เข้าสู่ระบบ“ปุ๊!”“แค่ก แค่ก แค่ก!!”หลินซีสำลักชาทันทีที่ได้ยินถ้อยคำจากปากเขาน้ำชาที่เพิ่งจิบเข้าไปแทบพ่นกระจายออกมาทั้งคำ นางรีบหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างลนลาน หน้าแดงจัดจนแทบเปลี่ยนสีนางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ชายตรงหน้าผู้ซึ่งผู้คนร่ำลือกันว่าโหดเหี้ยมอำมหิต เย็นชาดั่งน้ำแข็งพันปี ฆ่าคนไม่กะพริบตา เป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดแห่งแคว้นเยี่ย จะเป็นบุรุษคนเดียวกันกับที่เพิ่งกล่าววาจาเช่นนั้นออกมาสุดท้าย…คำว่า “เล่าลือ” ก็เป็นเพียง “คำเล่า” เท่านั้นเองหวงจิ่วเยี่ยมองนางไอจนตัวโยน ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแค่ขยับมือวางหมากลงอย่างสงบนิ่งดวงตาคมทอดมองกระดานตรงหน้า เห็นผลแพ้ชนะที่สิ้นสุดไปแล้วอย่างเรียบง่ายแม้เขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแต่ในแววตานั้นกลับไร้ซึ่งความโกรธหรือไม่พอใจตรงกันข้าม ยังรู้สึกยินดีที่ได้พบผู้ที่ทัดเทียมกับตนโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าคนผู้นั้นคือ “นาง”หลินซีวางหมากลงอีกเม็ด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ตรงไปตรงมาไร้เยื่อใย“ท่านอ๋อง ท่านแพ้แล้ว ได้โปรดทำตามสัญญาเถิด”เขาพยักหน้าช้า ๆ รับคำอย่างสงบ“ข้ายอมรับว่าแพ้จริงแต่ถึงข้าจะบอกเจ้าว่า หิมะบัวเทียนซานอยู่ที่ใด…เจ้าก็ใช่ว่าจะได้มันไปง่าย ๆ ห
เพราะหนิงหนิงกับเป่าเป่าเคยพูดไว้ว่า…‘พวกเราไม่กลัวตาย… แต่เรากลัวว่า ตอนที่ต้องตายท่านแม่จะไม่อยู่ด้วย…”ไม่… เป็นไปไม่ได้!หลินซีไม่มีวันยอมให้ลูกๆต้องตาย!นางไม่มีวันปล่อยให้ลูก ๆ ของนางจากไปอย่างเดียวดายในโลกที่โหดร้ายเช่นนี้ ไม่มีวัน!เด็กทั้งสองยังเล็กนัก เส้นทางชีวิตในวันหน้ายังอีกยาวไกลนางจะต้องหาวิธีไม่ว่าอย่างไรจะต้องให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง นางก็ยินยอมหวงจิ่วเยี่ยเดินนำหน้า นางเดินตามอยู่เงียบ ๆเขาก้าวไปช้า นางก็ย่างตามช้า ๆ ทั้งสองมิได้เอ่ยสิ่งใดเขาไม่หันกลับมา นางก็ไม่ทัก ไม่เรียก ไม่ใส่ใจกระทั่งถึงทางแยก ระหว่างหอพักกับโถงหน้าเขาตั้งใจจะตรงไปยังห้องของตน แต่หลินซีกลับหยุดยืนอยู่ที่เดิมไม่กี่ก้าวถัดไป เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าด้านหลังจึงชะงัก หันกลับมา สายตาเย็นเฉียบจับจ้องนาง “เหตุใดจึงไม่เดินต่อ?”หลินซียกคิ้ว ตอบเสียงเรียบ“ท่านอ๋อง ท่านเดินผิดทางแล้ว”จะพาไปห้องพักของเขารึ? จะให้ไปเล่นหมากในนั้น?เห็นทีจะไม่เหมาะมังหวงจิ่วเยี่ยนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็คล้ายเข้าใจบางสิ่งเขาส่ายหน้าเบา ๆ อย่างไร้อารมณ์ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทาง เด
หน้าหอสมบัติหลินซียืนอยู่เบื้องหน้าหอสมบัติที่พังยับเยินจากแรงระเบิดอาคารที่เคยโอ่อ่าบัดนี้กลายเป็นซากปรักแต่สีหน้าของนางกลับเรียบเฉย ดวงตาเยียบเย็นริมฝีปากยกยิ้มอย่างเย้ยหยันกระทั่งเสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งดังเข้ามาและแล้ว เขาก็ปรากฏตัวหลินซีหรี่ตาลง มองเขาเยี่ยงศัตรู“หวงจิ่วเยี่ย เจ้าช่างต่ำช้าและเจ้าเล่ห์นัก!”คำด่าทอทิ่มแทง แต่เขากลับรับฟังราวกับเป็นบทกลอนเพราะพริ้งเขาเพียงส่ายหน้าช้า ๆ ในใจยังนึกขัน คำสรรเสริญเช่นนี้ เขาไม่กล้ารับไว้หรอก แม้เบื้องหน้าจะเป็นกองซากของหอสมบัติเขายังไม่ชายตามองแม้ครึ่งวินาที สายตาของเขาจ้องตรงไปที่นางเท่านั้นหลินซีขยับมือลงที่ด้ามดาบทันที น้ำเสียงเยือกเย็นแผ่วต่ำ“หากเจ้าก้าวเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว อย่าหาว่าข้าไร้เมตตา!”แววตาของนางนั้นเด็ดขาด คำขู่ที่เอ่ยมิใช่ลมปากหวงจิ่วเยวี่ยหยุดยืนตรงนั้นเขามองนางอย่างไม่หลบสายตา ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ“ที่นี่คือจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการของข้าข้าจะไปที่ใด ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของข้าหลินซี เจ้าเองนั่นแหละที่ทำตัวใหญ่เกินเจ้าบ้านเสียอีก”หลินซีหัวเราะเยาะเบา ๆ “ใหญ่เกินเจ้าบ้าน? หึ! คิดว่าข้าอยากมาเสียเต็มประดารึ?” น
“กราบทูลท่านอ๋อง ท่านจิ่นอู่ลงมือทั้งคืนอีกไม่นานก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เสียงรายงานนั้นดังแว่วมาจากด้านในห้องหนังสือหลินซีที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดด้านนอก ได้ยินชัดทุกถ้อยคำความโกรธแล่นพล่านไปทั่วร่าง จนแทบจะระเบิดออกมาทั้งตัวหวงจิ่วเยี่ย เจ้านี่มันช่างกล้าดีนัก!กล้าคิดจะลวงหลอกนาง แล้วยังให้ผู้อื่นลงมืออยู่เบื้องหลังเช่นนี้?นางเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะดี! เช่นนั้นก็รอดูเถิดเจ้าเตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะครานี้ ข้าจะทำให้เจ้าจำจนวันตายว่าใครกันแน่ที่มิอาจล้อเล่นด้วยได้!หลินซีหมุนกายกลับในพริบตาไม่คิดรั้งรอแม้ครึ่งก้าว นางเร่งฝีเท้ามุ่งตรงกลับไปยังสาขาใหญ่ของสำนักกุ้ยเซี่ยภายในคลังของสำนัก นางหยิบของบางอย่างออกมาอย่างแน่วแน่จากนั้นก็ทะยานออกมาอีกครั้ง มุ่งหน้ากลับไปยังจวนอ๋องสายลมยามค่ำคืนเย็นเฉียบ พัดสะบัดชายอาภรณ์ให้ปลิวกระพือเงาร่างของนางโผผินไปในความมืด ดวงตานิ่งเฉียบดุจน้ำแข็งแววตาเยียบเย็นดั่งคมมีด ริมฝีปากคลี่ยิ้ม ยิ้มที่เต็มไปด้วยการเย้ยหยันและโทสะอันลึกซึ้ง“เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้า”“งั้นวันนี้ ข้าจะทำให้เจ้ารู้เสียทีว่าใครกันแน่ ที่ไม่ควรแตะต้อง
นางกลับมายังห้องหนังสือ นั่งได้เพียงครู่เดียวก็รู้สึกกระสับกระส่ายใจสุดท้ายจึงลุกขึ้น คว้าดาบยาวเตรียมจะออกจากเรือนขณะนั้นเอง ซือหรงกับหงอวี้ก็รีบรุดเข้ามา“คุณหนู ปล่อยให้พวกบ่าวไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็ช่วยดูต้นทางได้”หลินซีหัวเราะเบา ๆ “ก็ดี”สามคนมุ่งหน้าสู่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการ ตรงดิ่งไปยังหอสมบัติตลอดทาง หลินซีสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในจวนนี้อย่างชัดเจนเหล่าทหารลาดตระเวนมีจำนวนน้อยลงผิดวิสัย ยิ่งหน้าหอสมบัติกลับไร้เงาผู้คุ้มกันแม้แต่คนเดียวซือหรงกระซิบเสียงเบา “คุณหนูท่านว่า นี่จะเป็นกับดักหรือไม่เจ้าค่ะ?”หลินซีส่ายหน้า พลางตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เขากล้าใช้กลยุทธ์เมืองร้าง เช่นนั้นของจริงก็คงอยู่ด้านในด้านนอกอาจเงียบสงบแต่ข้ากลัวว่าภายใน คงเต็มไปด้วยกับดักสังหาร”นางยังไม่ทันยกเท้าก้าว เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ“ข้าน้อยอู่ซวง รับคำสั่งจากท่านอ๋อง มาเชิญคุณหนูหลินอีกครั้ง”ทันทีที่เสียงจบ ร่างของอู่ซวงก็ปรากฏจากเงามืด ซือหรงกับหงอวี้รีบตั้งท่าระวัง ดาบในมือเกือบถูกชักออกแต่หลินซีกลับยกมือห้ามไว้ กดปลายดาบให้เก็บกลับเข้าฝัก นางยิ้มหยันหันไปมองอู่ซวงด
แม้จะได้เผชิญหน้ากันตรงๆ หลินซีกลับรู้ดีอยู่แก่ใจหอสมบัติล้ำค่าในยามนี้ มิใช่สถานที่ที่ใครจะบุกรุกเข้าไปได้ง่ายดายอีกต่อไปแล้ว“เช่นนั้น… ข้าจะรอ”หวงจิ่วเยี่ยกล่าวเพียงเท่านั้น ก่อนหมุนกายจากไปเงียบ ๆเขาฝากเรื่องการลงชื่อไว้กับหัวหน้าคนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างชายผู้นั้นถือพู่กันไว้ในมือ มองหลินซีด้วยสีหน้าลังเล“คุณหนู… จะให้ข้าจดชื่อของท่านหรือไม่ขอรับ?”หลินซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น“จดไว้เถอะ หากในที่ลับยังนำเทียนซานเสวี่ยเหลียนมาไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปเอามันด้วยตัวของข้าเอง”เมื่อนางพูดจบ ก็หันหลังจากไปทันทีอาภรณ์ขาวสะอาดทั้งชุด การแต่งกายแปลกตา ประกอบกับท่วงท่าหยิ่งทะนง ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต่างจดจำนางไว้ได้ไม่ลืมหญิงสาวผู้นี้กล้าล่วงเกินอ๋องผู้สำเร็จราชการต่อหน้าสาธารณชนแต่กลับไม่ถูกซัดกระเด็นหรือถูกลงโทษแม้แต่น้อยเรื่องราวนี้ยิ่งทำให้ผู้คนในเมืองพากันพูดถึงอย่างสนุกปากเมื่อกลับถึงสำนักกุ้ยเซี่ย หลินซีเรียกฉูเหวินเข้ามาพบ “คุณหนู!”“อาเหวิน เจ้าจัดบ้านหลังใหญ่สักหลัง ให้หนิงหนิงกับเป่าเป่าย้ายไปอยู่เสียที”ฉูเหวินอึ้งไปเล็กน้อย สีหน้าตื่นตระหนกแต่เขามิได้เอ่ยถาม







