Share

บทที่ 3

“เมื่อหงส์เหินถวิลหา หวีทองคำด้ามหนึ่ง"

“หงส์เหินถึง ปิ่นทองคำหนึ่งด้าม"

“ประคำหยกมงคลสุขให้โชคหนึ่งเส้น"

“กำไรทองคล้องคู่มังกรหงส์หนึ่งคู่"

“ถ้วยชามตะเกียบคู่ชุดหนึ่ง คะนึงถึงสัมพันธ์คู่รักเอย"

...

เมื่อฟังรายการของขวัญ ผู้คนในตระกูลซูต่างมองหน้ากัน มันจะเป็นของขวัญสำหรับหญิงชราของตระกูลซูได้อย่างไร นี่มันของขวัญสำหรับเจ้าสาวชัด ๆ!

“ของขวัญเงินสดมูลค่า แปดร้อยแปดสิบแปดล้านหยวน”

ทุกคนในตระกูลซูต่างตกตะลึง

เมื่อธนบัตรร้อยหยวนสีแดงสดถูกนำมาวางไว้อยู่ตรงหน้าพวกเขา คนในตระกูลซูทั้งห้องอาหารต่างก็พากันเงียบกริบ ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจแผ่วเบา

แปดร้อยแปดสิบแปดล้านหยวนสำหรับตระกูลอันดับสองอย่างตระกูลซู ของขวัญเช่นนี้มีมูลค่ามหาศาลนัก

หญิงชราของตระกูลซูลุกขึ้นยืน โดยใช้ไม้ค้ำพร้อมกับเดินเข้าไปหาผู้ที่มาส่งของขวัญ และถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครกัน แล้วคุณชอบลูกสาวคนไหนของตระกูลซู”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสาวโสดในตระกูลซูที่ยังไม่แต่งงาน ต่างพากันตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร แต่ในเมื่อเขาสามารถมอบสินสอดทองหมั้นที่น่าตกใจเช่นนี้ได้ คงจะต้องเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นแน่ และการได้เป็นสะใภ้ของตระกูลที่ร่ำรวยนั้น ก็เป็นสิ่งที่พวกเธอวาดฝันไว้

ใบหน้าของซูหยิงเซี่ยซีดเผือด เธอเป็นสาวสวยเพียงคนเดียวของตระกูลซูที่แต่งงานแล้ว ซึ่งหมายความว่าสาว ๆ คนอื่นล้วนมีโอกาส มีเพียงเธอเท่านั้นที่ไม่มีความเป็นไปได้เลย

"ผมรับผิดชอบแค่การส่งมอบของขวัญเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นผมไม่รู้อะไรเลย" ผู้ส่งมอบของขวัญมาเร็วไปเร็ว แถมยังไม่ทิ้งข้อมูลอะไรไว้อีก

ทุกคนในตระกูลซูนั้นก็ต่างพากันจับจ้องไปที่ทองคำพร้อมด้วยหยกที่ส่องประกายแสงสว่างแพรวพราว และแบงค์สีแดงที่มีมูลค่าแปดร้อยแปดสิบแปดล้านหยวน ทำเอาหลายคนเริ่มน้ำลายสอ ถ้าลูกสาวของพวกเขามีค่าขนาดนี้ พวกเขาก็จะมีอำนาจมาก และจากนี้ไปทุกคนทั้งตระกูลซูจะต้องพึ่งพาพวกเขา

“นี่ต้องเป็นของฉันแน่ เพราะฉันเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในตระกูลซู” ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงที่มีรูปร่างเซ็กซี่ก็กล่าวขึ้น

“อ้าว อ้าว อ้าว เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นของใคร เธอจะรีบร้อนตัดสินเอาเองได้ยังไง?”

“ใช่ เราทุกคนต่างก็มีโอกาส มันจะเป็นของเธอได้ยังไง ฉันคิดว่านายน้อยผู้มั่งคั่งคนนี้อาจจะจงใจปกปิดตัวตนเอาไว้ บางทีเขาอาจจะตกหลุมรักฉันก็ได้”

ผู้หญิงที่วัยเยาว์หลายคนเริ่มแข่งขันกัน และครอบครัวก็เริ่มมีความแตกแยกเกิดขึ้น

“อย่าทะเลาะกัน พวกเธอมีโอกาสกันทุกคน แต่น่าเสียดายที่ใครบางคนได้แค่มองดูเท่านั้น” ตอนที่ซูไห่เฉาพูด เขาจงใจเหลือบไปมองที่ซูหยิงเซี่ย

ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงใคร และทุกคนต่างก็หัวเราะ

“ใช่ ๆ คู่แข่งของเราน้อยลงหนึ่งคน”

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณหานซานเฉียน”

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เราจะมีคู่แข่งเพิ่มอีกหนึ่งคน”

หานซานเฉียนก้มหน้าลง สีหน้าของเขามืดมนและสีหน้าซ่อนด้วยความดุร้าย คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าตระกูลหานเป็นใคร แต่เขานั้นรู้ดี

ต้องการชดเชยอย่างนั้นเหรอ?

มันผ่านมาตั้งสามปีแล้ว ฉันหานซานเฉียน คนนี้ยังต้องการมันอยู่อีกหรอ?

“อย่าทะเลาะกัน ย่าจะเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ก่อน หลังจากที่ผู้มอบของขวัญแสดงตัว เราจะรู้ว่าใครคือคนที่เขาชอบ แล้วย่าจะมอบของหมั้นนี้ให้แก่คนคนนั้น” ทันทีที่หญิงชราตัดสินใจ ทุกคนต่างก็หยุดเถียงกันทันที

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยก็ขับรถออกไปโดยไม่รอหานซานเฉียน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่วันที่หานซานเฉียนได้เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว อย่าพูดถึงสินสอดเลย แม้แต่เงินสักบาทเขาก็ไม่มี เมื่อเห็นเงินจำนวนมากในวันนี้ ในใจของพวกเขาจะไม่อิจฉาได้อย่างไร?

เมื่อกลับมาที่บ้าน ซูหยิงเซี่ยเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง

เจี่ยงหลาน แม่ของซูหยิงเซี่ยตะโกนใส่ซูกั๋วเย่าผู้เป็นพ่อของซูหยิงเซี่ยด้วยความโกรธว่า “ดูบ้านของคนอื่นสิ แล้วดูบ้านของเรา มันช่างแตกต่างกันนัก”

“มันเป็นเพราะความไร้น้ำยาของคุณ ตาแก่นั่นถึงได้ให้หานซานเฉียนเข้ามาเป็นภาระในบ้านเรา”

“ตอนนั้นฉันคงตาบอดเองที่คิดว่าการได้แต่งงานเป็นสะใภ้ของตระกูลซูนั้นมันจะทำให้ฉันสุขสบายได้ แต่ฉันไม่นึกเลยว่าแต่งแล้วจะต้องมาอยู่กับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างคุณ ตาแก่นั่นก็ไม่เคยคิดที่จะให้คุณได้สืบทอดมรดกของตระกูลซูด้วยซ้ำ”

“ดูคนอื่นสิ พวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ คอนโดมิเนียมหรูหรา แต่ฉันยังต้องแออัดอยู่กับคุณในบ้านหลังเก่า ๆ แบบนี้”

“สะใภ้ของตระกูลซู พูดไปมันก็ฟังเหมือนจะดูดี แต่พอมาอยู่กัคนที่ไร้ประโยชน์แบบคุณ ผียังรู้เลยว่าฉันมีชีวิตที่ขมขื่นแค่ไหน”

ซูกั๋วเย่าก้มหน้าไม่กล้าโต้แย้ง เขาเป็นคนที่ถูกควบคุมโดยภรรยา และเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าตัวเองนั้นไร้ประโยชน์จริง ๆ จึงไม่กล้าที่จะโกรธเธอ

ความแข็งแกร่งของเจี่ยงหลานยิ่งทำให้ซูกั๋วเย่าดูไร้ค่ามากยิ่งขึ้น

“ฉันไม่สนใจแล้ว เราต้องให้หยิงเซี่ยหย่าเดี๋ยวนี้ ภาพลักษณ์ของตระกูลซูจะเป็นยังไงฉันไม่สนใจ ฉันแค่ต้องการมีชีวิตที่ดี”

ซูกั๋วเย่าพูดเสียงอ่อน “คุณพ่อเตือนผมว่าห้ามให้พวกเขาหย่ากัน อีกอย่างคนทั้งหยุนเฉิงต่างก็รู้เรื่องนี้ ถ้าให้พวกเขาหย่ากันตอนนี้ มันจะยิ่งกลายเป็นเรื่องตลกไม่ใช่เหรอ?”

เจี่ยงหลานเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ เธอนั่งลงบนพื้นร้องไห้ทั้งน้ำตาไหลอย่างขมขื่นและพูดว่า “ซูกั๋วเย่า คุณมันไร้ค่า ฉันแต่งงานกับคุณได้ยังไง? ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้ในชาติที่แล้ว คุณต้องการทำลายครอบครัวของเรา ทำลายหยิงเซี่ยไปตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ เพียงเพื่อเห็นแก่ภาพลักษณ์ของตระกูลซูรึไง? หยิงเซี่ยวิ่งไปไซต์ก่อสร้างทุกวัน คุณไม่รู้สึกแย่เหรอ? เธอเป็นสาวเป็นนาง งานทั้งเหนื่อยทั้งสกปรก ญาติของคุณปล่อยให้เธอทำทั้งหมด ถ้าคุณไม่รักฉัน คุณก็ควรรักลูกสาวของคุณบ้าง”

ตระกูลซูทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง จึงเป็นเรื่องปกติที่งานเหล่านี้จะอยู่ที่ไซต์ก่อสร้าง สาเหตุที่งานทั้งหมดนี้ตกอยู่ที่ซูหยิงเซี่ย เป็นเพราะครอบครัวของพวกเขามีสถานะต่ำที่สุดในตระกูลซู

ซูกั๋วเย่าไม่สามารถซ่อนความเจ็บปวดของเขาได้ เขารู้ว่ามันเป็นเพราะเขาไร้น้ำยา

ดังนั้นพ่อของเขาจึงให้หานซานเฉียนเข้ามาในบ้าน และเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด

แต่ยกเว้นเรื่องการหย่าร้าง มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินใจเอาเองได้ ต่อให้หญิงชรายอมปล่อยให้ซูหยิงเซี่ยอยู่กับหานซานเฉียนที่ไร้ค่าไปตลอดชีวิต แต่ไม่มีทางยอมให้ตระกูลซูเสียหน้าเพราะเรื่องนี้แน่

ปีนั้นการแต่งงานกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว สามปีต่อมาเหตุการณ์นี้ก็ค่อย ๆ ถูกลืม หากมีการหย่าร้างเกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ก็จะถูกใช้เป็นเรื่องตลกอีกแน่ หญิงชราจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

หานซานเฉียนเดินมาถึงประตูและได้ยินเสียงร้องไห้จากบนบ้าน เขานั่งลงบนบันไดแล้วหยิบบุหรี่ออกมาสูบ ควันที่เพิ่มขึ้นไม่สามารถกลบความเยือกเย็นในดวงตาของหานซานเฉียนได้เลย

หลังจากสูบบุหรี่เสร็จ หานซานเฉียนกำลังจะกลับเข้าไปในบ้าน แต่เขาก็ได้ยินเสียงของซูหยิงเซี่ยดังมาจากข้างใน

ซูหยิงเซี่ยที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง จู่ ๆ เธอก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น มองตรงไปที่พ่อแม่ของเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวดและพูดว่า “ลูกจะไม่หย่ากับเขาค่ะ”

“ลูกบ้าไปแล้วเหรอ จะใช้เวลาทั้งชีวิตกับผู้ชายที่ไร้ประโยชน์คนนี้รึไง?” เจี่ยงหลานคิดว่าซูหยิงเซี่ยน่าจะเป็นคนที่ต้องการหย่ามากที่สุด แต่ดูสิ่งที่เธอพูดตอนนี้สิ

“ลูกไม่ได้บ้าค่ะ นี่เป็นเวลาสามปีเต็มแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร แต่เขาก็ไม่เคยบ่นเลยตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเกี่ยงว่าต้องทำอะไร ทั้งกวาดบ้าน ซักผ้า และทำอาหาร แม้แต่เลี้ยงหมาก็ยังมีความรู้สึก แล้วนับประสาอะไรกับคน?”

“ลูกดูถูกเขา แต่ลูกไม่ได้เกลียดเขา คุณปู่เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ ถ้าลูกจะเกลียดก็ต้องเกลียดคุณปู่เท่านั้น”

“อีกอย่างคุณย่าคงไม่ยอมให้เราหย่ากัน ท่านให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตระกูลซูมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด”

ที่หน้าประตู หานซานเฉียนสูดหายใจเข้าลึกและยิ้มออกมา จนถึงวันนี้เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเขาเองก็อยู่ในหัวใจของซูหยิงเซี่ย เธอไม่ได้คิดว่าเขาเลวร้ายขนาดนั้น อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้เขาบ้าง

ความเกลียดชังสุดขีด คงทำให้เกิดความรักขึ้นได้จริง ๆ

“หยิงเซี่ย พ่อทำผิดต่อลูก” ซูกั๋วเย่าพูดพร้อมกับถอนหายใจ

ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้าทั้งน้ำตาและตอบกลับว่า “ลูกไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรค่ะพ่อ”

ซูหยิงเซี่ยคิดว่าเธอจะหย่ากับหานซานเฉียนมาตลอด และในวันนี้เธอได้พูดกับหานซานเฉียนว่าพวกเขาจะต้องหย่ากันไม่ช้าก็เร็ว

แต่เมื่อเจอกับคำถามเข้าจริง ๆ เธอกลับเพิ่งรู้ว่าสามปีมานี้ ชายไร้ค่าคนนี้ได้เข้ามาในหัวใจของเธอแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยจับมือกัน และรักษาระยะห่างในที่สาธารณะเสมอ

แต่ชายผู้นี้นอนหลับอยู่ข้างล่างเตียงของเธอเป็นเวลาสามปีเต็ม นั่นเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อาจลืมเลือนได้เลย

“ลูกไม่ได้อยู่กับเขาเพราะจำเป็น แต่ลูกชอบเขาจริง ๆ ค่ะ ” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมกับกัดริมฝีปากของเธอจนซีดขาว

หานซานเฉียนเปิดประตูเข้ามาและเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น เขามองไปยังซูหยิงเซี่ยที่กำลังมองดูฝนที่ตกลงมา เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ

“หานซานเฉียน นายบอกว่ามีเพียงฉันเท่านั้นที่ทำให้นายเปลี่ยนแปลงได้ใช่ไหม”

“แน่นอน”

“ฉันไม่อยากถูกคนอื่นดูถูก และไม่อยากเป็นตัวตลกของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว ฉันต้องการให้ทุกคนที่ดูถูกฉันรู้สึกเสียใจ”

“ได้เลย”

หานซานเฉียนตอบกลับสั้น ๆ และเขาก็หันหลังเดินจากไป

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status