กวางตัวใหญ่เสี่ยวเอ้อร์นำไปชั่งน้ำหนักได้ถึง 500 ชั่ง พร้อมกับนำเขาที่ตัดออกมาส่งให้กับเว่ยเจี้ยนป๋อ กวาง 500 ชั่งที่ลูกสาวแสนบอบบางแบกออกมาจากป่า เว่ยเจี้ยนป๋อคิดแล้วให้เจ็บปวดนักเขาเองก็รักลูกสาวมาก เหตุใดลูกสาวเขาถึงทำงานหนักขนาดนี้ คิดแล้วช่างปวดใจนัก
“นี่ขอรับเขากวางของพวกท่าน ส่วนนี่เป็นเงิน 500 ตำลึงเงิน เป็นตั๋วแลกเงินใบละ 100 ตำลึง 5 ใบ พวกท่านตรวจดูก่อน”
“ขอบใจเจ้ามาก เช่นนั้นข้าสองคนลานะขอรับหลงจู๊”
“อืม อย่าลืมนะ หากมีของดีอย่าลืมนึกถึงเหลาของข้า”
“ขอรับพวกเราไม่ลืมท่านแน่ ๆ ขอรับ” เหลียนอี้ปิงรับคำหนักแน่น
“พี่ใหญ่เรารีบเอาเขากวางนี่ไปขายก่อนเถอะขอรับ จะได้รีบกลับบ้านประเดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน”
“ตกลง”
ทั้งสองคนนำเขากวางมาขายให้กับโรงหมอตามคำแนะนำของหลงจู๊ เขากวางที่พวกเขานำมาเป็นเขากวางอ่อนที่ที่โรงหมอต้องการมานาน เขากวางอ่อนสามารถนำมาเพิ่มในเทียบยาได้หลายขนานและเขากวางอ่อนหายากไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถหาเขาที่ไม่อ่อนเกินไปและแก่เกินไป เขากวางที่ทั้งสองคนนำมานับว่าเหมาะสมมาก
“เขากวางอ่อนนี้มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ดีมาก อีกทั้งยังหายากมากพวกเจ้าช่างโชคดีจริง ๆ ที่สามารถหาเขากวางที่มีอายุพอเหมาะแก่การทำยาอีกทั้งเขาใหญ่และยาวขนาดนี้ โรงหมอของเราเองก็โชคดีเช่นกันที่พวกเจ้านำเขากวางนี้มาขายให้เรา ต่อไปจะได้มียาดี ๆ เอาไว้รักษาผู้คน”
“ขอรับ เราเองก็โชคดีเช่นเดียวกันขอรับ” เว่ยเจี้ยนป๋อ
“เช่นนั้นเขากวางทั้งสองข้างนี้ ข้าให้ข้างละ 5 ตำลึงทอง เจ้าจะตกลงขายหรือไม่”
“ข้ายินดีขายขอรับ”
“เช่นนั้นรอสักครู่ ข้าจะไปเอาเงินที่ห้องบัญชีมาให้ เจ้าจะรับเป็นก้อนเงินหรือตั๋วเงินดีล่ะ”
“ขอเป็นตั๋วแลกเงินขอรับ”
“ได้ เจ้ารอสักครู่”
หลังจากได้รับเงินค่าเขากวางแล้ว ทั้งสองคนไม่รอช้ารีบบังคับเกวียนมุ่งหน้ากลับบ้านทันที เงิน 20 ตำลึงทองยังนอนร้อนอยู่ในอกเสื้อของเว่ยเจี้ยนป๋อ เขาไม่คิดว่าภายในวันเดียวกันนี้ลูกสาวของเขาจะสามารถทำเงินได้มากมายขนาดนี้ เงินที่ได้จากการขายปลาเมื่อเช้านี้ 10 ตำลึง และเงินที่ได้จากการขายไก่ป่าและกระต่ายป่าอีก 1 ตำลึง
“เร่งฝีเท้าหน่อยขอรับพี่ใหญ่ ข้าใจคอไม่ดี”
“ได้ ข้าเองก็ไม่ต่างจากเจ้าเช่นเดียวกัน”
เมื่อทั้งสองคนเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาบังคับเกวียนไปที่บ้านของเว่ยจื้อโหยวทันที
“อาโหยว พ่อกลับมาแล้ว”
“ท่านพ่อ ท่านลุง มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินน้ำก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปยกน้ำมาให้”
“ขอบใจเจ้ามาก”
ทั้งสองคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน ใช้เวลาไม่นานเว่ยจื้อโหยวก็ยกน้ำที่นางแอบผสมน้ำแร่เอาไว้ออกมาให้ท่านพ่อและท่านลุงของนางดื่ม
“เป็นเช่นไรเจ้าคะท่านพ่อ ท่านลุง ขายได้ราคาดีหรือไม่เจ้าค่ะ”
“ได้ราคาดีมากเลยล่ะอาโหยว อีกทั้งพวกเรายังเอาเขากวางไปขายที่โรงหมอด้วยล่ะ ได้ราคาดีมากเลยล่ะ”
“จริงหรือเจ้าคะท่านพ่อ เช่นนั้นก็ดีมากเจ้าค่ะเอาไว้ข้าจะไปล่ามาอีก”
“เจ้ายังจะเข้าป่าไปอีกหรือ ลุงว่าเอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ลุงกับพ่อของหลานจะรีบเอาปลาไปส่งแต่เช้ามืด จากนั้นกลับมาค่อยเข้าป่าเป็นเพื่อนเจ้า ในระหว่างที่เจ้ารอปลูกผักที่สวน งานที่แปลงนาก็ไม่มีอะไรแล้วท่านป้าสะใภ้กับท่านแม่ของเจ้าสามารถดูแลไหว ทั้งยังมีน้อง ๆ ของเจ้าอีก”
“เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
“นี่เป็นเงินที่ขายได้ทั้งหมดของวันนี้ 10 ตำลึงค่าปลา 2 ตำลึง ค่าไก่และกระต่ายของเจ้า 5 ตำลึงทองสำหรับกวาง และนี่อีก 10 ตำลึงทองที่ได้จากการขายเขากวาง” เว่ยเจี้ยนป๋อ ทำการแจกแจงถึงที่มาของรายได้วันนี้
“เช่นนั้นก็คนละ 5 ตำลึงทอง กับอีก…” เว่ยจื้อโหยวยังพูดไม่จบเหลียนอี้ปิงก็เอ่ยปากขัดหลานสาว
“เจ้าจะแบ่งเงินค่าขายกวางให้พวกเราไม่ได้ เจ้าเป็นคนล่ามา”
“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านลุง เราตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน หากเป็นเช่นนี้ครั้งหน้าข้าไม่กล้ารบกวนท่านพ่อกับท่านลุงแล้ว”
“เจ้าพูดอะไรจะรบกวนได้ยังไง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ก็พ่อของเจ้า ลุงเองก็เป็นลุงแท้ ๆ ของเจ้า หากเราแบ่งกันเช่นนี้ไม่ใช่ว่าข้าสองคนเอาเปรียบเจ้าหรือ”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปนี้พวกเราจะอยู่ดีกินดี มีอนาคตที่ดีไปด้วยกัน ท่านลุงกับท่านพ่อเก็บเงินเอาไว้เถอะนะเจ้าคะ จะได้มีเงินซื้อที่ดินเพิ่ม ต่อไปเราจะปลูกผัก ผลไม้ และข้าว จะได้ไม่ต้องซื้อกิน หน้าหนาวเราจะได้ไม่ขาดแคลนอาหาร ข้าอยากให้ท่านพ่อส่งน้องชายทั้งสองเรียนหนังสือด้วยเจ้าค่ะ ส่วนข้าจะให้อาซวนไปเรียนด้วยเช่นเดียวกัน”
“เช่นนั้นก็ตกลงตามที่อาโหยวว่าเถอะขอรับพี่ใหญ่ หลานมีใจกตัญญูท่านก็รับเอาไว้เถอะ”
“เช่นนั้นลุงจะรับเอาไว้ก็ได้ ขอบใจเจ้ามากนะอาโหยว”
“ข้าเต็มใจเจ้าค่ะ ต่อไปพวกเราจะอยู่ดีกินดี ท่านพ่อกับท่านลุงรู้ราคาหมูป่าดำหรือไม่เจ้าคะ”
“พ่อไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ แต่แพงกว่าเนื้อกวางเพราะหมูป่าดำดุร้ายมาก และพวกมันอาศัยอยู่แต่ในป่าลึก ไม่เคยมีใครล่าได้นานแล้ว”
“นี่อาโหยวที่เจ้าถามมานี่ หรือว่าเจ้าคิดจะเข้าไปล่าหมูป่าดำหรือ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านลุง วันนี้ข้าลองไปดูมาแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปล่ามันกันเจ้าค่ะ ท่านลุงเชื่อมือข้าได้เลย”
