"แกบอกฉันมาเลยนะแทนขวัญ" เจ้อลินชี้หน้าฉัน
"ไม่ใช่ๆ เขาอาจจะเข้าใจผิด"
"ไม่ผิดหรอก ดูนี่!" โป๊ะแตก เจ้อลินบีบแก้มฉันแล้วจ้องริมฝีปากอย่างจับผิด ฉันจึงรีบใช้หลังมือเช็ดทันที แต่ทว่าเจ้ซีลีนคว้าข้อมือไว้ก่อน
แล้วจากนั้นนางก็ขมวดคิ้วจ้องที่ริมฝีปากฉันอีกคน...
"เอ๊ะ ตอนแกไปห้องน้ำ ปากแกคงไม่ได้ไปถูกับชักโครกมาใช่ไหม? ตอนไปก็ปกติ แต่กลับมาลิปสติกเลอะเชียว"
นี่ฉันต้องสารภาพใช่ไหม?
ทำไมพี่สาวฉันต้องมาเค้นเอาความจริงตอนที่อยู่ในสายตาอีตาบ้านั่นด้วย เขามองฉันแล้วลอบยิ้มที่มุมปาก ราวกับตัวเองกำลังเอาชนะฉันได้ยังไงอย่างงั้น
ฉันจึงสบัดหน้าออกจากมือเจ้อลิน แล้วกระตุกข้อมือกลับจากเจ้ซีลีน ก่อนจะพยักหน้า
"อือ ฉันเอง"
"กรี๊ดดดดดดดดด! แทนขวัญเสียจูบแรกแล้วอ่ะ ทำไมฉันดีใจเหมือนถูกหวยเลย" เจ้อลิน!
เขามองอีกแล้ว
หยุดสร้างความอับอายให้ฉัน
หยุด!
"มันไม่ใช่จูบ แค่หมาเลียปาก!"
ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวว่าจบก็รีบลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าครัชของตัวเองเดินลงบันไดหนีกลับบ้านโดยที่บอดี้การ์ดรีบเดินนำทาง และยกแขนกันคนอื่นจนถึงรถ
ที่มึนๆฉันสร่างแล้ว มัวแต่หงุดหงิดใจอยู่หลังรถโรลส์รอยซ์พลางใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง ทำไมต้องเขา... ทำไมต้องจูบ การที่คนสองคนจะจูบกันได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เหม็นกันเหมือนขี้ขนาดนี้
"บ้าเอ้ย! อย่าได้พบได้เจอกันอีกนะ ถ้าเจอล่ะก็ฉันจะสับแกเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้ไข่ขาวกินเลย"
ฉันบ่นอย่างหัวเสีย จนพี่บอดี้การ์ดที่เห็นความผิดปกติรีบถามขึ้นมา
"มีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับคุณแทนขวัญ"
"ไม่มี ช่างมันเถอะหลังจากนี้คงไม่ได้เจอแล้ว"
เมื่อคืนฉันตั้งใจลืมจูบนั้นรีบกลับมาอาบน้ำแปรงฟันกว่าครึ่งชั่วโมง แต่มันยังรู้สึกถึงความเป็นเขาตลอดเวลา ตอนนี้ก็เช่นกัน ฉันถึงกับสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งเพราะฝันถึงหน้าผู้ชายคนนั้น
'ครืนนนนน ครืนนนน'
ฉันหันมองตามเสียงแล้วคว้าโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะข้างหัวเตียงมารับ แม่โทรมาแบบนี้ต้องเป็นเรื่องฉันทะเลาะกับพ่อแน่ๆเลย
MOM | CALLING
"สวัสดีค่ะ แม่จะโทรมาเรื่องที่หนูทะเลาะกับพ่อใช่ไหม?"
(ใช่ ช่วยขังเสือของลูกด้วย แม่กับพ่อกำลังลงไป)
"เดี๋ยวค่ะ"
(มีอะไร)
"หนูเองก็อยากขอโทษพ่อเหมือนกันที่พูดแรงไป แม่มีวิธีขอโทษแบบไม่เสียฟอร์มไหมคะ"
ปลายสายถอนหายใจใส่ฉันทันที
(เฮ้อ กับพ่อยังกลัวเสียฟอร์ม ถ้ากับแฟนจะไปกันรอดมั้ย เรื่องบางเรื่องอ่อนบ้างก็ได้นะลูก ฟอร์มมันกินไม่ได้หรอก อย่าลืมขังเสือล่ะ แม่จะลงไปแล้ว)
งั้นคงต้องง้อพ่อวิธีเดิม
"ก็ได้ค่ะ"
พอรับปาก ฉันก็วางสายแล้วลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เห็นเป็นแบบนี้แต่ฉันชอบใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นนอนมากๆ มันเป็นการเสพติดไปแล้ว ฉันเลือกชุดนอนยากกว่าเสื้อผ้าที่ใส่ไปข้างนอกซะอีก
ซีทรู ลูกไม้ และส่วนมากเป็นชุดนอนที่ใส่แล้วไม่ได้นอน ไม่ต้องห่วงว่าใครจะเข้ามาเห็น เพราะฉันไม่เคยขังเสือตัวเองเลย น้องไข่ขาวเดินรอบเพนส์เฮาส์อย่างอิสระ ขนาดแม่ยังต้องโทรมาขอให้ฉันขังเสือก่อน เพราะท่านเคยมาไม่บอกกล่าว และโดนขู่มาแล้ว
"ไปๆ ไข่ขาว อยู่ในห้องนี้ก่อนนะ" ฉันดึงสายจูงเสือขาวตัวโตเข้าห้อง ก่อนจะเดินไปหยิบไก่ที่แช่ไว้ในตู้อาหารของมันโยนเข้าไป
'งับ!'
ไข่ขาวกระโดดงับไก่ทั้งตัวเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย แล้วเมื่อเสือตัวโตได้อาหารและไม่เครียดที่ถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ฉันก็รีบปิดประตูล็อกไว้อย่างแน่นหนา แล้วเดินไปเปิดไพรเวตลิฟต์รอพ่อแม่ลงมา
ซึ่งสัญญาณจะถูกส่งขึ้นไปเพนส์เฮาส์ห้องบนสุดให้ท่านรู้
'ติ๊ง~'
ทันทีที่ประตูลิฟต์สีโรสโกลด์เปิดออกแล้วพ่อแม่ฉันเดินออกมา ฉันก็รีบปรับอารมณ์โผไปกอดพ่อทันที
"เมื่อวานมีคนตีหนูด้วยค่ะแม่" ฉันแกล้งฟ้องแม่ แล้วก็เดินตามกอดพ่อจนถึงโซฟา
"พ่อลูกคู่นี้ยังไงกัน แม่เบื่อจะเป็นศาลเตี้ยแล้วนะ สรุปเรื่องนี้ใครผิด? จะได้เคลียร์กันสักที"
"หนูเอง/ ฉันเอง" ฉันกับพ่อตอบพร้อมกัน ก่อนที่จะนั่งลงแล้วฉันขยับไปกอดแขนออดอ้อน
จนพ่อพูดขึ้นมาต่อ
"เมื่อวานกับวันนี้เหมือนคนละคนกันเลยนะ"
"ก็เวลาทำให้หนูนึกได้นี่คะ"
"เวลา หรือ สุรา"
ฉันชะงักแล้วมองหน้าพ่อทันที รู้อีกแล้ว รู้ไปหมด! ซึ่งการไปผับหรือเที่ยวกลางคืนต่อให้มีบอดี้การ์ดคุ้มกันแน่นหนาแค่ไหน พ่อฉันก็ไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ หลายครั้งที่เราทะเลาะกันแล้วก็ดีกันวนลูบเป็นวงกลม และคนที่คอยไกล่เกลี่ยก็มักจะเป็นแม่
"สะ...สุราส่วนนึงค่ะ เมื่อวานขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณพ่อ" ฉันยกมือไหว้กราบแทบอก ซึ่งพ่อก็รีบยกมือลูบหัวเบาๆ
"พ่อก็ขอโทษที่ตีลูก" ฉันรู้ว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจ แต่อารมณ์และความรู้สึกตอนนั้นก็ทำให้ฉันฟีลขาดเช่นกัน จนแม่เบ้ปากแล้วพูดประชดขึ้นมา
"รู้ไหมว่าพ่อนอนไม่หลับทั้งคืน เสียใจมากกกกก"
ฉันยิ้มกว้าง แน่นอน...ด่าได้แต่อย่าตีฉัน ความผิดนี้เป็นความผิดแรกของพ่อฉะนั้นถือว่าหายกัน ฉันไม่ถือสา ฉันจึงกอดพ่อแน่นๆแล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่ แล้วหลังจากนั้นฉันก็โดนบ่นยาวเลยค่ะ
"มันจะดีมากถ้าลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง จะได้ไม่มาสำนึกผิดทีหลังแบบนี้"
"ค่าาาา"
"แล้วเรื่องที่ยิงบอดี้การ์ดเพราะเขาไม่ได้ดั่งใจตัวเอง เรื่องนี้ไม่ควรทำ บอดี้การ์ดทำตามหน้าที่ที่พ่อสั่ง ไปขอโทษเขาด้วย"
"ค่าาาาา" แม่ฉันเบ้ปากใส่อีกครั้ง ดูเหมือนว่ารับปากส่งๆแต่ฉันเข้าใจนะ ถึงจะดื้อด้านแต่ก็เป็นคนมีสมองมีสำนึก (ทีหลัง) ตอนนั้นฉันแค่ไม่ชอบให้ใครขัดใจในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้น
รถบิ๊กไบค์ฉันจ้องอยากขับมานาน แต่ไม่มีโอกาสเลย ฉันทำได้แค่นั่งดูวีดีโอคนอื่นซ้ำๆ ทั้งที่ตัวเองมีเงินมากพอจะซื้อมาขับ และตอนที่ไปไหนโดยไม่มีบอดี้การ์ดมันเป็นอะไรที่อิสระมาก
เพราะพวกนั้นฟังคำสั่งพ่อมากกว่าคำสั่งฉัน อะไรที่พ่อห้าม บอดี้การ์ดก็ห้ามเช่นกัน
'ทำแบบนั้นไม่ได้ครับคุณแทนขวัญ'
'วางลงครับคุณแทนขวัญ'
เมื่อก่อนประโยคนี้ได้ฟังทุกวัน แต่ถ้าแต่งงานกับมาเฟียอีกกลุ่มคงไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้
ดูอย่างแม่ฉันสิ ปัจจุบันท่านอำนาจเยอะกว่าพ่อแล้ว การแต่งงานของลูกชายมาเฟีย คือการสละอำนาจอย่างหนึ่ง พ่อพี่องศาคงวางมือ และมอบตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดให้เขา
แล้วเมื่อฉันแต่งงานไป... ฉันก็จะกลายเป็นควีนที่นั่นทันที มันหมายถึง 'อิสระ' และ 'อำนาจ' ที่ฉันจะมีมากกว่าที่นี่ อย่างน้อยๆก็ทำได้ทุกอย่าง
"เจอองศารึยัง?" ฉันถอนกอดออกมาแล้วมองหน้าพ่องุนงง เหมือนพ่อรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ถึงถามคำถามนั้น
"เจอ... ที่ไหนคะ?"
"ผับที่ลูกไป เมื่อคืนองศาก็อยู่ที่นั่น" หา? คนไหน ทำไมฉันไม่รู้เลย
"อ้าวเหรอคะ ทำไมเขาไม่มาทักหนูล่ะ จะแต่งงานกันแล้วแท้ๆ"
"ไม่เจอก็ไม่เป็นไร ยังไงเย็นนี้เขาก็จะมาสู่ขอเราแล้ว ทางนั้นเขายึดถือเรื่องฤกษ์สละตำแหน่ง และฤกษ์แต่งงานสำคัญ อาจจะฉุกละหุกหน่อยนะลูก"
ไม่หน่อยเลยค่ะ ฉันพึ่งรู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานเมื่อวานนี้แถมเป็นคนถามพ่อเอง แล้ววันนี้ผู้ชายก็จะมาขอ ไม่หน่อยเลยค่ะแม่!
"เมื่อวานพ่อเร่งเอง ทางนั้นเลยหาฤกษ์กระชั้นเข้ามา เตรียมตัวด้วยล่ะ หกโมงครึ่งพ่อจะให้คนมารับ"
"ขังเสือของลูกไว้ดีๆนะ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงช่างแต่งหน้าทำผมจะมาด้วย"
ฉันมองพ่อแม่ที่พูดไม่เว้นช่วงสลับไปมา โดยที่ไม่มีโอกาสได้ถามหรือปฏิเสธเลย... แล้วหลังจากนั้นพ่อก็หอมหัวฉันก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาไปเฉยๆ ตามด้วยแม่ที่ลุกขึ้นจากโซฟาอีกฝั่งเดินมาหอมแก้มฉันด้วย
ท่านหอมแล้วหอมอีก หอมจนแก้มฉันติดจมูก
"สู้ๆนะลูกสาวสุดที่รักของแม่ แม่กับพ่อรักลูกจ้ะ"
ให้ฉันสู้กับอะไร
ไข่พี่องศาเหรอ?
แววตาแม่และคำพูดท่านเหมือนจะส่งลูกไปโรงเรียนดัดสันดานอ่ะ รู้สึกไม่ดีเลยแหะ...ใจหวิวๆ ตะหงิดๆ และแอบขนลุก
สิบแปดปีต่อมา....กว่าจะผ่านมาได้สิบแปดปี เจ็บไม่รู้กี่ครั้ง หลั่งน้ำตาไม่รู้กี่รอบ แต่ฉันกับลูกๆก็ผ่านมันมาได้อย่างลุ้นระทึก ทำไมถึงเป็นแบบนั้นน่ะเหรอ...ก็เพราะตอนที่ภาขวัญโตพลังเธอยิ่งกว่าวันเดอร์วูแมน บ้านคฤหาสน์ดรากอนสุดยอดแห่งความโกลาหล พายุ ภาขวัญถือปืนของเล่นไล่ยิงกันในบ้าน ใช้ตู้ แจกัน โซฟาเป็นที่กำบังจากกระสุนยางส่วนภาคิณพยายามวิ่งห้าม เพราะทุกๆครั้งที่เล่นแบบนี้ต้องมีของแตกหรือพัง เมื่อก่อนฉันก็บ่นนั่นแหละแต่ตอนนี้รู้สึกแก่เลยปล่อยวาง แต่ความดื้อของลูกไม่ได้ลดน้อยลงเลยนะคะ พวกเขาแค่พูดรู้เรื่องขึ้นเท่านั้น "มาม๊าคะ...หนูเจอผู้ชายคนนึงหล่อมาก!"ฉันยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากภาขวัญทันที พายุอยู่บ้าน ภาคิณอยู่บ้าน รวมถึงพี่องศาก็อยู่ที่ห้องทำงาน พูดเรื่องผู้ชายให้ได้ยินไม่ได้"แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามพูดเรื่องนี้ที่บ้าน ถ้าอยากพูดพูดกับแม่ข้างนอก" ภาขวัญทำหน้ายู่ "ได้ค่ะ แต่มาม๊าช่วยอะไรหนูหน่อยได้ไหมคะ?" พอภาขวัญพูดแบบนั้น ซานิที่พึ่งกลับจากมหาวิทยาลัยด้วยกันก็จับมือเธอทันที "อย่าเลยแก""เอาน่าซานิ ม๊าฉันเข้าใจ""จะให้แม่ช่วยอะไร?" ฉันถาม"สั่งบอดี้การ์ดของดรากอนหรือไลออน ไปขู่
หนึ่งปีต่อมาพายุ ภาคิณ 5 ขวบภาขวัญ 7 เดือน"ภาขวัญคลานมานี่ คลานมาๆ" พายุอยู่อีกมุมบ้าน กำลังปรบมือเรียกน้องสาวที่กำลังตั้งท่าคลานให้ไปหาตัวเอง บ้านหลังใหญ่อาณาจักรมาเฟียองศา ทุกพื้นที่ถูกบุไปด้วยเบาะนุ่ม และสร้างประตูเล็กกั้นบันไดไม่ให้เด็กแสบอย่างภาขวัญคลานไปถึงแทนขวัญเป็นแบบไหน ภาขวัญคูณสอง นอกจากจะหน้าตาเหมือนฉันอย่างกับโคลนนิ่ง นิสัยก็ปังมาก เอาแต่ใจ งอแงเก่ง และดื้อจนฉันอยากจะยีหัวตัวเอง อย่าเผลอเชียว แอบคลานไปทุกที่และก็ชอบเล่นซ่อนแอบให้ฉันปวดประสาท ถ้าเดินได้ฉันคงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ นั่งจ้องลูกทั้งวันกลัวลูกหาย เพราะพี่องศารักภาขวัญมาก เห่อมาก ตอนที่ภาขวัญคลานและล้มตุ๊บใส่ของเล่น ลูกไม่ร้อง แต่พ่อน้ำตาซึมและทิ้งของเล่นแข็งๆหมดบ้านเครียดกันเป็นอาทิตย์"ภาขวัญมาเร็วววววว" ภาขวัญหัวเราะคิกๆแล้วคลานไปหาพี่ชายอีกมุม ซึ่งฝั่งนู้นก็ปรบมือเร่งอย่างครึกครื้น ลืมบอกไปว่าภาขวัญมีฟันกระต่ายสองซี่ขึ้นแล้วนะคะ เวลาหัวเราะหรือยิ้มแฉ่งนี่น่าเอ็นดูมาก"มาเลยภาขวัญ!""พายุอย่าเร่งน้อง" ภาคิณปราม เพราะก่อนหน้ามันมีเหตุเกิดมาแล้ว เล่นกันแบบนี้เชียร์กันสุดเสียงแล้วภาขวัญก็คลานจนแขนล้าล้มหน
หลังจากได้รับโฉนดที่ดินหลักร้อยล้านมาครอง ไม่นานฉันกับพี่องศาก็ขอตัวกลับ แต่พายุไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว เพื่อความเท่าเทียมภาคิณขออยู่กับพี่ชายด้วย เขาให้เหตุผลว่าตัวเองไปไหนต้องมีพายุไปด้วยตลอด เลยไม่อยากให้พี่น้อยใจหรือแยกจากกัน น่าเอ็นดูมาก ฉันกับพี่องศาได้ยินน้ำตาแทบไหล ประทับใจที่พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวเพราะจากที่ไปอ่านมาจากเว็บไซต์ลูกรักที่ตั้งบอร์ดปรึกษาหารือเรื่องลูกแฝด ปัญหาโลกแตกคือเด็กชอบทะเลาะกัน ยิ่งเป็นเพศเดียวกันยิ่งแล้วใหญ่ จิกหัวตบ แย่งของเล่น สารพัด!"ไม่มีลูกก็เหงาเหมือนกันนะคะ กลับรถไปรับดีไหม?"