LOGINก้อนหินกระทบเข้าแผ่นหลังอี้ฟูอย่างสุดแรง เป็นพละกำลังมหาศาล จนทำให้อี้ฟูถึงกับล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้นอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศในตอนนี้เงียบสงัด เสียงสัตว์ป่าน้อยใหญ่เริ่มกู่ร้องขึ้นมา ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว แสงอาทิตย์ยามอัสดงเริ่มค่อยๆคืบคลานล่วงลับไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง.... สตรีร่างเล็กที่นอนแน่นิ่ง กลับลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ นางใช้ขาถีบไปที่จุดสงวนของบุรุษร่างอ้วนตรงหน้าอย่างเต็มแรง "โอ้ยย......" อี้ฟูร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อจุดสำคัญในชีวิตของเขาถูกทำลายลงไปต่อหน้าต่อตา มือหนารีบจับไปที่กล่องดวงใจของตนเอง เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และจุกเสียด จนใบหน้าเริ่มเขียวคล้ำ สตรีร่างเล็กลุกขึ้นนั่งราวกับฟื้นคืนชีพ สายตาเย็นชายังคงมองดูบรรยากาศรอบตัวอย่างมึนงง แววตาดูดุร้าย เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางค่อยๆไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะใช้แววตาเพชรฆาต เพ่งเล็งไปมองบุรุษตรงหน้าเยี่ยงกับแมลงวันหัวเขียวตัวหนึ่ง "บัดซบ!!!..." สตรีร่างเล็กสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด อี้ฟูยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขามองสตรีตรงหน้าอย่างมึนงง แววตาตอนนี้นางราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน "ถอดออกมา....." สตรีตรงหน้าคำรามเสียงเย็นชาออกมา นางใช้นิ้วชี้ไปที่อาภรณ์ของเจ้าอ้วนตรงหน้า อี้ฟูทำตามราวกับถูกสะกดจิต.... ชุดที่ขาดรุดรุยถูกสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จากนั้นสตรีร่างบางจึงลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของบุรุษต้นเรื่อง "เจ้าชื่อ.....อี้ฟูสินะ...? "ใช่ๆๆ น้องหญิงหรงเอ๋อร์....." "น้องหญิง.....? ในความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ นางเป็นเพียงลูกสาวคนเดียว ไม่มีพี่ชาย อี้ฟูยังคงฝืนยิ้มหน้าระรื่น "เจ้า ..อยากจะสนุกกับข้ามากเลยหรือ....? สตรีตรงหน้าแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย "ช..ใช่แล้ว..." บุรุษร่างอ้วนเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ "หึ...อยากสนุกกับข้า ก็ไม่ยาก เดินเข้ามาใกล้ๆข้าสิ...ข้าจะพาเจ้าสนุก อย่าง..ไม่..มี..วัน..ลืม เชียวละ" สตรีร่างเล็กรีบกล่าวเน้นคำหลังสุดออกมา นางยกยิ้มที่มุมปาก เอ่ยอย่างมีเลศนัย เมื่อได้ยินเช่นนั้น อี้ฟูถึงกับดีใจจนลืมตัว เขารีบวิ่งเข้าไปหาสตรีตรงหน้าตามคำขอ ฝ่ามือใหญ่ๆ กำลังจะลูบไล้ใบหน้าอันขาวผ่องของคนตัวเล็ก แต่สตรีตรงหน้ากลับใช้แรงเพียงน้อยนิด บิดไปที่ข้อมือของอี้ฟูเสียงดัง"เปราะ!!!! "อ้ากกก......" อี้ฟูร้องตะโกนลั่นป่าด้วยความเจ็บปวด ไม่นานนักเขาก็ล้มตัวลงไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น ราวกับไส้เดือดถูกน้ำร้อนลวก ไม่เพียงเท่านั้น สตรีร่างเล็กใช้เท้าข้างหนึ่งยกขึ้น เหยียบไปที่กล่องดวงใจของอี้ฟู แล้วบดขยี้ลงไปช้าๆ พร้อมทั้งลงแรงไปที่ปลายเท้าอย่างสุดกำลัง "อ้ากกก....." อี้ฟูตะโกนออกมาอย่างสุดแรง เมื่อกล่องดวงใจที่หวงแหนที่สุดของลูกผู้ชาย ถูกบดขยี้ด้วยเท้าเล็กๆแต่มีพลังมหาศาล เขาร้องปานจะขาดใจตาย "น...นังปีศาจ....." "ปีศาจ.....อืม ช่างเป็นชื่อที่น่าฟัง จงอย่าได้กระพริบตาเชียว ว่าปีศาจที่เจ้าพูดถึง โหดร้ายเหมือนกันกับข้าหรือไม่...? แววตาของสตรีตรงหน้าในตอนนี้ ดูคล้ายกับวิญญาณร้ายเข้าสิงร่าง นางพร้อมที่จะกำจัดทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าให้สิ้นซากในทันที "จ...เจ้าจะทำอะไรข้า ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย......" อี้ฟูเบิกตากว้างอย่างตกใจ เผยให้เห็นแววตาดุร้ายของสตรีร่างเล็ก เพียงเวลาไม่นานลูกน้องที่เฝ้าดูต้นทาง ต่างวิ่งกรู่กันเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากลูกพี่ ลูกสมุนทุกคนร่างกายกำยำ พวกเขารีบวิ่งไปล้อมรอบสตรีร่างเล็กเอาไว้อย่างรวดเร็ว "เฮ้อออ.....ช่างเป็นร่างที่ไร้ประโยชน์เสียจริง ตัวเล็กเยี่ยงนี้ สู้ไม่ค่อยถนัดมือ ช่างน่ารำคาญจริงๆ.." สถานการณ์ตอนนี้เหมือนนางเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ตรงกันข้าม นางกลับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน หรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย "ยังจะมัวอืดอาดยืนรออะไรอยู่อีก รีบจัดการนางให้ข้าเร็วเข้าสิ....? อี้ฟูรีบออกคำสั่งกับลูกน้องในทันที "หึ...คิดจะจัดการข้ารึ!!! ถ้าทำได้ก็ลองเข้ามาดู...." สตรีร่างเล็กไม่รอช้า นางถีบชายหนุ่มพวกนั้นเรียงเป็นหน้ากระดานไปในทันทีหลังจากกล่าวจบ จนพวกเขาทุกคนนอนลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายดาย โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ลูกสมุนทุกคนต่างกระเสือกกระสนรีบลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล พวกเขาเตรียมตัวจะวิ่งหนี แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้า พวกเขาทั้งหมดกลับถูกสตรีตรงหน้ากระโดดถีบเข้าไปอีกครั้ง แล้วกระทืบซ้ำลงอย่างไม่ปราณี "คิดจะหนีรึ ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก ไหนว่าอยากจะสนุกกับข้าอย่างไรเล่า อยู่เล่นเป็นเพื่อนข้าก่อนสิพี่ชายทั้งหลาย..." แววตาสตรีร่างเล็ก จ้องมองชายหนุ่มพวกนั้นอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เพียงเวลาไม่นาน ลูกสมุนทุกคนนอนสลบกองรวมกันอย่างน่าอนาถ หลังจากกำจัดมดปลวกพวกนั้นเสร็จ สตรีร่างบางจึงรีบหันกลับไปมองตัวต้นเรื่องอย่างไม่กระพริบตาอีกครั้ง ทำเอาบุรุษร่างอ้วนกลัวจนฉี่ราด "เจ้าอ้วน นี้เจ้าดีใจมาก..ถึงขั้นฉี่ราดออกมาเลยหรือ...? สตรีร่างบางกระพริบตาปริบๆ ถามอี้ฟูออกไปอย่างเย้ยหยัน "อย่า...อย่าเข้ามานะ เจ้า..เจ้ามันปีศาจร้ายชัดๆ....อย่าเข้ามานะ...." "ไอ๋หย๋า.....ข้าก็ไม่อยากจะเข้าใกล้เจ้านักหรอก แต่น้องหญิงหรงเอ๋อร์คนนี้ มิใช่คนเดิมอีกต่อไป เพราะข้ามิอาจทนเห็นคนที่เลวทรามระยำต่ำช้า ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนี้ได้อีก ข้าก็แค่...รู้สึกคันมือคันเท้าขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ เอ๋..ข้าจะทำอย่างไรต่อไปดีน๊า...เจ้าลองเดาดูสิ...? "อย่า..ข้ากลัว..แล้ว อย่าทำอะไรข้าเลย....ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าอีกแล้ว...ข้าให้สัญญา" อี้ฟูรีบตะโกนร้องขอชีวิตจากสตรีร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า แววตานางช่างดุร้ายยิ่งนัก "แล้วเมื่อครู่ ที่เจ้าทำกับข้าเยี่ยงสัตว์เล่า ข้าไม่เห็นเจ้าจะสำนึกผิดอะไรขึ้นมาเลย...? สตรีตรงหน้าเดินเข้าไปใกล้ นางใช้เท้ากระทืบไปที่กล่องดวงใจของอี้ฟูอีกครั้ง ก่องจะลงน้ำหนักบดขยี้แทบจะแหลกคาเท้าของนางอย่างอำมหิตเลือดเย็น "อ้าก...." "หึ...ในเมื่อของรักของเจ้า มันชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นดีนัก เช่นนั้นข้าจะช่วยสงเคราะห์ กำจัดมันทิ้งให้เจ้าเอง.." "ย..อย่านะ..อ้ากกกก....." อี้ฟูสลบลงไปในทันที เพราะทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว "เฮ้ออ.....เจ้าอ้วนนี้ ช่างทนมือทนเท้าข้าดียิ่งนัก แต่ช่างเถอะ หากวันนี้โชคดี..พวกเจ้าก็อาจจะรอด แต่หากโชคร้าย...พวกเจ้าก็จงตกเป็นอาหารของสัตว์ป่าคืนนี้ไปสะก่อน ข้าลาก่อน...." หลังจากจัดการกับอันธพาลทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย สตรีร่างบางไม่รอช้า นางรีบจัดแจงชุดให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินหันหลังจากไปโดยไม่หันกลับมามองอย่างอารมณ์ดี เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ ยอดไม้สั่นไหวไปมา สตรีร่างบางปัดมือทำความสะอาดร่างกายของนางจนเรียบร้อย นางตั้งใจจะลงจากเขา เพื่อกลับไปหามารดาเจ้าของร่างนี้ เพราะตอนนี้ร่างกายนางเริ่มร้าวระบมขึ้นมาเป็นอย่างมาก "อ่ะ....ร่างนี้ช่างอ่อนแอเสียจริง ยังไม่ทันที่ข้าจะออกแรงเลย ใยถึงรู้สึกหมดเรี่ยวแรงไปเช่นนี้กันนะ..." กล่าวจบสตรีร่างบางมองไปรอบป่าอย่างระแวงระวัง ก่อนจะนั่งลงพักเอาแรงชั่วครู่ เมื่อนึกย้อนไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางก็รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก นางตายในขณะกำลังปฎิบัติหน้าที่ในสนามรบ คงไม่สามารถกลับไปยังโลกเดิมที่นางจากมาได้อีกเป็นแน่ จู่จู่นางก็มาปรากฎตัวยังร่างนี้เข้าอย่างไม่รู้สาเหตุ ความทรงจำร่างนี้ยังคงถาโถมมาเป็นระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มปะติดปะต่อไปกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา "ยัยแก่ชั่วร้ายนี้ กล้าขายหลานสาวแท้ๆอย่างไร้มนุษยธรรม ข้าจะต้องสั่งสอนนางให้หลาบจำ คอยดูเถอะ" สตรีร่างบางสบถออกมาทันทีอย่างหงุดหงิด เมื่อได้รู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้น" ขอเพียงท่านลุงตกลงปลูกเรือนให้ข้า หากท่านลุงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ท่านลุงบอกข้ามาได้เลยเจ้าคะ ข้ายินดีพร้อมใจสุดกำลัง..." "ได้...ช่วงนี้ลุงว่างพอดีเลย ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานที่ไหน ถ้าเช่นนั้น...อีกสักสองสามวัน หลังจากที่ลุงทำเก้าอี้ให้เจ้าเสร็จเรียบร้อย ลุงจะพาผู้ช่วยไปตรวจวัดพื้นที่ที่เรือนให้ก่อนก็แล้วกัน..." ช่างไม้ฉู่รีบตกปากรับคำทันที "ได้เจ้าคะ เรื่องอาหารการกิน ข้าจะรับผิดชอบวันละสามเวลาเจ้าคะ ส่วนค่าแรง ข้าจะจ่ายให้ท่านลุงทุกวันหลังจบงาน คนละสิบอิแปะ ท่านลุงคิดเห็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ...? หรงหรงมองไปที่ช่างไม้ฉู่อย่างชั่งใจ สิบอิแปะต่อวัน ถือว่าเป็นค่าแรงที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะปกติค่าแรงรายวัน ได้เพียงเเค่ห้าอิแปะต่อวันเท่านั้น มีหรือช่างไม้ฉู่จะไม่รีบตอบตกลง เทียบกับชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้าน ยังได้ค่าแรงวันล่ะ 5 -6 อิแปะต่อวัน สตรีคนนี้ช่างใจปล้ำยิ่งนัก ช่างไม้ฉู่พลันนึกคิดภายในใจ มีลาภลอยมาให้ถึงที่ เหตุใดเขาจะต้องปล่อยให้หลุดมือไปด้วยเล่า "ได้ตกลงตามนี้" "ตกลงตามนี้เจ้าคะท่านลุง" เมื่อตกลงจ้างวานสำเร็จ หรงหรงจึงให้ช่างไม้ฉู่ติดต่อสั่งซื้อกระเบื้อง อิ
ท่านลุงฉู่....ถือเป็นช่างไม้ฝีมือดีอันดับหนึ่งอีกหนึ่งคนของหมู่บ้าน เขาสามารถสร้างผลงานการออกแบบ รวมถึงการต่อเติมเรือนที่แข็งแรงและยังทนทาน ขนาดช่างฝีมือในระแวกใกล้เคียง ยังต้องมาขอเรียนรู้งานเพิ่มเติมจากช่างไม้ฉู่อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าแถบจะทุกครัวเรือน ล้วนเป็นฝีมือของช่างไม้ฉู่ หากเอ่ยถึงช่างไม้ฝีมือดี คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักช่างไม้ฉู่.... คำเล่าลือถึงความสามารถของช่างไม้ฉู่ ไม่ใช่เฉพาะแต่การสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านเป็นเท่านี้ เขายังสามารถสร้างโต้ะกินข้าว เก้าอี้ โต้ะเครื่องแป้ง และอุปกรณ์ที่ทำจากไม้อีกหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้จ้างวาน ขอเพียงมีแบบร่าง ช่างไม้ฉู่ก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น "อ้าว...นางหนู ลมอะไรหอบมา วันนี้ถึงได้มาหาลุงตั้งแต่เช้าเช่นนี้.....? ช่างไม้ฉู่กำลังนั่งลงประกอบโต้ะไม้ เขาพลันเหลือบไปเห็นหรงหรงเดินมาแต่ไกล ก่อนจะรีบเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่มารดานางป่วย เขาก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้เลยสักครั้ง "สวัสดีตอนเช้าเจ้าคะ.... พอดีว่าข้าจะมาขอจ้างวานท่านลุง พอจะมีเวลาว่างให้ข้าสักประเดี๋ยว ได้หรือไม่เจ้าคะ.....? หรงเอ๋อร์รีบเข้าประเด็นทันที "ได้
"ข้าจะยอมบอกท่านก็ได้ ในอดีต...ข้าเคยมีคนรักและเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง แต่ถูกพวกเขาสองคนสวมเขาให้ข้า ข้าจึงยังไม่อยากเปิดใจคบกับใครอีกแล้ว....ท่านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย..." หรงหรงพูดมาถึงตรงนี้ นางพลันมีสีหน้าที่เศร้าหมอง "หากข้าเป็นบุรุษผู้นั้น ข้าจักต้องดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง หรงเอ๋อร์...เจ้าจะให้โอกาสกับข้าได้หรือไม่...? สายตาที่โม่เฉินส่งออกไป ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง "ไม่เอาหรอก มีท่านเป็นสามี ข้าคงได้อกแตกตายกันพอดี ข้ามิอยากจะไปสู้รบกับสตรีคนอื่นๆ เพียงเพราะใบหน้าที่งดงามของท่านหรอกนะ" "หน้าตาข้า...ดูคล้ายกับบุรุษมักมายพวกนั้นหรือกระไร....? "ไหน....ขอข้ามองดูแววตาท่านให้ชัดๆหน่อยสิ ว่าท่านกำลังพูดความจริง หรือว่าท่านกำลังโกหกข้าอยู่..." หัวคิ้วของหรงหรงขมวดเข้าหากัน นางขยับตัวลงไปนั่งใกล้ๆโม่เฉิน พลันคิดถึงเรื่องการรักษาเกี่ยวกับขาของโม่เฉินขึ้นมาอย่างกระทันหัน จึงทำให้นางหยุดนิ่งอยู่สักพัก "หรงเอ๋อร์ ว่าอย่างไร ดูพอหรือยัง......? โม่เฉินเรียกนางอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับใดๆ ราวกับว่าเขากำลังคุยอยู่คนเดียว "หือ.....? หรงห
"เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของท่านตา ทำให้ท่านตาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ส่วนท่านยาย พอได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปหลายวัน ด้วยเกรงว่าตระกูลถังจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ท่านตาจึงรีบปิดข่าว เพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ล่วงรู้ และให้พ่อกับแม่แต่งงานกันโดยไม่ต้องจัดพิธีรีตอง แต่ท่านตายังถือว่ามีเมตตา ได้แบ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นสินเดิมให้แม่ เอาไว้ใช้ในยามจำป็น แต่คนในตระกูลถังไม่ยินยอมให้แม่ใช้ชื่อแซ่เดิม น้ำเสียงส่วนใหญ่เห็นต่างไปจากท่านตา ท่านตาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ คัดชื่อแม่ออกจากรายชื่อวงศ์ตระกลู นับแต่นั้นเป็นต้นมา" "ปัดโธ้....คนในตระกลูช่างไม่ยุติธรรมกับท่านแม่เลยนะเจ้าค่ะ...? หรงหรงเมื่อได้ฟังดังนั้น นางก็เริ่มโมโหขึ้นมา "หรงเอ๋อร์ พ่อเจ้าดีกับแม่เป็นอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่ให้แม่ในภายหลัง แต่หลังจากแม่ย้ายออกมาอยู่กับพ่อเจ้าได้ไม่นาน แม่เฒ่าอิ๋นก็เริ่มใช้สินเดิมของแม่ไปจนหมดสิ้นอย่างไม่เกรงใจ พ่อเจ้าจึงทนดูไม่ได้ เลยขอแยกเรือนออกมาใช้ชีวิตตามลำพังสองผัวเมีย ท่านปู่เจ้า..เห็นว่าแม่เฒ่าอิ๋นใช้สินเดิมแม่ไปจนหมดสิ้น จึงได้แอบยกเงินส่วนตัวจำนวนก้อนหนึ่ง เ
ยามโหย่ว(17.00-19.00)....... หรงหรงแบกของพะรุงพะรังกลับมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำ ร่างบางไม่รอช้า รีบนำสมุนไพรที่เก็บได้ออกมาวางอย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งจัดการแยกโสมภูเขาล้ำค่า และจัดแจงสมุนไพรอื่นอีกมากมาย แยกออกเป็นสัดเป็นส่วน กระต่ายน้อยอ้วนพี ถูกจัดการชำแหละเนื้อออกอย่างรวดเร็ว "กลับมาแล้วรึ รีบไปอาบน้ำเถอะ.." นางเมิงมองเห็นบุตรสาวที่เนื้อตัวม่อมแมม ใบหน้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ จึงรีบเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง "ลูกจวญจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ..." หรงหรงมองไปที่หญิงชรา แล้วจึงส่งยิ้มให้ "วางมือลงเถอะ ให้แม่ทำเอง เนื้อตัวสกปรกเยี่ยงนั้น ต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น.....? "ไหนๆมือลูกก็เปื้อนไปแล้ว ให้ลูกทำให้เสร็จเถอะเจ้าคะ ท่านแม่แค่รอนำเนื้อกระต่ายลงไปผัด และต้มน้ำแกงก็พอ..." หรงหรงจัดแจงบอกมารดาอย่างละเอียด "ได้ๆๆ....ส่วนที่เหลือแม่จักทำเอง .." "เรียบร้อย....ประเดี๋ยวลูกจะรีบกลับมาช่วยท่านแม่อีกแรงนะเจ้าคะ..." "ไม่ต้องแล้ว ลูกแค่เตรียมท้องรอก็พอ..." หลังจากหรงหรงอาบน้ำเสร็จ นางรีบแวะไปหาโม่เฉินก่อน เพื่อตรวจเช็คดูความคืบหน้าของผลงาน "กลับมาแล้วหรือ...? เสียงทุ่มเอ่ยถาม
บรรยากาศยามรุ่งสาง..... หรงหรงตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก นางรีบอาบน้ำแต่งตัวออกเดินทางขึ้นเขาไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ในระหว่างการเดินทาง เมื่อนึกถึงคำพูดของโม่เฉินตลอดทั้งคืน ยิ่งทำให้นางนอนไม่หลับ นางนอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนเผยให้เห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาอย่างเด่ดชัด "ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน เขาช่างดื้อดึงเสียจริงๆ" จู่จู่หรงหรงก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดขึ้นมาในโสตปราสาท นางเคยมีเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้ถููกเพื่อนสนิทคนนั้นแอบแทงข้างหลัง และได้ถูกสวมเขามาเป็นเวลานาน หากว่าเรื่องไม่แดงขึ้นมาเสียก่อน หรงหรงคงกลายเป็นคงโง่งมอยู่เช่นนั้น ก่อนจะข้ามภพมา หรงหรงตั้งใจว่าจะไปเซอร์ไพรเพื่อนสนิท โดยไม่บอกล่วงหน้า นางจึงได้แอบไปหาเพื่อนสนิทที่ห้องพักอย่างลับๆ และบังเอิญได้ยินเพื่อนสนิทกำลังคุยโทรศัพท์ว่ากำลังตั้งครรภ์ขึ้นมา และพ่อของเด็ก ก็คือแฟนหนุ่มของหรงหรง หรงหรงเหมือนโดนมีดกรีดลงกลางใจ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับหรงหรงอย่างไม่มีวันลืมเลือน.... เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไ







