“ฮึ่ม...” วันนี้เธอไม่ค่อยมีสมาธิกับการฝึกซ้อมสักเท่าไหร่ เลยโดนจับทุ่มลงพื้นไปสองสามครั้ง
ด้วยความหวังดี ครูพายุอาศัยช่วงที่ปล่อยให้นักเรียนพัก เข้ามาหาเธอแล้วสอนแบบตัวต่อตัว
“ตั้งใจ และมีสมาธิ โอเค๊...” สายตาซ่อนหวานเผลอจ้องมองเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจะรู้มั้ยนะว่ามันยิ่งทำให้สมาธิของเธอกระเจิดกระเจิง
โอยยย...สายตาพิฆาตที่ทำให้ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ ต่อมกระสันสั่นระริกไปทั้งตัว...
หลังจากจบคราสของวันนี้ ก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว แต่เธอแกล้งทำเป็นพิรี้พิไรจนกลายเป็นคนสุดท้ายที่จะออกจากโรงเรียนอีกครั้ง...
ด้วยตั้งใจจะลองยั่วเย..ครูพายุอีกสักรอบ เพื่อจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เรื่องที่ครูพายุเห็นเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกศิษย์ลูกหา ไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาผู้ไม่ประสาโลก
แต่คราวนี้เธอจะไม่จู่โจมด้วยการเปลือยกายไปยืนต่อหน้าเขา เธอจะเริ่มจากการพูดคุยแบบตรงๆ เพื่อให้ความสงสัยมันเคลียร์โดยไว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปอ้อมมาให้เหนื่อยปาก
“ครูพายุคะ”
เธอยังอยู่ในชุดเทควันโดชุ่มเหงื่อ ขณะเดินเข้าไปยืนต่อหน้าเขาหน้าโต๊ะทำงาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมห้องฝึกซ้อมเทควันโดนั่นเอง
เขาเงยหน้าจากเอกสารเพื่อมองเธอ สาวน้อยหน้าตาน่ารักที่มีความมุ่งมั่นอยู่ในดวงตา
“หืม ยังไม่กลับบ้านเหรอจ๋า”
“ยังค่ะ จ๋ามีเรื่องจะถามครู”
เขาขมวดคิ้ว “อะไรเหรอ?”
“อยากมีเซ็กส์กับจ๋ามั้ยคะ”
เขาอึ้งไปอึดใจหนึ่ง “จ๋า...พูดว่าไงนะ”
“เรามีเซ็กส์กันมั้ย” เธอตอบอย่างไม่ลังเล สีหน้าและสายตาเอาจริงเอาจังกว่าตอนเรียนเสียอีก
เมื่อโดนถามตรง ๆ จากเด็กสาวที่มีอายุห่างจากเขาสามสิบกว่าปี ทำเขาไปไม่เป็นเลย...
“ทำไมจ๋าถึงอยากมีเซ็กส์กับครูล่ะ”
“จ๋าชอบครูค่ะ จ๋าชอบผู้ชายสู้เก่ง ผู้ชายเท่ ก็เลยอยากจะมีอะไรด้วย”
“แต่จ๋ายังเด็กอยู่เลย”
“ครูมีเซ็กส์ครั้งแรกเมื่อไหร่คะ”
เขายิ้มขำ “โอเค ครูมีอะไรกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนตอนสิบสาม แต่เราเป็นแฟนกัน จ๋าไม่แคร์เหรอ ครั้งแรกควรทำกับแฟนมากกว่ากับคนแก่อย่างครูนะ”
เขาพยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเธอ เพื่อให้เธอไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง หากทำตามอารมณ์ชั่ววูบลงไป
แต่สาวน้อยกลับขยับตัวเข้าหาเขา เลื่อนมือลงลูบคลำลำเอ็นภายในกางเกงเทควันโดอย่างทะลึ่งซุกซน
“จ๋า...”
“ครั้งแรกของจ๋า เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ค่ะ และครั้งแรกของจ๋าก็ไม่ใช่กับแฟนด้วย แถมคนนั้นอายุเท่าครูเลย จ๋าเลยอยากรู้ว่า ผู้ชายคนนั้นกับครูพายุ ใครจะเก่งกว่ากัน”
“อืมมม...จ๋า...อื้มม...อย่าสิ” อย่าทำให้ครูใจสั่นไปมากกว่านี้เลย ปล่อยมือจากลำเอ็นหิวกระหายของครูซะ ไม่อย่างนั้นหนูจะได้รู้รสชาติของความเจ็บปวด
หากสาวน้อยรู้ว่าเขาเองก็คิดลึกกับเธอมาตลอดที่เจอกัน เธอจะยังเคารพเลื่อมใส่ในความเก่งกาจของเขามั้ยนะ เธอจะยังอยากเรียกเขาว่าครูรึเปล่า
“อย่าจับหรือคะ...” สาวน้อยกระซิบกระซาบ ส่งสายตายั่วยวนเล็ก ๆ อย่างมีจริต
“จ๋าดื้อซะด้วย” พลางจัดการดึงสายรัดกางเกงจนหลุดหล่น เลื่อนฝ่ามือน้อยเข้าไปในขอบกางเกง คว้าดุ้นเนื้อขนาดเขื่องที่กำลังดิ้นส่ายไว้ในอุ้งมือ
“หนูจ๋า...” คำว่าอย่า...ถูกกลืนหายลงคอไป หัวใจแข็งแกร่งต้องสยบยอมให้กับเด็กซุกซน วัยแห่งการเรียนรู้ทำให้เธอไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้ “อืมมม...”
มือน้อยบีบคลำลำเอ็นอย่างสำรวจตรวจตรา ความใหญ่ยักษ์สู้มือจนแข็งปั๊กทันตาเห็นเลยทีเดียว
“อุ๊ย..” เธออุทานแผ่วเบาเมื่อคลำตรงส่วนหัวแล้วพบว่ามันลื่นๆมันๆอย่างกับหัวงูเหลือม ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธออดใจไม่ไหว ควักดุ้นเนื้อแข็งแน่นชูชันออกมาจากกางเกงให้รู้แล้วรู้รอด
“ว๊าวใหญ่จัง” ดวงตากลมโตแป๋วแหว๋วจ้องมองดุ้นเนื้อในมือด้วยความตื่นเต้น “ทั้งยาวทั้งใหญ่เลย ใหญ่กว่าแขนหนูซะอีก !!”
“อืมม...หนูจ๋า...ซนจัง” เจ้าของลำเอ็นหายใจติดขัดด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน มือนิ่มของเด็กสาวทำเขาแข็งคัดปวดเกร็งโดยไม่ต้องบิ๊วอารมณ์เลยทีเดียว เจ้าหล่อนทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่น กลับไปเป็นเด็กสิบสี่อีกครั้ง
“อ่า...ครูขา...หนูอยากทำบางอย่าง” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็ทิ้งตัวนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเขา แหงนใบหน้าสวยใสขึ้นมองเขาอย่างเว้าวอน เพียงเท่านี้อารมณ์กำหนัดของเขาก็กระเจิงไม่รู้ทิศ
“หนูจ๋า...” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวย ผมสั้นเลยติ่งหูเล็กน้อยดูเรียบร้อยน่ารักเหลือเกิน
“ฮิฮิ...จ๋าจะจัดการครูเดี๋ยวนี้” สองมือสาวดุ้นเนื้อจากโคนจดปลายอยู่หลายรอบจนมันแข็งโป๊กเหมือนไม้เบสบอล เอ็นเขียวผุดรอบลำดุ้นงดงาม หัวป้านแดงเถือกบวมเป่งแดงก่ำ ราวกับงูพิษที่กำลังกระหายอยากจะตะครุบเหยื่อด้วยเขี้ยวเล็บ
“โอววว...หนูจ๋า...อืออ ซี๊ดส์ ครูปวดคัดไปหมดแล้ว ทำไมหนูถึงได้...ยั่วเก่งแบบนี้ฮึ”
เสียงครวญครางของชายวัยห้าสิบสองทำให้สาวน้อยวัยสิบแปดรู้สึกสนุก กระสันอยากจะอมของเขาให้หนำใจเลยทีเดียว
“อ้ำ...อื้ออออ...” ปากสวยอ้าครอบหัวดุ้นแล้วดูด อมอย่างเงอะงะตามประสาคนเพิ่งลองกินครั้งแรก ชโลมลิ้นละเลงชิมรสชาติความเป็นชายด้วยความอยากรู้อยากลอง ครางงึมงำกลางลำคอเป็นระลอกส่งเสียงแห่งความพึงพอใจแว่วหวาน
“อูวววว...ซี๊ดส์...พระเจ้า...โอวววว หนูจ๋า” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ศีรษะของเด็กสาวคราวหลานอย่างเอ็นดูรักใคร่ กดกรามแผ่วเบาเพื่อกลั้นอารมณ์กำหนัดที่ร้อนแรงขึ้นทุกวินาทีเอาไว้
กระแทกจนหนำใจก็ยกร่างสวยขึ้นตะบันเด้าในท่าลิงอุ้มแตง เดินวนไปจนทั่วห้องจนไปหยุดอยู่หน้าแท่นทำพิธี สะบัดสะเอวเร่งเร้าจนร่างเธอแทบหลุดลอย ความสุขเสียวพุ่งฉีดออกมาอย่างเนืองนอง“โอววว” ทั้งคู่เสร็จเสียวพรั่งพร้อม ปลดปล่อยกำหนัดใคร่อย่างมโหฬาร อะดรีนาลีนหลั่งกระจายในทุกอณูเนื้อ เลือดลมสูบฉีดตั้งแต่หัวจดปลายเท้า“เสร็จมั้ยครับ” เขากระซิบถามเธอพยักหน้า หายใจติดขัด ดังลั่น “โอยยน้าเดชขา หนูเสร็จจนจะหมดแรงแล้ว”“ฮึ! แบบนี้เหรอหมดแรง อย่างหนูคงต่อได้ทั้งคืน”“ตายจริง เวลาเท่าไหร่แล้วคะ”“ทุ่มครึ่งเอง”“แม่จะสงสัยเอาได้ค่ะ ปล่อยหนูก่อนซี”“ไม่อยากปล่อย อยากคาไว้อย่างนี้ทั้งคืน”“หืมม จะไหวหรือคะ”“ไหวซี” เขายิ้มร้าย พาร่างระทวยของเธอมาหย่อนลงบนฟูกแข็ง แล้วนอนคร่อมสวมกอดแนบชิด นัวเนียนวดเน้นสัมผัสดวงตาสองคู่ประสานกันอย่างมีความหมาย หัวใจดิ้นเดือดเต้นหนักด้วยกันทั้งคู่“มีความสุขมั้ย” สัปเหร่อเอ่ยถาม“มีความสุขสิคะ ของน้าทั้งร้อนทั้งแรง ทำหนูร้อนไปทั้งตัวเลย”“อยากทำอีก”“เอาไว้วันหลังนะคะ”“น้าชักติดใจหนู”เธอเองก็เช่นกัน “เอาไว้เราหาเวลามาเจอกันอีกนะคะ เพราะหนูเองก็...”“ชอบล่ะสิ”“ชอบมากเลยค
“ของน้ามีอาคม หนูต้องทนหน่อย ฤทธิ์มันเยอะ ถ้าหนูทนได้ เดี๋ยวของหนูจะแกร่ง ใครได้ทำกับหนูจะติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น”“อื้อ อ๊า...หนูจะทนค่ะ หนูจะทน” ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการให้เขาลงคาถามหาเสน่ห์ให้ แต่เพราะความอยากรู้อยากลองและหิวกระหายรสใคร่ต่างหากเล่า ที่ทำให้เธอสู้ไม่ถอย !!!“อู๊วส์”อัตราการเต้นของหัวใจแทบระเบิดอยู่รอมร่อ เมื่อลำเอ็นดุดันกระหน่ำอย่างทารุณโหดเหี้ยมไร้ความปรานีต่อช่องทางสวาท“โอ๊วววส์ อู๊วส์ น้าเดช อื้อ เจ็บ อูยย น้าเดชขา หนูร้อนไปหมดแล้ว ร้อนไปทั้งตัวเลย”ความร้อนราวกับไฟแผดเผา ลามเลียตอดไล้ช่องเนื้อนุ่มจนร้อนฉ่าแดงเรื่อไปทั้งยวงสวาท พิษสงของดุ้นยักษ์ทำให้เธอทรมานทั้งวิญญา ความแกร่งกล้ากำยำขย้ำเขมือบอย่างโหดร้าย ทะลวงกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สนความเจ็บปวดแสบสันต์“อ๊า อ๊า อะ อะ อะ อะ....” เสียงร้องครางระงมของเด็กสาวคงลั่นไปถึงปาช้า เพราะฝูงหมาวัดต่างพากันเห่าหอนโหยหวนยิ่งกว่าฤดูติดสัตว์ หรือเทศกาลผสมพันธุ์ของพวกมันเสียอีก “อื้อ อื้อ อื้อ...”วินาทีนี้...เธอรู้สึกเหมือนร่างกำลังแหลกหรือไม่ก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเป็นท่อน ความดุเดือดซาดิสม์ของลำเอ็นสัปเหร่อส่งให้กายเธอดีดดิ้นล
เมื่อเขาสั่ง เธอก็ทำตามด้วยความเต็มใจ เปิดอ้าเส้นทางสวาทให้นิ้วกลางของเขายัดแยงสอดใส่เข้ามาในรูสวาทนุ่มนิ่ม แล้วตะบันเด้าเข้าใส่ปุ่มคริสอย่างรุนแรงถี่ยิบ พร้อมกับใช้ปากลิ้นดูดเมียเม็ดกระสันเสียวไปด้วยอย่างเมามมันส์หรรษา“อ๊าน้าเดช อื้อ อูย หนูไม่ไหวแล้ว หนู อื้อ ไม่ไหว โอยเสียว เสียวเม็ด อูยยย...”เม็ดกระสันเสียวที่ถูกปลุกเร้าด้วยลิ้นจนเต้นระริก ร่องรักภายในกระตุกสั่นตอบรับการถาโถมจากปลายนิ้วกลางอย่างสุขสม ก่อนน้ำสวาทจะแตกพลั่กออกมาราวกับฉี่ราดไม่หยุดไม่หย่อน“โอ้วววส์...อู๊วส์ ซี๊ดส์” น้ำสวาทที่ทะลักออกมาทำให้ใบหน้าของสัปเหร่อเปียกฉ่ำไปหมด กลิ่นสาวคาวคลุ้งส่งให้กำหนัดร้อนของเขายิ่งทบทวี“น้ำหนูปริมเยอะจริงๆ”สายตาของเขาบอกว่าไม่เคยเจอของใครขนาดนี้มาก่อนเลย มันเหมือนเขาได้เจอเนื้อคู่อย่างไรอย่างนั้น“หนูบอกแล้วไง”แค่โดนลิ้นน้ำก็ทะลักออกมาจนทำให้ใบหน้าคร้ามเปียกฉ่ำไปหมด“เช็ดหน้าหน่อยสิคะ แล้วก็ เอาผ้าขนหนูมาวางไว้ใกล้มือหน่อยก็ดีค่ะ”“ไม่เป็นไร แบบนี้สิ น้าชอบ” เขายืนขึ้นประกบร่างสาว จัดการถอดเสื้อยืดออกทางศีรษะ กระชากบราเซียหลุดจากสองเต้า ดันร่างเปลือยเปล่าอรชรให้นอนลงบนฟูกแข็งขนาดส
“น้าไม่ชอบความวุ่นวายน่ะ”“ดีเลยค่ะ เหมาะแก่การทำพิธี”เดชฤทธิ์ยิ้มกริ่ม เปิดประตูบ้านให้เด็กสาวก้าวเข้าไปข้างในด้วยความเต็มใจ บ้านหลังน้อยคลับคล้ายรีสอร์ทที่มีเพียงห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้น ฟูกนอนขนาดสี่ฟุตวางแนบกับพื้นตรงกลางห้อง ตรงมุมห้องมีแท่นทำพิธีไสยศาสตร์แบบจัดเต็มทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือทางไสยเวทย์ รวมทั้งหัวกะโหลกขาวโพลนหนึ่งหัวดูน่ากลัวไม่น้อยกลิ่นธูปเทียนและน้ำมันหอมคละคลุ้งกระจัดกระจาย กลิ่นบุหรี่ใบจากยาเส้นและกลิ่นเหล้าขาวตลบอบอวลไปทั้งห้อง บ่งบอกว่าเจ้าของบ้านเป็นคนคลั่งในเรื่องไสยเวทย์และภูติผีปีศาจ“ดูขลังดีนะ” ปริศนารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ระหว่างรอสัปเหร่อเดชหรืออาจารย์เดชฤทธิ์เข้าไปล้างคราบใคร่บนลำดุ้นออกในห้องน้ำ เพื่อจะได้มาเล่นเซ็กส์กับเธอต่อบนฟูกแข็งหน้าแท่นทำพิธีหลายครั้งที่เธอถามตัวเองว่าเธอมั่นใจใช่มั้ยที่จะยกพรหมจรรย์บริสุทธิ์ให้แก่สัปเหร่อเดชจอมไสยเวทย์ จะยินยอมให้ลำเอ็นขนาดสิบห้านิ้วเชยชิมความสาวแรกรุ่นอย่างหนำใจโดยไม่เสียดาย“ฉันต้องผ่านมันไปได้” ยอมทำกับเขาเพราะอยากลงคาถามหาเสน่ห์ อยากลงพิธีเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวเอง หรือเพราะความร่านกามกันแน
“หนูเห็นเหรอ...”เขาถามเธอตรงๆคนต้องตอบอึกอักใจอยู่ไม่น้อย และไม่กล้าสบดวงตาดุดันร้อนแรงคู่นั้น“เอ่อ เปล่านะคะ”เขายิ้มมุมปาก เห็นท่าทางเขินอายของเด็กสาวแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยาก “มันเป็นการทำพิธีส่งวิญญาณให้ผู้หญิงที่ตายโดยไม่ได้แต่งงานน่ะ เธอจะได้ขึ้นสวรรค์อย่างมีความสุข”“อย่างนั้นหรือคะ??” แทนที่จะมองหน้า แต่สายตากลมแป๋วอยากรู้อยากเห็นดันกดต่ำลงมองแก่นกายกำยำที่ถูกซ่อนไว้ในกางเกงขาก๊วยสีน้ำเงินอย่างไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ เพราะมันยังตุงโตดิ้นส่ายเรียกร้องจะออกมาด้านนอกทุกลมหายใจ“ไหนบอกไม่เห็น” เขาแสร้งเย้า แววตาวาววิบระยิบระยับเพราะเห็นชัดว่าสายตาของเด็กสาวกำลังสนใจอะไร แน่นอน ของเขามันใหญ่ยาวเกินพิกัด หากหญิงนางใดได้เห็นเป็นต้องตาลุกตาโตกันทั้งนั้นปริศนาถึงกับหน้าเหวอ “ก็...เห็นนิดหน่อยค่ะ”“เห็นไอ้นั่นของน้าแล้วใช่มั้ย”“เอ่อ” เห็นเต็มสองตาเลยล่ะ “เปล่าค่ะ หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นเลยค่ะ”“ลำเอ็นของน้าลงคาถาอาคมไว้แล้วนะ ใครเห็นเข้าจะไม่เป็นอันทำอะไรเลยล่ะ มันจะตามหลอกหลอนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ”“จริงหรือคะ???”“จริงสิ แต่หนูปริมคงไม่ต้องกังวลอะไร เพราะหนูปริมยังไม่เห็นใช่มั้
ก๊อก ก๊อก....“โอ๊ะ...” เธอจึงรีบลากผ้าห่มขึ้นคลุมปกปิดเอ็นอุ่นแข็งโด่ของพี่ชายไว้ เพื่อไม่ให้แม่จับได้ว่าเธอเพิ่งทำอะไรลงไป แน่นอน ถึงแม้เขาจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ แต่เขาก็เป็นลูกชายของสามีใหม่แม่ ที่แม่เลี้ยงดูเขามาแต่เล็กแต่น้อย แม่รักเขาเหมือนลูกแท้ ๆ นั่นแหละ ในขณะที่เธอไม่เคยมองเขาเป็นพี่ชาย แต่แอบชอบเขามาตลอด“ยัยปริม เช็ดตัวให้พี่ปอนด์เสร็จรึยัง”ปริศนาเช็ดปากอย่างเร็วก่อนหันไปยิ้มให้แม่ด้วยหน้าตาแอ๊บแบ๊วตามถนัด “เสร็จแล้วจ๊ะ”“งั้นแกไปทำธุระให้แม่หน่อยสิ เอายาไปให้หลวงตาที่วัดหน่อย เอาไปฝากไว้ที่มัคนายกก็ได้” หลวงตาซึ่งเป็นพ่อของแม่นั่นแหละ หรือก็คือตาของเธอนั่นเอง ท่านบวชเป็นพระมาสองพรรษาแล้ว นับตั้งแต่ที่ยายเสียไปเมื่อสามปีก่อน แกก็ตั้งใจจะตายในผ้าเหลือง “ถุงยาวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าวน่ะ”“ได้จ๊ะแม่”“รีบไปรีบมานะ เอ๊ะ! ทำไมทำน้ำนองเต็มพื้นเลย สงสัยน้ำจะหก เดี๋ยวแม่เช็ดเอง”เธอตกใจตาเหลือก ตอนนี้กางเกงขาสั้นเธอก็เปียกอยู่นะ “เอ่อแม่ พอดีหนูทำน้ำในกาละมังหกน่ะ แม่ไม่ต้องเช็ดหรอก เดี๋ยวหนูจัดการเอง”“แกรีบเอายาไปให้หลวงตาเถอะ เดี๋ยวจะค่ำมืดซะก่อน พ่อแกก็ไม่อยู่ ไปงานศพเพื่อนที่ต่างอำ