Share

บทที่ 4

Penulis: เจว๋เหริน
ณ โรงแรมเพนนินซูล่า ห้องของประธานาธิบดี

ที่นั่งฝั่งตรงข้ามของหานซานเฉียนคือหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งหน้าอย่างวิจิตรงดงาม สวมชุดที่มีสีทองสลับเงิน และมีท่วงท่าที่สง่างาม

“ซานเฉียน ในที่สุดลูกก็มาหาแม่สักที แม่มีความสุขมากเหลือเกิน” ผู้หญิงคนนี้ชื่อฉือจิง เธอเป็นแม่ของหานซานเฉียน

เมื่อเผชิญหน้ากับมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสามปี หานซานเฉียนกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร และเขาแทบจะไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำไป

“ใครจะไปคิดว่าลูกชายคนสุดท้องของตระกูลหานที่ถูกทอดทิ้งอย่างผม วันนึงเกิดมีประโยชน์ขึ้นมา? ผมไม่เคยคิดมาก่อน คุณเองก็คงจะคิดเหมือนกัน” หานซานเฉียนยกมุมปากขึ้นเบา ๆ

“ซานเฉียน แม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วมันไม่ยุติธรรมกับลูก แต่มันเป็นการตัดสินใจของคุณย่า และแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย” ฉือจิงกล่าวขึ้นอย่างไม่สบายใจ

หานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า “สามปี? ในสายตาของคุณ ความอยุติธรรมเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วเองงั้นเหรอ?”

“สิบสามปีที่แล้ว เขาอายุสิบสองขวบ มีเพียงแค่ชื่อเขาอยู่บนเค้กวันเกิดเท่านั้น ทุกคนคงคิดว่าเขามีความสุข แต่ทุกคนคงลืมไปว่าผมอายุน้อยกว่าเขาแค่ห้านาทีเท่านั้น และตั้งแต่นั้นมา ความไม่ยุติธรรมก็ตกมาที่ผม สิบสามปีที่แล้ว เขาพูดประจบจนทุกคนหลงรัก แล้วผมล่ะ? ไม่ว่าผมจะพยายามมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเรียนได้เกรดดีเท่าไหร่ พวกคุณก็ไม่เคยเห็นค่าผมในสายตาด้วยซ้ำ”

“ถ้าเขาไม่ติดคุก คุณจะนึกถึงผมไหม?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหานไม่มีทายาทแล้ว คุณจะยังนึกได้ไหมว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ชื่อหานซานเฉียนคนนี้อยู่?”

“ท่านไม่คู่ควรกับการเป็นย่าของผม และคุณก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของผมด้วย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ ได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้

“ตระกูลหานติดหนี้ผมหลายอย่าง และผมจะทวงมันคืนมาให้หมด”

“เธอบอกว่าเธอไม่อยากโดนดูถูก และเธอไม่อยากเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอีกต่อไป”

ฉือจิงสูดหายใจเข้าลึก ค่อย ๆ สงบอารมณ์ของเธอและพูดว่า “เมืองหยุนเฉิงจะก่อตั้งบริษัทใหม่ และลูกจะต้องรับผิดชอบมันทั้งหมด”

“เหอะ ๆ นี่เป็นการทดสอบที่ท่านใช้กับผมเหรอ ถึงแม้ว่าตระกูลหานจะไม่ยอมรับในตัวผม แต่ท่านก็ยังสงสัยในความสามารถของผมอยู่ใช่ไหม?” หานซานเฉียนมองไปที่แม่ของเขาด้วยแววตาที่ลุกโชนเป็นไฟ ก่อตั้งบริษัทใหม่โดยให้เขาเป็นเจ้าของ ฟังแล้วดูดีเหลือเกิน แต่เขารู้ว่านี่เป็นเพียงบททดสอบที่คุณย่ากำหนดให้เขาเท่านั้น มีเพียงการตั้งใจบริหารบริษัทของหยุนเฉิงเท่านั้นที่จะทำให้เขามีโอกาสได้สืบทอดตระกูลหาน

ฉือจิงพยักหน้ารับและไม่ได้พูดตอบอะไร

“ตกลง ผมจะแสดงให้ท่านเห็นว่าใครกันแน่ที่มีคุณสมบัติสืบทอดตระกูลหาน และจะทำให้ท่านเสียใจที่ดูถูกผม ยังไงก็ตาม ผมไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เพื่อตระกูลหาน แต่ผมทำเพื่อเธอ”

เมื่อหานซานเฉียนออกจากห้องของโรงแรมแล้ว ฉือจิงจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา

“คุณแม่คะ เขาตกลงแล้วค่ะ”

“ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้นฉันจะบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหาน และจะไม่ทิ้งเงินให้เขาสักหยวนเดียว”

ฉือจิงเงียบ และเธอก็ไม่ได้พูดตอบอะไรอีก เพราะไม่ใช่เพียงแค่หญิงชราของตระกูลหานเท่านั้น แม้แต่เธอเองก็ให้ความสำคัญกับพี่ชายของหานซานเฉียนมากกว่า หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับ เธอก็ไม่เคยคิดจะไม่มาที่เมืองหยุนเฉิงนี้เลย

วันรุ่งขึ้น ข่าวออกอย่างครึกโครมราวกับพายุในหยุนเฉิง

ตระกูลหานจะก่อตั้งบริษัทใหม่ในเมืองหยุนเฉิง ในฐานะยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาของเมืองหยุนเฉิงอย่างแน่นอน สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่บริษัทใหม่ของตระกูลหาน โดยหวังจะได้เป็นหุ้นส่วนในครั้งนี้

สามวันต่อมา ตระกูลหานได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการในเมืองหยุนเฉิง ซึ่งจดทะเบียนในนามบริษัทลั่วเฉว

ทุกคนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะชื่อบริษัทใหม่ของตระกูลหานนั้นแปลกมาก ทำให้เกิดข้อสงสัยใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

บริษัทลั่วเฉวซื้อที่ดินรกร้างที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาทั้งหมดทางตะวันตกของเมือง เพื่อสร้างเขตเมืองใหม่ ไม่มีใครสงสัยในความแข็งแกร่งของบริษัทลั่วเฉว แม้จะมีข่าวลือที่หลุดออกมา และหลายคนก็เชื่อว่า ในอนาคตเมืองหยุนเฉิงทางทิศตะวันตกคงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุด

ทันใดนั้น ประตูของบริษัทลั่วเฉวก็เกือบจะพัง เพราะหุ้นส่วนนับไม่ถ้วนต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามา โดยหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท

ตระกูลซูซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง จึงไม่แปลกที่พวกเขาต้องการเป็นหุ้นส่วน และบางคนก็สงสัยว่าตระกูลหานนี้ คือตระกูลหานที่ส่งของขวัญหมั้นมาให้

สิ่งนี้ทำให้บรรดาสาวโสดที่ยังไม่แต่งงานของตระกูลซูมีความสุขมาก และรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเป็นเวลาหลายวันหลายคืน เพราะการที่จะได้แต่งงานกับคนของตระกูลหานนั้นยิ่งใหญ่มาก

แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อตระกูลซูมาขอเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาก็ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้ เมื่อญาติทุกคนของตระกูลซูมาถึงก็เริ่มการจัดประชุมภายในบริษัทขึ้น

หญิงชราของตระกูลซูนั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร มองดูเหล่าญาติที่สิ้นหวังของเธอ และกล่าวขึ้นว่า “คราวนี้เรามีคู่แข่งมากมาย แต่ทุกคนคงจะรู้ดีว่า หากเราได้ร่วมมือกับบริษัทลั่วเฉว มันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลซูมากแค่ไหน มันอาจทำให้ตระกูลของเราเป็นตระกูลแถวหน้าในเมืองหยุนเฉิงเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่พลาดโอกาสนี้”

“แม่ครับ พวกเราทุกคนพยายามทุกวิถีทางแล้ว แม้แต่เจ้าของบริษัทลั่วเฉวเราก็ยังไม่ได้เห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ”

“ใช่ และฉันก็สงสัยว่าพวกเราอาจจะดวงไม่สมพงษ์บริษัทลั่วเฉวหรือเปล่า”

“ดูเหมือนว่าตระกูลหานที่ให้ของหมั้นกับเราจะเป็นคนละตระกูลหานเลยนะ”

ทุกคนรู้สึกท้อแท้ แต่หญิงชราของตระกูลซูพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ตอนนี้พวกแกโยนความผิดไปให้ดวงชะตาเหรอ? อีกอย่างบริษัทลั่วเฉวไม่ใช่บริษัทที่ตัดสินใจจะเป็นหุ้นส่วนกับใครเพียงวันเดียว ดังนั้นตระกูลซูของเราก็ยังมีโอกาส ถ้ายังไม่ได้เจอกับเจ้าของบริษัท ทุกคนก็ผลัดกันไปรอที่หน้าประตูบริษัททุกวัน”

ทุกคนผลัดกันไปยืนรออยู่ที่หน้าประตูบริษัทบริษัทลั่วเฉวทุกวัน นี่มันจะไม่เป็นเรื่องน่าขันเหรอ?

ทุกคนในตระกูลซูต่างก็เห็นแก่ศักดิ์ศรีของตนเอง และพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้

ซูหยิงเซี่ยก้มหัวลง และเห็นซูไห่เฉาก็บังเอิญเข้าจึงหัวเราะเยาะเธอในใจ งานแบบนี้เหมาะกับเธอที่สุดจะหลบทำไม?

“คุณย่าครับ ช่วงนี้หยิงเซี่ยไม่ได้มีงานอะไร แต่พวกเรายังมีงานต้องทำอีกมากมาย หรือเราจะให้เธอไปทำงานนี้คนเดียวดีครับ?” ซูไห่เฉาแนะนำ

ประโยคนี้กระตุ้นให้ผู้คนอื่น ๆ เห็นด้วยในทันที

“ใช่ ซูหยิงเซี่ยไม่มีอะไรที่จะต้องทำอยู่แล้ว”

“เราอย่าปล่อยให้เธอมาเป็นแมลงในบริษัทเฉย ๆ ไม่ได้ เพราะเธอเองก็หากินจากบริษัทเหมือนกัน ดังนั้นเธอก็ต้องทำงานหนักเพื่อบริษัทด้วย”

“งานนี้เหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว”

ที่ซูหยิงเซี่ยก้มหน้าไม่ใช่เพราะหลบซ่อน แต่โทรศัพท์ของเธอสั่น และมีใครบางคนส่งข้อความมาหาเธอต่างหาก

ข้อความถูกส่งโดยหานซานเฉียน และเนื้อหานั้นสั้น ๆ ง่าย ๆ

ไปเจรจากับบริษัทลั่วเฉว เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในบริษัท

ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงส่งข้อความแบบนั้นมาหาเธอ ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำหน้าบูดบึ้ง เธอจะสามารถช่วยทำข้อตกลงนี้ได้เหรอ?

“หยิงเซี่ย เธอเต็มใจจะทำไหม?” หญิงชราของตระกูลซูถามโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองซูหยิงเซี่ย

ซูหยิงเซี่ยชินกับการต้องทำงานหนักแบบนี้แล้ว งานไหนที่ทำไม่สำเร็จ เธอก็ต้องมาเป็นแพะรับบาปแทน ต่อให้เธอจะไม่ได้เต็มใจอยากทำมันก็ตาม

“คุณย่าคะ ฉันเต็มใจค่ะ” ซูหยิงเซี่ยตอบ

จินไห่เฉายิ้มอย่างผู้ชนะ และพูดว่า “หยิงเซี่ย เธออย่าขี้เกียจนะ ถ้าเธอพลาดโอกาสที่จะได้ทำข้อตกลงกับเจ้าของบริษัทลั่วเฉว เธอจะต้องรับผิดชอบ”

“ใช่ นี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับตระกูลซูของพวกเรา อย่าทำเป็นพูดว่าเต็มใจทำ แต่จริง ๆ แล้วเธอแอบขี้เกียจ”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ก็หาคนติดตามและจับตาดูเธอไว้ไหม”

ซูหยิงเซี่ยฟังคำพูดเหล่านี้แล้วกัดฟันด้วยความเจ็บใจ เธอก็คือสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซู และนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ แต่เธอกลับได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนนอก และยังต้องให้คนมาจับตาดูเธออีก?

“จากประวัติของเธอที่เคยทำงานพลาด ฉันคิดว่าควรหาใครสักคนมาติดตามเธอจะดีกว่า”

“ฉันเห็นด้วย”

ญาติกลุ่มหนึ่งพยักหน้า และหญิงชราของตระกูลซูก็เห็นด้วยจึงพูดขึ้นว่า “งั้นเธอก็พาใครสักคนไปกับเธอด้วย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถช่วยเธอได้”

ซูหยิงเซี่ยกำมือแน่นและรู้สึกไม่พอใจมาก เมื่อเธอคิดถึงข้อความที่หานซานเฉียนส่งถึงเธอ เธอก็โพล่งออกมาอย่างหุนหันพลันแล่นว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันจะไม่ขี้เกียจ และฉันจะเจรจาการเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้ให้ได้”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ห้องประชุมทั้งห้องก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น

“ซูหยิงเซี่ย เธอไม่มีสมองเลยใช่ไหม พวกเรายังทำไม่ได้ แล้วเธอจะทำได้ยังไง?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ผมได้ยินในปีนี้เลย ผมขำจะตายแล้ว”

ดวงตาของซูไห่เฉาเปล่งประกาย เขาตั้งใจฉวยโอกาสนี้เพื่อที่จะไล่ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยให้ออกไปจากตระกูล

แม้ว่าครอบครัวของซูหยิงเซี่ยจะไม่น่าสนใจ แต่เธอก็เป็นหนึ่งในตระกูลซู ในอนาคตหากคุณย่าเสียชีวิต เธอก็จะได้รับทรัพย์สมบัติของตระกูลบางส่วนเช่นกัน แต่ถ้าซูหยิงเซี่ยถูกไล่ออกจากตระกูลซูไปได้ ก็จะลดคนแย่งสมบัติไปได้อีกหนึ่งคน

“ซูหยิงเซี่ย เธอพูดเองนะ แล้วถ้าเธอทำไม่ได้ล่ะจะทำยังไง” ซูไห่เฉากล่าว

ซูหยิงเซี่ยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอพูดออกไป แต่ตอนนี้ถ้าเธอแสดงให้เห็นว่าเธอสิ้นหวังมันจะกลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน

“ถ้าเธอทำได้ ฉันจะคอยยกน้ำชาให้เธอตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และยอมเรียกเธอว่าพี่เซี่ย แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ เธอต้องออกไปจากตระกูลซูซะ แบบนี้ดีไหมล่ะ?”

“ได้”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Piyapattra Samungkun
ทำไมตระกูลหานต้องขนสินสอดไม่ระบุตัวคนรับไปให้ย่าซูหยิงเซียด้วยทำไมไม่ให้พ่ออม่ซูหยิงเซียกดลัวคุณย่าฮุบไว้แล้วเอาไปแบ่งหลานๆ ไม่ยุติธรรมเฮ้อ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1455

    เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1454

    “เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1453

    เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1452

    เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1451

    “เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1450

    ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status