จิลลังเลเมื่อคนที่มาเคาะประตูคือหมอคณาธิปที่ถือถุงบางอย่างมาด้วย แม้ว่าจะถอดชุดกาวน์ออกแล้วแต่เขาก็ยังดูหล่อในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแลค ซึ่งเป็นแบรนด์เนมทั้งตัวก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้นมา
“จะส่องอีกนานไหมหรือต้องให้พังประตูเข้าไปถึงจะยอมเปิด”
จิลคิดผิดไปเสียแล้วที่ให้มิ้นท์กลับบ้านไปก่อนเพียงเพราะอยากนอนพักผ่อน แต่เมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตูเธอก็แทบจะหมดแรงและใจสั่นไม่หยุดจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นและค่อย ๆ เปิดประตูให้เขา
“กว่าจะเปิดได้นึกว่าต้องรอถึงพรุ่งนี้เสียอีก กินข้าวหรือยัง”
“คะ?”
“เฮ้อ สมองเลอะเลือนไปหมดแล้วสินะ หลีกไปสิจะได้เอาของเข้าไปมันหนักนะเร็ว ๆ เข้า”
“ของ… เอ่อ”
“ผมหิวข้าว แล้วก็รู้ว่าคุณคงขึ้นมาแล้วนอนเลยจนไม่ได้หาข้าวกิน ยานั่นต้องกินหลังอาหารทันทีก็เลยซื้อมาเผื่อ”
“ซื้อมาเผื่อเหรอคะ”
ปริมาณที่บอกว่าซื้อมาเผื่อที่มีทั้งโจ๊กสองถุง ข้าวต้มและข้าวกล่องอีกสองสามกล่อง ยังมีผลไม้สดกับขนมปังถุงใหญ่และถุงของร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดอีกถุงใหญ่ แต่หมอคินน์กลับบอกว่าซื้อมาเผื่องั้นเหรอ
“ให้เอาวางตรงไหน”
“เอ่อ เอาวาง…โอ๊ย!”
เธอกำลังจะหมุนไปหาโต๊ะแต่ก็เกิดจุกที่ช่องท้องจนคณาธิปที่เหลือมือแค่ข้างเดียวต้องรวบเธอเอาไว้และยกขึ้นมาพร้อมกับพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน
“ระวังหน่อยสิตอนนี้ท้องน้อยอาจจะยังเจ็บอยู่ จะเดินก็ต้องระวัง เดินเบา ๆ อย่าหันเร็ว ๆ แบบนี้แค่บอกมาก็พอที่เหลือผมจัดการเอง”
“เอ่อ… วางที่โต๊ะก็ได้ค่ะเดี๋ยวจิลเปิดไฟให้”
เธอค่อย ๆ คลายออกจากอ้อมกอดของเขา เมื่อหมอคินน์หันไปมองเธอที่สวมเพียงเสื้อกล้ามบางสีขาวและกางเกงขาสั้นไม่ถึงคืบเพราะอยู่บ้านก็แทบจะหิวขึ้นมาทันที แน่นอนว่าเขาไม่ได้หิวข้าวที่เผลอซื้อมาเยอะ ๆ นั่นหรอก
เมื่อเธอเดินไปเปิดไฟก็หันมาเตรียมจานชามเพื่อจะนำไปใส่ของที่เขาซื้อมา แต่หมอคินน์กลับเดินมาดึงเธอออกมาจากเคาน์เตอร์ครัวและพาไปนั่ง
“อยู่เฉย ๆ เถอะเดินยังแทบไม่ไหวเดี๋ยวผมจัดการเอง”
จิลรู้สึกใจสั่นไม่หยุดเมื่อคนที่เธอเคยเฝ้าฝันว่าจะมีสักครั้งที่ได้ทำแบบนี้กลับกลายเป็นเขาที่ทำแทน อีกทั้งยังเป็นห้องของเธออีกด้วย ทำไมถึงไม่ยุติธรรมเลย
เธอแอบมองแอบชอบเขามาตั้งนานแต่เขากลับไม่สนใจ แต่เวลาแค่คืนเดียวที่เธออยากจะตัดใจเขากลับขโมยหัวใจเธอไปได้อีกครั้ง
“ทำไมคุณหมอถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่คะ”
“ประวัติผู้ป่วย คุณคงไม่คิดว่าผมมีไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำใช่ไหม อย่างน้อยผมก็รู้ว่าควรจะทำอะไรเวลาไหน”
เขาเลือกจะเทโจ๊กให้เธอเพราะมันย่อยง่ายและดีต่อคนป่วยอย่างเธอ เมื่อโจ๊กหอม ๆ วางลงตรงหน้าจิลก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เพราะเธอพึ่งกินข้าวต้มไปเพียงชามเดียวที่มิ้นท์ซื้อมาให้ช่วงเที่ยง
“กินโจ๊กนะ อาหารอ่อน ๆ จะได้กินยาน้ำอยู่ในตู้เย็นใช่ไหม”
“ค่ะ”
“อย่าดื่มน้ำเย็นมากจะดีกว่า มันไม่ค่อยดีกับมดลูกเท่าไหร่ดื่มน้ำอุณหภูมิปกติจะดีที่สุด”
“แต่โจ๊กนี่มันร้อนนะคะ”
“เรื่องมากจริง ๆ”
แม้ว่าจะบ่นแต่เขาก็ผสมน้ำที่ไม่เย็นเกินไปแล้วมาวางให้เธอก่อนจะจัดจานผลไม้และกล่องข้าวของตัวเองมานั่งกินกับเธอ
“มองอะไร กินโจ๊กไปนั่นแหละดีแล้วย่อยง่ายหน่อยจะได้หายเร็ว ๆ ยังมีไข้รุม ๆ อยู่ไม่ต้องมองเลยกะเพรานี่รสจัดยังกินไม่ได้เข้าใจไหม”
จิลไม่เถียงแต่ก็ไม่กล้าถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่ในเวลานี้ทั้ง ๆ ที่เธอกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน อีกอย่างแม้ว่าคลินิกของหมอคินน์จะอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องมาหาเธอ และที่สงสัยมาก ๆ ก็คือ…
“ทำไมคุณถึงขึ้นมาข้างบนได้ล่ะคะ”
“ง่ายจะตายไปก็แค่โชว์บัตรประจำตัวของแพทย์ แล้วบอกว่ามาตรวจผู้ป่วยแค่นี้เขาก็ให้ขึ้นมาแล้ว”
“นี่มันวิธีบ้าอะไรกันเนี่ย สงสัยต้องแจ้งนิติบุคคลสักหน่อยแล้ว”
“บ่นอะไรอีกล่ะผมไม่ได้มาชวนคุณทะเลาะนะ แล้วก็เรื่องเมื่อคืนนี้ ผมมีอะไรจะคุยกับคุณถึงได้มาหา เอาไว้กินเสร็จค่อยว่ากันเถอะ”
จิลหันไปกินโจ๊กของตัวเองแต่ก็กินไม่หมด ทำเอาหมอคินน์ถึงกับทำหน้าดุใส่เธออีกครั้ง
“กินเข้าไปอีก ทำไมไม่กินขิง”
“มันเผ็ด จิลไม่ชอบ”
“แต่มันมีประโยชน์ กินเข้าไป”
“ไม่เอาค่ะอิ่มแล้ว”
“กินอย่างกับแมวดมแบบนี้จะมีแรงได้ยังไง ตัวคุณเล็กอย่างกับลูกแมวกินเข้าไปอีก”
“ไม่เอาแล้วค่ะจิลอิ่มแล้วจริง ๆ”
เธอหันไปมองสีหน้าดุของเขาถึงกับรีบหลบสายตา คณาธิปเองก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องมานั่งคะยั้นคะยอให้ผู้หญิงคนหนึ่งกินข้าวเพื่อจะได้กินยาได้แบบนี้ แต่เขารู้สึกผิดเมื่อตรวจเธอและเจอสภาพแบบนั้น
มันทำให้จิตสำนึกของเขาตื่นขึ้นเพราะทั้งหมดเป็นเพราะความใจร้อนและเอาแต่ใจของเขา ดังนั้นพอเลิกงานจากคลินิกจึงรีบซื้ออาหารที่มีประโยชน์และมาที่คอนโดของเธอทันที
“ถ้างั้นนั่งรออยู่นี่ ถุงยาได้ให้มาอยู่ที่ไหน”
“อยู่ในห้องค่ะเดี๋ยวจิลเข้าไปเอา…”
“ไม่ต้องผมไปเองนั่งเฉย ๆ เถอะขอร้องล่ะอย่าวุ่นวาย”
