"ก็ใช่น่ะสิ ถ้ามีสติคงไม่ทะเล่อทะล่าออกมาแบบนี้"
เขาลอบถอนหายใจ แล้วจับมือฉันออกจากคอเสื้อตัวเอง ก่อนจะใช้หลังมือปัดสองสามทีด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
"อืม...ก็ใช่ แต่ถ้ามีจิตสำนึกที่ดี คงไม่ขับรถเร็วในที่ชุมชมแบบนี้" ฉันถลึงตามองเขาเขม็ง ก้าวไปประชิดอีกครั้งด้วยความโกรธ แต่เจ้ซีลีนรีบมาลากแขนออกไปซะก่อน
"พอเถอะนะแทนขวัญ ช่างเขาเถอะ ขอโทษด้วยนะคะ เอาเป็นว่าผิดทั้งคู่ ต่างคนต่างแยกย้ายดีกว่าค่ะ"
ฉันสบัดมือพี่สาวออกแล้วชี้หน้าผู้ชายคนนั้นทันที
"อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ ไม่อย่างงั้นฉันเก็บคุณแน่"
ว่าแล้วฉันก็เปิดเสื้อขึ้นโชว์ปืนที่เหน็บเอวขู่เบาๆก่อนจะก้าวขาควบรถ แต่ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวเลยสักนิด เขากลับล้วงกระเป๋ากางเกงมองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนเจ้ซีลีนไปหยิบหมวกกันน็อคที่พื้นแล้วเขย่งขึ้นซ้อนรถบิ๊กไบค์ฉัน
เราทั้งคู่ขับมาจอดที่หน้าบ้านของนางด้วยอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่าน
"อารมณ์เสียว่ะ" พอรถจอดฉันก็บ่นทันที
"เออ ดีแล้วที่ออกมาก่อน เพราะถ้าตำรวจมาจะเรื่องใหญ่แน่ๆ อ่ะนี่หมวกกันน็อค ขอบใจนะที่ไปรับแต่คราวหลังฉันขอรถยนต์!"
ฉันรับหมวกกันน็อคจากเจ้ซีลีนมาสวมให้ตัวเอง
"อืม แล้วเจ้บินอีกตอนไหน?"
"อาทิตย์หน้า แกจะกลับเลยเหรอไม่เข้าไปกินน้ำให้ใจเย็นก่อนอ่ะ?" ฉันส่ายหน้า กระเดือกอะไรไม่ลงอยากไประบายอารมณ์ที่ไหนสักที่มากกว่า
"น้ำไม่ได้ทำให้ใจเย็นลง แต่เป็นลูกปืนต่างหาก ว่าจะไปยิงปืนเล่นหน่อย ฉันไปนะ"
"งั้นเอาเลยไปยิงใส่เป้าให้เต็มที่ แล้วก็ขับรถดีๆด้วยนะ อย่าขับเร็ว"
ฉันทำนิ้วโอเคก่อนจะปิดหมวกกันน็อคแล้วขับรถออกมาแถวชานเมือง เพราะแถวนี้มีสโมสรของบ้านฉันอยู่ พ่อฉันสร้างไว้ให้ตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นบ้านหลังใหญ่สามชั้น มีสนามแบต สนามยิงปืน สระว่ายน้ำ โซนนวดสปา เทควันโด้
มาที่เดียวจบ แถมยังเป็นไพรเวตอีกด้วย
พอฉันมาถึงก็จอดรถถอดหมวกกันน็อคไว้ที่บิ๊กไบค์ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ก้มคำนับก่อนจะกล่าวทักทาย
"สวัสดีครับคุณแทนขวัญ ตอนนี้คุณแทนคุณกำลังยิงปืนอยู่ครับ"
พี่ชายฝาแฝดฉันเป็นมนุษย์ล่องหนรึไงวะ มาทำไมไม่เห็นรถ
"พี่แทนคุณมากับใคร?"
"มากับคุณแทนทิวครับ แต่ตอนนี้คุณแทนทิวออกไปข้างนอกอีกเดี๋ยวกลับครับ"
วันรวมสามศรีพี่น้อง อุตส่าห์ต้องการความสงบสุข
เอาเถอะ... ไหนๆก็มากันครบระหว่างที่เดินไปสนามยิงปืนงั้นฉันขอแนะนำพี่แทนคุณให้รู้จักก่อนแล้วกัน พี่แทนคุณกับฉันเป็นฝาแฝด ส่วนไอ้... เอ่อส่วนแทนทิวเป็นน้องชายคนเล็กอายุห่างจากเราห้าปี
ปกติเราไม่เคยอยู่ครบทีมหรอก เพราะเพนส์เฮาส์ที่อยู่บนยอดตึกมีห้าชั้น พ่อแบ่งให้เราอยู่คนละชั้น และนานทีปีหนถึงมาร่วมโต๊ะกินข้าวเย็นกันสักที
แล้วตอนนี้ฉันก็เห็นพี่แทนคุณกำลังยิงปืนอยู่จริงๆ จึงไม่รบกวน เดินไปหยิบกระสุนปืนในตู้แล้วดึงปืนที่เหน็บเอวตัวเองอยู่แกะแม็กซ์ออกใส่กระสุน
แต่พอยกแขนตั้งท่าเตรียมยิงเท่านั้น พี่ชายฝาแฝดฉันก็ถามขึ้นมา
"ทำไมยิงบอดี้การ์ดตัวเอง?..."
'ปัง!'
ฉันปล่อยกระสุนนัดแรกออกไปที่เป้า แล้วยิ้มให้กับผลลัพธ์ของตัวเอง ว้าว ฉันมันลูกพระเจ้าสินะ ยิงนัดแรกก็เข้าเฮดช็อตพอดี
"บอดี้การ์ดคนนั้นขวางทาง" พอว่างฉันก็ตอบพี่แทนคุณไป
"นี่คือเหตุผล?"
"ใช่ พี่มีปัญหาอะไร?"
"หยุดขับมอเตอร์ไซค์ซะ" ฉันยักไหล่แล้วหันไปตั้งการ์ดเตรียมยิงต่อ แต่พี่ชายฉันดันเดินมาคว้าปืนไปจากมือ
"พี่แทนคุณ เอาปืนคืนมานะ!"
"พ่อรู้เรื่องรถแล้ว ทำไมต้องทำให้พ่อแม่เป็นห่วง" ฉันกอดอกจ้องหน้าพี่ชายตัวเอง ทำไมวันนี้มีแต่คนกวนใจวะ ขออยู่สงบๆไม่ได้รึไง
"รู้แล้วยังไง จริงๆฉันก็โตเป็นควายรับผิดชอบตัวเองได้แล้วนะ ทำไมต้องคอยให้ฉันเป็นนกในกรงทองด้วย ฉันชอบขับรถ ชอบเที่ยว ผิดตรงไหน?"
"องศากลับมาแล้ว" ฉันชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกคุ้นชื่อนี้แต่ไม่รู้จัก รู้จักแต่องคชาต
"เกี่ยวอะไรกับฉัน" พอนึกไม่ออกฉันก็ไม่สนใจจะนึกถึงมัน จึงรีบแย่งปืนกลับ และตั้งมือยิงรัวๆด้วยความหงุดหงิด
'ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!'
"เธอต้องแต่งงานกับองศา" นิ้วชี้ที่สอดที่ช่องลั่นไกลชะงักค้างทันที ก่อนที่ฉันจะวางปืนลงบนโต๊ะและหันขวับไปมองพี่แทนคุณด้วยสีหน้าตกใจ
"แต่งงาน? ฉันเนี่ยนะ!"
"อืม"
"จะบ้าเหรอวะ ให้ฉันแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้"
"พ่อคิดไว้ตั้งแต่เรายังไม่เกิด กลับไปคุยกับพ่อสิ" เท่านั้นแหละฉันก็ไม่รออะไรอีกแล้ว รีบเก็บปืนเดินกลับทางเดิม ซึ่งสวนกับแทนทิวที่หอบขนมมาพอดี
"เจ๊ไปไหน กินหนมก่อนดิ" ฉันไม่ตอบแค่ยกมือปฏิเสธไปเท่านั้น ขาสองข้างก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะควบรถบิ๊กไบค์และสวมหมวกกันน็อค
'บรึ้นนนนนน บรึ้นนนนนน'
เสียงท่อที่ดังกระหึ่ม จุดชนวนความคิดฉันขึ้นมา
องศา...
องศา...
องศา...
ระหว่างทางชื่อนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเลย จนตัวเองขับรถขึ้นลานจอดรถของเพนส์เฮาส์ถือหมวกกันน็อคก้าวขึ้นลิฟต์ ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง
ชื่อน่ะคุ้นมากจริงๆนะ
'ติ๊ง~'
เสียงลิฟต์เปิดที่เพนส์เฮาส์ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นบ้านของพ่อฉัน ฉันรีบวางหมวกกันน็อคไว้ที่โต๊ะปัดผมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของท่าน
"ท่านครับ คุณแทนขวัญมาพบครับ" ใช่ ก่อนที่ฉันจะเข้าไปหาพ่อตัวเองได้ ต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น
"ให้เข้ามา"
สิ้นเสียงอนุญาตฉันก็ก้าวเข้าไปในห้อง บอดี้การ์ดข้างในก้มคำนับเล็กน้อย แต่สายตาฉันจับจ้องไปที่เจ้าพ่อมาเฟียที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำ
"ลูกมีธุระอะไร?"
"พ่อจะให้หนูแต่งงานเหรอคะ?" คิ้วหนาขมวดชนกันทันที
"รู้ได้ยังไง?"
"พี่แทนคุณบอก มันคือความจริงใช่ไหม? หนูอยากดูหน้าผู้ชายคนนั้น เขาเป็นคนที่หนูรู้จักรึเปล่า" พ่อฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาฉันช้าๆ แต่ขณะนั้นท่านก็เหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปด้วย
"ลูกจำไม่ได้เหรอ?"
"หนูคล้ายจะจำชื่อได้ แต่จำหน้าไม่ได้ค่ะ พอจะมีเฟซบุ๊คไอจีหรืออะไรเขาไหมคะ?"
เพียงเท่านั้นพ่อฉันก็หันไปพยักหน้ากับบอดี้การ์ดส่วนตัวของท่านเบาๆ จนบอดี้การ์ดคนนั้นเดินหายเข้าไปในหลังห้อง แล้วกลับมาพร้อมอัลบั้มรูปถ่ายเก่าๆ
ซึ่งอัลบั้มรูปพวกนี้ฉันไม่เคยเห็นเลย เอาจริงๆไม่อยากจะรื้อของเก่าๆของตัวเองดูด้วยซ้ำ เพราะมันคือยุคมืดที่อยากจะฝังกลบดิน
"เปิดดูสิ" ฉันรับอัลบั้มรูปจากบอดี้การ์ดมา ก่อนจะรีบเปิดดูหน้าแรกแล้วขมวดคิ้วทันที เอ่อ นี่มันรูปตอนเด็กเลยนะ สักประมาณเจ็ดถึงแปดขวบได้มั้ง แล้วใครเป็นใครล่ะเนี่ย
"พ่อคะ ไหนรูปถ่ายเขา"
"ที่ลูกถือไง"
"มันรูปตอนเด็กมากเลย หนูดูไม่ออกหรอก"
พ่อเดินมาหาฉันแล้วชี้ไปที่รูปเด็กผู้ชายคนนึงในกลุ่ม ซึ่งในกลุ่มนั้นมีพี่แทนคุณ แทนทิวตอนเด็ก มีฉัน และมีอีกสองคนเป็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ฉันไม่รู้จัก
"คนนี้องศา"
"เขาคือ..."
"ลูกชายมาเฟียดรากอนพันธมิตรของเรา และเป็นคู่หมั้นของลูก พ่อตกลงกับทางนั้นว่าองศากลับจากอเมริกาเมื่อไหร่จะมีงานแต่งงานทันที"
ฉันยืนอึ้งอยู่สักพักในหัวพยายามนึกหน้าผู้ชายชื่อองศาในความทรงจำ และจากนั้นก็เปิดดูรูปเขาไปเรื่อยๆ ในรูปตอนเด็กเขาหล่อมาก แถมมีรูปคู่กับฉันเยอะด้วย แต่รูปไม่ค่อยจะรักกันหรอกนะ แย่งของเล่น ทึ้งผม เขียนหน้าเขียนตากัน
แต่พอถึงหน้าสุดท้าย...มีรูปนึงทำให้ฉันชะงักและยืนจ้องอยู่นานสองนาน มันคือรูปที่สนามบินที่ฉันกำลังโบกมือลาเขาไปเรียนต่อ มีข้อความเขียนในรูปด้วย
'แทนขวัญ 12 ขวบ'
'องศา 13 ขวบ'
ดีกันแล้ว แต่ต้องลากัน....
เท่านั้นแหละภาพต่างๆก็วิ่งวนในหัวฉัน ฉันจำได้แล้ว... วันนั้นฉันไปส่งเด็กผู้ชายคนนี้ที่สนามบินจริงๆ
'ที่ผ่านมา... ขอโทษนะ' เขาพูดกับฉัน แล้วยกมือจับหัว
'ไม่เป็นไร ฉันเองก็ทุบหัวพี่ป่ะ... ขอโทษเหมือนกันนะ'
'ต่อไปนี้ไม่ใช่คู่ปรับแล้วนะเรา รักกันสักที จับมือๆ' แม่ฉันจับมือเราสองคนชนกัน ขณะที่ฉันยิ้มกว้างจนตาหยี
ถ้าเป็นพี่องศาคนนี้ ฉันจำหน้าเขาได้แค่ตอนเด็กเท่านั้น แต่ถ้าตอนเด็กเขาหล่อขนาดนี้ และดูแสนดีอบอุ่น ตอนโตก็คงไม่ต่างละมั้ง
"พ่อคะ แต่งค่ะ"
"ว่าไงนะ" พ่อฉันหันมาถามตกใจ
"หนูจะแต่งงานกับพี่องคชาต"
"เขาชื่อองศา" อุ๊ย ฉันพูดผิดไปได้ไงเนี่ย
"เป็นไรของแกแทนขวัญ ทำไมไม่นั่ง"เจ้อลินกระตุกข้อมือฉันให้นั่งลง แต่เก้าอี้ที่เหลือดันเป็นเก้าอี้ที่ฉันต้องหันไปที่โต๊ะของผู้ชายคนนั้น เขามองฉันนิ่งมาก วันนี้มาด้วยเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มปลดกระดุมสองเม็ด ขาที่สวมกางเกงสแลคยกไขว่ห้าง และมือขาวๆก็คลึงวิสกี้ในแก้วไปด้วยช้าๆ อย่างมีชั้นเชิงเออเขาดูดี แต่ไม่ดูดีกว่าจนสุดท้ายฉันจิกตาใส่ และยอมนั่งลง ดีเจก็ต้อนรับอย่างอลังการงานสร้างประกาศชื่ออีกครั้ง พร้อมกับขบวนเหล้าจุดไฟมาชุดใหญ่"ว้าว...สุดปัง" ฉันใช้เท้าสะกิดเจ้ซีลีนที่ตื่นตาตื่นใจ ปังอะไร...ไม่เห็นรึไงว่าโต๊ะข้างๆมันคุ้นๆ"อะไรของแก""ผู้ชายที่เราขับรถชนเมื่อตอนกลางวันนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ" เจ้ซีลีนอย่าหันนะ!ไม่ทันลูกพี่ลูกน้องฉันหันขวับไปทันทีเมื่อฉันพูดจบ ฉันจึงรีบตีแขนให้เธอหันกลับมาก่อนที่จะโป๊ะ"ไปมองเขาทำไม""ก็แกบอกฉันฉันก็มองป่ะ แต่ไม่เสียสายตานะ มีแต่คนหล่อๆ" ฉันส่ายหน้าเอือมระอา พยายามไม่สนใจสายตาของอีตาบ้านั่น ดื่มด่ำกับเหล้าหรูหลายยี่ห้อหลายรสที่เจ้อลินเปิดมา แต่ระหว่างนั้นรู้สึกตลอดนะว่าเขามองต้องอยากทวงค่าซ่อมรถกับฉันแน่ๆรวยทิพย์ล่ะสิ ถึงไม่มีค่าซ่อมลัมโบร์กินี"นี่ ดูแกไม่ม
"นั่นแหละ แต่ก่อนแต่งขอทดลองใช้ก่อนได้มั้ยคะ?""ทดลองใช้อะไร?" พ่อฉันถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ และหลังจากนั้นก็จ้องฉันรอคำตอบ"มีเซ็กส์""แทนขวัญ!"ฉันยักไหล่ขึ้นกับเสียงตวาดกร้าวเสียงดัง ก็พ่อจะให้ฉันแต่งงาน ฉันก็ไม่ปฏิเสธ (เพราะปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว) แล้วกฏการแต่งงานคืออะไร? เข้าใจกันเรื่องบนเตียง พอใจกันในเรื่องอื่นๆ มีหลายอย่างเลยที่ชีวิตคู่ต้องเรียนรู้ด้วยกันการทดลองเอากันก่อนแต่งมันผิดตรงไหน?ดีออก จะได้รู้ไงว่าเข้ากันได้รึเปล่า ไม่ใช่แต่งไปแล้วเซ็กส์ห่วยแตกฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ เสียอรรถรสเออ...ไหนๆก็บ่นแล้ว ก็บ่นแม่งยาวๆเลยแล้วกันฉันไม่เคยถือสาเรื่องพวกนี้ และไม่เคยหวงตัว อยากให้แต่งก็จะแต่งให้ แต่ขอแค่เป็นผู้เป็นคนไม่ปากเหม็น ไม่แก่ทึนทึก เพราะชีวิตฉันมันถูกจำกัดในกรงแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แค่แต่งงานไม่ตายหรอกต้องอยู่บ้าน ต้องมีบอดี้การ์ด ห้ามเที่ยวต่างประเทศ ไปไหนต้องรายงาน สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ถามหน่อยฉันมีสิทธิ์พูดหรือแย้งอะไรบ้างเหอะ! คอยดูนะ พ่อต้องเฉ่งฉันเรื่องรถบิ๊กไบค์ และเรื่องบอดี้การ์ดอีกแน่นอน"เหิมเกริม! เป็นผู้หญิงพูดจาแบบนี้ได้ยังไง!""เพศไหนก็มีสิทธิ์พูดเรื่องเซ็ก
"ก็ใช่น่ะสิ ถ้ามีสติคงไม่ทะเล่อทะล่าออกมาแบบนี้"เขาลอบถอนหายใจ แล้วจับมือฉันออกจากคอเสื้อตัวเอง ก่อนจะใช้หลังมือปัดสองสามทีด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง"อืม...ก็ใช่ แต่ถ้ามีจิตสำนึกที่ดี คงไม่ขับรถเร็วในที่ชุมชมแบบนี้" ฉันถลึงตามองเขาเขม็ง ก้าวไปประชิดอีกครั้งด้วยความโกรธ แต่เจ้ซีลีนรีบมาลากแขนออกไปซะก่อน"พอเถอะนะแทนขวัญ ช่างเขาเถอะ ขอโทษด้วยนะคะ เอาเป็นว่าผิดทั้งคู่ ต่างคนต่างแยกย้ายดีกว่าค่ะ"ฉันสบัดมือพี่สาวออกแล้วชี้หน้าผู้ชายคนนั้นทันที"อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ ไม่อย่างงั้นฉันเก็บคุณแน่"ว่าแล้วฉันก็เปิดเสื้อขึ้นโชว์ปืนที่เหน็บเอวขู่เบาๆก่อนจะก้าวขาควบรถ แต่ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวเลยสักนิด เขากลับล้วงกระเป๋ากางเกงมองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนเจ้ซีลีนไปหยิบหมวกกันน็อคที่พื้นแล้วเขย่งขึ้นซ้อนรถบิ๊กไบค์ฉันเราทั้งคู่ขับมาจอดที่หน้าบ้านของนางด้วยอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่าน"อารมณ์เสียว่ะ" พอรถจอดฉันก็บ่นทันที"เออ ดีแล้วที่ออกมาก่อน เพราะถ้าตำรวจมาจะเรื่องใหญ่แน่ๆ อ่ะนี่หมวกกันน็อค ขอบใจนะที่ไปรับแต่คราวหลังฉันขอรถยนต์!"ฉันรับหมวกกันน็อคจากเจ้ซีลีนมาสวมให้ตัวเอง"อืม แล้วเจ้บินอีกตอนไหน?""อาทิตย์หน้
ล่ามรักมาเฟียโนเนจังเพนส์เฮาส์"แลนด์ดิ้งรึยัง..."(แลนด์แล้วจ้า มารับได้เลย)"โอเค อยากลองรถใหม่พอดี"หลังวางสายฉันหยัดลุกจากโซฟาไปคว้าหมวกกันน็อกเดินไปที่ลิฟต์ ก่อนจะกดลงไปชั้นจอดรถส่วนตัวของตัวเองเพื่อควบบิ๊กไบค์ Ducati Street Fighter V4s คู่ใจ ปอยผมยาวถูกสบัดไปข้างหลังลวกๆ เพื่อสวมหมวกกันน็อค ก่อนจะดึงถุงมือจากเสื้อหนังมาใส่ทีละข้างให้กระชับมือ"โคตรเท่"ฉันพูดกับตัวเองแล้วยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นก็กดปุ่มสตาร์ทระเบิดเสียงท่อดังกระหึ่มทั่วบริเวณ'บรึ้นนนนน บรึ้นนนนน'"คุณแทนขวัญครับ!""คุณแทนขวัญ!"บอดี้การ์ดที่พึ่งมาถึงวิ่งมาล้อมรถบิ๊กไบค์ฉันทันที เวร น่ารำคาญเป็นบ้า! ทำไมฉันต้องเกิดมาเป็นลูกสาวมาเฟียด้วยวะ กฎเกณฑ์เยอะกว่ากฎหมายประเทศไทยซะอีก"หลบ""ถ้าคุณแทนขวัญจะออกไปข้างนอก พวกผมต้องนำขบวนนะครับ"ฉันเปิดหมวกกันน็อกขึ้นด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะคว้าปืนที่เหน็บข้างเอวออกมาตั้งลำ 'แกร๊ก' และเล็งไปที่คนขวางทางอย่างเอาจริง"ถ้าไม่หลบ...ฉันยิงเรียงคนแน่""แต่คุณแทนขวัญ... มันอันตรายนะครับ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาท่านเอาผมตายแน่ๆ ผมไหว้ล่ะครับ ลงจากรถนะครับ""หลบ!"บอดี้การ์ดมองหน้ากันด้วยคว
"ได้ข่าวว่าอยากทดลองใช้"ร่างเล็กที่ยืนอยู่ก้าวถอยหลังโดยสัญชาติญาณ ทันทีที่สายตาสบประสานกับสายตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เธอก็หายใจไม่ทั่วท้องในทันทีใช่ เธอรู้จักเขา...นับถือว่าเป็นพี่ชายคนนึงเลยก็ว่าได้...แต่ไม่คิดว่ามันจะมีวันนี้ วันที่ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นสามีภรรยา และอยู่ๆเขาก็ปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนเดิมมือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้แก้มขาวก่อนจะบีบหมับ! เพื่อให้เธออยู่ในสายตา องศาไม่เคยทำแบบนี้กับแทนขวัญมาก่อน แต่พอเขารู้ว่าไม่นานต้องเข้าพิธีแต่งงานและเป็นเจ้าของ ความรู้สึกอยากครอบครองส่วนอื่นๆก็มีขึ้นมาดื้อๆ"กลัวรึเปล่า...""ไม่ ฉันไม่เคยกลัว""แต่ขนาดของฉัน จะทำให้เธอเจ็บเกินไป"แทนขวัญกลืนน้ำลายดังอึก แต่เก็บกลั้นความกลัวไว้ในใจ เธอเชิดหน้าขึ้นและส่งมือเรียวทาบทับกับเป้ากางเกงเพื่อพิสูจน์ความยิ่งใหญ่"ก็ไม่เท่าไหร่นี่""ต้องจับข้างใน"องศากระซิบข้างหู พลางจับมือเล็กสอดเข้าไปในกางเกงของตัวเอง หัวใจหญิงสาวเต้นแรงเมื่อแตะโดนความแข็งแรงนั้น เธอมองหน้าเขา เขามองหน้าเธอ ทั้งคู่จมอยู่กับความเงียบงันแค่จับก็อึดอัดจนหายใจไม่ออกแล้ว เธอคิดผิดรึเปล่าที่อยากทดลองใช้"ใหญ่ไหม..." เขาถาม"...""