าเดิม คิดถูกแล้วที่ไม่ทำข้างนอกเพราะหมอคินน์ค่อนข้างจะหวงแฟนสาวเอามาก ๆ แต่ต่อให้เ