“เจ้าแน่ใจหรือลูกว่าจะไหว”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านพ่อวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าหากเรามีเงินซื้อที่ดินและเงินปลูกบ้านแล้วข้าจะเข้าป่าให้น้อยลงเจ้าค่ะ”
“ได้ ตกลง พ่อจะไปกับเจ้า อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว”
“นั่นสิ เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น”
“ท่านพ่อ เช่นนั้นเงินก็แบ่งกันคนละ 5 ตำลึงทองกับ 4 ตำลึงเงินนะเจ้าคะ”
“ตกลงตามเจ้าว่าก็แล้วกัน ขอบใจลูกมาก เช่นนั้นพ่อกับลุงของเจ้ากลับบ้านก่อน เจ้าจะไปรับน้องสองคนเลยหรือไม่ หากไปก็ไปพร้อมกันเสียทีเดียวจะได้ไม่ต้องเดิน”
“ไปเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าปิดบ้านสักครู่เจ้าค่ะ”
เว่ยเจี้ยนป๋อบังคับเกวียนกลับบ้านแม่ยายโดยมีลูกสาวนั่งไปด้วย เพื่อรับน้องชายน้องสาวสามีกลับบ้าน เด็กทั้งสองคนเป็นเด็กดีและรู้ความมาก ตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้านตระกูลเหลียนทั้งสองคนไปช่วยถอนหญ้าในนาข้าวด้วยเช่นกัน
ยายเหลียนที่เห็นลูกชายกับลูกเขยขับเกวียนเข้ามาโดยมีหลานสาวนั่งมาด้วยนางจึงถามลูกชายว่าเหตุใดวันนี้ถึงกลับบ้านมาช้านัก ด้วยยายเหลียนกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
“อี้ปิง เหตุใดวันนี้ถึงกลับมาช้านัก ขายของไม่ได้หรือ แล้วนี่อาโหยวมารับน้อง ๆ หรือลูก”
“เจ้าค่ะท่านยาย”
“พอดีว่าพวกข้าเข้าเมืองไปสองรอบขอรับท่านแม่ เลยกลับมาช้า”
“อ่อเช่นนั้นรึ แม่เองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ตอนนี้พวกเจ้าออกจากบ้านก็ระวังตัวเอาไว้บ้าง แม่ได้ข่าวว่าคนจากหมู่บ้านเจียงสุ่ยโดนดักปล้นตอนขากลับจากเมือง”
“ขอรับท่านแม่ พวกข้าจะระวังตัวขอรับ”
“ไป ๆ เอาเกวียนเข้าไปเก็บหาน้ำหาหญ้าให้เจ้าสองตัวนี่กินเสียด้วยล่ะ ดูท่าคงจะหิวมากแล้ว”
“ขอรับท่านแม่” อี้ปิงรับคำมารดาแล้วก็แยกย้ายกันไป เจ้าล่อทั้งสองตัวนี้หลานชายทั้งสองตั้งชื่อให้มันว่าต้าเฟยกับต้าฟง
“ท่านยาย น้องทั้งสองไปที่ใดแล้วเจ้าคะ”
“อ่อ ไปช่วยแม่เจ้าถอนหญ้าออกจากแปลงนาประเดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ”
“เจ้าค่ะท่านยาย ประเดี๋ยวข้าเดินไปหาท่านแม่ที่แปลงนาเจ้าค่ะ แล้วท่านตาเล่าเจ้าคะ”
“เหอะ ตาของเจ้าตั้งแต่มีพ่อกับแม่ของเจ้าและน้อง ๆ มาช่วยงาน วัน ๆ ก็กลายเป็นตาแก่ว่างงานป่านนี้คงจะเดินไปโขกหมากรุกกับสหายในหมู่บ้านแล้วน่ะสิ”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปหาท่านแม่กับป้าสะใภ้ก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะ ๆ”
ความจริงแล้วเว่ยจื้อโหยวใช้ข้ออ้างนี้เพื่อนำน้ำแร่แอบไปเติมในโอ่งน้ำดื่มในบ้านและโอ่งน้ำทุกใบที่มีอยู่ในบ้านของท่านยาย นางแอบนำน้ำแร่ลงไปผสมทั้งหมด จากนั้นจึงมุ่งหน้าเดินไปยังแปลงนาของครอบครัว
ในตอนที่เดินมาถึงแปลงนาของครอบครัว ท่านแม่และทุกคนกำลังขึ้นจากแปลงนาเพื่อที่จะกลับบ้านเพราะวันนี้มีเด็กทั้งสองคนมาช่วยงานทำให้งานถอนหญ้าออกจากแปลงนาที่เหลืออยู่เสร็จเรียบร้อยพอดี พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันว่างเพราะงานในแปลงนาไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
“ท่านแม่ ท่านป้าจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ”
“อาโหยวมาได้เช่นไรลูก”
“ข้ามารับน้อง ๆ เจ้าค่ะ เลยถือโอกาสเดินมาหาท่านแม่กับท่านป้าด้วย”
“ต้องขอบใจน้องทั้งสองของเจ้าวันนี้ช่วยงานแม่กับป้าของเจ้าได้มาก ทำให้งานถอนหญ้านี้เสร็จแล้วล่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ ท่านแม่กับท่านป้าอยู่บ้านช่วยทำเสื้อผ้าใหม่ให้กับทุกคนได้หรือไม่เจ้าคะ รวมถึงของข้าและของอาซวนกับอาเฟยด้วย ข้าจะให้ท่านพ่อซื้อผ้ากลับมาด้วยพรุ่งนี้”
“ได้สิ แม่จะทำให้เต็มที่ ขอบใจเจ้าด้วยนะอาโหยวลูก”
“นั่นสิป้าเองก็ขอบใจเจ้าด้วยนะอาโหยว”
“ขอบใจทำไมกันเล่าเจ้าคะ พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าจะให้ท่านพ่อส่งน้องรองกับน้องเล็กเข้าโรงเรียนด้วยรวมถึงอาซวนก็ต้องไปเรียนด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าหากอาเฟยอยากเรียนเราค่อยหาว่าที่ไหนรับนักเรียนหญิงบ้าง”
“จริงหรือขอรับพี่ใหญ่ ที่พวกเราจะได้เรียนหนังสือกันแล้ว” เว่ยหย่งหมิง
“จริงสิ พี่ใหญ่เคยโกหกเจ้าหรือ”
“เย้ ๆ ข้าดีใจที่สุดเลย จะได้เรียนหนังสือแล้ว”
“พี่สะใภ้ข้าค่อยเรียนจากน้อง ๆ เอาก็ได้เจ้าค่ะ หากข้าไปเรียนแล้วใครจะช่วยงานท่าน”
“ข้าทำได้ งานที่บ้านมีอะไรให้ทำกัน หากอยากเรียนก็ไปเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องทางบ้านหรอก”
“เจ้าค่ะ ข้าขอบคุณพี่สะใภ้มากเจ้าค่ะ”
“ไป ๆ ไม่ต้องขอบคุณแล้วมันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องทำอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ท่านแม่ ท่านป้า ข้าพาน้อง ๆ กลับบ้านก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะลูก ค่อย ๆ เดินล่ะ”
เว่ยจื้อโหยวพาน้องชายน้องสาวเดินกลับบ้านด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข นางคิดว่าต่อไปนี้ครอบครัวกำลังจะดีขึ้น อีกไม่นานนางจะต้องสร้างบ้านหลังใหม่ให้เสร็จก่อนหน้าหนาวที่จะถึงนี้แน่ ๆ
พรุ่งนี้ตอนเข้าป่านางจะหาดูว่าในป่าพอจะมีต้นงิ้วหรือไม่ หากมีนางจะเก็บเอาฝักงิ้วมาแกะเอานุ่นไว้ทำหมอน ผ้าห่ม ฟูกนอน คงนอนสบายขึ้นกว่านี้ ระหว่างเดินกลับบ้าน ทั้งสามคนเดินคุยกันมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เว่ยจื้อโหยวที่กำลังอารมณ์ดีกลับมาต้องอารมณ์เสียเพราะตอนนี้มีคนมาดักหน้าของนางสามพี่น้อง
“เจ้าเป็นใคร แล้วต้องการอะไรถึงต้องมาขวางทางข้า”
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก