ในเช้าวันเสาร์ที่แสนพิเศษ นอกจากจะเป็นวันหยุดแล้ว ในทุกวันเสาร์ ลุงเหมืองมักจะออกไปทุ่งนาในช่วงสายเพื่อหาปูหาปลา แต่วันนี้ในระหว่างที่เขาปั่นจักรยานไปทุ่งนานั้น ลุงเหมืองได้เจอกับครูแอ๋วระหว่างทาง
“ครูแอ๋วจะไปไหนเหรอ”
“อ้าว สวัสดีจ้ะลุงเหมือง ฉันเพิ่งกลับจากซื้อของน่ะ”
“ตั้งแต่ลาออกไปไม่เจอกันนานเลยนะครูแอ๋ว ธุรกิจใหม่เป็นยังไงบ้าง”
“วันนี้ร้านปิดเลยแวะมาบ้านจ้ะลุง ที่ร้านก็ดีนะลุง ร้านกาแฟคนเยอะดี ฉันว่าจะทำพวกเค้กเพิ่มด้วย เพราะเด็กนักเรียนชอบกัน”
“ดี ๆ ๆ ขอให้ธุรกิจราบรื่น ร่ำรวยนะครูแอ๋ว”
“ขอบคุณนะจ๊ะลุงเหมือง”
ครูแอ๋วคือครูที่เคยสอนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา ภายหลังได้ลาออกจากราชการไปเปิดร้านกาแฟในตัวอำเภอเพราะมองเห็นลู่ทางในการทำธุรกิจร้านกาแฟ
“อ้อ ลุงเหมือง ตอนเย็นไปหาฉันที่บ้านหน่อยนะลุง พอดีว่าฉันเห็นลุงชอบปลูกผัก ฉันได้เมล็ดพันธ์มะเขือเทศมาน่ะ เลยว่าจะเอาให้ลุง เพราะอยู่กับฉันก็คงได้วางไว้เฉยๆ ฉันคงไม่ได้ปลูก กลัวเสียของ”
“ได้เลยครูแอ๋ว เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะเข้าไป”
ทั้งสองคนจบบนสนทนาต่อกันเพียงเท่านั้นและแยกย้ายกัน ลุงเหมืองปั่นจักรยานคู่ใจไปที่ทุ่งนาพร้อมกับสะพายข้องไว้ข้างเอว วันนี้ไม่ค่อยมีแดดทั้งยังมีฝนตกปรอย ๆ ตลอดทั้งวัน เมื่อมีฝนตก บริเวณทุ่งไร่ทุ่งนาก็มักจะมีปูนาไต่ขึ้นมาตามคันนาและตามถนน วันนี้ลุงเหมืองจับปูได้เกือบเต็มข้อง เมื่อเปิดข้องมองดูข้างในก็ดีอกดีใจยกใหญ่
ปูนาเป็นวัตถุดิบที่แม่ค้าร้านส้มตำชอบมากที่สุด เพราะมักจะซื้อไปดองไว้ใส่ส้มตำ ทั้งยังขายได้ราคาดีอีกด้วย หลังจากจับปูได้เกือบเต็มข้อง เวลาก็บ่ายแก่แล้ว ลุงเหมืองจึงเตรียมกลับบ้าน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะไปที่บ้านของครูแอ๋วตามที่ได้พูดคุยกันเมื่อช่วงสาย
“ครูแอ๋ว ลุงแบ่งปูนามาให้”
“โห ได้เยอะเหรอลุง”
“ได้เกือบเต็มข้องเลย ฝนตกปูออกเยอะ”
“ขอบคุณนะลุง รอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปหยิบของมาให้”
“ได้”
ไม่นานนักครู่แอ๋วก็เดินออกมาจากในตัวบ้านพร้อมกับถุงเมล็ดพันธุ์บางอย่างในมือ
“พอดีฉันได้มาจากคนรู้จัก เขาบอกว่าเป็นเมล็ดพันธ์มะเขือเทศ พันธุ์แดงหวานตะวันออก แต่ฉันก็ไม่รู้นะว่ามันจะเป็นแบบไหน แต่เอาไว้กับฉันก็ไม่ได้ปลูกเสียของเปล่า เห็นลุงชอบปลูกผัก เอาให้ลุงน่าจะมีประโยชน์กว่า”
“ขอบใจนะครูแอ๋ว ลุงจะลองปลูกดู”
“จ้ะลุง ขอบคุณสำหรับปูนานะจ๊ะ”
เมื่อได้รับเมล็ดพันธุ์เรียบร้อย ลุงเหมืองก็ปั่นจักรยานกลับบ้าน มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออก ลุงเหมืองเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ในเมื่อได้มันมาแล้ว ลองปลูกดูก็ไม่เสียหาย จะว่าไปในแปลงผักของเขาก็ยังไม่มีต้นมะเขือเทศเลย ถ้าปลูกเจ้านี่แล้วเกิดผล เผลอ ๆ ก็ได้เก็บกิน เก็บขายได้ด้วย แต่เจ้าเมล็ดพันธุ์อันนี้ เขาจะหว่านไว้ที่แปลงผักที่บ้านและแบ่งเอาไปปลูกที่แปลงผักโรงเรียนแค่นิดหน่อย
นอกจากลุงเหมืองจะปลูกผักที่แปลงผักของโรงเรียนแล้ว บริเวณบ้านของแก ลุงเหมืองยังได้ปลูกพืชผักสวนครัวตามรั้วไว้และมีแปลงผักอยู่หลังบ้านอีกด้วย
1 สัปดาห์ผ่านไป
เมล็ดพันธุ์ที่หว่านเอาไว้ก็ยังไม่แตกหน่อ
ลุงเหมืองเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ จนแล้วจนรอด เมื่อก้าวเข้าสู่วันที่ 17 ของการหว่านเมล็ดพันธุ์ ในวันนี้ลุงเหมืองได้เห็นต้นหน่อต้นเล็ก ๆ งอกขึ้นมาแล้ว
“แตกหน่อแล้ว!” ลุงเหมืองอุทานด้วยความดีใจ แกเฝ้าทะนุถนอม ดูแลเจ้าต้นมะเขือเทศเล็ก ๆ เป็นอย่างดี หมั่นรดน้ำ พรวดดิน ใส่ปุ๋ยบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดย่างเข้าสู้วันที่ 41 ของการปลูก ต้นมะเขือเทศของลุงเหมืองก็ออกดอก
“ในที่สุดก็ออกดอก อยากรู้จังว่าจะเหมือนมะเขือเทศตามตลาดรึเปล่า”
ลุงเหมืองเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ความดีใจเกิดขึ้นจนล้นอก ตอนนี้ไม่เพียงต้นมะเขือเทศที่แปลงผักของโรงเรียนเท่านั้นที่ออกดอกให้เห็น แต่ต้นมะเขือเทศที่ลุงเหมืองปลูกไว้ที่บ้านก็ออกดอกเช่นกัน
ลุงเหมืองเฝ้าฟูมฟักต้นมะเขือเทศมาประมาณเกือบ 4 เดือน ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมใส่ใจผักอื่น ๆ และหน้าที่ภารโรงของตนด้วย จนในที่สุดวันนี้ หลังจากที่ลุงเหลืองทำหน้าที่ภารโรงเสร็จสิ้น ปิดห้องเรียนครบทุกห้อง เก็บของเสร็จและเดินไปที่แปลงผักหลังโรงประชุม สิ่งที่เห็นก็ทำให้ลุงเหมืองต้องตาโต“โอ้โห ออกผลแล้ว”
ผลมะเขือเทศขนาดเล็กปรากฏตรงหน้า ไม่เสียแรงที่เฝ้าดูแลมาตั้งแต่หว่านเมล็ด ต่อไปก็รอให้ผลมะเขือเทศเติบโตพร้อมกับเกี่ยว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยปลูกมะเขือเทศพันธุ์นี้ ลุงเหมืองก็ไม่รู้ว่าต้องรอเวลานานเท่าไหร่ถึงจะเหมาะต่อกับเก็บเกี่ยว เขาจึงต้องเฝ้าดูทุกวัน
ผลมะเขือเทศเริ่มมีสีแดงขึ้นและลูกใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้หลังเลิกเรียน ลุงเหมืองก็เดินมาดูที่แปลงผักดั่งเช่นทุกวัน ผ่านมา 3 สัปดาห์แล้วหลังจากที่ต้นมะเขือเทศออกผล วันนี้ลุงเหมืองได้เห็นเต็มตา ว่าผลมะเขือเทศบนต้นทั้งลูกใหญ่ และมีสีแดงสดน่ารับประทาน
“โอ้โห มะเขือเทศแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ลูกใหญ่จังวะ สีก็แดงสวย”
ลุงเหมืองอุทานตาโตกับสิ่งที่เห็น พลางคิดในใจว่าระยะประมาณนี้น่าจะพอเก็บเกี่ยวแล้ว มือหนาล้วงไปกรรไกรที่พกติดไว้ในกระเป๋าคาดเอวคู่ใจ ค่อย ๆ บรรจงตัวมะเขือเทศมาประมาณ 5 ลูก
“ก่อนจะเอาไปขาย ต้องลองกินก่อนว่ารสชาติเป็นยังไง หรือจะเหมือนมะเขือเทศที่ซื้อตามตลาด”
เมื่อเก็บมะเขือเทศและผักอื่น ๆ เสร็จก็ปั่นจักรยานกลับบ้าน เมนูอาหารเย็นที่ลุงเหมืองทำวันนี้คือข้าวผัดไข่ใส่มะเขือเทศที่เก็บมา
“เหมือง วันนี้เอ็งทำอะไรกิน หอมเชียว”
“ทำข้าวผัดน่ะแม่ ใส่มะเขือเทศที่ฉันลองปลูกนั่นแหละ”
สองแม่ลูกลงมือกินข้าวเย็น แต่เมื่อตักคำแรกเข้าปาก ต่างก็ต้องตาโต
“นี่มันมะเขือเทศอะไร หวานอร่อย ใส่ข้าวผัดแล้วกลมกล่อมอร่อยมากเลย”
“นั่นสิแม่ อร่อยจริง ๆ เมล็ดมันครูแอ๋วให้ฉันมา”
“รสชาติไม่เหมือนมะเขือเทศตามตลาดที่เคยกินเลยนะ นี่มันมะเขือเทศของนอกรึเปล่า”
“ครูแอ๋วบอกว่าชื่อพันธุ์แดงหวานตะวันออก ของนอกเหมือนที่แม่ว่าละมั้ง มันอร่อยไม่เหมือนมะเขือเทศตามตลาดเลยเนาะ ฉันคิดว่าจะเพาะพันธุ์ปลูกนะแม่ ปลูกไว้ขาย จะปลูกที่แปลงผักบ้านเรานี่แหละ”
สองแม่ลูกพูดคุยกันไปพลาง กินไปพลาง ความสุขที่ได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าแม่ลูกนั้นมีทุกวัน แต่วันนี้อาหารมื้อเย็นกลับพิเศษกว่าทุกวัน นั่นคือ “ข้าวผัดไข่ใส่มะเขือเทศแดงหวาน” แสนอร่อยในแบบที่ไม่เคยกินจากที่ไหนมาก่อน...
เช้าวันใหม่ที่บ้านดอนแดงพัฒนา สายลมอ่อนพัดไหวผ่านยอดไม้ เสียงนกเอี้ยงร้องระงมรับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอุ่นพาดผ่านบ้านไม้หลังเก่าที่ยังตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเดิมของลุงเหมืองถึงแม้จะมีบ้านหลังใหม่ทันสมัยที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก แต่ลุงเหมืองก็ยังคงเก็บบ้านไม้หลังนี้ไว้ด้วยความรัก ที่แห่งนี้เป็นเหมือนหัวใจอีกดวงของเขา เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต บ้านที่ไม่ว่าจะมองไปที่ตรงมุมไหน ก็จะเห็นบรรยากาศความอบอุ่นที่ตราตรึงในความทรงจำอยู่เสมอเสียงรถกระบะคันใหม่สีแดงเข้มแล่นผ่านถนนลูกรังหน้าโรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายกมือไหว้ทักทายลุงเหมืองด้วยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย “กลับมากวาดโรงเรียนอีกแล้วเหรอลุงเหมือง”เสียงของคำชัยที่ยืนพิงเสาไม้หน้าร้านขายของชำเอ่ยทักขึ้นมาลุงเหมืองยิ้มกว้างตอบกลับ “ใช่ ต่อให้ก้าวหน้าไปได้ไกลก็ไม่ลืมจุดยืนเดิมของตัวเองหรอกคำชัย”โรงเรียนยังคงเหมือนเดิม เด็กนักเรียนยังใส่ชุดนักเรียนสีขาวสะอาดเดินเข้าแถวหน้าเสาธง เด็กบางคนเหลียวมองชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา ก้มหน้ากวาดพื้นทาง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาที่ลานหน้าบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีแดงอิฐเดินเข้าออฟฟิศกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงพูดคุยทักทายเบา ๆ ดังคลอท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นดินหลังฝนเมื่อคืนที่เพิ่งหยุดตกโชยมาแตะจมูกภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ลุงเหมืองยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ด มีแพรและหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ล้อมวงนั่งอยู่ด้านหน้า“อาทิตย์หน้าลุงจะต้องไปญี่ปุ่นเพื่อบรรยายที่เวทีระดับโลกนะครับลุงเหมือง”หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศพูดพลางเปิดแฟ้มงาน ลุงเหมืองพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่มั่นคง“แต่ก่อนที่ลุงจะไป ลุงอยากให้พวกเรากลับมาทบทวนว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง และเราจะเดินต่อไปแบบไหน”แพรเสริมขึ้นทันที “ใช่ค่ะ ลุงเหมืองพูดถูกที่สุด ทุกวันนี้เราไม่ใช่แค่ฟาร์มเล็ก ๆ แล้ว แต่เป็นบริษัทส่งออกที่มีพันธมิตรในหลายประเทศ มีคนไว้วางใจในคุณภาพมะเขือเทศของเรา นอกจากมะเขือเทศแล้ว เรายังมีผักอื่น ๆ อีกปลูกเพิ่มอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ลืมว่าเราเริ่มจากตรงไหน”ลุงเหมืองหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งที่ปกข้างหน้ามีคำเขียนด้วยลายมือว่า “แผนชีวิตจากแปลงด
เช้าวันหนึ่งในช่วงต้นฤดูหนาว แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานของลุงเหมืองภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด บนโต๊ะไม้เรียงรายไปด้วยแฟ้มงาน ปากกา และหนังสือเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แต่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่แสนยุ่งของบริษัท ในเช้าวันนี้กลับมีจดหมายฉบับหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษแพรเปิดซองจดหมายนั้นแล้วอ่านด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"ลุง เป็นจดหมายเชิญจากสำนักงานเกษตรจังหวัด เขาเชิญลุงไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานมหกรรมเกษตรประจำจังหวัดปีนี้ค่ะ"ลุงเหมืองเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ เขามีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน"เขาเชิญจริงเหรอ นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะเห็นค่าคนบ้านนอกอย่างลุง รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"แพรยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบกลับ "เขาไม่ใช่แค่เห็นนะคะลุง เขายังแนบมาด้วยว่า จะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ลุงในฐานะบุคคลต้นแบบเกษตรกรของจังหวัด และมอบโล่เกียรติคุณให้กับบริษัทของเรา ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อตรงต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ"ลุงเหมืองวางปากกาในมือลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งความภูมิใจ ทั้งความซาบ
เช้าวันจันทร์อันเงียบสงบ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเล็กในหมู่บ้านดอนแดงพัฒนา ในบ้านหลังเดิมที่ในตอนนี้เพิ่มเติมคือมีบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมตั้งอยู่บ้างกัน แม้จะปลูกบ้านหลังใหม่แล้ว แต่ลุงเหมืองก็ไม่ต้องรื้อบ้านไม้หลังเก่าออก นั่นก็เพราะที่นี่คือทุกความทรงจำวันนี้ลุงเหมืองตื่นขึ้นแต่เช้าตามนิสัยเดิม เขาเดินลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตสีซีดที่รีดเรียบไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกมายังเฉลียงหน้าบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวกับตัวเองเบา ๆ"อีกวันแล้วสินะ อีกวันของการได้สู้ต่อ"ถึงแม้วันนี้ลุงเหมืองจะไม่ต้องตอกบัตรเข้าโรงเรียนเหมือนสมัยก่อนตอนที่ยังเป็นภารโรง แต่กิจวัตรของเขากลับยุ่งยากกว่าเดิมนับสิบเท่า ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของบริษัทใหญ่ เป็นเจ้าของแบรนด์มะเขือเทศที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก เป็นแรงบันดาลใจของชาวบ้าน และก็ยังเป็นคนของชุมชนเสมอลุงเหมืองเดินไปยังกระถางต้นมะเขือเทศที่ตั้งเรียงไว้ข้างเฉลียง ยื่นมือไปลูบเบา ๆ ที่ใบเขียวชอุ่มและยิ้มอย่างพอใจ“ทุกอย่างเริ่มจากเจ้าพวกนี้สินะ”เช้าวันนั้น ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด สาขา
เสียงเครื่องคัดแยกผลผลิตดังกึกก้องอยู่ในโรงงานบรรจุมะเขือเทศของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด ลุงเหมืองในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนก้าวเท้าเข้าไปตรวจดูผลผลิตที่เพิ่งถูกบรรจุลงกล่องส่งออกล็อตใหม่ด้วยสายตาพึงพอใจจากแปลงผักเล็ก ๆ หลังบ้าน หลังโรงประชุมของโรงเรียน จากฟาร์มขนาด 1 ไร่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก วันนี้ชื่อของ "เหมืองแดง" ถูกพูดถึงในวงการเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในหลายเมืองใหญ่ของโลกเลือกใช้มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ปลูกด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นอดีตภารโรงจากบ้านดอนแดงพัฒนา ผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ผู้คนต่างรู้จัก“ลุงเหมืองครับ ออเดอร์จากดูไบรอบใหม่น่าจะส่งได้สัปดาห์หน้า ทีมคัดแยกอยากขอเพิ่มคนหน่อยครับ”เสียงของหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ลุงเหมืองพยักหน้าแล้วหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจ่อปาก“ฝ่ายบุคคลครับ ช่วยจัดคนเพิ่มที่ไลน์คัดแยกดูไบรอบใหม่ด้วยนะครับ”พูดจบ เขาก็หันไปยิ้มกับพนักงานคัดแยกคนหนึ่ง“ขอบใจมากนะ ขยันขันแข็งกันจริง ๆ ขอบคุณที่สู้ด้วยกัน”“ด้วยความยิ
เสียงรถตู้ของทีมงานจากต่างประเทศแล่นเข้ามาจอดที่หน้าฟาร์มเหมืองแดงในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อนของวันใหม่สาดส่องลอดผ่านต้นมะม่วงหน้าบ้าน เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ลิบ ๆ แต่เสียงนั้นกลับเบาไปถนัดตา เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาในตอนนี้“ลุงเหมืองมาแล้ว สารคดีต่างประเทศมาแล้ว”เด็ก ๆ วิ่งกรูมาตามถนนดินแดงที่เคยเงียบเหงา ส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านลุงเหมืองใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูสะอาดตา ตัดกับกางเกงผ้าสีเข้มยืนรออยู่หน้าฟาร์ม และมีแพรอยู่ข้าง ๆ ในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้เรียบง่าย ทั้งสองคนยิ้มแย้มแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลงดิน“ไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้” แพรพูดเบา ๆ“ลุงก็ไม่คิดเหมือนกัน แค่คิดว่าจะปลูกกินเอง ขายได้นิดหน่อยก็พอใจแล้ว”ทีมงานสื่อสารคดีจากญี่ปุ่นก้าวลงจากรถ เคย์โกะอยู่ข้างหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น“อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงเหมือง คุณแพร ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ”“ยินดีต้อนรับครับคุณเคย์โกะ ยินดีต้อนรับทุกคน เชิญทางนี้ครับ”ลุงเหมืองกล่าวน้ำเสียงมั่นใจและหนักแน่น แม้ภายในจะยัง