ท้องฟ้าในเช้าวันอาทิตย์นั้นสดใสอย่างน่าประหลาด เมฆสีขาวลอยล่องบนท้องฟ้ากว้าง มีแสงแดดอบอุ่นทอผ่านต้นไม้ที่ยืนต้นเงียบงันมาหลายปี ลุงเหมืองยืนมองผืนดินเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดอะไรบางอย่าง มีทั้งความผูกพัน ความคาดหวัง และความฝันที่เคยหล่นหายไปตามกาลเวลา
ที่ดินผืนนี้ไม่ใหญ่ มีพื้นที่เพียงราว ๆ หนึ่งไร่เท่านั้น อยู่เลยหลังบ้านของลุงเหมืองออกไปแค่หน่อยเดียว เมื่อก่อนพ่อของลุงเหมืองใช้ปลูกข้าว ปลูกพริก ปลูกถั่ว แต่แล้วหลังจากที่พ่อของลุงเหมืองเสียชีวิต พื้นที่ตรงนั้นก็ถูกปล่อยว่างไว้มาตลอด
ถ้าหากจะถามว่าทำไมลุงเหมืองไม่ใช้พื้นที่ตรงนั้นปลูกข้าว คำตอบง่าย ๆ ก็คือการปลูกข้าวต้องมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ไหนจะต้องมีแรงกำลัง แต่ลุงเหมืองตัวคนเดียว ยายคำแดงผู้เป็นแม่ก็แก่มากแล้ว จะให้มาทำนาปลูกข้างก็คงไม่ไหว พื้นที่ตรงนี้ลุงเหมืองเลยทำเพียงปลูกพืชผักสมุนไพรเล็กน้อยไว้กินไว้ใช้เท่านั้น ส่วนข้าวสารที่กินอยู่ทุกวัน ก็ใช้เงินเดือนภารโรงซื้อมากิน เพียงแค่สองคนแม่ลูกก็ไม่ได้กินใช้อะไรมากมาย
แต่ตอนนี้ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว พื้นที่ตรงนี้กำลังจะได้รับการฟื้นฟูใหม่ เปลี่ยนแปลงใหม่
“ลุงแน่ใจนะ ว่าจะใช้ตรงนี้จริง ๆ” แพรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น
“แน่ใจสิ” ลุงเหมืองยิ้มพร้อมเอ่ยตอบ
“ที่นี่เป็นของพ่อลุง ลุงโตมากับมัน เห็นมันทั้งตอนเขียวขจี ทั้งตอนแห้งแล้ง ตอนนี้ ลุงจะทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
แพรพยักหน้าอย่างเข้าใจ “งั้นเราก็เริ่มเลยค่ะลุง”
ทั้งสองคนไม่ได้เสียเวลา ลุงเหมืองพาแพรเดินสำรวจบริเวณโดยรอบพื้นที่ ทั้งสองช่วยกันวัดขนาดโดยใช้เชือกกับไม้เป็นตัวช่วยในการวัด
แบ่งพื้นที่ถูกออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได้แก่ แปลงปลูกมะเขือเทศ ทางเดินระหว่างแปลง บ่อน้ำเล็ก ๆ ไว้เก็บน้ำฝน และมุมพักผ่อนใต้ต้นไม้
“ตรงนี้นะลุง” แพรชี้ไปยังมุมหนึ่งของที่ดิน
“หนูว่าเหมาะจะขุดบ่อไว้ใช้รดน้ำ ตรงกลางแปลงมันแฉะไปหน่อย ไม่เหมาะที่จะปลูกอะไร”
“อืม ก็จริง” ลุงเหมืองพยักหน้าเห็นด้วย
ด้วยความที่พื้นที่ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้าน การขนเครื่องมือเครื่องมือจึงสะดวก
ไม่กี่วันถัดมา ทั้งสองคนก็ช่วยกันขุดบ่อ ทุกขั้นตอนไม่ได้ใช้เครื่องจักรหรูหราอะไร มีแค่พลั่ว หยาดเหงื่อ และแรงใจเท่านั้น
“หนูแพร เคยขุดบ่อไหมเนี่ย” ลุงเหมืองแซวขณะที่ตักดินขึ้นไปเทบนผ้าใบ
“ไม่เคยเลยค่ะ นี่คือบ่อแรกในชีวิตเลย” แพรหัวเราะทั้งที่เหงื่อชุ่มไปทั้งหน้า
“แต่ก็สนุกดีนะคะ เหมือนเล่นดินตอนเด็ก ๆ เลย”
ลุงเหมืองหัวเราะตาม “เด็กสมัยนี้ดีแฮะ กล้าลงแรงกับของจริง”
หลังจากขุดบ่อจนลึกพอประมาณ ทั้งสองก็ใช้ผ้าพลาสติกรองกันซึมแล้วรองน้ำฝนเก็บไว้รอใช้ในยามแล้ง ต่อจากนั้นก็ถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือการปรับปรุงดิน
ลุงเหมืองใช้วิธีที่เขาเคยเห็นตอนไปเยี่ยมชมโรงเรือนของคุณนายพันดาว เขาของซื้อปุ๋ยคอกแห้งจากเพื่อนบ้านมา นำใบไม้แห้งและเศษพืชมาผสมเข้าด้วยกัน โรยปูนขาวในจุดที่ดินเป็นกรด แล้วปล่อยให้แดดฆ่าเชื้อ จากนั้นจึงไถกลับไปกลับมาเพื่อให้ดินฟูและร่วน
“ลุงคิดยังไงถึงตั้งชื่อฟาร์มว่า ‘ฟาร์มเหมืองแดง’ เหรอคะ” แพรถามขึ้นในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่กำลังช่วยกันรดน้ำพื้นที่แปลง
“เหมืองก็คือชื่อลุง ส่วนแดงเป็นตัวแทนของสองอย่าง คือแม่ลุง และมะเขือเทศที่เรากำลังจะปลูก”
“แม่ลุง คือยังไง”
“ก็แม่ลุงชื่อคำแดง คำว่าแดง ก็มาจากชื่อของแม่ลุงด้วย และยังแทนมะเขือเทศได้ด้วย”
“อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง”
“สิ่งที่เรากำลังจะปลูกมันไม่ใช่แค่ผัก แต่มันเป็นอนาคตใหม่ที่กำลังจะโตขึ้นตรงนี้”
แพรนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างส่งให้กับลุงเหมือง
“ลุงพูดดีจังค่ะ ฟังแล้วหนูอยากเขียนป้ายติดไว้หน้าฟาร์มเลย”
เมื่อดินพร้อม เมล็ดพันธุ์ที่ลุงเหมืองเก็บไว้อย่างดีในกล่องไม้ก็ถูกนำออกมา เขาเลือกเมล็ดที่สวยที่สุด สีเข้ม และผิวไม่ร้าว
“นี่คือเมล็ดพันธุ์ ‘มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออก’ ที่ลุงแยกทำเป็นเมล็ดพันธุ์ไว้ตั้งแต่เริ่มปลูกแรก ๆ”
เขาบอกแพรพลางยื่นเมล็ดส่งให้เธอ
“เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิกเลยนะ”
“ตอนนี้ มันพร้อมจะออกมาเผชิญแดดลมฝนอีกครั้งแล้ว”
ทั้งสองคนช่วยกันเพาะเมล็ดในถาดเพาะต้นกล้าเล็ก ๆ ที่เรียงเป็นระเบียบใต้ชายคา เฝ้ารดน้ำเช้า เย็น และบันทึกวันเริ่มปลูก
แพรสร้างตารางติดผนังไม้ ลุงเหมืองเขียนตัวเลขด้วยดินสอไว้ตรงช่องวันที่ ทุกครั้งที่เมล็ดงอกออกมาแม้เพียงต้นเดียว แพรก็จะยิ้มอย่างภูมิใจ และลุงเหมืองก็จะพึมพำกับตัวเองเสมอว่า
“ดีจริง ดีจริง”
การเจริญเติบโตเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป สัปดาห์แรกมีเพียงต้นกล้าสูงสองนิ้ว สัปดาห์ที่สองเริ่มมีใบจริงงอกตามมาก สัปดาห์ที่สี่ ต้นกล้าเริ่มแข็งแรงพร้อมที่จะย้ายลงดิน
วันเสาร์ของสัปดาห์นั้น ลุงเหมืองกับแพรนัดกันมาตั้งแต่เช้ามืด เมื่อถึงเวลานัด แพรเดินมาพร้อมกับถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งถุงใหญ่ ส่วนลุงเหมืองก็ต้มน้ำกระชายผสมกับใบเตยหอมไว้ดื่มคลายร้อน
“หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะลุง” แพรพูดพร้อมจับต้นกล้าขึ้นอย่างเบามือ
“หนูแพรรู้ไหม” ลุงเหมืองพูดขณะที่ค่อย ๆ ฝังต้นกล้าต้นหนึ่งลงดิน
“ลุงไม่เคยตื่นเต้นกับการปลูกผักเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้”
เมื่อต้นกล้าทุกต้นถูกย้ายลงแปลงแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันตอกป้ายไม้เล็ก ๆ ที่บนป้ายเขียนว่า “แดงหวานตะวันออก รุ่นที่ 12 ปลูกโดยลุงเหมืองกับแพร” หลังจากนั้น ในทุก ๆ วันแพรก็จะมาตอนเช้า หรือตอนเย็น ช่วยบันทึกการเติบโต รดน้ำ พรวนดิน กำจัดวัชพืช ทุกความเปลี่ยนแปลงถูกถ่ายรูปเก็บไว้ตลอด ทุกยอดอ่อนถูกเฝ้าดูด้วยสายตาของแพรที่ดูราวกับว่าเป็นลูกของตัวเอง
“ลุง ๆ ดูสิ” แพรตะโกนดีใจในเย็นวันหนึ่ง
“ออกดอกแรกแล้วค่ะ”
ดอกสีเหลืองเล็ก ๆ เบ่งบานอยู่กลางต้นอ่อนที่สุด ลุงเหมืองยิ้มบาน เป็นรอยยิ้มในแบบที่ไม่ต้องมีคำบรรยาย
เมื่อครบสองเดือน
ผลแรกก็เริ่มปรากฏ ลูกกลม ๆ เล็ก ๆ เริ่มมีสีเขียวอ่อนก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้ม และสีแดงฉ่ำตามลำดับ มีขนาดสม่ำเสมอไม่มีรอยจ้ำ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยขึ้นทันทีเมื่อสัมผัส
ลุงเหมืองประคองลูกมะเขือเทศลูกแรกใส่ฝ่ามือพลางยกขึ้นดูใกล้ ๆ น้ำตาสีใสเอ่อขึ้นตรงเบ้าตานิดหน่อยโดยไม่รู้ตัว
“มันสวยกว่าที่ลุงจำได้อีกนะ” เขากระซิบ
แพรยืนอยู่ข้าง ๆ ลุงเหมืองโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มส่งให้อย่างเงียบ ๆ
เพราะมันไม่ใช่แค่ความสำเร็จของการปลูกผัก แต่มันคือความภาคภูมิใจของคนธรรมดา ที่กล้าหันหลังให้ทางลัด และเลือกเดินในเส้นทางของตัวเอง
ในตอนนี้ “ฟาร์มเหมืองแดง” กลายเป็นชื่อที่มีความหมายขึ้นมาโดยไม่ต้องอธิบาย ชื่อที่ไม่ใช่แค่ติดบนป้าย แต่ยังฝังอยู่ในหัวใจของลุงเหมืองกับแพรอีกด้วย...
เช้าวันใหม่ที่บ้านดอนแดงพัฒนา สายลมอ่อนพัดไหวผ่านยอดไม้ เสียงนกเอี้ยงร้องระงมรับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอุ่นพาดผ่านบ้านไม้หลังเก่าที่ยังตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเดิมของลุงเหมืองถึงแม้จะมีบ้านหลังใหม่ทันสมัยที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก แต่ลุงเหมืองก็ยังคงเก็บบ้านไม้หลังนี้ไว้ด้วยความรัก ที่แห่งนี้เป็นเหมือนหัวใจอีกดวงของเขา เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต บ้านที่ไม่ว่าจะมองไปที่ตรงมุมไหน ก็จะเห็นบรรยากาศความอบอุ่นที่ตราตรึงในความทรงจำอยู่เสมอเสียงรถกระบะคันใหม่สีแดงเข้มแล่นผ่านถนนลูกรังหน้าโรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายกมือไหว้ทักทายลุงเหมืองด้วยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย “กลับมากวาดโรงเรียนอีกแล้วเหรอลุงเหมือง”เสียงของคำชัยที่ยืนพิงเสาไม้หน้าร้านขายของชำเอ่ยทักขึ้นมาลุงเหมืองยิ้มกว้างตอบกลับ “ใช่ ต่อให้ก้าวหน้าไปได้ไกลก็ไม่ลืมจุดยืนเดิมของตัวเองหรอกคำชัย”โรงเรียนยังคงเหมือนเดิม เด็กนักเรียนยังใส่ชุดนักเรียนสีขาวสะอาดเดินเข้าแถวหน้าเสาธง เด็กบางคนเหลียวมองชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา ก้มหน้ากวาดพื้นทาง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาที่ลานหน้าบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีแดงอิฐเดินเข้าออฟฟิศกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงพูดคุยทักทายเบา ๆ ดังคลอท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นดินหลังฝนเมื่อคืนที่เพิ่งหยุดตกโชยมาแตะจมูกภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ลุงเหมืองยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ด มีแพรและหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ล้อมวงนั่งอยู่ด้านหน้า“อาทิตย์หน้าลุงจะต้องไปญี่ปุ่นเพื่อบรรยายที่เวทีระดับโลกนะครับลุงเหมือง”หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศพูดพลางเปิดแฟ้มงาน ลุงเหมืองพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่มั่นคง“แต่ก่อนที่ลุงจะไป ลุงอยากให้พวกเรากลับมาทบทวนว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง และเราจะเดินต่อไปแบบไหน”แพรเสริมขึ้นทันที “ใช่ค่ะ ลุงเหมืองพูดถูกที่สุด ทุกวันนี้เราไม่ใช่แค่ฟาร์มเล็ก ๆ แล้ว แต่เป็นบริษัทส่งออกที่มีพันธมิตรในหลายประเทศ มีคนไว้วางใจในคุณภาพมะเขือเทศของเรา นอกจากมะเขือเทศแล้ว เรายังมีผักอื่น ๆ อีกปลูกเพิ่มอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ลืมว่าเราเริ่มจากตรงไหน”ลุงเหมืองหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งที่ปกข้างหน้ามีคำเขียนด้วยลายมือว่า “แผนชีวิตจากแปลงด
เช้าวันหนึ่งในช่วงต้นฤดูหนาว แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานของลุงเหมืองภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด บนโต๊ะไม้เรียงรายไปด้วยแฟ้มงาน ปากกา และหนังสือเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แต่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่แสนยุ่งของบริษัท ในเช้าวันนี้กลับมีจดหมายฉบับหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษแพรเปิดซองจดหมายนั้นแล้วอ่านด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"ลุง เป็นจดหมายเชิญจากสำนักงานเกษตรจังหวัด เขาเชิญลุงไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานมหกรรมเกษตรประจำจังหวัดปีนี้ค่ะ"ลุงเหมืองเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ เขามีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน"เขาเชิญจริงเหรอ นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะเห็นค่าคนบ้านนอกอย่างลุง รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"แพรยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบกลับ "เขาไม่ใช่แค่เห็นนะคะลุง เขายังแนบมาด้วยว่า จะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ลุงในฐานะบุคคลต้นแบบเกษตรกรของจังหวัด และมอบโล่เกียรติคุณให้กับบริษัทของเรา ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อตรงต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ"ลุงเหมืองวางปากกาในมือลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งความภูมิใจ ทั้งความซาบ
เช้าวันจันทร์อันเงียบสงบ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเล็กในหมู่บ้านดอนแดงพัฒนา ในบ้านหลังเดิมที่ในตอนนี้เพิ่มเติมคือมีบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมตั้งอยู่บ้างกัน แม้จะปลูกบ้านหลังใหม่แล้ว แต่ลุงเหมืองก็ไม่ต้องรื้อบ้านไม้หลังเก่าออก นั่นก็เพราะที่นี่คือทุกความทรงจำวันนี้ลุงเหมืองตื่นขึ้นแต่เช้าตามนิสัยเดิม เขาเดินลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตสีซีดที่รีดเรียบไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกมายังเฉลียงหน้าบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวกับตัวเองเบา ๆ"อีกวันแล้วสินะ อีกวันของการได้สู้ต่อ"ถึงแม้วันนี้ลุงเหมืองจะไม่ต้องตอกบัตรเข้าโรงเรียนเหมือนสมัยก่อนตอนที่ยังเป็นภารโรง แต่กิจวัตรของเขากลับยุ่งยากกว่าเดิมนับสิบเท่า ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของบริษัทใหญ่ เป็นเจ้าของแบรนด์มะเขือเทศที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก เป็นแรงบันดาลใจของชาวบ้าน และก็ยังเป็นคนของชุมชนเสมอลุงเหมืองเดินไปยังกระถางต้นมะเขือเทศที่ตั้งเรียงไว้ข้างเฉลียง ยื่นมือไปลูบเบา ๆ ที่ใบเขียวชอุ่มและยิ้มอย่างพอใจ“ทุกอย่างเริ่มจากเจ้าพวกนี้สินะ”เช้าวันนั้น ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด สาขา
เสียงเครื่องคัดแยกผลผลิตดังกึกก้องอยู่ในโรงงานบรรจุมะเขือเทศของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด ลุงเหมืองในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนก้าวเท้าเข้าไปตรวจดูผลผลิตที่เพิ่งถูกบรรจุลงกล่องส่งออกล็อตใหม่ด้วยสายตาพึงพอใจจากแปลงผักเล็ก ๆ หลังบ้าน หลังโรงประชุมของโรงเรียน จากฟาร์มขนาด 1 ไร่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก วันนี้ชื่อของ "เหมืองแดง" ถูกพูดถึงในวงการเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในหลายเมืองใหญ่ของโลกเลือกใช้มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ปลูกด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นอดีตภารโรงจากบ้านดอนแดงพัฒนา ผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ผู้คนต่างรู้จัก“ลุงเหมืองครับ ออเดอร์จากดูไบรอบใหม่น่าจะส่งได้สัปดาห์หน้า ทีมคัดแยกอยากขอเพิ่มคนหน่อยครับ”เสียงของหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ลุงเหมืองพยักหน้าแล้วหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจ่อปาก“ฝ่ายบุคคลครับ ช่วยจัดคนเพิ่มที่ไลน์คัดแยกดูไบรอบใหม่ด้วยนะครับ”พูดจบ เขาก็หันไปยิ้มกับพนักงานคัดแยกคนหนึ่ง“ขอบใจมากนะ ขยันขันแข็งกันจริง ๆ ขอบคุณที่สู้ด้วยกัน”“ด้วยความยิ
เสียงรถตู้ของทีมงานจากต่างประเทศแล่นเข้ามาจอดที่หน้าฟาร์มเหมืองแดงในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อนของวันใหม่สาดส่องลอดผ่านต้นมะม่วงหน้าบ้าน เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ลิบ ๆ แต่เสียงนั้นกลับเบาไปถนัดตา เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาในตอนนี้“ลุงเหมืองมาแล้ว สารคดีต่างประเทศมาแล้ว”เด็ก ๆ วิ่งกรูมาตามถนนดินแดงที่เคยเงียบเหงา ส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านลุงเหมืองใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูสะอาดตา ตัดกับกางเกงผ้าสีเข้มยืนรออยู่หน้าฟาร์ม และมีแพรอยู่ข้าง ๆ ในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้เรียบง่าย ทั้งสองคนยิ้มแย้มแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลงดิน“ไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้” แพรพูดเบา ๆ“ลุงก็ไม่คิดเหมือนกัน แค่คิดว่าจะปลูกกินเอง ขายได้นิดหน่อยก็พอใจแล้ว”ทีมงานสื่อสารคดีจากญี่ปุ่นก้าวลงจากรถ เคย์โกะอยู่ข้างหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น“อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงเหมือง คุณแพร ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ”“ยินดีต้อนรับครับคุณเคย์โกะ ยินดีต้อนรับทุกคน เชิญทางนี้ครับ”ลุงเหมืองกล่าวน้ำเสียงมั่นใจและหนักแน่น แม้ภายในจะยัง