"ก็ใช่น่ะสิ ถ้ามีสติคงไม่ทะเล่อทะล่าออกมาแบบนี้"
เขาลอบถอนหายใจ แล้วจับมือฉันออกจากคอเสื้อตัวเอง ก่อนจะใช้หลังมือปัดสองสามทีด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
"อืม...ก็ใช่ แต่ถ้ามีจิตสำนึกที่ดี คงไม่ขับรถเร็วในที่ชุมชมแบบนี้" ฉันถลึงตามองเขาเขม็ง ก้าวไปประชิดอีกครั้งด้วยความโกรธ แต่เจ้ซีลีนรีบมาลากแขนออกไปซะก่อน
"พอเถอะนะแทนขวัญ ช่างเขาเถอะ ขอโทษด้วยนะคะ เอาเป็นว่าผิดทั้งคู่ ต่างคนต่างแยกย้ายดีกว่าค่ะ"
ฉันสบัดมือพี่สาวออกแล้วชี้หน้าผู้ชายคนนั้นทันที
"อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ ไม่อย่างงั้นฉันเก็บคุณแน่"
ว่าแล้วฉันก็เปิดเสื้อขึ้นโชว์ปืนที่เหน็บเอวขู่เบาๆก่อนจะก้าวขาควบรถ แต่ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวเลยสักนิด เขากลับล้วงกระเป๋ากางเกงมองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนเจ้ซีลีนไปหยิบหมวกกันน็อคที่พื้นแล้วเขย่งขึ้นซ้อนรถบิ๊กไบค์ฉัน
เราทั้งคู่ขับมาจอดที่หน้าบ้านของนางด้วยอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่าน
"อารมณ์เสียว่ะ" พอรถจอดฉันก็บ่นทันที
"เออ ดีแล้วที่ออกมาก่อน เพราะถ้าตำรวจมาจะเรื่องใหญ่แน่ๆ อ่ะนี่หมวกกันน็อค ขอบใจนะที่ไปรับแต่คราวหลังฉันขอรถยนต์!"
ฉันรับหมวกกันน็อคจากเจ้ซีลีนมาสวมให้ตัวเอง
"อืม แล้วเจ้บินอีกตอนไหน?"
"อาทิตย์หน้า แกจะกลับเลยเหรอไม่เข้าไปกินน้ำให้ใจเย็นก่อนอ่ะ?" ฉันส่ายหน้า กระเดือกอะไรไม่ลงอยากไประบายอารมณ์ที่ไหนสักที่มากกว่า
"น้ำไม่ได้ทำให้ใจเย็นลง แต่เป็นลูกปืนต่างหาก ว่าจะไปยิงปืนเล่นหน่อย ฉันไปนะ"
"งั้นเอาเลยไปยิงใส่เป้าให้เต็มที่ แล้วก็ขับรถดีๆด้วยนะ อย่าขับเร็ว"
ฉันทำนิ้วโอเคก่อนจะปิดหมวกกันน็อคแล้วขับรถออกมาแถวชานเมือง เพราะแถวนี้มีสโมสรของบ้านฉันอยู่ พ่อฉันสร้างไว้ให้ตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นบ้านหลังใหญ่สามชั้น มีสนามแบต สนามยิงปืน สระว่ายน้ำ โซนนวดสปา เทควันโด้
มาที่เดียวจบ แถมยังเป็นไพรเวตอีกด้วย
พอฉันมาถึงก็จอดรถถอดหมวกกันน็อคไว้ที่บิ๊กไบค์ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ก้มคำนับก่อนจะกล่าวทักทาย
"สวัสดีครับคุณแทนขวัญ ตอนนี้คุณแทนคุณกำลังยิงปืนอยู่ครับ"
พี่ชายฝาแฝดฉันเป็นมนุษย์ล่องหนรึไงวะ มาทำไมไม่เห็นรถ
"พี่แทนคุณมากับใคร?"
"มากับคุณแทนทิวครับ แต่ตอนนี้คุณแทนทิวออกไปข้างนอกอีกเดี๋ยวกลับครับ"
วันรวมสามศรีพี่น้อง อุตส่าห์ต้องการความสงบสุข
เอาเถอะ... ไหนๆก็มากันครบระหว่างที่เดินไปสนามยิงปืนงั้นฉันขอแนะนำพี่แทนคุณให้รู้จักก่อนแล้วกัน พี่แทนคุณกับฉันเป็นฝาแฝด ส่วนไอ้... เอ่อส่วนแทนทิวเป็นน้องชายคนเล็กอายุห่างจากเราห้าปี
ปกติเราไม่เคยอยู่ครบทีมหรอก เพราะเพนส์เฮาส์ที่อยู่บนยอดตึกมีห้าชั้น พ่อแบ่งให้เราอยู่คนละชั้น และนานทีปีหนถึงมาร่วมโต๊ะกินข้าวเย็นกันสักที
แล้วตอนนี้ฉันก็เห็นพี่แทนคุณกำลังยิงปืนอยู่จริงๆ จึงไม่รบกวน เดินไปหยิบกระสุนปืนในตู้แล้วดึงปืนที่เหน็บเอวตัวเองอยู่แกะแม็กซ์ออกใส่กระสุน
แต่พอยกแขนตั้งท่าเตรียมยิงเท่านั้น พี่ชายฝาแฝดฉันก็ถามขึ้นมา
"ทำไมยิงบอดี้การ์ดตัวเอง?..."
'ปัง!'
ฉันปล่อยกระสุนนัดแรกออกไปที่เป้า แล้วยิ้มให้กับผลลัพธ์ของตัวเอง ว้าว ฉันมันลูกพระเจ้าสินะ ยิงนัดแรกก็เข้าเฮดช็อตพอดี
"บอดี้การ์ดคนนั้นขวางทาง" พอว่างฉันก็ตอบพี่แทนคุณไป
"นี่คือเหตุผล?"
"ใช่ พี่มีปัญหาอะไร?"
"หยุดขับมอเตอร์ไซค์ซะ" ฉันยักไหล่แล้วหันไปตั้งการ์ดเตรียมยิงต่อ แต่พี่ชายฉันดันเดินมาคว้าปืนไปจากมือ
"พี่แทนคุณ เอาปืนคืนมานะ!"
"พ่อรู้เรื่องรถแล้ว ทำไมต้องทำให้พ่อแม่เป็นห่วง" ฉันกอดอกจ้องหน้าพี่ชายตัวเอง ทำไมวันนี้มีแต่คนกวนใจวะ ขออยู่สงบๆไม่ได้รึไง
"รู้แล้วยังไง จริงๆฉันก็โตเป็นควายรับผิดชอบตัวเองได้แล้วนะ ทำไมต้องคอยให้ฉันเป็นนกในกรงทองด้วย ฉันชอบขับรถ ชอบเที่ยว ผิดตรงไหน?"
"องศากลับมาแล้ว" ฉันชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกคุ้นชื่อนี้แต่ไม่รู้จัก รู้จักแต่องคชาต
"เกี่ยวอะไรกับฉัน" พอนึกไม่ออกฉันก็ไม่สนใจจะนึกถึงมัน จึงรีบแย่งปืนกลับ และตั้งมือยิงรัวๆด้วยความหงุดหงิด
'ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!'
"เธอต้องแต่งงานกับองศา" นิ้วชี้ที่สอดที่ช่องลั่นไกลชะงักค้างทันที ก่อนที่ฉันจะวางปืนลงบนโต๊ะและหันขวับไปมองพี่แทนคุณด้วยสีหน้าตกใจ
"แต่งงาน? ฉันเนี่ยนะ!"
"อืม"
"จะบ้าเหรอวะ ให้ฉันแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้"
"พ่อคิดไว้ตั้งแต่เรายังไม่เกิด กลับไปคุยกับพ่อสิ" เท่านั้นแหละฉันก็ไม่รออะไรอีกแล้ว รีบเก็บปืนเดินกลับทางเดิม ซึ่งสวนกับแทนทิวที่หอบขนมมาพอดี
"เจ๊ไปไหน กินหนมก่อนดิ" ฉันไม่ตอบแค่ยกมือปฏิเสธไปเท่านั้น ขาสองข้างก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะควบรถบิ๊กไบค์และสวมหมวกกันน็อค
'บรึ้นนนนนน บรึ้นนนนนน'
เสียงท่อที่ดังกระหึ่ม จุดชนวนความคิดฉันขึ้นมา
องศา...
องศา...
องศา...
ระหว่างทางชื่อนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเลย จนตัวเองขับรถขึ้นลานจอดรถของเพนส์เฮาส์ถือหมวกกันน็อคก้าวขึ้นลิฟต์ ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง
ชื่อน่ะคุ้นมากจริงๆนะ
'ติ๊ง~'
เสียงลิฟต์เปิดที่เพนส์เฮาส์ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นบ้านของพ่อฉัน ฉันรีบวางหมวกกันน็อคไว้ที่โต๊ะปัดผมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของท่าน
"ท่านครับ คุณแทนขวัญมาพบครับ" ใช่ ก่อนที่ฉันจะเข้าไปหาพ่อตัวเองได้ ต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น
"ให้เข้ามา"
สิ้นเสียงอนุญาตฉันก็ก้าวเข้าไปในห้อง บอดี้การ์ดข้างในก้มคำนับเล็กน้อย แต่สายตาฉันจับจ้องไปที่เจ้าพ่อมาเฟียที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำ
"ลูกมีธุระอะไร?"
"พ่อจะให้หนูแต่งงานเหรอคะ?" คิ้วหนาขมวดชนกันทันที
"รู้ได้ยังไง?"
"พี่แทนคุณบอก มันคือความจริงใช่ไหม? หนูอยากดูหน้าผู้ชายคนนั้น เขาเป็นคนที่หนูรู้จักรึเปล่า" พ่อฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาฉันช้าๆ แต่ขณะนั้นท่านก็เหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปด้วย
"ลูกจำไม่ได้เหรอ?"
"หนูคล้ายจะจำชื่อได้ แต่จำหน้าไม่ได้ค่ะ พอจะมีเฟซบุ๊คไอจีหรืออะไรเขาไหมคะ?"
เพียงเท่านั้นพ่อฉันก็หันไปพยักหน้ากับบอดี้การ์ดส่วนตัวของท่านเบาๆ จนบอดี้การ์ดคนนั้นเดินหายเข้าไปในหลังห้อง แล้วกลับมาพร้อมอัลบั้มรูปถ่ายเก่าๆ
ซึ่งอัลบั้มรูปพวกนี้ฉันไม่เคยเห็นเลย เอาจริงๆไม่อยากจะรื้อของเก่าๆของตัวเองดูด้วยซ้ำ เพราะมันคือยุคมืดที่อยากจะฝังกลบดิน
"เปิดดูสิ" ฉันรับอัลบั้มรูปจากบอดี้การ์ดมา ก่อนจะรีบเปิดดูหน้าแรกแล้วขมวดคิ้วทันที เอ่อ นี่มันรูปตอนเด็กเลยนะ สักประมาณเจ็ดถึงแปดขวบได้มั้ง แล้วใครเป็นใครล่ะเนี่ย
"พ่อคะ ไหนรูปถ่ายเขา"
"ที่ลูกถือไง"
"มันรูปตอนเด็กมากเลย หนูดูไม่ออกหรอก"
พ่อเดินมาหาฉันแล้วชี้ไปที่รูปเด็กผู้ชายคนนึงในกลุ่ม ซึ่งในกลุ่มนั้นมีพี่แทนคุณ แทนทิวตอนเด็ก มีฉัน และมีอีกสองคนเป็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ฉันไม่รู้จัก
"คนนี้องศา"
"เขาคือ..."
"ลูกชายมาเฟียดรากอนพันธมิตรของเรา และเป็นคู่หมั้นของลูก พ่อตกลงกับทางนั้นว่าองศากลับจากอเมริกาเมื่อไหร่จะมีงานแต่งงานทันที"
ฉันยืนอึ้งอยู่สักพักในหัวพยายามนึกหน้าผู้ชายชื่อองศาในความทรงจำ และจากนั้นก็เปิดดูรูปเขาไปเรื่อยๆ ในรูปตอนเด็กเขาหล่อมาก แถมมีรูปคู่กับฉันเยอะด้วย แต่รูปไม่ค่อยจะรักกันหรอกนะ แย่งของเล่น ทึ้งผม เขียนหน้าเขียนตากัน
แต่พอถึงหน้าสุดท้าย...มีรูปนึงทำให้ฉันชะงักและยืนจ้องอยู่นานสองนาน มันคือรูปที่สนามบินที่ฉันกำลังโบกมือลาเขาไปเรียนต่อ มีข้อความเขียนในรูปด้วย
'แทนขวัญ 12 ขวบ'
'องศา 13 ขวบ'
ดีกันแล้ว แต่ต้องลากัน....
เท่านั้นแหละภาพต่างๆก็วิ่งวนในหัวฉัน ฉันจำได้แล้ว... วันนั้นฉันไปส่งเด็กผู้ชายคนนี้ที่สนามบินจริงๆ
'ที่ผ่านมา... ขอโทษนะ' เขาพูดกับฉัน แล้วยกมือจับหัว
'ไม่เป็นไร ฉันเองก็ทุบหัวพี่ป่ะ... ขอโทษเหมือนกันนะ'
'ต่อไปนี้ไม่ใช่คู่ปรับแล้วนะเรา รักกันสักที จับมือๆ' แม่ฉันจับมือเราสองคนชนกัน ขณะที่ฉันยิ้มกว้างจนตาหยี
ถ้าเป็นพี่องศาคนนี้ ฉันจำหน้าเขาได้แค่ตอนเด็กเท่านั้น แต่ถ้าตอนเด็กเขาหล่อขนาดนี้ และดูแสนดีอบอุ่น ตอนโตก็คงไม่ต่างละมั้ง
"พ่อคะ แต่งค่ะ"
"ว่าไงนะ" พ่อฉันหันมาถามตกใจ
"หนูจะแต่งงานกับพี่องคชาต"
"เขาชื่อองศา" อุ๊ย ฉันพูดผิดไปได้ไงเนี่ย
สิบแปดปีต่อมา....กว่าจะผ่านมาได้สิบแปดปี เจ็บไม่รู้กี่ครั้ง หลั่งน้ำตาไม่รู้กี่รอบ แต่ฉันกับลูกๆก็ผ่านมันมาได้อย่างลุ้นระทึก ทำไมถึงเป็นแบบนั้นน่ะเหรอ...ก็เพราะตอนที่ภาขวัญโตพลังเธอยิ่งกว่าวันเดอร์วูแมน บ้านคฤหาสน์ดรากอนสุดยอดแห่งความโกลาหล พายุ ภาขวัญถือปืนของเล่นไล่ยิงกันในบ้าน ใช้ตู้ แจกัน โซฟาเป็นที่กำบังจากกระสุนยางส่วนภาคิณพยายามวิ่งห้าม เพราะทุกๆครั้งที่เล่นแบบนี้ต้องมีของแตกหรือพัง เมื่อก่อนฉันก็บ่นนั่นแหละแต่ตอนนี้รู้สึกแก่เลยปล่อยวาง แต่ความดื้อของลูกไม่ได้ลดน้อยลงเลยนะคะ พวกเขาแค่พูดรู้เรื่องขึ้นเท่านั้น "มาม๊าคะ...หนูเจอผู้ชายคนนึงหล่อมาก!"ฉันยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากภาขวัญทันที พายุอยู่บ้าน ภาคิณอยู่บ้าน รวมถึงพี่องศาก็อยู่ที่ห้องทำงาน พูดเรื่องผู้ชายให้ได้ยินไม่ได้"แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามพูดเรื่องนี้ที่บ้าน ถ้าอยากพูดพูดกับแม่ข้างนอก" ภาขวัญทำหน้ายู่ "ได้ค่ะ แต่มาม๊าช่วยอะไรหนูหน่อยได้ไหมคะ?" พอภาขวัญพูดแบบนั้น ซานิที่พึ่งกลับจากมหาวิทยาลัยด้วยกันก็จับมือเธอทันที "อย่าเลยแก""เอาน่าซานิ ม๊าฉันเข้าใจ""จะให้แม่ช่วยอะไร?" ฉันถาม"สั่งบอดี้การ์ดของดรากอนหรือไลออน ไปขู่
หนึ่งปีต่อมาพายุ ภาคิณ 5 ขวบภาขวัญ 7 เดือน"ภาขวัญคลานมานี่ คลานมาๆ" พายุอยู่อีกมุมบ้าน กำลังปรบมือเรียกน้องสาวที่กำลังตั้งท่าคลานให้ไปหาตัวเอง บ้านหลังใหญ่อาณาจักรมาเฟียองศา ทุกพื้นที่ถูกบุไปด้วยเบาะนุ่ม และสร้างประตูเล็กกั้นบันไดไม่ให้เด็กแสบอย่างภาขวัญคลานไปถึงแทนขวัญเป็นแบบไหน ภาขวัญคูณสอง นอกจากจะหน้าตาเหมือนฉันอย่างกับโคลนนิ่ง นิสัยก็ปังมาก เอาแต่ใจ งอแงเก่ง และดื้อจนฉันอยากจะยีหัวตัวเอง อย่าเผลอเชียว แอบคลานไปทุกที่และก็ชอบเล่นซ่อนแอบให้ฉันปวดประสาท ถ้าเดินได้ฉันคงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ นั่งจ้องลูกทั้งวันกลัวลูกหาย เพราะพี่องศารักภาขวัญมาก เห่อมาก ตอนที่ภาขวัญคลานและล้มตุ๊บใส่ของเล่น ลูกไม่ร้อง แต่พ่อน้ำตาซึมและทิ้งของเล่นแข็งๆหมดบ้านเครียดกันเป็นอาทิตย์"ภาขวัญมาเร็วววววว" ภาขวัญหัวเราะคิกๆแล้วคลานไปหาพี่ชายอีกมุม ซึ่งฝั่งนู้นก็ปรบมือเร่งอย่างครึกครื้น ลืมบอกไปว่าภาขวัญมีฟันกระต่ายสองซี่ขึ้นแล้วนะคะ เวลาหัวเราะหรือยิ้มแฉ่งนี่น่าเอ็นดูมาก"มาเลยภาขวัญ!""พายุอย่าเร่งน้อง" ภาคิณปราม เพราะก่อนหน้ามันมีเหตุเกิดมาแล้ว เล่นกันแบบนี้เชียร์กันสุดเสียงแล้วภาขวัญก็คลานจนแขนล้าล้มหน
หลังจากได้รับโฉนดที่ดินหลักร้อยล้านมาครอง ไม่นานฉันกับพี่องศาก็ขอตัวกลับ แต่พายุไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว เพื่อความเท่าเทียมภาคิณขออยู่กับพี่ชายด้วย เขาให้เหตุผลว่าตัวเองไปไหนต้องมีพายุไปด้วยตลอด เลยไม่อยากให้พี่น้อยใจหรือแยกจากกัน น่าเอ็นดูมาก ฉันกับพี่องศาได้ยินน้ำตาแทบไหล ประทับใจที่พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวเพราะจากที่ไปอ่านมาจากเว็บไซต์ลูกรักที่ตั้งบอร์ดปรึกษาหารือเรื่องลูกแฝด ปัญหาโลกแตกคือเด็กชอบทะเลาะกัน ยิ่งเป็นเพศเดียวกันยิ่งแล้วใหญ่ จิกหัวตบ แย่งของเล่น สารพัด!"ไม่มีลูกก็เหงาเหมือนกันนะคะ กลับรถไปรับดีไหม?"