พี่องศาหันมายิ้ม"ติดแค่ลูกเหรอครับ ไม่ติดพี่บ้างเหรอ?" "ติดค่ะ ถ้าลืมพี่องศาไว้บ้านพ่อก็จะกลับรถไปรับเหมือนกัน" เขาจับมือฉันไปหอมฟอดใหญ่แล้วกุมไว้บนตัก และหลังจากนั้นก็ไม่ปล่อยมือเลย แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะหน้าขบวนรถมีรถนำอยู่แล้ว ฉันกับพี่องศาจึงขับรถไปเรื่อยๆ สวีทกันสองคนจนถึงบ้าน...ต้องอาบน้ำเตรียมเข้านอน มาเฟียหนุ่มก็บุกมาก่อกวนฉันถึงในห้องน้ำ เขานั่งซ้อนหลังฉันถูหลังให้ ชโลมครีมอาบน้ำที่หัวไหล่แล้วนวดเบาๆ นี่มือจับปืนจับดาบมาเหรอเนี่ย...นุ่มจัง"รู้
"แม่! ลูกหนูล่ะ!"ทันทีที่ตื่นขึ้นมาฉันไม่สนใจเลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน พอเจอหน้าแม่ก็รีบจับแขนท่านถามทันที "ใจเย็นๆแทนขวัญ พายุไม่ได้เป็นอะไรเลย บอดี้การ์ดรับไว้ทันแถมพายุยังมีความสุขดีไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน""เฮ้ออออ"ฉันยกมือทาบอกถอนหายใจโล่ง ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องแล้วเห็นพี่องศาและพ่อยืนอยู่ ส่วนพายุหลับอยู่ที่โซฟา ภาคิณยืนมองฉันตาละห้อย โถ่...คนพี่ดื้อจนแรงหมด คนน้องก็น่าเอ็นดูเหลือเกิน"พ่อว่าเราต้องจัดการพายุแล้วแทนขวัญ" อยู่ๆพ่อฉันก็พูดขึ้นมา"พะ พ่อหมายความว่ายังไงคะ?""ระหว่างที่ลูกท้อง ให้พายุไปอยู่กับพ่อช่วงเสาร์อาทิตย์"ฉันมองพี่องศาทันที ซึ่งเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย จันทร์ถึงศุกร์ถามว่าพายุดื้อไหม ดื้อค่ะ แต่ไม่ได้เอาพลังทั้งหมดมาใช้กับความดื้อขนาดนี้ แต่ถ้าไปอยู่กับพ่อฉัน...ชั้นล่างก็เป็นบ้านพี่แทนคุณ พายุต้องไปป่วนบ้านนั้นเล่นกับเดนิสจนบ้านพังแน่ๆ"คงไม่ชวนเดนิสเล่นซนนะคะ" "ไม่หรอกแทนขวัญ...เดนิสเป็นเด็กผู้หญิงลูก รายนั้นเล่นแต่ตุ๊กตา" แม่ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ตอนที่ฉันเป็นลมทุกคนคงประชุมกันแล้วสินะ สงสัยคงต้องเป็นแบบนั้นแล้วล่ะ ช่วงนี้ฉันท้องอ่อนๆอยู่ด้วยวิ่งตามจับพายุไม่ไหว
[SPECIAL]แทนขวัญ x องศาสองคนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายออกเยี่ยมราษฎรรึไง รู้แล้วว่ารักกัน รักมาก ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้ซีลีนโชคดีมากจริงๆ แผนทั้งหมดพี่โซ่บอกพวกเราหมดแล้วเขาตั้งใจกับเรื่องนี้มาก ตอนที่พนักงานเอาดอกกุหลาบมาวางอย่างทำเวลา เราทุกคนข้างล่างก็คอยช่วยกำกับ"เหลือคู่เราแล้วนะครับ" ฉันหันไปมองพี่องศาแล้วยิ้มให้เขา เหลือคู่เราอะไร...คู่เราน่ะสมหวังกันตั้งนานแล้ว เหลือแค่ส่งท้ายเล็กๆน้อยๆให้ทุกคนแฮปปี้เอนดิ้งเท่านั้น"คู่เราต้องฉลองด้วยไหมคะ?""ครับ...แต่ฉลองกันสองคน หนูสะดวกไหม?" สะดวกที่สุด ฉันไม่ได้ตอบพี่องศาด้วยคำพูด แต่ใช้สายตาเป็นคำตอบแทน ซึ่งแค่มองตาก็รู้ใจ... หลังจากนั้นพี่โซ่กับเจ้ซีลีนก็เสด็จลงมาขอบคุณทุกคน ก่อนจะดื่มพูดคุยกันนิดหน่อยแล้วแยกย้ายกันกลับ แต่กว่าฉันจะลากสองแฝดกลับบ้านได้ยากมากๆ อยู่ๆลูกชายฉันก็ติดลมเล่นกับซีล นั่งคุยกันเป็นตุเป็นตะราวกับมีธุรกิจพันล้านจะสร้างด้วยกัน"เดี๋ยวซานิออกมาต้องน่ารักมากแน่ๆ" มีคนคลั่งรักน้องด้วย แต่พายุไม่ยอมแพ้"น้องภาขวัญออกมาก็น่ารักเหมือนกัน เป็นเจ้าหญิงน้อยของพวกเรา" ใช่ค่ะ น้องสาวคนเล็กของสองแฝดชื่อภาขวัญ
อยากได้อะไรพ่อก็ตามใจทุกอย่าง นี่แหละตาซีล หลังจากนั้นสองสามวันลูกชายฉันก็เป็นฝ่ายโทรไปชวนญาติสนิทมิตรสหายของเขาด้วยตัวเอง โดยมีพ่อเป็นคนต่อสายให้"มาเยยนะ มีเหล้า มาเมากัน" ไม่ได้! ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากปู่แน่ๆเลย โทรชวนตามากินเหล้าตั้งวงบ่อย คำพูดของตาซีลทำให้คนในบ้านขำจนปวดท้อง หนักสุดคือคุณปู่ท่านถึงกับเดินออกไปขำนอกบ้าน"ซีลยังพูดเรื่องเหล้าไม่ได้นะลูก ยังเด็กอยู่เลย""ก็ฉลองต้องมีเหล้าไม่ใช่เหรอครับ" พี่โซ่จะขำ แต่พอฉันตวัดตามองเขาก็รีบปิดปากไว้ "เหล้าสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ ซีลโตก่อนนะ ตอนนั้นแม่จะไม่ห้ามเลย" ซีลพยักหน้าหงึกๆ แต่ก็ไม่ได้จำคำสอนของฉันเลย เขายกหูโทรศัพท์พูดต่อแถมพูดมากกว่าเดิมอีก"มานะพายุ เหล้าดีๆเยอะแยะไปหมด โอเคๆโทรชวนเพิร์ลก่อน อย่าลืมมานะ พรุ่งนี้นะ" ฉันกุมขมับ เจ้าเด็กพวกนี้ชอบคุยกันเกินอายุจริงๆ•••งานเลี้ยงฉลองฉันดูออกว่าลูกชายชอบการปาร์ตี้ ชอบเพื่อนฝูง พายุกับภาคิณมาถึงนี่รีบออกตัวไปชวนนั่งและชี้สั่งให้แม่บ้านเสิร์ฟของว่างให้ เราจัดงานกันช่วงเย็นที่หน้าบ้านตัวเอง ซึ่งมีน้ำพุกามเทพแผลงศรตระหง่านอยู่หน้าบ้าน ตัวนี้พี่โซ่เขาเป็นคนเลือกเอง บอกว่ามันคล้ายกับควา