LOGINตอนนี้หรงหรงรู้สึกปวดหัว ราวกับจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งความทรงจำเริ่มประทุมากขึ้นเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสงสารเจ้าของร่างเดิมมากขึ้นเท่านั้น
"เฮ้ออ...ทำไมโชคชะตาชีวิตของเจ้าถึงได้น่าอนาถใจถึงเพียงนี้ อายุยังน้อย บิดาต้องมาตายตั้งแต่เจ้ายังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก อีกทั้งมารดาก็ดันมาป่วยใกล้ตายโดยไร้สาเหตุ ส่วนตัวเจ้าเองก็ไร้ซึ่งวาสนา ในเมื่อข้าได้มาเกิดใหม่ในร่างของเจ้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับเจ้าเอง จงหลับไปให้สบายเสียเถิด ต่อไปนี้..แม่ของเจ้าก็เหมือนกับแม่ของข้า ข้าจะดูแลนางแทนเจ้าเอง ข้าขอให้สัญญา" สิ้นเสียงที่นางเอ่ยจบ เหมือนว่าวิญญาณเจ้าของร่างเดิมจะรับรู้ได้ พลันมีเสียงลมพายุพัดกระโชกเเรงขึ้นมาอย่างกระทันหัน ไม่นานนักเสียงลมก็พลันเงียบสงบลงไปเอง "ฟิ้ววววว....." กระต่ายน้อยสองตัววิ่งผ่านหน้านางไปอย่างรวดเร็ว หรงหรงแอบเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา อย่างไรวันนี้ นางก็ต้องได้ของติดมือกลับไป หรงหรงรีบใช้กิ่งไม้กิ่งหนึ่ง เหลาปลายกิ่งไม้ให้แหลมคม ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มี เขวี้ยงไปเสียบเข้าที่กลางลำตัวของกระต่ายทั้งสอง จนนอนแน่นิ่งไปในที่สุด เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ หรงหรงจึงเดินฮัมเพลงลงจากเขา ในมือยังหิ้วกระต่ายสองตัวแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี ร่างเล็กๆค่อยๆเดินลัดเลาะลงเขาอย่างคล่องแคล้วว่องไว ก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้าอย่างฉับพลัน ตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่ง เหมือนกำลังเพ่งมองมาที่นาง หรือว่านางจะรู้สึกไปเอง เมื่อเหลือบไปเห็นหยดเลือดสีแดงที่ไหลนองเป็นทางอยู่เบื้องหน้า นางค่อยๆเดินตามรอยเลือดไป แล้วไปหยุดชะงักระหว่างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อค่อยๆกวาดสายตามองไปยังกองเลือดที่เปียกโชกเหมือนกับสายน้ำ นางถึงกับอุทานเสียงหลงออกมาอย่างตกใจ "ตายแล้วนี้มัน....? ร่างบุรุษปริศนานอนจมกองเลือดอยู่เบื้องหน้า เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดไหลนองอยู่ บาดแผลฉกรรจ์เต็มร่างกาย สภาพดูน่าสยดสยอง สตรีร่างเล็กรีบหันหลังกลับไปทางอื่นอย่างเร็วพลัน "ไม่ได้ๆ ข้าจะเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่นไม่ได้เด็ดขาด ข้าพึ่งจะข้ามเวลามา ไม่รู้ว่านิสัยใจคอของคนที่นี้เป็นเช่นไร ข้าจะหาเรื่องใส่ตัวไม่ได้ ข้าต้องรีบกลับ ไม่เห็น....ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น..." หรงหรงบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะตั้งท่าเดินจากไป บุรุษผู้นั้นใช้กำลังเฮือกสุดท้ายรีบเปล่งเสียงออกมาทันที เมื่อเห็นว่าสตรีร่างบางกำลังจะเดินจากเขาไป "ช..ช่วย....ด้วย..." น้ำเสียงแหบแห้งสั่นเทาดังแว่วมา ทำให้สตรีร่างบางหยุดชะงักลงเมื่อได้ยิน "ข้า...ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก..." กล่าวจบนางกำลังจะก้าวเดินต่อ "ข้ากำลังจะตาย...? "นั้นมันเรื่องของเจ้า..." "ข้า...กระหาย..น้ำ..." น้ำเสียงคล้ายจะหมดสิ้นลมหายใจเอ่ยขอร้อง "น้ำหรือ.....ถือซะว่าข้าช่วยเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน โชคดีที่ข้าหยิบขวดน้ำติดมือมาด้วย พอข้าช่วยเจ้าดื่มน้ำเสร็จ เราก็ทางใครทางมัน..." สตรีร่างบางจ้องมองบุรุษปริศนาตรงหน้าอย่างลังเล เขามีเลือดท่วมไปทั้งตัวจนได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาเตะจมูก ใบหน้ามีแต่เลือดสีแดงโฉกเต็มไปหมด มองไม่ออกว่าเขามีใบหน้าเป็นเช่นไร หรงหรงค่อยๆก้มตัวลงนั่งข้างๆบุรุษตรงหน้า แล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา "เฮ้ออออ....ข้าจะช่วยเจ้าล้างหน้าออกเสียก่อน ข้าทนเห็นเลือดบนใบหน้าของเจ้าไม่ได้ แค่เห็น...ข้าก็รู้สึกอยากจะอาเจียน รีบหลับตาลงเถิด......? บุรุษตรงหน้าทำตามนางอย่างว่าง่าย หรงหรงค่อยๆเทน้ำลงไปบนใบหน้าบุรุษตรงหน้า นางค่อยๆถูคราบเลือดออกจากใบหน้าของเขาอย่างเบามือที่สุด ไม่นานน้ำก็ถูกชะล้างคราบเลือดออกจากใบหน้าของบุรุษปริศนาผู้นั้นที ตอนนี้เริ่มมีเค้าโคลงใบหน้าให้เห็นเด่นชัดขึ้น ไม่นานหรงหรงก็ล้างคราบเลือดออกจากใบหน้าให้เขาอย่างสะอาดหมดจด พระเจ้า...หรงหรงถึงกับอุทานขึ้นมาภายในใจ ร่างบางยังคงจ้องมองใบหน้าเขาอย่างไม่กระพริบตา นางอึ้งไปชั่วขณะ จ้องมองไปโดยไม่รู้ตัว "น้ำ...? บุรุษตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หรงหรงจึงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง "อ่อ...นี้น้ำ...อ้าปากเสียสิ..." บุรุษตรงหน้าดื่มน้ำเข้าไปหลายอึกด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะสำลักออกมา เพียงเพราะไม่ได้กินน้ำมาเป็นเวลาหลายวัน "แค่ก...แค่ก...." "ไม่มีใครแย่งหรอก ดื่มช้าๆก็ได้" นี้มันเทพบุตรตกสวรรค์ชัดๆ หล่อยิ่งกว่าพระเอกฮอลลีวูดสะอีก...แต่เมื่อได้สติอีกครั้ง นางจึงรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป.... หลังจากกระหายน้ำมาเป็นเวลานาน พอได้ดื่มน้ำลงไป ก็ทำให้บุรุษปริศนารู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ลำคอที่เคยแห้งเหือด ตอนนี้หายเจ็บลงบ้างเล็กน้อย.... "ข้ารู้ว่าแม่นางมีน้ำใจ..ได้โปรดช่วยข้าด้วย.." "ช่วย...ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก...บาดแผลเจ้าสาหัสนัก ข้าไม่มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ข้าไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้จริงๆ...." หรงหรงหลุดปากเอ่ยขึ้น นางรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที "แสดงว่าแม่นางรู้วิชาแพทย์....? ถึงแม้สตรีตรงหน้าจะพูดจาแปลกประหลาด แต่เหตุใดเขาถึงยอมที่จะเชื่อใจนางดู "ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น.." หรงหรงรีบปฏิเสธ "แต่เมื่อครู่ ข้าพึ่งจะช่วยแม่นางเอาไว้....? "อ่อ...เป็นเจ้านี่เอง...ที่ช่วยข้าเมื่อครู่...? หรงหรงนึกถึงเหตุการณ์ที่อี้ฟูเตรียมจะขืนใจนาง นางรู้สึกขนลุกซูด้วยความขยะแขยง หากไม่ได้เขาช่วยนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ เกรงว่าเจ้าของร่างนี้ จะต้องตกเป็นเมียของไอ้หมูอ้วนลงพุงไปแล้วแน่ๆ "ใช่เป็นข้าเอง..." "แต่ถึงอย่างไร ข้าก็ให้เจ้าดื่มน้ำไปแล้ว ถือว่าเราไม่ติดค้างน้ำใจต่อกัน ข้าขอลา..." "แต่ข้าเห็นเรือนร่างแม่นางหมดแล้ว..." *.......* "นี่...เจ้า...? หรงหรงรีบหยุดชะงักฝีเท้า ใบหน้าของนางเริ่มแดงก่ำด้วยความอับอาย ยิ่งคิดนางก็ยิ่งโมโห แต่บุรุษผู้นี้กับพูดตอกย้ำนางขึ้นมา "ข้าจะรับผิดชอบแม่นางเอง" " ไม่ต้อง...ข้าไม่ถือ" "แต่ข้าถือ ข้าเป็นบุรุษ ข้าต้องรับผิดชอบ....? "เจ้าเนี๊ยนะจะมารับผิดชอบข้า ลำพังตอนนี้เจ้ายังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วเจ้าจะเอาอะไรมารับผิดชอบข้า....? "ถือว่าข้าขอร้อง แม้แต่ชีวิตข้า ข้าก็ให้แม่นางได้....? "เหอะ....ข้าจะเอาชีวิตเจ้ามาทำอะไร ข้าไม่อยากได้" "งั้นแม่นางต้องการสิ่งใด ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่าง....? หรงหรงมองพินิจพิเคราะห์ มีดีก็แต่หน้าตา แต่บาดแผลเต็มตัว ตอนนี้เขาคงจะรู้สึกทรมานอยู่แน่ ๆ แต่นางเป็นถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในโลกปัจจุบัน ถ้าไม่ช่วยเขาก็คงจะเสียจรรยาบรรณที่เรียนมา แต่ถ้าคิดจะช่วย นางก็ไม่มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย แต่ถ้าไม่ช่วยก็เสียดายใบหน้าหล่อเหล่าของบุรุษผู้นี้ ในหัวของนางตอนนี้ถกเถียงกับตัวเองไปมาอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปมองบุรุษตรงหน้าอีกครั้งอย่างชั่งใจ "หากมีวันหนึ่งข้าเกิดต้องการชีวิตเจ้าขึ้นมาจริงๆ เจ้าจักให้ข้าได้หรือไม่....? หรงหรงแค่จะลองหยั่งเชิงบุรุษผู้นี้ดู "ได้ ข้ารับปาก" "ห่ะ...เจ้าไม่ไตร่ตรองก่อนสักนิดเลยรึ....? "ข้าเชื่อใจแม่นาง" "เจ้าไม่กลัวรึ...? "ไม่กลัว" "ในเมื่อเจ้าเชื่อข้า ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะลองช่วยเจ้าดูสักครั้งก็แล้วกัน.." กล่าวจบหรงหรงมองไปที่บุรุษตรงหน้าอย่างสมเพชเวทนา "ชีวิตนี้ข้าเป็นของแม่นาง ข้าขอให้สัญญา" "ข้าจะเอาชีวิตเจ้ามาทำสิ่งใด แต่ข้าไม่รับปากเจ้าหรอกนะ ว่าจะสามารถรักษาเจ้าให้หายขาดได้หรือเปล่า ขอข้าตรวจดูบาดแผลเจ้าก่อน ว่าจะมีวิธีอะไรที่สามารถช่วยเจ้าในตอนนี้ได้บ้าง..." "ขอบคุณแม่นาง" "ยังเร็วเกินไปที่จะขอบคุณข้า..." บุรุษผู้นี้มีใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขาได้เสียเลือดไปจนแทบจะหมดตัว จึงมีสีหน้าที่ซีดเซียว" ขอเพียงท่านลุงตกลงปลูกเรือนให้ข้า หากท่านลุงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ท่านลุงบอกข้ามาได้เลยเจ้าคะ ข้ายินดีพร้อมใจสุดกำลัง..." "ได้...ช่วงนี้ลุงว่างพอดีเลย ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานที่ไหน ถ้าเช่นนั้น...อีกสักสองสามวัน หลังจากที่ลุงทำเก้าอี้ให้เจ้าเสร็จเรียบร้อย ลุงจะพาผู้ช่วยไปตรวจวัดพื้นที่ที่เรือนให้ก่อนก็แล้วกัน..." ช่างไม้ฉู่รีบตกปากรับคำทันที "ได้เจ้าคะ เรื่องอาหารการกิน ข้าจะรับผิดชอบวันละสามเวลาเจ้าคะ ส่วนค่าแรง ข้าจะจ่ายให้ท่านลุงทุกวันหลังจบงาน คนละสิบอิแปะ ท่านลุงคิดเห็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ...? หรงหรงมองไปที่ช่างไม้ฉู่อย่างชั่งใจ สิบอิแปะต่อวัน ถือว่าเป็นค่าแรงที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะปกติค่าแรงรายวัน ได้เพียงเเค่ห้าอิแปะต่อวันเท่านั้น มีหรือช่างไม้ฉู่จะไม่รีบตอบตกลง เทียบกับชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้าน ยังได้ค่าแรงวันล่ะ 5 -6 อิแปะต่อวัน สตรีคนนี้ช่างใจปล้ำยิ่งนัก ช่างไม้ฉู่พลันนึกคิดภายในใจ มีลาภลอยมาให้ถึงที่ เหตุใดเขาจะต้องปล่อยให้หลุดมือไปด้วยเล่า "ได้ตกลงตามนี้" "ตกลงตามนี้เจ้าคะท่านลุง" เมื่อตกลงจ้างวานสำเร็จ หรงหรงจึงให้ช่างไม้ฉู่ติดต่อสั่งซื้อกระเบื้อง อิ
ท่านลุงฉู่....ถือเป็นช่างไม้ฝีมือดีอันดับหนึ่งอีกหนึ่งคนของหมู่บ้าน เขาสามารถสร้างผลงานการออกแบบ รวมถึงการต่อเติมเรือนที่แข็งแรงและยังทนทาน ขนาดช่างฝีมือในระแวกใกล้เคียง ยังต้องมาขอเรียนรู้งานเพิ่มเติมจากช่างไม้ฉู่อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าแถบจะทุกครัวเรือน ล้วนเป็นฝีมือของช่างไม้ฉู่ หากเอ่ยถึงช่างไม้ฝีมือดี คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักช่างไม้ฉู่.... คำเล่าลือถึงความสามารถของช่างไม้ฉู่ ไม่ใช่เฉพาะแต่การสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านเป็นเท่านี้ เขายังสามารถสร้างโต้ะกินข้าว เก้าอี้ โต้ะเครื่องแป้ง และอุปกรณ์ที่ทำจากไม้อีกหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้จ้างวาน ขอเพียงมีแบบร่าง ช่างไม้ฉู่ก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น "อ้าว...นางหนู ลมอะไรหอบมา วันนี้ถึงได้มาหาลุงตั้งแต่เช้าเช่นนี้.....? ช่างไม้ฉู่กำลังนั่งลงประกอบโต้ะไม้ เขาพลันเหลือบไปเห็นหรงหรงเดินมาแต่ไกล ก่อนจะรีบเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่มารดานางป่วย เขาก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้เลยสักครั้ง "สวัสดีตอนเช้าเจ้าคะ.... พอดีว่าข้าจะมาขอจ้างวานท่านลุง พอจะมีเวลาว่างให้ข้าสักประเดี๋ยว ได้หรือไม่เจ้าคะ.....? หรงเอ๋อร์รีบเข้าประเด็นทันที "ได้
"ข้าจะยอมบอกท่านก็ได้ ในอดีต...ข้าเคยมีคนรักและเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง แต่ถูกพวกเขาสองคนสวมเขาให้ข้า ข้าจึงยังไม่อยากเปิดใจคบกับใครอีกแล้ว....ท่านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย..." หรงหรงพูดมาถึงตรงนี้ นางพลันมีสีหน้าที่เศร้าหมอง "หากข้าเป็นบุรุษผู้นั้น ข้าจักต้องดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง หรงเอ๋อร์...เจ้าจะให้โอกาสกับข้าได้หรือไม่...? สายตาที่โม่เฉินส่งออกไป ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง "ไม่เอาหรอก มีท่านเป็นสามี ข้าคงได้อกแตกตายกันพอดี ข้ามิอยากจะไปสู้รบกับสตรีคนอื่นๆ เพียงเพราะใบหน้าที่งดงามของท่านหรอกนะ" "หน้าตาข้า...ดูคล้ายกับบุรุษมักมายพวกนั้นหรือกระไร....? "ไหน....ขอข้ามองดูแววตาท่านให้ชัดๆหน่อยสิ ว่าท่านกำลังพูดความจริง หรือว่าท่านกำลังโกหกข้าอยู่..." หัวคิ้วของหรงหรงขมวดเข้าหากัน นางขยับตัวลงไปนั่งใกล้ๆโม่เฉิน พลันคิดถึงเรื่องการรักษาเกี่ยวกับขาของโม่เฉินขึ้นมาอย่างกระทันหัน จึงทำให้นางหยุดนิ่งอยู่สักพัก "หรงเอ๋อร์ ว่าอย่างไร ดูพอหรือยัง......? โม่เฉินเรียกนางอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับใดๆ ราวกับว่าเขากำลังคุยอยู่คนเดียว "หือ.....? หรงห
"เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของท่านตา ทำให้ท่านตาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ส่วนท่านยาย พอได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปหลายวัน ด้วยเกรงว่าตระกูลถังจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ท่านตาจึงรีบปิดข่าว เพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ล่วงรู้ และให้พ่อกับแม่แต่งงานกันโดยไม่ต้องจัดพิธีรีตอง แต่ท่านตายังถือว่ามีเมตตา ได้แบ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นสินเดิมให้แม่ เอาไว้ใช้ในยามจำป็น แต่คนในตระกูลถังไม่ยินยอมให้แม่ใช้ชื่อแซ่เดิม น้ำเสียงส่วนใหญ่เห็นต่างไปจากท่านตา ท่านตาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ คัดชื่อแม่ออกจากรายชื่อวงศ์ตระกลู นับแต่นั้นเป็นต้นมา" "ปัดโธ้....คนในตระกลูช่างไม่ยุติธรรมกับท่านแม่เลยนะเจ้าค่ะ...? หรงหรงเมื่อได้ฟังดังนั้น นางก็เริ่มโมโหขึ้นมา "หรงเอ๋อร์ พ่อเจ้าดีกับแม่เป็นอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่ให้แม่ในภายหลัง แต่หลังจากแม่ย้ายออกมาอยู่กับพ่อเจ้าได้ไม่นาน แม่เฒ่าอิ๋นก็เริ่มใช้สินเดิมของแม่ไปจนหมดสิ้นอย่างไม่เกรงใจ พ่อเจ้าจึงทนดูไม่ได้ เลยขอแยกเรือนออกมาใช้ชีวิตตามลำพังสองผัวเมีย ท่านปู่เจ้า..เห็นว่าแม่เฒ่าอิ๋นใช้สินเดิมแม่ไปจนหมดสิ้น จึงได้แอบยกเงินส่วนตัวจำนวนก้อนหนึ่ง เ
ยามโหย่ว(17.00-19.00)....... หรงหรงแบกของพะรุงพะรังกลับมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำ ร่างบางไม่รอช้า รีบนำสมุนไพรที่เก็บได้ออกมาวางอย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งจัดการแยกโสมภูเขาล้ำค่า และจัดแจงสมุนไพรอื่นอีกมากมาย แยกออกเป็นสัดเป็นส่วน กระต่ายน้อยอ้วนพี ถูกจัดการชำแหละเนื้อออกอย่างรวดเร็ว "กลับมาแล้วรึ รีบไปอาบน้ำเถอะ.." นางเมิงมองเห็นบุตรสาวที่เนื้อตัวม่อมแมม ใบหน้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ จึงรีบเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง "ลูกจวญจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ..." หรงหรงมองไปที่หญิงชรา แล้วจึงส่งยิ้มให้ "วางมือลงเถอะ ให้แม่ทำเอง เนื้อตัวสกปรกเยี่ยงนั้น ต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น.....? "ไหนๆมือลูกก็เปื้อนไปแล้ว ให้ลูกทำให้เสร็จเถอะเจ้าคะ ท่านแม่แค่รอนำเนื้อกระต่ายลงไปผัด และต้มน้ำแกงก็พอ..." หรงหรงจัดแจงบอกมารดาอย่างละเอียด "ได้ๆๆ....ส่วนที่เหลือแม่จักทำเอง .." "เรียบร้อย....ประเดี๋ยวลูกจะรีบกลับมาช่วยท่านแม่อีกแรงนะเจ้าคะ..." "ไม่ต้องแล้ว ลูกแค่เตรียมท้องรอก็พอ..." หลังจากหรงหรงอาบน้ำเสร็จ นางรีบแวะไปหาโม่เฉินก่อน เพื่อตรวจเช็คดูความคืบหน้าของผลงาน "กลับมาแล้วหรือ...? เสียงทุ่มเอ่ยถาม
บรรยากาศยามรุ่งสาง..... หรงหรงตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก นางรีบอาบน้ำแต่งตัวออกเดินทางขึ้นเขาไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ในระหว่างการเดินทาง เมื่อนึกถึงคำพูดของโม่เฉินตลอดทั้งคืน ยิ่งทำให้นางนอนไม่หลับ นางนอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนเผยให้เห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาอย่างเด่ดชัด "ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน เขาช่างดื้อดึงเสียจริงๆ" จู่จู่หรงหรงก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดขึ้นมาในโสตปราสาท นางเคยมีเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้ถููกเพื่อนสนิทคนนั้นแอบแทงข้างหลัง และได้ถูกสวมเขามาเป็นเวลานาน หากว่าเรื่องไม่แดงขึ้นมาเสียก่อน หรงหรงคงกลายเป็นคงโง่งมอยู่เช่นนั้น ก่อนจะข้ามภพมา หรงหรงตั้งใจว่าจะไปเซอร์ไพรเพื่อนสนิท โดยไม่บอกล่วงหน้า นางจึงได้แอบไปหาเพื่อนสนิทที่ห้องพักอย่างลับๆ และบังเอิญได้ยินเพื่อนสนิทกำลังคุยโทรศัพท์ว่ากำลังตั้งครรภ์ขึ้นมา และพ่อของเด็ก ก็คือแฟนหนุ่มของหรงหรง หรงหรงเหมือนโดนมีดกรีดลงกลางใจ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับหรงหรงอย่างไม่มีวันลืมเลือน.... เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไ







