เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว
“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”
“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”
“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”
จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น
“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”
“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”
“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”
“แค่คนเดียวพอ”
วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี
“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหนักต้องอยู่โรงพยาบาลไปเรื่อยๆ เพราะไม่มียารักษาแบบจำเพาะ อายร้องไห้ตลอดทุกครั้งที่โทรคุยกัน จูนอาจจะไปพร้อมป๊ากับม๊านะ อีกสองวัน”
เขาวางสายจากน้องสาวด้วยคิ้วที่ขมวด พลางคิดว่า ถ้าเกิดเขาเป็นแมทธิวจะทำยังไง? มันไม่ง่ายเลยกับการที่พึ่งได้มีชีวิตคู่ มีลูกที่น่ารัก ชีวิตกำลังมีความสุข แต่ต้องมาป่วยหนักขนาดนี้
เจตสุวีย์ไปเคาะประตูและมีผู้หญิงฝรั่งวัยกลางคนมาเปิดให้ คือแม่ของแมทธิว
เขากล่าวสวัสดีพ่อแม่ของแมทธิวและมอบผลไม้ชุดใหญ่ให้ แต่พอเห็นลูกชายของไอรดา เจตสุวีย์จ้องมองอย่างถูกชะตา จึงเดินเข้าไปนั่งลงกล่าวทักทาย จนไอรดาที่เห็นแบบนั้นจึงรีบลุกจากเก้าอี้มาอุ้มลูกชายเอาไว้ แล้วกลับไปนั่งข้างเตียงใกล้กับแมทธิวแทน ทำเอาเจตสุวีย์ยิ้มเก้อแต่ก็ไม่พูดอะไร จึงเปลี่ยนไปแนะนำตัวกับพ่อแม่ของแมทธิวแทน
“ครอบครัวผมสนิทกับครอบครัวของไอรดา เพราะเราทำธุรกิจร่วมกัน ก็เลยมาเยี่ยม”
“แค่เคยทำ”
แมทธิวพูดสวนก่อนจะไอขึ้นมาอีก ไอรดารีบเอามือลูบหน้าอกสามีเบาๆ หน้าตาเธอดูไม่ค่อยสบายใจ
เจตสุวีย์ยิ้มบางๆ ให้กับสิ่งที่แมทธิวพูดโดยไม่ตอบโต้อะไร แล้วเริ่มพูดเรื่องสัพเพเหระแทน
“เขาว่ากันว่าลูกชายหน้าเหมือนแม่จะดี มาร์ตินเหมือนหนูมาก น่ารักจริงๆ”
“มาร์ตินเหมือนแมทธิวมากกว่า ชอบทำอะไรคล้ายๆ กัน เขาติดพ่อมาก”
ไอรดาพูดเพื่อตอกย้ำว่านี่คือลูกของสามีเธอ ด้วยหน้าตาที่ดื้อดึงดูเอาเรื่องใส่เขา
“ที่รัก..คุณจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านใช่มั้ย? ก็ไปกับพ่อแม่ผมก็ได้ แล้วพักที่บ้านคืนหนึ่ง เพราะขับรถไปกลับตั้งสี่ชั่วโมง ผมอยู่คนเดียวได้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาหาอีกที”
เธอมองสามีด้วยสีหน้างงๆ ขมวดคิ้วเชิงคำถาม
“เสื้อผ้าไม่พอเตรียมมาแค่สองสามวัน แต่ฉันไปซื้อเอาใหม่แถวนี้ก็ได้ ไม่กลับหรอก ให้พ่อแม่คุณนั่นแหละกลับไปพักที่บ้านเรา อาจให้เอามาร์ตินไปด้วย เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยไม่ได้ เสื้อผ้าแต่ละคนก็เตรียมมานอนที่โรงแรมไม่พอ”
“ผมมีเพื่อนอยู่ด้วยแล้ว นั่นไงล่ะ…คุณคงอยู่เป็นเพื่อนผมได้ใช่มั้ย?”
แมทธิวบอกภรรยา แล้วถามเจตสุวีย์ต่อ แต่ไอรดารีบท้วงทันที
“เขาแค่มาเยี่ยมเดี๋ยวก็ไปแล้ว นี่มันหน้าที่ฉัน เขาเป็นแค่คนอื่น”
เจตสุวีย์ยิ้มอ่อน เลิกคิ้วให้แมทธิวในความดื้อของเธอ เขาเองก็อยากอยู่เพื่อคุยกับสามีของเธออยู่เหมือนกัน
“เชื่อผมเถอะ ที่รัก ไปนอนพักผ่อนสักคืนจะได้มีแรงมาอยู่กับผม แค่ผมไม่สบายคนเดียวก็พอแล้ว”
“ฉันอยู่บ้านไม่ได้..อย่าให้ฉันต้องไปเลย ขอโทษที่ขอไม่ทำตามที่คุณพูด”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับเขา..แบบส่วนตัว”
พ่อแม่ของแมทธิวไม่เข้าใจความหมายที่ลูกชายพูด แต่ก็เคารพความต้องการของเขา จึงชวนให้ไอรดากลับบ้านพักผ่อนและอยู่กับมาร์ตินสักหน่อยก็ยังดี
ไอรดามองที่เจตสุวีย์ด้วยความไม่พอใจ เพราะกลัวที่พวกเขาต้องอยู่ด้วยกันคืนนี้ เธอรู้ว่าแมทธิวเกลียดเขามาก และอาการจะยิ่งแย่ถ้าปล่อยให้อยู่กันสองคน
“ให้พี่ช่วยหนูดูแลลูกให้เอามั้ย? อุ้มตลอดแบบนั้นคงเหนื่อย”
“ลูกฉัน ฉันดูแลได้”
ไอรดาใช้สรรพนามที่ห่างเหินเพราะเธอไม่พอใจที่เขามาป้วนเปี้ยนถึงที่นี่ในยามที่สามีป่วย
ในช่วงบ่ายอากงและอาม่าที่บินมาจากไต้หวันก็มาถึงสนามบินซานฟรานซิสโกและรีบบึ่งมาหาหลานชายเพียงคนเดียวทันที อาม่าที่น้ำตาคลอสวมกอดไอรดาอย่างสนิทสนมก่อนจะเข้าไปสวมกอดหลานชายสุดที่รักบนเตียง
เจตสุวีย์ที่ออกไปในตอนเที่ยงและกลับมาในช่วงที่อากงและอาม่าของแมทธิวมาพอดี เขาเห็นทุกคนมัวคุยกัน ส่วนเขาเป็นแค่ส่วนเกินในห้องนี้ แต่เพราะใจเขาที่ต้องการจะอยู่ ถึงต้องเป็นอากาศธาตุ นั่นไม่สำคัญเท่ากับการได้อยู่ใกล้เธอเท่านั้น
มาร์ตินที่เดินมาใกล้ๆ เขาที่ยืนหลบมุมใกล้ประตู เจตสุวีย์ก้มลงไปอุ้มขึ้นมา พยายามสังเกตอะไรก็ได้ที่จะเข้าข้างตัวเองว่าเป็นลูกเขา แต่มาร์ตินนั้นคล้ายไอรดามาก นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกชะตาในทันที
แต่เขาไม่สน..ถ้าเขารักแม่ของเด็ก เขาก็รักลูกของเธอด้วยอยู่แล้ว..
หางตาเธอเห็นที่เจตสุวีย์อุ้มมาร์ตินและคุยเล่นกันเงียบๆ ใกล้ประตู ทำให้เธอจะออกจากวงสนทนา แมทธิวรีบคว้ามือเธอไว้แล้วส่ายหน้า จนไอรดาทำหน้าใส่เขาเชิงคำถามว่าทำไม?
