บ้านหลังน้อยตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ถัดไปไม่กี่กิโลเมตรก็เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ บรรยากาศในยามพลบค่ำค่อนข้างเย็น บนท้องฟ้ามีมวลเมฆจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนสีดำเพราะพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้น
‘ยายไหม’ หญิงชราที่เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ครอบครัวที่ว่าเหลือเพียงตัวเองและหลานสาวหนึ่งคน ดวงตาหม่นหมองด้วยสายตาละเหี่ย แปลงผักที่เพิ่งลงเมล็ดไปเมื่อกลางวัน หากโดนฝนเทกระหน่ำคงเสียหายไปมาก ความหวังจะเก็บเงินสักก้อนไปไถ่ถอนที่ดินมาคืนก็คงริบหรี่ ครั้นลูกชายตัวดีแอบเอาที่ดินไปจำนองนายทุนนอกระบบ ก่อนจะถูกยิงตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว “ยายจ๋า...เข้าบ้านเถอะจ้ะ” เสียงหวานแว่วออกมาทางประตู ‘มะลิ’ หลานสาววัยยี่สิบปีชะโงกหน้าเรียกยายเข้าบ้านเพราะด้านนอกลมเริ่มกระโชกแรง “...” “ฝนจะตกแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง สามวันดีสี่วันไข้ โดนละอองฝนนิดหน่อยก็เป็นหวัดหอบกันไปโรงพยาบาลในอำเภอ มะลิไม่อยากให้ยายยืนกลางแจ้งอยู่แบบนั้น มานั่งด้านในค่อยเปิดหน้าต่างแง้มดูยังเบาใจกว่านี้ ยายไหมเห็นในความเป็นห่วงของหลานสาว ก็เดินเข้ามาทะลุไปหลังครัว นั่งบนเก้าอี้ไม้ที่พังอยู่รอมร่อมองไปด้านนอกด้วยแววตาสิ้นหวัง “ตกหนักจะอี้จะเหลืออะหยังมะลิ” (ตกหนักแบบนี้จะเหลืออะไรมะลิ) พูดไปน้ำตาก็คลอไป ความเป็นอยู่ไม่ได้ขัดสนถึงขั้นอดมื้อกินมื้อ ถือว่าสบายตามประสาชาวบ้าน แต่เพราะมีหนี้ก้อนโตที่พ่อของมะลิก่อไว้แล้วดันมาตายเสียก่อน จ่อคอราวกับเป็นมีดเตรียมเฉือน ไม่รู้วันไหนเขาจะเดินทางมายึด ถึงตอนนั้นคงไม่มีแม้แต่บ้านอยู่ คนอายุน้อยก็พอรู้เรื่องนี้มาบ้าง ยอมเรียนจบแค่ ม.6 ออกมาทำงานช่วยยายเก็บเงิน เพื่อรอให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แต่เหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลก พอเริ่มมีเงินเก็บบ้าง เจ้าหนี้หน้าตาแปลกก็ทวงยันหน้าบ้านอยู่ร่ำไป “อุ้ยจะไปกึดหยังเน้อ มะลิยังอยู่ จะจ้วยอุ้ยหาเงินเอง” (ยายอย่าคิดมากนะ มะลิยังอยู่ จะช่วยยายหาเงินเอง) “ขอบใจ๋เน้อมะลิ” (ขอบใจนะมะลิ) มือเหี่ยววางบนศีรษะของหลานสาวแล้วลูบเบาๆ มองออกไปด้านนอกที่กำลังกระหน่ำด้วยหยาดน้ำฝนชนิดที่ว่ามืดฟ้ามัวดิน มองไม่เห็นต้นไม้ด้านนอกเสียเลย ทั้งยังแอบสงสารหลานสาวคนเดียว สละอนาคตตัวเอง ทั้งที่กำลังจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีเพื่อออกมาช่วยทำงานหาเงิน06:00