“วุ่นวาย” นี่เขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า ที่นี่เป็นห้องของเธอและเขาเป็นแขก อีกอย่างตั้งแต่เดินเข้ามาก็แทบจะไม่ให้เธอขยับไปไหนเลยนอกจากนั่งที่โต๊ะทานข้าว
ไม่นานเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องและเดินเอาถุงยาออกมาเตรียมเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมอง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนคณาธิปก็ยังหล่อไม่ลดลงเลยจริง ๆ
“นี่ยาของวันนี้ รีบกินสิน้ำอยู่นี่”
“ขอบคุณค่ะ”
จิลรับยากับน้ำที่ที่หมอคินน์เอามาให้กินจนเสร็จเขาจึงทยอยเก็บอาหารบนโต๊ะไปวางที่ล้างจาน จิลพยายามจะบอกเขาว่าเธอจะทำเองแต่เขากลับบอกให้เธอนั่งลง
“ถ้าคุณไม่นั่งผมจะคิดว่าคุณมีแรงมากพอที่จะทำเรื่องอื่นนอกจากจะคุยกับผมอย่างเดียว คิดว่าคงเข้าใจที่ผมต้องการจะพูดใช่ไหม”
“แต่ว่าจิลนั่งเฉย ๆ มานานแล้วนี่คะ แบบนี้มันจะไม่ค่อยดีนะคะอีกอย่างนี่ก็เป็นห้องของจิลด้วย”
คณาธิปหันมาจ้องเธอด้วยสายตาดุอีกครั้ง จิลแพ้สายตานั่น เธอไม่ชอบเลยแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ถูกเขามอง เธอรู้ว่าเรื่องเมื่อคืนนี้คงทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างถึงได้มาที่นี่
แต่ในตอนนี้จิลไม่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์ที่ยุ่งยากนี้อีก เธอไม่เหมือนกับสาว ๆ ของเขาที่เอาไว้นอนด้วยแก้เบื่อ จึงอยากจะถอยออกมาก่อนที่ตัวเธอเองจะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้
“ทานผลไม้หน่อยสิ”
“แต่ว่าจิล...”
“ไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะแค่อิ่มจนกินไม่ไหวต่างหาก”
“งั้นก็แช่เอาไว้ก่อน”
เขาเดินเอาผลไม้ไปแช่ในตู้เย็นและเดินมาหาเธอ จิลที่ถูกเขาพยุงลุกจากเก้าอี้ก็ตกใจอีกครั้ง
“จิลลุกเองได้ค่ะ”
“งั้นหาที่คุยกันหน่อยสิ โซฟานั่นได้ไหมจะได้นั่งสบายหน่อย”
“ค่ะ”
เธอเดินไปกับเขาที่พยุงไปโดยไม่จำเป็นสักนิด ห้องของจิลแม้ว่าจะเล็กและมีแค่ห้องนอนเดียว แต่ก็มีบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนบ้านหลังเล็ก ๆ จนคณาธิปที่อยู่แต่คอนโดใหญ่ ๆ รู้สึกอบอุ่น
“คุณหมอมีอะไรจะคุยกับจิลเหรอคะ”
“เมื่อคืนนี้ผมต้องขอโทษคุณด้วยที่ใจร้อนทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ วันนี้ผมตรวจแล้ว แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากแผลภายนอกแต่ผม…”
“จิลไม่ได้ต้องการให้คุณหมอรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นค่ะ เรื่องเมื่อคืนนี้เป็นแค่อุบัติเหตุ ที่จริงจิลเองก็ผิดที่เมาด้วยดังนั้นให้มันจบแค่นี้เถอะนะคะ”
“อะไรนะ! นี่คุณต้องการแบบนี้จริง ๆ น่ะเหรอชมชนก”
ห้องส่งตัว หมอคินน์ค่อย ๆ พยุงภรรยาเข้ามาในห้องหอที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับทั้งคู่ งานในวันนี้ถูกจัดที่เรือนหอที่พึ่งสร้างเสร็จ เมื่อพาเธอมานั่งที่เตียงหมอคินน์ก็ก้มลงไปถอดรองเท้าให้จนจิลต้องห้ามเขา“อย่าทำแบบนี้นะคะ เดี๋ยวจิลถอดเองดีกว่า”“ไม่เป็นไร หลังจากนี้ให้ผมทำเถอะนะ คุณแค่อุ้มท้องเจ้าตัวเล็กนี่กับต้องทนแพ้ท้องทุกวันก็ลำบากแย่แล้ว แค่ถอดรองเท้าให้คุณผมทำได้อยู่แล้ว”“แต่ว่า…”เมื่อหมอคินน์ถอดรองเท้าเธอออกถึงได้รู้ว่าทำไมจิลถึงไม่อยากให้เขาเป็นคนถอด รองเท้าแม้ว่าจะสวยแต่กลับกัดเจ้าสาวของเขาจนมีรอยแผล“อะไรเนี่ย! ทำไมไม่บอกผมว่ารองเท้ากัดล่ะ แล้วทำไมต้องทนเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวผมไปเอายามาทาให้”“หมอคะ! อย่าไปเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยทาก็ได้ไม่ได้เจ็บมาก ยังมีถุงน่องรองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง มิ้นท์เองก็เอาแผ่นรองมากันให้แล้วตอนอยู่ในงาน”“ทำไมไม่พูดอะไรเลยผมจะได้ให้คนเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้”“จิลไม่คิดว่าวันจริงเท้าจะบวมมากขึ้นขนาดนี้ค่ะ วันที่ลองใส่ยังพอดีกับเท้าอยู่เลย”“เฮ้อ อยู่นี่นะผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณแช่เท้า”หมอคินน์ลุกขึ้นเพื่อจะไปเตรียมของ จิลลุกขึ้นกอดเขาจากด้านหลัง คณาธิปร
“นี่แกยังจะทรมานเมียแกอีกเหรอ ตอนนี้จิลก็กำลังท้องแกยังจะทรมานลูกสะใภ้ของฉันแบบนี้ได้ยังไง”“ผมรู้ครับแต่ผมก็ติดรสมือเมียผมไปแล้วนี่นา อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้แพ้มากแต่ยังไงผมก็ต้องดูแลจิลให้ดีที่สุด แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”“เดือนหน้าจะรับปริญญาแล้วใช่ไหม คงต้องจัดการให้ดี ๆ แล้วล่ะ คุณลินดา จริงด้วยบอกคุณแม่หรือยัง”“บอกแล้วค่ะคุณแม่บอกว่าจะรีบมาที่กรุงเทพค่ะถ้างานที่ฮ่องกงเรียบร้อยคงจะมาอยู่ยาวค่ะ”“ดีเลย ๆ งั้นแม่ไม่รบกวนละ ตาคินน์เลิกงานแล้วก็รีบพาจิลกลับไปบ้านพักผ่อนแล้วอย่าหักโหมนักเข้าใจไหม หนูเองก็พักมาก ๆ นะเข้าใจไหม ท้องแรกอาจจะยังทำตัวไม่ถูกเอาไว้แม่จะทำอาหารบำรุงครรภ์ไปให้”“ขอบคุณค่ะคุณแม่”คุณแม่หมอคินน์กลับไปแล้วเขาจึงพาเธอกลับบ้าน แต่เรื่องทุกอย่างไม่ง่ายเลย เพราะจิลแพ้ท้องเกือบทุกวันจนหมอคินน์ไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกในช่วงนี้ นอกจากจะมีธุระสำคัญอย่างไปตรวจครรภ์กับเขาที่โรงพยาบาล หรือฝึกซ้อมรับปริญญาเท่านั้นหนึ่งเดือนถัดมา / งานรับปริญญา “ชิดกันหน่อยนะครับ หนึ่ง สอง… สวยมากครับ”หมอคินน์ที่ถ่ายรูปคู่กับจิลซึ่งถือช่อดอกไม้ช่อโตที่เขาถือมาให้พร้อมกับลูกโป่งเพื่อแสด
""อะไรนะ""ทั้งสามคนหันมามองหน้าคณาธิปด้วยความคิดที่ไม่เหมือนกัน “แกจะไม่ใจร้อนเกินไปเหรอที่ไปดูที่และตัดสินใจแบบนั้น ต้องให้…”“แม่ครับ ผมให้ซินแสของคุณแม่ไปช่วยดูมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ที่ดินไม่มีปัญหาอีกอย่างเป็นทำเลทองและอยู่ในโครงการของคุณพ่อนั่นแหละครับ ไม่ได้ซื้อที่อื่นเลย”“แต่ว่าที่ดินตอนนี้ต้องดูดี ๆ อีกอย่างบริษัทที่รับออกแบบ…”“พ่อครับ เรื่องนั้นผมมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์คอยดูแลให้อยู่นะครับ อีกอย่างพี่จรูญก็ช่วยผมได้เพราะเขาดูแลโครงการบ้านที่นี่อยู่เหมือนกัน”“แต่ว่า เรื่องนี้ไม่เห็นคุณหมอบอกจิลมาก่อนเลย”“คือว่าเรื่องนี้…. ผมอยากจะเซอร์ไพรส์คุณแต่ไม่คิดว่าคุณแม่จะพูดเรื่องเรือนหอขึ้นมาก็เลยต้องรีบบอกน่ะ หมู่บ้านนี้เป็นของคุณพ่อก็จริงแต่ผมซื้อที่ดินและปลูกเองนะครับไม่เกี่ยวกับเงินบริษัท ที่สำคัญที่นี่อยู่ใกล้มหาลัยของจิลแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเดิมด้วย”จิลไม่กล้ามีปากเสียงต่อหน้าพ่อแม่ของเขา แม้ว่าจะไม่เคยได้ออกความเห็นเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าหมอคินน์จะทำทุกอย่างรวดเร็วแบบนี้ ตั้งแต่เรื่องที่เชียงใหม่จนถึงที่นี่ เธ
จิลแทบไม่มีความรู้สึกเลยเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน จำได้แค่ครั้งสุดท้ายเธอไม่มีเสียงและอยู่ในอ้อมกอดของเขาบนเตียงและหลับสนิทไปเลยหลังจากนั้นเมื่อหันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ซึ่งไม่ได้สวมเสื้อผ้าเหมือนกับเธอก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งจับที่ปลายจมูกคมสันน่ามองนั่น“ตื่นแล้วแกล้งคนแบบนี้ระวังจะไม่มีแรงกลับกรุงเทพฯ เอานะครับ”“อุ๊ย! คุณตื่นแล้วเหรอ แกล้งหลับเหรอคะเนี่ย”คณาธิปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคู่หมั้นข้าง ๆ และดึงเธอเข้ามาหอมแก้มอีกครั้งและกอดเธอเอาไว้“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้เหรอว่ามีคนกำลังจะลักหลับสามีตัวเอง”“พูดอะไรแบบนั้นคะ ไม่ได้ทำสักหน่อย”“งั้นก็แอบมองเพราะผมหล่อมาก”“แหวะ”“ท้องแล้วเหรอ แสดงว่าความพยายามที่ผ่านมาได้ผล”“จะบ้าเหรอคะหมอ! เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยใครท้องกันล่ะคะ”“จริงสิจิลคุณวางแผนเอาไว้หรือยัง หลังเรียนจบแล้วแต่งงาน อยากมีลูกกี่คน”“เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดเอาไว้เลยค่ะ ช่วงนี้คงต้องฉีดยาคุมไปก่อนจนกว่าจิลจะเรียนจบนะคะ”“ผมรู้ครับแต่หลังจากแต่งงานยังไงแม่ผมก็ต้องถาม นี่ยังไลน์มาถามทุกวันว่าขอคุณแต่งงานสำเร็จหรือเปล่า”“อะไรนะคะ คุณแม่ข
“พรีเวดดิ้งเหรอคะ”“มาเถอะน่า มีอีกหลายคนที่รอถ่ายอยู่นะ”“ออ ค่ะ ๆ”“เดินระวังหน่อย”หมอคินน์ค่อย ๆ จับตัวจิลเข้าไปถ่ายรูปในฉากที่โรงแรมจัดเอาไว้ให้ ทั้งคู่ถ่ายรูปไปเยอะมากและถ่ายในหลาย ๆ มุมของโรงแรมเหมือนกับช่างภาพถูกจ้างมา แต่คณาธิปก็ไม่ได้ขัดใจเพราะวันนี้คู่หมั้นของเขาสวยเหมือนกับเจ้านางทางเหนือและเขาเองก็ไม่เคยแต่งชุดแบบนี้เลยสักครั้ง“อร่อยไหม”“อาหารของโรงแรมวันนี้อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ หรือเป็นเพราะว่าเทศกาล ดูสิคะคนเริ่มมาลอยกระทงกันแล้ว”“อยากไปลอยหรือเปล่า”“อืม รอให้แขกคนอื่นลอยไปก่อนก็ได้ค่ะคนยังเยอะอยู่เลย”“แต่ช่วงสามทุ่มเห็นบอกว่าจะมีจุดประทีปลอยแม่น้ำปิง ที่จริงจะมีปล่อยโคมที่เรียกว่างานอะไรนะ...”“ประเพณียี่เป็ง[1]ค่ะแต่เห็นบอกว่าตอนนี้งดปล่อยโคมกันแล้ว ให้จุดไฟแล้วลอยโคมสายในน้ำแทนค่ะ”“ก็ดีนะ แบบนี้ไม่อันตรายด้วย”ทางโรงแรมมีจัดงานลอยกระทงแบบย่อม ๆ แขกที่มาพักที่นี่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทุกคนต่างสวมชุดล้านนาที่ทางโรงแรมมีจัดเตรียมไว้ให้ แต่เท่าที่จิลเริ่มสังเกต ทุกคนล้วนแต่จ้องมองพวกเขาทั้งสองคนเพราะชุดที่เธอและหมอคินน์ใส่เหมือนจะไม่เหมือนกับชุดพื้นเมืองที่คนอื่
จิลค่อย ๆ ขยับช่วงเอวตามจังหวะและเริ่มรุนแรงขึ้นเพราะเธอทนไม่ไหว ความเสียวที่เขากระตุ้นเริ่มทำให้เธอลืมตัว“อ๊าา ที่รักคะช่วยด้วย!!”“มาแล้ว...อาา แน่นฉิบหายเลย โอยจิลผมเสียวมาก…อาา”คณาธิปดึงเธอลงมากอดเขาเอาไว้และเป็นฝ่ายเด้งตอบเธอไป ความแรงและความถี่ของเขาทำได้ดีกว่าเธอ ไม่นานจิลก็เริ่มร้องดังมากขึ้น ร่างบางเกร็งสุดตัวและร้องสุดเสียงเมื่อถึงฝั่งไปก่อน หมอคินน์เองก็ไม่อยากรอ เขาจึงได้เร่งตามเธอไปทันที“อาา…ไม่คิดว่าจะน่ากินขนาดนี้”“ต่อสิคะที่รัก”“ให้ตายเถอะ ทำไมคืนนี้คุณเร่าร้อนขนาดนี้”จิลลุกขึ้นและหันหลังพร้อมกับก้มบั้นท้ายรอเขา เธอถอดชั้นในออกไปแล้วโดยไม่รอให้เขาทำ หมอคินน์แค่เห็นบั้นท้ายขาวกลมตรงหน้ามีเหรอที่จะทนไหว เพียงแค่จังหวะเดียวเขาก็สอดเข้าไปจนสุดและแช่เอาไว้เพื่อซึมซับความอบอุ่นและการบีบรัดตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปขย้ำบั้นท้ายจนเกิดรอย“เฮือก!! อ๊าา…ฮึก!! อ๊าา…หมอคะ แรงอีกค่ะ อ๊าา แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา”จิลเสร็จไปไม่รู้กี่รอบในคืนนี้แต่เขาก็ยังปรนเปรอเธอไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอจะยอมตามใจเขามากกว่าเดิม คิดถูกแล้วที่ไม่ทำข้างนอกเพราะหมอคินน์ค่อนข้างจะหวงแฟนสาวเอามาก ๆ แต่ต่อให้เ