เจตสุวีย์อุ้มมาร์ตินเดินผ่านหลังทุกคนออกไปที่ระเบียงห้องด้านนอก โดยที่ไอรดาทำได้แค่มองตามเหมือนเสือที่หวงลูก เขาคุยหยอกล้อกับมาร์ติน ทำเหมือนกับเป็นพ่อลูกกัน
“คนนั้นคือใครเหรอ?”
อาม่าได้ถามขึ้นมาเพราะพึ่งสังเกตเห็น
“ครอบครัวเขาสนิทกับครอบครัวไอรดา แต่เขามาที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นๆ กำลังตามมา”
แมทธิวตอบแทนภรรยา พลางหอบหายใจไปด้วย
เจตสุวีย์อยู่ได้สักพักหนึ่ง เลยเอามาร์ตินมาคืนให้ไอรดา
“แมทธิว..ตอนเย็นผมจะมาอีกครั้ง ตอนนี้คุณจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้า ผมจะกลับโรงแรมก่อนเพื่อดูอีเมลงาน อาจจะพักนิดหน่อยด้วย..แล้วเจอกัน”
เขาบอกลาทุกคนและมองไอรดาที่ไม่ยอมมองเขาเลย ก่อนจะก้มหน้าเดินกลับออกไป
พ่อของแมทธิวที่เห็นสายตาของเจตสุวีย์ที่มองลูกสะใภ้ มันทำให้เขาจำได้ถึงเรื่องหนึ่งว่า ลูกสะใภ้เคยเจอหุ้นส่วนลอยแพและขายหุ้นทิ้งทั้งหมด เนื่องจากบีบให้เธอเลือกเขามากกว่าแมทธิว จนลูกชายต้องมาปรึกษาครอบครัวเรื่องที่ต้องหาเงินก้อนใหญ่มาซื้อหุ้นของเขาที่มีถึง 55 % ประกอบกับตอนเขามาเยี่ยมแมทธิวยังแนะนำตัวว่า ครอบครัวเคยทำธุรกิจกับครอบครัวของไอรดา
“แมทธิว ผู้ชายคนนี้คือคนที่หักหลังภรรยาของลูกใช่ไหม?”
ไอรดาได้แต่นิ่ง อุ้มลูกไปนั่งเงียบๆ ที่โซฟา แมทธิวพยักหน้ารับ
“เขาก็ได้รับผลกระทบ เพราะผมเสนอหุ้นของเขาให้คุณแพทริคที่ใช้ชื่อภรรยาที่เป็นคนไทยเข้าคุมกิจการถึงรอดมาได้ ส่วนธุรกิจที่เขาทำก็พังป่นปี้ เสียเครดิตและชื่อเสียงต่อลูกค้าไปเยอะในตอนนั้น คุณแพทริครู้เรื่องราวความเป็นมาอย่างดี และจัดการให้บทเรียนกับเขาแทนพวกเราแล้ว”
“แล้วที่เขามาเยี่ยมลูก ต้องการอะไร?”
แม่ของแมทธิวถามขึ้นมา เธอเข้าใจว่าเจตสุวีย์มีปัญหากับไอรดาโดยตรงไม่ใช่ลูกชายของเธอที่เป็นเพียงคนที่เข้ามาช่วยในสถานการณ์ที่แย่ๆ เท่านั้น
“เขาคงเห็นว่าภรรยาผมจะตัวคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาละมั้ง แต่เมื่อคืนเขาลงเครื่องแล้วตรงมาที่นี่เพื่อมาขอโทษพวกเราทั้งคู่”
“จะไม่เกิดอะไรทั้งนั้นและฉันจะมีคุณเสมอ เขาขอโทษแล้วก็จบกันไป อีกไม่กี่วันคุณจะดีขึ้น..เรากลับบ้านกันนะ”
ไอรดาพูดขึ้นและส่งยิ้มให้สามี สายตาที่มีแต่ความเป็นห่วงนั้น ลึกๆ คือความกังวล
พ่อแม่ของแมทธิวให้อากงและอาม่าอยู่ที่โรงแรมที่พวกเขาเปิดห้องไว้แล้วหลายวัน ส่วนพวกเขาจะพาไอรดาและมาร์ตินขับรถกลับบ้านที่ Carmel-by-the-sea ในตอนห้าโมงเย็น
“ที่รัก ฉันกับลูกถึงบ้านแล้วจะวิดีโอคอลหาคุณ น่าจะถึงประมาณทุ่มนึง แล้วคุณต้องพักผ่อน ไม่ต้องคุยกับเขานานนัก”
“โอเค ผมรู้ Sweetie”
ไอรดาก้มลงจูบแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเดินอุ้มลูกชาย เดินออกไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขา
แต่เมื่อลงมาถึงทางเดิน ก็เจอเจตสุวีย์ที่กำลังเดินสวนมาจากไกลๆ จนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขามองไอรดามาตั้งแต่อยู่ห่างๆ จนเดินมาใกล้และหยุดยืนรอเธอ
“น้องอาย”
พ่อของแมทธิวเปิดฉากพูดขึ้นทันที ไอรดายืนอุ้มลูกไม่มองเขา หลบอยู่ข้างหลังพ่อแม่ของแมทธิว
“ผมหวังว่าคุณจะไม่รบกวนลูกชายผมนานนัก เพราะเขาต้องพักผ่อน”
“คนที่อยากคุยคือเขา..ไม่ใช่ผม และเชื่อเถอะ ผมอยากให้แมทธิวหายดีไม่ต่างกับทุกคน ผมพูดจากใจจริง เพราะผมห่วงภรรยาและลูกของเขา”
“เราต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกัน สำหรับผม..การที่ผู้ชายข่มเหงผู้หญิงทุกทางที่ทำได้ มันไม่ใช่ความรัก มันก็แค่ความเห็นแก่ตัวและอยากเอาชนะเท่านั้น แต่เอาเถอะ..การที่คุณบินมาขอโทษ ทั้งที่มีเวลาตั้งนานแต่ไม่ทำ กลับพึ่งมาตอนเขาไม่สบาย เจตนามันชัดเจนไปหน่อย”
เจตสุวีย์เข้าใจที่คนเป็นพ่อย่อมปกป้องลูก แต่ก็เช่นกัน เขาจะไม่ยอมให้ใครมาบอกว่าไม่รักเธอ เพียงเพราะเคยทำอะไรโง่ๆ มาก่อน
“ผมคงไม่สามารถทำให้ใครเชื่ออะไรได้..นั่นก็ไม่เป็นไร ผมรู้ใจตัวเองดี นั่นก็พอแล้ว คุณอาจจะตัดสินคนอื่นจากบรรทัดฐานของคุณ ลูกชายคุณเป็นคนดี ไม่เช่นนั้นไอรดาคงไม่เลือกฝากชีวิตไว้กับเขา แต่คุณรู้อะไรมั้ย? ..ถึงผมจะเคยทำอะไรสิ้นคิด แต่รับรองได้ว่าความรักที่ผมมีมันมากพอและไม่น้อยกว่าใครแน่นอน”
พ่อของแมทธิวรับรู้ได้ทันทีว่าเจตสุวีย์รู้สึกยังไงกับลูกสะใภ้ เพราะเขาพึ่งยอมรับออกมาจากปากตัวเอง
“คุณพ่อ เราไปกันเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยกับเขา”
ไอรดาไม่รอคำตอบก่อนจะอุ้มมาร์ตินเดินนำไปที่จอดรถยนต์ เจตสุวีย์มองตามเธออย่างไม่ลดละและไม่ปิดบังใครทั้งนั้น
ไหนๆ ก็เลวในสายตาใครๆ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแอบอะไร…
เขามองเธอจนลับตา ก่อนจะหันหลังไปหาแมทธิวที่ห้องพักผู้ป่วย
เสียงเคาะประตูสองครั้งเบาๆ เจตสุวีย์เข้ามาโดยที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วเพราะคิดว่าน่าจะคุยนาน เขาดึงเก้าอี้มานั่งด้านข้างเตียงห่างจากแมทธิวประมาณหนึ่ง มองดูชายที่ยังหนุ่มยังแน่นแต่ต้องเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง ใส่เครื่องพยุงเพื่อช่วยหายใจ
“ผมมารบกวนเวลามื้อเย็นหรือเปล่า? พยาบาลนำอาหารมาให้คุณหรือยัง?”
“นั่นไง มื้อเย็นผม”
แมทธิวชี้ไปยังสายที่ต่อตรงไปที่หลอดเลือดดำของเขา เจตสุวีย์ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้รู้สึกดีที่เห็นสามีของไอรดาเป็นแบบนี้ จริงอยู่ที่เขาเคยคิดเล่นๆ ว่าทำไมโลกนี้มีเขาต้องมีแมทธิว แล้วยังคิดว่าขอให้ซาตานนำเธอมาคืนให้เขา
“ผมอายุแค่ 38 ปี ไม่คิดว่าพูดแค่นี้ยังเหนื่อยหอบขนาดนี้ ว่าแต่คุณทานมื้อเย็นมาหรือยังล่ะ เพราะคุยกันอาจใช้เวลาประมาณหนึ่ง คุณจะไปหาอะไรกินก่อนก็ได้”
“รองท้องมาจากที่โรงแรมนิดหน่อยแล้ว เชิญคุณพูดได้ แต่ถ้าเหนื่อยก็พูดช้าๆ แล้วพักบ้าง ผมอยู่กับคุณได้ทั้งคืน ไม่ต้องห่วง”
แมทธิวขอให้พยาบาลคนหนึ่งที่เฝ้าอยู่ออกไปข้างนอกสักพัก เพื่อจะได้พูดคุยเรื่องสำคัญแบบส่วนตัวกับเจตสุวีย์
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
เช้ามาไอรดาต้องตกใจที่เจอเจตสุวีย์นอนอยู่ข้างมาร์ติน แต่เธอไม่ต้องการปลุกเขาเพราะจะรบกวนทั้งคู่ จึงรีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวออกมาชงนมไว้ให้ลูกและลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกชาย พอไปถึงห้องครัวก็มีคุณแม่บ้านที่ทำอาหารของมาร์ตินไว้รออยู่แล้ว“คุณไอรดาไม่ต้องทำนะคะ เพราะป้าทำไว้ให้น้องมาร์ตินแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้น้องตื่นหรือยังคะ?”“อ๋อ..ยังไม่ตื่นเลยค่ะ หนูก็เลยรีบลงมาเผื่อจะได้หยิบจับอะไรได้ วันหลังถ้ามีอะไรให้หนูช่วยก็บอกได้ค่ะ ไม่อยากรบกวนให้คุณป้าต้องตื่นเช้าขนาดนี้”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอรู้ว่าที่บ้านนี้จะมีเด็กเล็กมาอยู่ด้วย ทุกคนตื่นเต้นดีใจกันไปหมด โดยเฉพาะคุณจันจิรา”เธอจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง เพื่อไปปลุกเจตสุวีย์ ด้วยการจับตัวเขาแล้วเขย่าเบาๆ เขาจับมือเธอไว้ทันทีก่อนจะลืมตา ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ไอรดายอมรับว่าเขามีหน้าตาที่หล่อจนผู้หญิงคนไหนที่เห็นก็ต้องใจอ่อน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเมื่อแปดปีก่อน..เธอเคยหลงรักเขาไอรดาพยายามดึงมือออก แต่เขาจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนเธอจะกระซิบคุยเพราะมาร์ตินยังไม่ตื่น“พี่โจไม่ต้องไปไหนหรือไง? รีบออกไปเลยก่อนใครจะมาเห็นอยู่ที่นี่”เขาดึงเธอจนลงไปนั่งบน
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