เสียงไก่จากบ้านข้างๆ ที่อยู่กันประมาณห้าร้อยเมตรดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนของเช้าวันใหม่ มะลิตื่นแต่เช้าตรู่ สะพายตะกร้าที่สานจากไม้ไผ่เดินเท้าในระยะไม่กี่กิโลเมตรเข้าไปในป่าบริเวณทางขึ้นเขาลูกใหญ่ เพราะมรสุมพายุที่ตกต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้พืชผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากขึ้น แต่พืชผลจากแปลงเกษตรของยายไหมถูกธรรมชาติทำลายจนไม่เหลือให้ผลิดอกออกผล เพราะฝนที่ตกหนักต่อเนื่องกันหลายวัน ทำต้นไม้ใบหญ้าก็เขียวชอุ่มหลังจากแห้งแล้งมานานหลายเดือน มะลิตั้งใจเข้ามาเก็บผักนานาชนิดที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ ส่วนยายแก่ๆ ก็ยังไม่ละความพยายาม ถือจอบสนิมกรังขุดหลุมเตรียมปลูกผักอีกรอบ ครั้นยังหวังว่าผักที่ตัวเองมีความชำนาญในการปลูกจะช่วยให้มีเงินพอได้เก็บ เพราะยังมีภาระก้อนโตรอให้แก้ไข คนอายุน้อยเดินดุ่มๆ เข้าสู่เขตป่าใหญ่ แม้มะลิจะมีมือถือเครื่องเก่าพอใช้ติดต่อสื่อสารได้ แต่เมื่อเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นป่ารกทึบก็ไม่ต่างจากเป็นคนสมัยก่อนเสียเลย สัญญาณที่เรียกว่าเทคโนโลยีการสื่อสารก็ดับสนิทไม่สามารถติดต่อกับใครได้ “หน่อไม้ป่า” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น มะลิมองไปยังกอไผ่ใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คราวนี้มีหน่อไม้เล็กใหญ่ผุดเหนือดินขึ้นมาเยอะแยะ รีบจัดการใช้มีดปลายแหลมที่พกมาตัดหน่อไม้ที่อยู่ตรงหน้าแล้ววางใส่ตะกร้าที่สะพายมาอย่างอารมณ์ดี นอกจากนั้นยังมีเห็ดบางชนิดที่ผุดขึ้นตามพื้นดินเป็นหย่อมๆ มะลิค่อนข้างตาไวเพราะวิชาการหาของป่าได้มาจากยายไหม พอจะสังเกตได้ว่าอันไหนคือเห็ดกินได้อันไหนคือเห็ดมีพิษ หรือที่เรียกกันว่าเห็ดเมานั่นเอง “โห! เยอะขะหนาด” ตื่นตาตื่นใจจนพูดภาษาถิ่นออกมา ตอนแรกประเมินด้วยสายตาก็ดูไม่มาก แต่เมื่อตั้งใจเก็บดีๆ มันก็เกือบเต็มตะกร้า หากเก็บไว้กินเองก็คงไม่หมด เน่าเสียจะแอบเสียดายไปเปล่าๆ สิ่งที่จะทำได้ต่อไปนี้คือการแบ่งไปขายแล้วเก็บเล็กผสมน้อยช่วยยายอีกแรง มะลิดีใจไม่น้อยที่ตัดสินใจเข้าป่าตามลำพังในวันนี้ ความเพลิดเพลินในการเก็บของป่าทำมะลิไม่ได้มองทางเสียเท่าไหร่ พลันลื่นดินลาดชัน ทำเนื้อตัวไปเกี่ยวหนามจนเป็นแผลบนผิวขาวๆ หลายจุด ก็รีบลุกขึ้นในทันทีครั้นตั้งสติได้ว่าตัวเองไม่ทันระวัง “โอ๊ยมะลิ...ไม่ระวังตัวเลย ถ้าเดินตกเขาทำยังไงเนี่ย” แอบตำหนิตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวที่มีแต่ดินเลอะ จากนั้นก้มเก็บดอกเห็ดและหน่อไม้ที่หลุดจากตะกร้า ดวงตาสีอ่อนเชิดมองขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าแสงพระอาทิตย์เริ่มจะตรงหัว หากให้คาดเดาตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสิบสองนาฬิกา ยกนิ้วขึ้นมานับ เดินในป่าคนเดียวมาเกือบห้าชั่วโมง แต่ความรู้สึกมะลินึกว่าตัวเองเพิ่งมา แต่หากกลับช้ากว่านี้ยายคงเป็นห่วง มะลิรีบพาตัวเองเดินออกมา ใช้เวลานานพอสมควรครั้นตัวเองเดินไปไกลมากกว่าที่ตั้งใจไว้ โชคดีที่มะลิไม่หลงป่าเพราะมีรอยเท้าเดิมของตัวเองเป็นร่องรอยทิ้งให้เห็นและออกมาได้ในที่สุด จากนั้นเร่งก้าวเท้าให้ยาวที่สุด แม้ที่จริงจะเป็นคนขาสั้นก็ตาม ทั้งของป่าที่สะพายมาหนักเสียจนทำมะลิเดินหลังค่อมและออกมาอย่างทุลักทุเล “ยายเห็นคงดีใจ”เช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื