로그인ลูกชายของฉันตายแล้ว ถูกคนทุบหัวตายอยู่ในห้องน้ำที่แสนคับแคบ สามีที่เป็นครูใหญ่เร่งรีบมาถึงที่เกิดเหตุ แต่กลับอุ้มผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นลูกชายของคนที่เขารักขึ้นรถโรงพยาบาล แล้วรีบร้อนจากไป ก่อนตาย ลูกชายปลอบใจฉันว่า “แม่ครับ อย่าร้องไห้เลย พ่อไม่เชื่อผม ผมไม่เสียใจเลยสักนิด” “ขอแค่แม่เชื่อผมก็พอแล้ว...” ในงานศพของลูกชาย ฉันโทรหากู้ถิงอวี้ เขากลับตะคอกใส่ฉันด้วยความโมโห “เสี่ยวซินต้องเย็บที่แขนสองเข็ม ก็เพราะถูกลูกชายของคุณข่วนจนเป็นแผล! ถ้าคุณยังไม่เลิกตอแยผมอีก ผมกลับไปเมื่อไหร่จะตบเขาให้ตาย!” ลูกชายของคุณ? ฉันมองรูแผลที่มีขนาดเท่าชามบนหน้าผากที่ไม่มีเลือดไหลออกมาแล้วของลูกชาย ก่อนจะหลับตาลง ใช่ เขาคือลูกชายของฉัน... เพราะฉะนั้น กู้ถิงอวี้ ลูกชายของฉันตายแล้ว ฉันกับคุณก็ไม่มีอะไรผูกมัดกันอีกแล้ว ……
더 보기กู้ถิงอวี้มองฉันอย่างตะลึง “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเสิ่นโหรว?”“เพราะเสิ่นโหรวไปแล้ว ไม่มีใครดูแลคุณ ดังนั้นคุณเลยนึกถึงฉันขึ้นมา แต่ถ้าเธอกลับมา คุณก็จะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ในหัวใจและในสายตาของคุณก็จะมีแต่แม่ลูกคู่นั้นใช่ไหม?”กู้ถิงอวี้ขมวดคิ้วด้วยความจนใจ “ผมบอกไปตั้งนานแล้ว ผมกับเสิ่นโหรวบริสุทธิ์ใจต่อกัน ทำไมคุณยังไม่เชื่อ?”ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะดื้อรั้นขนาดนี้ ฉันเลยเปิดเผยการเสแสร้งที่หลอกตัวเองของเขา“ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน ดึกๆ ดื่นๆ เธอโทรหาคุณ บอกว่าเน็ตที่บ้านเสีย ให้คุณไปซ่อมให้น่ะเหรอ?”“ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน เธอสวมชุดนอนสายเดี่ยว ถ่ายรูปใกล้ชิดกับคุณแล้วโพสต์ลงโมเมนต์ในไลน์น่ะเหรอ?”“ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน คุณดูแลเธอเป็นพิเศษ ให้ความสำคัญกับเธอก่อน แล้วเอาเงินส่วนกลางพาเธอไปเที่ยวน่ะเหรอ?”“ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน คุณไม่สนใจคำอธิบายของลูกชายตัวเอง แต่ไปเชื่อคำโกหกของสองแม่ลูก สุดท้ายก็ปล่อยให้ลูกชายแท้ๆ ถูกพวกเขาทำร้ายจนตายน่ะเหรอ?”ฉันสูดหายใจเข้า ไม่อยากจะยกตัวอย่างไปมากกว่านี้แล้ว“กู้ถิงอวี้ ไม่จำเป็นต้องนอกกาย
ศาลตัดสินไม่นานหลังจากนั้นโจวรุ่ยซินและเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้รับโทษที่พวกเขาสมควรได้รับศาลยังได้ตัดสินว่าเป็นคดีแพ่ง โจวรุ่ยซินต้องชดเชยเงินจำนวนหนึ่งให้กับฉัน เสิ่นโหรวในฐานะผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้ชดใช้ แต่ฉันเอาไปบริจาคให้กับเขตภูเขาที่ยากจนทันทีเสิ่นโหรวลาพักร้อนเป็นเวลานาน ช่วงเวลานี้ไม่ได้มาโรงเรียนเลย ฉันได้ยินมาว่าเธอแอบย้ายบ้านไปเงียบๆ เพราะถูกเพื่อนบ้านนินทากู้ถิงอวี้ก็ถูกพักงาน เพราะเว่ยหลินเฟิงตรวจเจอหลักฐานว่าเขารับสินบนชีวิตดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติ แต่ในใจของฉันกลับไม่สามารถสงบลงได้ขณะที่ฉันเดินอยู่ในโรงเรียน ก็มักจะหยุดเดินบ่อยๆ เพราะตรงหน้าเหมือนมีเงาของฮ่าวฮ่าวปรากฏขึ้นที่สนามบาสเกตบอล เด็กชายรูปร่างผอมเหงื่อโชกไปทั้งตัว การโยนลูกบาสก็ไม่ด้อยไปกว่านักบาสเหล่านั้นบนสนามกีฬาลู่วิ่ง ทุกเช้าเด็กชายจะวิ่งอย่างอดทน มีระเบียบวินัยในตัวเอง จนแม้แต่ฉันที่เป็นแม่ที่เอาแต่พูดถึงเรื่องควบคุมน้ำหนักแต่กลับห้ามปากไม่ได้ยังรู้สึกละอายใจในห้องเรียน เด็กชายที่ตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน แม้ว่าใบหน้าจะดูโตเป็นผู้ใหญ่บ้างแล้ว แต่เวลาที่เขาเห็นฉัน
เมื่อเสิ่นโหรวมาที่บ้านของฉัน กู้ถิงอวี้ก็กำลังโทรขอความช่วยเหลืออย่างร้อนรน“ผู้อำนวยการจาง ใช่แล้วครับๆ ผมกู้ถิงอวี้ มีเรื่องจะรบกวนท่าน…”ฉันเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าไม่แยแส แววตาแดงก่ำของเสิ่นโหรวก็มองมาที่ฉันอย่างเย็นชา“อาอวี้ล่ะ?”เมื่อเห็นว่าฉันไม่พูดอะไร เธอก็พยายามจะบุกเข้ามา แต่ฉันเตะไปที่หน้าท้องของเธอจนล้มลงไป“อู๋ลี่! เธอบ้าไปแล้วเหรอ?!”“ใช่ ฉันมันบ้า ตอนที่ลูกชายของเธอทุบลูกฉันจนตาย ฉันก็บ้าแล้ว!”ดวงตาของเสิ่นโหรวหลบทันที แล้วบ่นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ“เสี่ยวซินไม่ได้ตีลูกชายของเธอเลยนะ แต่ลูกชายของเธอกลับข่วนแขนของเสี่ยวซิน! หนี้ก้อนนี้ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย!”ในชีวิตนี้ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน!“อยากคิดบัญชี งั้นเธอก็ไปแจ้งตำรวจสิ! คุยกับตำรวจเรื่องบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นโดยพลการของเธอด้วย” ฉันพูดด้วยยิ้มเย็นชา“ลูกชายของเธอกำลังขาดเพื่อนเข้าคุกด้วยพอดี เธอก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเขาสิ”ในที่สุดสีหน้าของเสิ่นโหรวก็อ่อนลง เธอทรุดตัวลงกับพื้นด้วยท่าทีน่าสงสาร น้ำตาไหลพรากราวกับสายฝนครู่ต่อมา จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านหลังฉัน
เมื่อฉันกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้วไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ ฉันตรงเข้าห้องนอนโดยไม่แม้แต่จะมองร่างที่ยืนอยู่หน้ารูปของฮ่าวฮ่าว“ที่รัก...”ฝีเท้าของฉันชะงักทันที รู้สึกประหลาดใจและโศกเศร้ากู้ถิงอวี้ไม่ได้เรียกชื่อนี้กับฉันมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่เสิ่นโหรวและลูกชายของเธอโผล่หน้ามา เขาจะเรียกฉันว่า ‘ครูอู๋’ หรือไม่ก็ ‘นี่’คำแรกเป็นการเรียกแบบให้เกียรติเวลาทำงาน ส่วนคำหลังเป็นการดูถูกเวลาอยู่บ้านฉันไม่สนใจเขา ผลักประตูห้องนอนและกำลังจะเดินเข้าไปแต่เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้น กู้ถิงอวี้คว้าแขนของฉันเอาไว้ฉันหันหน้าไปด้วยความโกรธ ตอนที่เห็นสภาพของเขา ฉันก็ตะลึงทันทีไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง แววตาของเขากลับดูเหนื่อยล้า ที่คางมีตอหนวด และรอยฝ่ามือที่ฉันตบเขาไปก่อนหน้านั้นเขาดูโทรมมาก ทว่าฉันเห็นแล้วกลับรู้สึกว่ามันน่าขำ“ที่รัก ผม...ผมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องกับฮ่าวฮ่าว ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมได้ไหม?”“ยกโทษเหรอ?” ฉันหัวเราะเย็นชา ชี้ไปที่ภาพของฮ่าวฮ่าวแล้วถาม“คุณทำให้ลูกชายของฉันฟื้นขึ้นมาได้ไหมล่ะ? คุณทำให้เหมือนว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้ไหม? ถ้าคุณทำได้ ฉันจะยกโ





