ดินสอไม้แท่งเดิมกับสมุดปกขาดที่ขอบยังคงวางอยู่บนโต๊ะไม้ริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทอดผ่านใบมะละกอหน้าบ้านตกกระทบกับหน้าโต๊ะอย่างพอดิบพอดี เสียงไก่ขันแว่วมาเป็นระยะ บรรยากาศยามเช้าในหมู่บ้านก็ยังคงเหมือนเดิมทุกวัน แต่ภายในหัวใจของลุงเหมืองกลับเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่กลับมาจากจังหวัดข้างเคียง ลุงเหมืองยังไม่ได้ตอบรับข้อเสนอเรื่องขอซื้อพันธุ์มะเขือเทศของคุณนายพันดาวทันที แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและให้เกียรติลุงเหมืองเป็นอย่างมาก แต่บางอย่างในใจลึก ๆ กลับกระซิบให้เขาลังเล กระซิบบอกว่า นี่ไม่ใช่ทางของเขา
ลุงเหมืองคิดหนักอยู่หลายวัน คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่และหนักแน่น ลุงเหมืองกดมือถือโทรหาคุณนายพันดาวในตอนเช้าวันหนึ่ง ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นสูงน้ำเสียงของเขาไม่มีความลังเล
“ผมขอบคุณคุณนายมากนะครับสำหรับโอกาสและความกรุณาทุกอย่าง แต่เรื่องขอซื้อพันธุ์ ผมขอเก็บไว้กับตัวเองดีกว่าครับ เพราะสำหรับผมแล้วมันไม่ใช่แค่เมล็ดพันธุ์ แต่มันคือรากของผมกับครอบครัว”
ปลายสายเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเข้าใจ
“ฉันเข้าใจค่ะลุง ขอบคุณที่พูดตรง ๆ นะคะ”
ในน้ำเสียงนั้นไม่มีความขุ่นเคืองใด ๆ ไม่มีการต่อรองเพิ่มเติม มีแค่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในระหว่างคนสองคนที่แตกต่างกันเหมือนมาจากคนละโลกแต่มีหัวใจที่รักในสิ่งเดียวกัน
หลังจากวางสายจากคุณนายพันดาว ลุงเหมืองถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่ รู้สึกเบาใจเหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ถึงแม้จะไม่ยอมขายพันธุ์มะเขือเทศ แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาก็ไม่ใช่น้อย ๆ เขาได้รับความรู้ใหม่ ๆ จากโรงเรือนของคุณนายพันดาวที่ไปเยี่ยมชมมา ลุงเหมืองได้จดทุกขั้นตอนการดูแลพืชในสภาพแวดล้อมควบคุมลงในสมุดบันทึกคู่กาย ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีราคาแพงแบบทีมงานของคุณนายพันดาว แต่เขาก็มีสมอง สองมือ และที่ดินผืนเดิมที่แสนคุ้นเคย
ลุงเหมืองเริ่มทดลองซื้อพลาสติกใสแบบประหยัดมากั้นพื้นที่เล็ก ๆ หน้าบ้านเพื่อใช้เป็นเรือนเพาะต้นกล้า เปลี่ยนเวลารดน้ำจากการใช้สายยางฉีดแบบมั่ว ๆ มาเป็นการรดน้ำตามรอบ ใช้ขี้เถ้าจากเตาฟืนมาผสมดินตามที่จดไว้ในสมุดบันทึก และเริ่มหาขวดน้ำเก่า ๆ มาตัดเป็นภาชนะทดลองปลูกแบบควบคุม
ใครจะว่าโบราณ ใครจะบอกว่านี่มันไม่ทันสมัยก็ช่างเขา แต่ลุงเหมืองเลือกที่จะเชื่อในความเรียบง่ายที่พอทำได้ในแบบของตัวเอง
ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ลุงเหมืองยังคงทำงานเป็นภารโรงของโรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนาเหมือนเดิม และยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นเดิม เด็กนักเรียนรู้จักเขาทุกคน ลุงเหมืองไม่ใช่แค่ภารโรงที่ทำความสะอาด แต่ยังเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเด็ก ๆ เป็นช่างประจำโรงเรียน เป็นคนตบหัวแล้วลูบหลังเวลาที่มีเด็กทะเลาะกัน
แต่ตอนนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ หลังเลิกเรียน ลุงเหมืองไม่ได้ขี่จักรยานเอาผักไปขายที่ตลาดเหมือนเดิมอีกแล้ว เขาเลือกกลับบ้านเร็วขึ้น เปลี่ยนเวลาขายผักมาเป็นเวลาคิด คำนวณ และปลูกมะเขือเทศเพิ่ม
ทุกวันเสาร์อาทิตย์ เขาจะวางมือจากเครื่องมือทำความสะอาด มาเปลี่ยนเป็นถือจอบ เสียบหมวกใบเก่าแล้วเดินไปดูแปลงปลูกผัก พร้อมกับจดบันทึกไว้ทุกอย่างว่าแสงแดดวันไหนแรงเกินไป ต้นไหนโตช้า หลังจากรดน้ำแล้วใช้เวลากี่วันกว่าจะออกดอก
ในตอนนี้ลุงเหมืองกำลังออกแบบ ‘วิธีการของตัวเอง’ อย่างจริงจัง จนกระทั่งวันหนึ่ง ลุงเหมืองไปตลาดในตัวอำเภอในตอนเช้าตรู่ตั้งใจจะไปซื้อเมล็ดผักเพื่อเอาไปปลูก และก็ได้พบใครบางคนที่นึกถึงอยู่ในใจโดยไม่คาดคิด
“อ้าว ลุงเหมือง” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
ลุงเหมืองหันไปเห็นแพรในเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระเป๋าผ้าสะพายข้างที่เต็มไปด้วยผักสด แพรยังคงยิ้มสดใสเหมือนเช่นเคย
“บังเอิญจังเลย ลุงมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“ลุงมาซื้อของ หนูแพรล่ะ”
“หนูมาซื้อผักให้แม่ แล้วก็แวะเดินเล่นนิดหน่อยค่ะ”
“ดีเลย ๆ ลุงมีเรื่องอยากคุยด้วยพอดี”
ทั้งสองคนเดินไปนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนตรงมุมข้างร้านกาแฟในตลาด ลุงเหมืองเล่าให้แพรฟังทุกอย่าง ตั้งแต่ไปดูโรงเรือนกับคุณนายพันดาว ไปจนถึงการตัดสินใจไม่ขายพันธุ์มะเขือเทศให้คุณนายพันดาว รวมไปถึงสิ่งที่เขากำลังทดลองทำในตอนนี้ แพรตั้งอกตั้งใจฟังทุกคำพูดของลุงเหมือง ไม่มีการพูดแทรกและไม่มีการขัดจังหวะใด ๆ
“หนูแพรยังจำคำที่หนูเคยพูดกับลุงได้ไหม” ลุงเหมืองถาม
แพรยิ้ม “เรื่องช่วยลุงถ้าลุงจะปลูกมะเขือเทศเพิ่มใช่ไหมคะ”
“ใช่...” ลุงเหมืองเอ่ยตอบพลางยิ้มบาง ๆ ส่งให้
“จำได้สิคะ ลุงจะเริ่มปลูกตอนไหนล่ะ”
“ลุงกำลังจะเริ่มแล้วล่ะ อยากจะขยับขยายจริงจังสักที ลุงไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไป ถึงจะเดินช้ากว่าคนอื่น แต่ก็อยากให้มันมั่นคงกว่าเดิม”
แพรพยักหน้า “แล้วลุงอยากให้หนูช่วยอะไรบ้างคะ”
“ลุงอยากได้สมองของหนุ่ม ๆ สาว ๆ แบบหนูมาช่วยคิด” ลุงเหมืองหัวเราะเบา ๆ
“พวกเรื่องวางผังแปลง การบันทึกผลผลิต การทำตารางเก็บเกี่ยว ลุงไม่ค่อยถนัด หนูช่วยดูให้หน่อยได้ไหม”
แพรหัวเราะตาม “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ หนูเต็มใจมาก ๆ เลย”
วันนั้น กลายเป็นวันเริ่มต้นของทีมเล็ก ๆ ของลุงเหมือง ทีมที่มีแค่สองคน คือลุงเหมืองกับแพร แต่กลับมีความมุ่งมั่นเกินร้อย
แพรเป็นครูสอนที่โรงเรียนในตัวอำเภอ และจะมาที่บ้านของลุงเหมืองทุกวันเสาร์ที่ไม่ได้ไปสอนหนังสือ เธอช่วยลุงเหมืองวางผังพื้นที่ใหม่ ลอกแปลนลงบนกระดาษ เขียนตารางเก็บข้อมูลผลผลิต ถ่ายรูปแต่ละแปลงเก็บไว้เปรียบเทียบการเจริญเติบโต และสอนให้ลุงเหมืองใช้สมาร์ตโฟนเก่า ๆ ที่เพิ่งซื้อมาแบบมือสองในการถ่ายภาพและบันทึกทุกอย่างไว้ใน G****e Sheet
“นี่นะลุง แค่จิ้ม ๆ แล้วก็จะดูตารางได้เลย ต่อไปก็ไม่ต้องเปิดสมุดทุกครั้งแล้ว” แพรสาธิตให้ดู
“โอ้โห เทคโนโลยีสมัยนี้นี่มันเจ๋งจริง ๆ เลยนะ” ลุงเหมืองหัวเราะแบบคนที่เพิ่งเจอโลกใหม่
วันเวลาเดินต่อไปอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ผลผลิตชุดใหม่เริ่มทยอยออกผล ลูกใหญ่ขึ้น สีสวยขึ้น และที่สำคัญ มีระบบรองรับแล้ว
ลุงเหมืองยังคงเป็นภารโรงเหมืองคนเดิม ยังคงยิ้มให้เด็กนักเรียน ยังคงจูงจักรยานคันเก่าไปขายผักที่ตลาดในบางวัน แต่ในความเงียบของแปลงผักหลังบ้านและแปลงผักหลังโรงประชุมของโรงเรียน ในสมุดบันทึกที่มีตัวเลขเขียนไว้อย่างละเอียด และในรอยยิ้มของแพรทุกวันเสาร์ มันกำลังมีบางอย่างที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างเงียบงัน
สิ่งนี้มันไม่ใช่แค่มะเขือเทศ แต่คือความหวังเล็ก ๆ ของคนที่เลือกจะเดินในเส้นทางที่หัวใจตัวเองร้องบอกให้เดิน ถึงแม้เส้นทางนั้นจะเป็นเส้นทางที่ไม่มีใครเลือกก็ตาม...
เช้าวันใหม่ที่บ้านดอนแดงพัฒนา สายลมอ่อนพัดไหวผ่านยอดไม้ เสียงนกเอี้ยงร้องระงมรับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอุ่นพาดผ่านบ้านไม้หลังเก่าที่ยังตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเดิมของลุงเหมืองถึงแม้จะมีบ้านหลังใหม่ทันสมัยที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก แต่ลุงเหมืองก็ยังคงเก็บบ้านไม้หลังนี้ไว้ด้วยความรัก ที่แห่งนี้เป็นเหมือนหัวใจอีกดวงของเขา เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต บ้านที่ไม่ว่าจะมองไปที่ตรงมุมไหน ก็จะเห็นบรรยากาศความอบอุ่นที่ตราตรึงในความทรงจำอยู่เสมอเสียงรถกระบะคันใหม่สีแดงเข้มแล่นผ่านถนนลูกรังหน้าโรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายกมือไหว้ทักทายลุงเหมืองด้วยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย “กลับมากวาดโรงเรียนอีกแล้วเหรอลุงเหมือง”เสียงของคำชัยที่ยืนพิงเสาไม้หน้าร้านขายของชำเอ่ยทักขึ้นมาลุงเหมืองยิ้มกว้างตอบกลับ “ใช่ ต่อให้ก้าวหน้าไปได้ไกลก็ไม่ลืมจุดยืนเดิมของตัวเองหรอกคำชัย”โรงเรียนยังคงเหมือนเดิม เด็กนักเรียนยังใส่ชุดนักเรียนสีขาวสะอาดเดินเข้าแถวหน้าเสาธง เด็กบางคนเหลียวมองชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา ก้มหน้ากวาดพื้นทาง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาที่ลานหน้าบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีแดงอิฐเดินเข้าออฟฟิศกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงพูดคุยทักทายเบา ๆ ดังคลอท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นดินหลังฝนเมื่อคืนที่เพิ่งหยุดตกโชยมาแตะจมูกภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ลุงเหมืองยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ด มีแพรและหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ล้อมวงนั่งอยู่ด้านหน้า“อาทิตย์หน้าลุงจะต้องไปญี่ปุ่นเพื่อบรรยายที่เวทีระดับโลกนะครับลุงเหมือง”หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศพูดพลางเปิดแฟ้มงาน ลุงเหมืองพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่มั่นคง“แต่ก่อนที่ลุงจะไป ลุงอยากให้พวกเรากลับมาทบทวนว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง และเราจะเดินต่อไปแบบไหน”แพรเสริมขึ้นทันที “ใช่ค่ะ ลุงเหมืองพูดถูกที่สุด ทุกวันนี้เราไม่ใช่แค่ฟาร์มเล็ก ๆ แล้ว แต่เป็นบริษัทส่งออกที่มีพันธมิตรในหลายประเทศ มีคนไว้วางใจในคุณภาพมะเขือเทศของเรา นอกจากมะเขือเทศแล้ว เรายังมีผักอื่น ๆ อีกปลูกเพิ่มอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ลืมว่าเราเริ่มจากตรงไหน”ลุงเหมืองหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งที่ปกข้างหน้ามีคำเขียนด้วยลายมือว่า “แผนชีวิตจากแปลงด
เช้าวันหนึ่งในช่วงต้นฤดูหนาว แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานของลุงเหมืองภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด บนโต๊ะไม้เรียงรายไปด้วยแฟ้มงาน ปากกา และหนังสือเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แต่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่แสนยุ่งของบริษัท ในเช้าวันนี้กลับมีจดหมายฉบับหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษแพรเปิดซองจดหมายนั้นแล้วอ่านด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"ลุง เป็นจดหมายเชิญจากสำนักงานเกษตรจังหวัด เขาเชิญลุงไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานมหกรรมเกษตรประจำจังหวัดปีนี้ค่ะ"ลุงเหมืองเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ เขามีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน"เขาเชิญจริงเหรอ นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะเห็นค่าคนบ้านนอกอย่างลุง รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"แพรยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบกลับ "เขาไม่ใช่แค่เห็นนะคะลุง เขายังแนบมาด้วยว่า จะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ลุงในฐานะบุคคลต้นแบบเกษตรกรของจังหวัด และมอบโล่เกียรติคุณให้กับบริษัทของเรา ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อตรงต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ"ลุงเหมืองวางปากกาในมือลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งความภูมิใจ ทั้งความซาบ
เช้าวันจันทร์อันเงียบสงบ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเล็กในหมู่บ้านดอนแดงพัฒนา ในบ้านหลังเดิมที่ในตอนนี้เพิ่มเติมคือมีบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมตั้งอยู่บ้างกัน แม้จะปลูกบ้านหลังใหม่แล้ว แต่ลุงเหมืองก็ไม่ต้องรื้อบ้านไม้หลังเก่าออก นั่นก็เพราะที่นี่คือทุกความทรงจำวันนี้ลุงเหมืองตื่นขึ้นแต่เช้าตามนิสัยเดิม เขาเดินลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตสีซีดที่รีดเรียบไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกมายังเฉลียงหน้าบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวกับตัวเองเบา ๆ"อีกวันแล้วสินะ อีกวันของการได้สู้ต่อ"ถึงแม้วันนี้ลุงเหมืองจะไม่ต้องตอกบัตรเข้าโรงเรียนเหมือนสมัยก่อนตอนที่ยังเป็นภารโรง แต่กิจวัตรของเขากลับยุ่งยากกว่าเดิมนับสิบเท่า ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของบริษัทใหญ่ เป็นเจ้าของแบรนด์มะเขือเทศที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก เป็นแรงบันดาลใจของชาวบ้าน และก็ยังเป็นคนของชุมชนเสมอลุงเหมืองเดินไปยังกระถางต้นมะเขือเทศที่ตั้งเรียงไว้ข้างเฉลียง ยื่นมือไปลูบเบา ๆ ที่ใบเขียวชอุ่มและยิ้มอย่างพอใจ“ทุกอย่างเริ่มจากเจ้าพวกนี้สินะ”เช้าวันนั้น ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด สาขา
เสียงเครื่องคัดแยกผลผลิตดังกึกก้องอยู่ในโรงงานบรรจุมะเขือเทศของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด ลุงเหมืองในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนก้าวเท้าเข้าไปตรวจดูผลผลิตที่เพิ่งถูกบรรจุลงกล่องส่งออกล็อตใหม่ด้วยสายตาพึงพอใจจากแปลงผักเล็ก ๆ หลังบ้าน หลังโรงประชุมของโรงเรียน จากฟาร์มขนาด 1 ไร่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก วันนี้ชื่อของ "เหมืองแดง" ถูกพูดถึงในวงการเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในหลายเมืองใหญ่ของโลกเลือกใช้มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ปลูกด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นอดีตภารโรงจากบ้านดอนแดงพัฒนา ผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ผู้คนต่างรู้จัก“ลุงเหมืองครับ ออเดอร์จากดูไบรอบใหม่น่าจะส่งได้สัปดาห์หน้า ทีมคัดแยกอยากขอเพิ่มคนหน่อยครับ”เสียงของหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ลุงเหมืองพยักหน้าแล้วหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจ่อปาก“ฝ่ายบุคคลครับ ช่วยจัดคนเพิ่มที่ไลน์คัดแยกดูไบรอบใหม่ด้วยนะครับ”พูดจบ เขาก็หันไปยิ้มกับพนักงานคัดแยกคนหนึ่ง“ขอบใจมากนะ ขยันขันแข็งกันจริง ๆ ขอบคุณที่สู้ด้วยกัน”“ด้วยความยิ
เสียงรถตู้ของทีมงานจากต่างประเทศแล่นเข้ามาจอดที่หน้าฟาร์มเหมืองแดงในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อนของวันใหม่สาดส่องลอดผ่านต้นมะม่วงหน้าบ้าน เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ลิบ ๆ แต่เสียงนั้นกลับเบาไปถนัดตา เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาในตอนนี้“ลุงเหมืองมาแล้ว สารคดีต่างประเทศมาแล้ว”เด็ก ๆ วิ่งกรูมาตามถนนดินแดงที่เคยเงียบเหงา ส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านลุงเหมืองใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูสะอาดตา ตัดกับกางเกงผ้าสีเข้มยืนรออยู่หน้าฟาร์ม และมีแพรอยู่ข้าง ๆ ในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้เรียบง่าย ทั้งสองคนยิ้มแย้มแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลงดิน“ไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้” แพรพูดเบา ๆ“ลุงก็ไม่คิดเหมือนกัน แค่คิดว่าจะปลูกกินเอง ขายได้นิดหน่อยก็พอใจแล้ว”ทีมงานสื่อสารคดีจากญี่ปุ่นก้าวลงจากรถ เคย์โกะอยู่ข้างหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น“อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงเหมือง คุณแพร ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ”“ยินดีต้อนรับครับคุณเคย์โกะ ยินดีต้อนรับทุกคน เชิญทางนี้ครับ”ลุงเหมืองกล่าวน้ำเสียงมั่นใจและหนักแน่น แม้ภายในจะยัง