พี่องศาหันมายิ้ม"ติดแค่ลูกเหรอครับ ไม่ติดพี่บ้างเหรอ?" "ติดค่ะ ถ้าลืมพี่องศาไว้บ้านพ่อก็จะกลับรถไปรับเหมือนกัน" เขาจับมือฉันไปหอมฟอดใหญ่แล้วกุมไว้บนตัก และหลังจากนั้นก็ไม่ปล่อยมือเลย แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะหน้าขบวนรถมีรถนำอยู่แล้ว ฉันกับพี่องศาจึงขับรถไปเรื่อยๆ สวีทกันสองคนจนถึงบ้าน...ต้องอาบน้ำเตรียมเข้านอน มาเฟียหนุ่มก็บุกมาก่อกวนฉันถึงในห้องน้ำ เขานั่งซ้อนหลังฉันถูหลังให้ ชโลมครีมอาบน้ำที่หัวไหล่แล้วนวดเบาๆ นี่มือจับปืนจับดาบมาเหรอเนี่ย...นุ่มจัง"รู้
"แม่! ลูกหนูล่ะ!"ทันทีที่ตื่นขึ้นมาฉันไม่สนใจเลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน พอเจอหน้าแม่ก็รีบจับแขนท่านถามทันที "ใจเย็นๆแทนขวัญ พายุไม่ได้เป็นอะไรเลย บอดี้การ์ดรับไว้ทันแถมพายุยังมีความสุขดีไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน""เฮ้ออออ"ฉันยกมือทาบอกถอนหายใจโล่ง ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องแล้วเห็นพี่องศาและพ่อยืนอยู่ ส่วนพายุหลับอยู่ที่โซฟา ภาคิณยืนมองฉันตาละห้อย โถ่...คนพี่ดื้อจนแรงหมด คนน้องก็น่าเอ็นดูเหลือเกิน"พ่อว่าเราต้องจัดการพายุแล้วแทนขวัญ" อยู่ๆพ่อฉันก็พูดขึ้นมา"พะ พ่อหมายความว่ายังไงคะ?""ระหว่างที่ลูกท้อง ให้พายุไปอยู่กับพ่อช่วงเสาร์อาทิตย์"ฉันมองพี่องศาทันที ซึ่งเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย จันทร์ถึงศุกร์ถามว่าพายุดื้อไหม ดื้อค่ะ แต่ไม่ได้เอาพลังทั้งหมดมาใช้กับความดื้อขนาดนี้ แต่ถ้าไปอยู่กับพ่อฉัน...ชั้นล่างก็เป็นบ้านพี่แทนคุณ พายุต้องไปป่วนบ้านนั้นเล่นกับเดนิสจนบ้านพังแน่ๆ"คงไม่ชวนเดนิสเล่นซนนะคะ" "ไม่หรอกแทนขวัญ...เดนิสเป็นเด็กผู้หญิงลูก รายนั้นเล่นแต่ตุ๊กตา" แม่ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ตอนที่ฉันเป็นลมทุกคนคงประชุมกันแล้วสินะ สงสัยคงต้องเป็นแบบนั้นแล้วล่ะ ช่วงนี้ฉันท้องอ่อนๆอยู่ด้วยวิ่งตามจับพายุไม่ไหว
[SPECIAL]แทนขวัญ x องศาสองคนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายออกเยี่ยมราษฎรรึไง รู้แล้วว่ารักกัน รักมาก ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้ซีลีนโชคดีมากจริงๆ แผนทั้งหมดพี่โซ่บอกพวกเราหมดแล้วเขาตั้งใจกับเรื่องนี้มาก ตอนที่พนักงานเอาดอกกุหลาบมาวางอย่างทำเวลา เราทุกคนข้างล่างก็คอยช่วยกำกับ"เหลือคู่เราแล้วนะครับ" ฉันหันไปมองพี่องศาแล้วยิ้มให้เขา เหลือคู่เราอะไร...คู่เราน่ะสมหวังกันตั้งนานแล้ว เหลือแค่ส่งท้ายเล็กๆน้อยๆให้ทุกคนแฮปปี้เอนดิ้งเท่านั้น"คู่เราต้องฉลองด้วยไหมคะ?""ครับ...แต่ฉลองกันสองคน หนูสะดวกไหม?" สะดวกที่สุด ฉันไม่ได้ตอบพี่องศาด้วยคำพูด แต่ใช้สายตาเป็นคำตอบแทน ซึ่งแค่มองตาก็รู้ใจ... หลังจากนั้นพี่โซ่กับเจ้ซีลีนก็เสด็จลงมาขอบคุณทุกคน ก่อนจะดื่มพูดคุยกันนิดหน่อยแล้วแยกย้ายกันกลับ แต่กว่าฉันจะลากสองแฝดกลับบ้านได้ยากมากๆ อยู่ๆลูกชายฉันก็ติดลมเล่นกับซีล นั่งคุยกันเป็นตุเป็นตะราวกับมีธุรกิจพันล้านจะสร้างด้วยกัน"เดี๋ยวซานิออกมาต้องน่ารักมากแน่ๆ" มีคนคลั่งรักน้องด้วย แต่พายุไม่ยอมแพ้"น้องภาขวัญออกมาก็น่ารักเหมือนกัน เป็นเจ้าหญิงน้อยของพวกเรา" ใช่ค่ะ น้องสาวคนเล็กของสองแฝดชื่อภาขวัญ
อยากได้อะไรพ่อก็ตามใจทุกอย่าง นี่แหละตาซีล หลังจากนั้นสองสามวันลูกชายฉันก็เป็นฝ่ายโทรไปชวนญาติสนิทมิตรสหายของเขาด้วยตัวเอง โดยมีพ่อเป็นคนต่อสายให้"มาเยยนะ มีเหล้า มาเมากัน" ไม่ได้! ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากปู่แน่ๆเลย โทรชวนตามากินเหล้าตั้งวงบ่อย คำพูดของตาซีลทำให้คนในบ้านขำจนปวดท้อง หนักสุดคือคุณปู่ท่านถึงกับเดินออกไปขำนอกบ้าน"ซีลยังพูดเรื่องเหล้าไม่ได้นะลูก ยังเด็กอยู่เลย""ก็ฉลองต้องมีเหล้าไม่ใช่เหรอครับ" พี่โซ่จะขำ แต่พอฉันตวัดตามองเขาก็รีบปิดปากไว้ "เหล้าสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ ซีลโตก่อนนะ ตอนนั้นแม่จะไม่ห้ามเลย" ซีลพยักหน้าหงึกๆ แต่ก็ไม่ได้จำคำสอนของฉันเลย เขายกหูโทรศัพท์พูดต่อแถมพูดมากกว่าเดิมอีก"มานะพายุ เหล้าดีๆเยอะแยะไปหมด โอเคๆโทรชวนเพิร์ลก่อน อย่าลืมมานะ พรุ่งนี้นะ" ฉันกุมขมับ เจ้าเด็กพวกนี้ชอบคุยกันเกินอายุจริงๆ•••งานเลี้ยงฉลองฉันดูออกว่าลูกชายชอบการปาร์ตี้ ชอบเพื่อนฝูง พายุกับภาคิณมาถึงนี่รีบออกตัวไปชวนนั่งและชี้สั่งให้แม่บ้านเสิร์ฟของว่างให้ เราจัดงานกันช่วงเย็นที่หน้าบ้านตัวเอง ซึ่งมีน้ำพุกามเทพแผลงศรตระหง่านอยู่หน้าบ้าน ตัวนี้พี่โซ่เขาเป็นคนเลือกเอง บอกว่ามันคล้ายกับควา