เมื่อไปถึงที่หน้าห้องของอ๋องเหวยฉีหยาง
“แต่ว่า... ข้าเจ็บตาจริง ๆ นะ ข้าจะไม่ไปแพร่เชื้อโรคให้ท่านอ๋องหรือ” แม้หยวนเหมยหลันจะพยายามแสดงท่าทีเจ็บปวดเพียงใด
ทว่ารั่วกงกงก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นไปตามที่นางต้องการ พวกเขาจับตัวและลากพานางไปยังห้องของท่านอ๋องเหวยฉีหยางทันที
อ๋องเหวยฉีหยางตะโกนออกไป เพราะได้ยินเสียงของนางและขันทีดังอยู่ที่หน้าห้อง
“เอ้า! ทำไมไม่พานางเข้ามาล่ะ ทำไมต้องให้รออยู่ตรงนั้น”
“ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ นางเจ็บตา และตาแดงมาก”
หยวนเหมยหลันหน้าซีดจางเหลือสองนิ้ว
“นางเจ็บตาพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องเหวยฉีหยางชะโงกหน้าออกไปดูนาง แวบแรกที่เห็นใบหน้าของนางแล้ว เขาก็คิดว่า... นางคงจะแกล้งทำมายาหรือเปล่า
หยวนเหมยหลันแสร้งเป็นบีบน้ำตา... ร้องไห้แบบมีเสียงปนสะอื้น
“รั่วกงกง... ไปตามหมอมา ให้มารักษานางด่วน ต้องตรวจร่างกายของนางอย่างละเอียดด้วย เพราะข้าชอบนางจะให้นางมาปรนนิบัติ”
“พ่ะย่ะค่ะ” รั่วกงกงสั่งลูกน้องอีกทอด ให้วิ่งเป็นม้าเร็วไปตามหมอมารักษานาง
คำว่า... ปรนนิบัติ ทำให้หยวนเหมยหลันคิดมาก ไม่รู้ว่าเขาจะให้นางทำอะไรกับคำว่าปรนนิบัติ
อ๋องเหวยฉีหยางลุกขึ้นแล้วเดินมาที่เก้าอี้ในห้องชั้นหน้า แล้วกวักมือให้รั่วกงกงพาหยวนเหมยหลันให้เข้ามาข้างในได้
“ข้าไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น เจ้าไม่สบาย เจ็บปวด หรือไม่ว่าจะเป็นใครในจวนของข้า ข้าต้องดูแล และเจ้าบอกปวดตาเจ็บตา หยุดร้องไห้เถอะ ในที่นี้ ไม่มีใครเขาคิดจะฆ่าแกงเอาชีวิตของเจ้าหรอกน่า”
ปั๊บ... รั่วกงกงใช้พัดในมือของเขาตีไปที่ตัวของหยวนเหมยหลัน
“เจ้าหยุดสำออย เจ้ากำลังทำให้ไท่จื่อรำคาญอยู่”
อ๋องเหวยฉีหยางถึงกับกลั้นหัวเราะ เพราะนางหยุดร้องไห้แบบทันทีทันใด เพราะแรงพัดที่รั่วกงกงฟาดเข้าไปเต็มแรงอยู่
ต่อมาสักพัก หมอกวงก็มาอย่างรวดเร็วเช่นกัน มาถึงก็เข้าไปตรวจตาของหยวนเหมยหลันอย่างละเอียด
“ดวงตาของนางเพียงโดนฝุ่นเข้าไป ทำให้เกิดตาแดงและระคายเคือง ข้าจะให้ยาทั้งกิน และก็ประคบด้วย คิดว่าอาการเล็กน้อยแค่นี้ อีกไม่นานก็น่าจะหายดีพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ... ข้าก็อุ่นใจ รั่วกงกงส่งท่านหมอ แล้วรับยากลับมาด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ยามค่ำคืนที่เงียบสงัดหลายชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่หยวนเหมยหลันและอ๋องเหวยฉีหยางจัดการให้ลูกฝาแฝดนอนหลับสนิทในห้องของพวกเขาท้องฟ้านอกหน้าต่างเปล่งแสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องเข้ามาในห้อง อากาศเย็นสบายหยวนเหมยหลันเดินกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่ของตนเอง ขณะที่เหวยฉีหยางยืนมองผ่านหน้าต่าง พลางหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“หลับสนิทแล้วหรือ?” เหวยฉีหยางถามเบา ๆ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลจนเหมือนกล่อม“อืม... นอนกันแล้วทั้งสองคนแล้วเจ้าค่ะ นี่ขนาดให้วิ่งเล่นจนเหนื่อย” หยวนเหมยหลันตอบยิ้ม ๆ ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เขา“วันนี้เล่นจนหมดแรงไปเลย”เหวยฉีหยางยื่นมือไปกุมมือของนาง สัมผัสนั้นอบอุ่นและแสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งฉายออกมาทางแววตาหยวนเหมยหลันสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดที่มากกว่าแค่การจับมือ มันคือความผูกพันของคนสองคนที่สร้างครอบครัวมาด้วยกัน“เจ้าทำได้ดีมากนะ ขอบคุณที่ทุ่มเท” เหวยฉีหยางกระซิบ เขาดึงนางเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน ศีรษะของนางพิงกับอกกว้างของเขา“ไม่เพียงแต่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังเป็นภรรยาที่ข้ารักที่สุด”หยวนเหมยหลันยิ้ม แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่หัวใจของนางก็รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วย
แสงแดดยามเย็นเริ่มคล้อยต่ำ สาดส่องเข้ามากระทบหน้าของทั้งสอง ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่แนบชิดกัน เขาหอมแก้มนางหยวนเหมยหลันกำลังนั่งมองลูกฝาแฝดของนางที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสวน พวกเขาหัวเราะและวิ่งไล่กันอย่างร่าเริง“ข้าคิดว่า เราสองคนอาจจะทำลูกอีกคนดีไหม?” ฉีหยางกล่าว พร้อมรอยยิ้มกว้าง หยวนเหมยหลันหัวเราะ แสร้งทำเป็นตีไหล่เขา“ท่านพี่ข้าเพิ่งหายเหนื่อยนะเจ้าคะ มีสองคนนี้แล้ว... ก็พอแล้วมั้ง”ทว่าพอเห็นสายตาของเขา“เอ... หรือยังไม่พอ?”“ไม่พอหรอก” ฉีหยางตอบพร้อมยิ้มแฝงความสุข“มีลูกสาวอีกสักคน”“ท่านพี่ แล้วถ้าคลอดออกมา ไม่ได้ลูกสาวเล่า”“ข้าก็ทำอีก จนกว่าจะได้ลูกสาว”“หื้อ!” นางครางเสียงยาว แต่หยวนเหมยหลันยิ้มรับ รู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดของเขา ทั้งสองจะอยู่ครองรักกันตลอดไป ท่ามกลางความสุขของครอบครัวที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเองเรื่องราวของอ๋องเหวยฉีหยางและหยวนเหมยหลันเป็นเรื่องราวแห่งความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความยากลำบากและความท้าทายทั้งสองคนได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย ความเจ็บปวด และการถูกทรยศมากมาย แต่ด้วยความเข้มแข็งและความรักที่ไม่เคยล้มเลิก พวกเขาได้สร้าง
สามปีต่อมา... ฉีหยางและเหมยหลันนั่งอยู่กลางสวนผักที่เขาเพิ่งปลูกด้วยกัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่นทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ลูกชายฝาแฝดของพวกเขาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ไล่จับไก่ตัวเล็กๆ ที่กำลังเดินไปมาอย่างน่ารักข้าง ๆ ยังมีเจ้าหมาน้อยที่เห่าวิ่งตามสองพี่น้องอย่างมีชีวิตชีวา“ดูพวกเขาสิ!” เหมยหลันพูดอย่างยิ้มแย้ม“ทั้งสองดูมีความสุขมากเลย”“ใช่แล้ว” ฉีหยางตอบกลับ พร้อมกับยิ้มกว้าง“พวกเขาชอบเล่นที่นี่มาก”ในขณะที่เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังก้องไปทั่วสวน เหมยหลันจึงหันมามองฉีหยางด้วยความรัก“เราโชคดีแค่ไหนกันนะ ที่ได้มีชีวิตแบบนี้”“ใช่ เราโชคดีมาก” ฉีหยางพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น เขายกมือขึ้นไปลูบผมของเหมยหลันเบา ๆ“และจะไม่มีอะไรทำให้เราห่างกันได้”ทั้งสองมองไปที่ลูก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน และในขณะที่พวกเขาจูบกันอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางธรรมชาติและความรัก ความรู้สึกอบอุ่นเข้ามาในใจทุกคนสวนผักแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและครอบครัวที่มีความสุข ทั้งสองฝาแฝดได้สร้างความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ในทุก ๆ วัน และด้วยความรักที่มั่นคงฉีหยางและเหมยหลันรู้ว่าพวกเขาจะเผชิญทุกอย่างร่วมก
เขายิ้มให้ พร้อมกับจูบลงที่ริมฝีปากของนางอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากของเขาแนบชิด พร้อมกับท่อนล่างของส่วนสะโพกสอบที่โบกสะบัดอย่างเต็มที่นางเองก็ตอบสนองด้วยความรัก ปล่อยให้ทุกอย่างที่ร้าย ๆ ได้ลบเลือน ทั้งความเศร้า ความกลัว และความคะนึงถึง ต่อไปไม่มีอีกแล้ว เพราะต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดจนวันสิ้นลมหายใจนางจูบเขากลับอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองหลอมรวมกันในจังหวะอันหวานซึ้ง ความรักของพวกเขาได้งอกงามอีกครั้งในบรรยากาศที่เงียบสงบของธรรมชาติ“ให้เราสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน” ท่านอ๋องพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ขณะที่ยังคงมีริมฝีปากที่แนบชิด“และข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกมีค่าในทุกวัน”“ข้ารู้สึกมีค่าอยู่แล้ว เพราะมีท่านพี่” หยวนเหมยหลันพูด พร้อมยิ้มให้กับเขา พวกเขาอยู่ในท่าทางที่เต็มไปด้วยความรัก บรรยากาศรอบข้างเริ่มต้นมีสีสัน ดอกไม้ข้างนอกที่บานสะพรั่งพลิ้วไหวไปกับสายลมที่พัดเอื่อย ๆหมู่นกและสรรพสัตว์ได้เริ่มต้นขับขานบทเพลงแห่งความสุข ในขณะที่คู่รักได้สัญญาจะเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกันในอนาคต ท่ามกลางทุกสิ่งทั้งสองคนเอ่ยถึงความรักที่อยู่ในใจ บอกว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด เหมยหลันและฉีหยางพร้อมที่จ
“ข้าอยากให้ท่านรักษาสัญญานี้ไปจนวันตาย…”“ข้าจะรักษาสัญญาด้วยเกียรติยศของข้า” ท่านอ๋องยิ้มอย่างอบอุ่น และยืนขึ้น เขายื่นมือไปจับมือของนาง“ให้พวกเราเริ่มต้นใหม่ร่วมกัน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอีกต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนหลันเอ๋อร์ จะมีข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดไป”นางมองเขาด้วยความรักและความหวัง ขณะที่ทั้งคู่ยืนอยู่ในแสงแดดอบอุ่นที่อุ่นพอกับอ้อมกอดแห่งรักที่มีต่อกัน“เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความสุขที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้านี้” เขาเอ่ย ท่านอ๋องเหวยฉีหยางยิ้มให้หยวนเหมยหลันด้วยความรักและความจริงใจที่ส่องประกายในดวงตาของเขา“ข้ามีข่าวที่จะบอกเจ้าด้วย”“อะไร?”“ตอนนี้ ข้าเหวยฉีหยางเป็นแค่คนธรรมดาที่รักเจ้า ข้าไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์อีกต่อไป ข้าขอคืนทุกสิ่งอย่างให้กับเสด็จพ่อ ท่านอนุญาตให้ข้ามาอยู่ที่นี่ และข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าและลูก แค่นี้ก็พอแล้ว”“ท่านอ๋อง”“ไม่ใช่แล้ว ข้าไม่ใช่ท่านอ๋อง ต่อไปน่ะนะ หลันเอ๋อร์ต้องเรียก... ท่านพี่ถึงจะถูก”“ท่านพี่ ท่านเสียสละเพื่อข้าถึงเพียงนี้”“ข้าไม่อยากให้อำนาจ ตำแหน่ง ยศถามาบั่นทอนความสุข และความปลอดภัยในชีวิตอีกต่อไป ข
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ทำไมหน้าซีดนัก”“ไปตามหมอเถอะเซินลี่ ข้าเวียนหัว ข้าน่าจะท้อง”“หา!” และความโกลาหลก็เกิดขึ้นที่นี่ในที่สุด หมอจางฮูเฟินก็มาถึงและทำการตรวจอาการของนางอย่างละเอียดในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง“ท่านหมอ… ข้า… ข้าคิดว่าข้าอาจจะตั้งครรภ์” นางพูดออกมาเสียงสั่นหมอจางขมวดคิ้วและทำการตรวจอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ขอแสดงความยินดี คุณหนูหยวน คุณหนูกำลังตั้งครรภ์จริง ๆ”หยวนเหมยหลันรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ชั่วขณะนั้นหัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น‘ท่านอ๋อง ถ้าท่านรู้ว่าข้าท้องลูกของท่าน ท่านต้องดีใจมาก ๆ’ความรักที่มีต่อท่านอ๋องกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของชีวิตใหม่ที่อยู่ในท้องของนาง“ขอบพระคุณท่านหมอจาง ข้าขอยาบำรุงด้วย”“ได้ขอรับคุณหนู”“เซินลี่ตามไปรับยาที่บ้านท่านหมอจาง” นางยิ้มแก้มแทบแตก บนใบหน้าซีดจางจนเกือบจะเป็นสีขาวนั่น‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกจะเป็นข้ออ้าง ที่ดีที่สุด ที่ข้าจะไม่ต้องแต่งงานกับเขาคนนั้น’เมื่อข่าวรู้ไปถึงหูผู้ชายคนนั้น เขาก็ปฏิเสธการแต่งงานกับคุณหนูจริง ๆปัจจุบันผ่านมาสามเดือนยามบ่ายที่เงียบสงบในสวนหลังบ้าน หยวนเหมยห