กลางแดดเปรี้ยงยังมียายแก่ก้มๆ เงยๆ ยายไหมกำลังหย่อนเมล็ดผักลงหลุมที่เตรียมไว้ ครั้นตั้งใจจะปลูกอีกครั้งหลังจากเสียหายเพราะพายุลูกใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้ ก็เห็นว่ามีเงาคนเดินเข้าใกล้ ในความคิดก็คงเป็นมะลิที่กลับมาจากหาของป่า แต่ทว่าต้องชะงักพร้อมกับคิ้วเหี่ยวที่ย่นเข้าหากันก่อนวางกระป๋องเมล็ดผักลงกองดิน เมื่อเงาที่ว่าเหมือนเป็นผู้ชายหลายคนก็ตกใจ คนแก่ชราทำอะไรก็เชื่องช้า ค่อยๆ หมุนตัวไปดูก็พลันตกใจอย่างหนัก เมื่อมีชายฉกรรจ์แปลกหน้า แต่งตัวใส่ชุดสูทสีดำแล้วยังสวมแว่นตาดำอีกด้วย หน้าตาดูโหดยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนพวกมาเฟียไม่มีผิด
“พวกคุณเป็นใครกัน” ยายไหมถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ติดสั่น มองชายฉกรรจ์ด้วยความกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนนิ่งๆ “พวกฉันเป็นคนของเจ้าสัวหัสดิน” “เจ้าสัวหัสดิน!!” พอนึกชื่อได้ หญิงแก่ก็เข่าอ่อนขาทรุดในทันที ยกมือไหว้พลางเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เพราะเจ้าสัวหัสดินคือเจ้าหนี้ที่ลูกชายตัวเองแอบเอาที่ดินผืนปัจจุบันไปจำนองนอกระบบ ยายไหมน้ำตาไหลออกมา ครั้นเจ้าสัวส่งคนมายึดที่ดินที่ใช้อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ได้แต่ก้มกราบเท้าคนอายุน้อยกว่า “เฮ้ย! ยายไม่ต้องมาไหว้ เอาเงินมาคืนแล้วพวกฉันจะไป” “เงิน ยังไม่มีหรอกพ่อหนุ่ม ยังไม่มีตอนนี้” “ไม่มีไม่ได้ ผ่านมากี่ปีแล้วยาย” “ไม่มีจริงๆ จ้ะพ่อหนุ่ม” ยายไหมยังยกมืออ้อนวอนหวังให้คนของเจ้าสัวหัสดินเมตตา แต่กระนั้นการตามเอาเงินคืนมาจากสั่งของเหมราช การทำธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบ หากมัวแต่สงสารคงได้ล่มจมเพราะหนี้สูญ แต่เมื่อเก็บเงินคืนไม่ได้ก็จำเป็นต้องยืด แต่มองไปแล้วพื้นที่ตรงนี้ช่างไม่คุ้มค่ากับเงินเสียเลย มะลิเดินหอบมาด้วยความเหนื่อย พลันดวงตาเบิกโพลงอย่างหนักเมื่อเห็นชายแปลกหน้ายืนจังก้าไม่ชอบมาพากล แล้วยังเห็นว่ายายตัวเองนั่งร้องไห้ต่อหน้าชายฉกรรจ์เพราะถูกขู่ยึดที่ดิน รีบทิ้งตะกร้าไม้ไผ่บนหลังแล้ววิ่งเข้ามาตบตีคนตัวโตโดยไม่กลัวตาย ฝ่ามือน้อยๆ ทุบชายแปลกหน้าแล้วเข้ามากอดยายแก่ๆ ที่เอาแต่ร้องเป็นวรรคเป็นเวร “ยายจ๋า” “ฮือ...มะลิ” “พวกคุณมาทำอะไร” “เขามายึดบ้านกับที่ดินเรามะลิ” ยายไหมเป็นคนตอบออกมา พอได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย มองผู้ชายหน้าตาดุดัน พลันนัยน์ตาก็แดงก่ำ จะทำยังไงต่อ ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีเงินสักบาทที่จะไถ่ถอนที่ดินจากนายทุนนอกระบบคืน “ขอเวลาหน่อยได้ไหมจ๊ะ” “หมดเวลาแล้ว นายสั่งให้มายึด” “ยึดไปก็ไม่ได้ราคา” มะลิเองก็พอทราบ ในทีแรกตั้งใจจะขายให้กับคนมีเงินที่หวังจะเอามาทำรีสอร์ต หากเหลือจากการไถ่ถอนและโอนชื่อให้เจ้าใหม่ก็คงเหลือได้ซื้อที่ดินเล็กๆ อยู่กันแค่สองคน แต่พอประเมินราคา ที่ดินของยายกลับไม่ได้ราคาอย่างที่คาดหวัง หมู่บ้านห่างไกลความเจริญ เดินทางลำบาก แล้วยังเสี่ยงต่อดินบนภูเขาถล่มลงมาเพราะเคยเกิดขึ้นมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่ดินตรงนี้เลยถูกเรียกว่าเป็นที่ดินตาบอด นอกจากไม่ได้ราคายังไม่พอกับจำนวนเงินที่เป็นหนี้อีกฝ่ายอีกด้วย “ตกลงจะไม่จ่าย” ” “ไม่มีนี่จ้ะ มะลิกับยายหาอยู่ รอก่อนได้ไหม” กรุงเทพ... Rrrr เสียงมือถือของลมเหนือดังขึ้น ขณะที่ยืนรอเอกสารจากเจ้านายของตน มองหน้าจอที่มีสายเข้าเป็นไอ้สองคนที่ส่งไปยึดที่อื่นที่เชียงราย “ไอ้เดชโทรมาครับคุณเหม” “อืม” เหมราชพยักหน้าแล้วตอบเพียงสั้นๆ หันกลับมาตั้งใจดูรายได้ของกาสิโนแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิด ส่วนลมเหนือก็กดรับสายแล้วสนทนากับคนที่โทรเข้ามา “ว่ายังไงเดช ยึดที่ได้หรือได้เงินมา” (ไม่ได้อะไรเลยพี่ มีแต่ยายแก่ๆ กับหลานสาวคนหนึ่ง) “ไม่มีเงิน ไม่ให้ยึด” ลมเหนือพูดออกมา ทว่าในสายที่เขาได้ยินคือเสียงร้องห่มร้องไห้ดังมากกว่าเสียงลูกน้องลำดับน้อยลงไป พลางเลิกคิ้วนึกไม่ออกว่าต้องจัดการยังไงต่อ ก่อนจะหันมาถามความคิดของเจ้านายที่นั่งนิ่งด้วยท่าทางเรียบๆ “คุณเหมครับ ลูกหนี้ไม่มี ไม่หนีไม่จ่าย” สเตปเดิมที่เจอแทบทุกราย ถ้าไม่ใช้ไม้แข็งก็คงไม่ยอมจ่ายแต่โดยดี… เหมราชได้ยินก็หยิบเหล้าที่วางไว้ด้านข้างเทลงแก้ว ยกดื่มไปหนึ่งอึกแล้วมองลมเหนือที่รอคำตอบจากเจ้านาย “เอาตัวมันมาใช้หนี้” “ยายแก่ๆ กับเด็กแค่คนเดียว” “ใครที่มันพอมีแรงทำงานก็เอามา” เหมราชตอบกลับอย่างหัวเสีย เงินจำนวนมากที่ไม่ได้คืนเพราะเตี่ยวางแผนธุรกิจไม่เป็น ฉะนั้นคงไม่พ้นวิธีนี้ที่เขาใช้มาแล้วกับลูกหนี้หลายคน เมื่อลมเหนือได้รับคำสั่งก็ส่งต่อคำสั่งนั้นให้ลูกน้องในสายทันที ส่วนเหมราชก็นั่งดื่มแอลกอฮอล์มองตัวเลขที่เป็นกำไรจากกาสิโนแห่งใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพอใจเช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื