ล่ารักมิติร้าย 🌙
|| คิรัวร์ X บีเบล || __แฟนตาซีอีโรติก__ “นาย.. อายุเท่าไหร่แล้ว?” “พันหนึ่งร้อยสิบปี” “หะ ห๊าาา! พะ พันหนึ่งร้อย สะ สิบปี!” “ตกใจอะไร? ยมทูตมีชีวิตเป็นนิรันดร์” ☾✡☽✡☾✡☽ คิรัวร์ ยมทูตหนุ่มรูปงาม แฝงตัวอยู่ท่ามกลางหมู่มนุษย์ คอยตามเก็บดวงวิญญาณที่ถึงฆาตให้ไปชดใช้กรรมในปรโลก บีเบล หญิงสาวจิตใจดีงาม ช่วยดวงวิญญาณที่น่าสงสารให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ตามความเชื่อที่เธอเข้าใจ 💀💀💀💀💀💀💀💀💀 ล่ารักมิติร้าย [เล่มพี่] ร้ายพ่ายรัก [เล่มน้อง] W a r n i n g นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาความรุนแรง เพศ และการใช้ภาษาค่อนข้างรุนแรง เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากมีการคัดลอกหรือนำไปดัดแปลง หากพบเจอจะ ดำเนินคดีตามกฎหมาย! ทันที หาก‼️พบเจอการคัดลอกนิยาย สามารถแจ้งได้ที่ F******K ฝากกดติดตามกันด้วยนะคะ F******k อะพอลโล่ พลูโตไม่มีไดโนเสาร์ ฝากกด ถูกใจ🤍 คอมเมนต์ 💬 กันเยอะๆนะคะ ทุกหัวใจ ทุกคอมเมนต์ คือกำลังของคนเขียนค่ะ เป็นเเรงขับเคลื่อนให้ไรท์มีแรงสรรสร้างนิยายเรื่องต่อๆไปอย่างเต็มที่เลยค่ะ💗💗 เขียน : อะพอลโล่_ ———————————————- I แรกพบสบตา “โอ๊ยยย!!!” ปึง! กองหนังสือถูกวางกระแทกโต๊ะอย่างแรง หญิงสาวผมยาวสีบรอนด์สลวยหันไปจ้องมองที่นอกหน้าต่าง “จะเรียกร้องอะไรหนักหนาาา รู้แล้วว่าต้องการความช่วยเหลือออ” ฉัน.. บีเบล เพิ่งกลับถึงบ้านหลังจากเลิกงานที่บริษัท ก็แค่พนักงานเงินเดือนทั่วไป แต่… สิ่งที่ไม่ทั่วไปสำหรับชีวิตฉันก็คือ.. บีเบลวางทุกอย่างลงกับโต๊ะแล้วเดินไปสัมผัสกับกระจกของตัวบ้าน สายตาจ้องมองไปยังด้านนอก ความมืดครอบคลุมในขณะที่วันนี้มีอากาศเย็นสวนทางกับกรมอุตุแจ้ง “..วันนี้ฉันไม่ว่าง ขออีกสักสองสามวันได้ไหม เดี๋ยวจะตามให้” “ก็รู้.. แต่คนไม่ว่างไง ถ้าอยากจะไปเกิดใหม่ก็ช่วยเข้าใจฉันด้วยนะ “ “หวังว่าจะเข้าใจนะคะ” ใช่ค่ะ… บีเบลคนนี้มองเห็นวิญญาณ และฉันก็ช่วยมาตลอดตั้งแต่ฉันได้ความสามารถพิเศษนี้มาหลังจากประสบอุบัติเหตุเฉียดตายเมื่อสองปีก่อน ความตายมันน่ากลัวนะ วิญญาณพวกนี้ก็น่าสงสาร บางคนตายทั้งที่ยังมีห่วง บางคนโดนฆ่าตาย ไม่ได้รับความเป็นธรรม วิญญาณจำพวกนี้แรงอาฆาตแค้นสูงมาก และเป็นวิญญาณจำพวกที่ฉันไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยได้ เพราะอะไรนะเหรอ.. เพราะฉันจะถูกดูดพลังงานจากความแค้นที่วิญญาณเหล่านั้นมีนะสิ “อย่าเข้าไปยุ่งเลยเบล” เสียงของมูน เพื่อนชายที่บริษัทดังขึ้นในหัว มันชื่อ มูน ที่แปลว่าพระจันทร์ มันเองก็ดันสนใจเรื่องเร้นลับ แถมยังตามติดฉันต้อยต้อยหากรู้ว่ามีวิญญาณมาขอความช่วยเหลือจากฉัน บีเบลปิดม่านแต่สุดท้ายก็ต้องเปิด ภายใต้ความแข็งกระด้างกลับมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ สุดท้ายร่างบางก็เดินออกจากตัวบ้านแล้วตรงไปหาดวงวิญญาณที่ร้องขอความช่วยเหลือ “…ให้ตายสิ อย่าทำให้สงสารจะได้ไหม” ‘ได้โปรด~ ช่วยฉันที~’ วิญญาณของหญิงสาวที่พลัดตกน้ำยืนร้องขอด้วยความเวทนา สีกายที่ซีดเผือดและใบหน้าที่ซีดราวกับปูนปั้นปลาสเตอร์ “…จิ๊ งั้นเธอนะ ตายที่ไหน” ‘สถานที่ตาย~’ “อื้ม” ‘บึงบัวใต้สะพาน~’ ดวงวิญญาณชี้ตรงไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งฉันคิดได้ว่ามันห่างจากตัวบ้านของฉันไม่เท่าไหร่ ฉันไม่ใช่พวกจิตสัมผัสหรือมีญาณทิพย์บรรเทาทุกข์ให้ใครนะ ฉันช่วยของฉันเงียบๆแล้วคนเดียวที่รู้เรื่องของฉันก็มีแต่มูน ‘ทำให้ฉันได้ใช่ไหม~’ “ถ้าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตายอะนะ..” ‘แน่นอน ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย~’ “..แต่ก็นะ ถ้าไม่ได้ฆ่าตัวตาย ก็ไม่เห็นจะต้องรีบไปเกิดเลยนิ การพลัดตกน้ำมันก็เป็น.. อุบัติเหตุ เพราะฉะนั้น เธอควรจะอยากร่ำลาคนที่รักมากกว่าจะตามติดฉันมาเพื่อให้ฉันส่งไปเกิดแบบนี้.. ดูจากสภาพเธอแล้ว.. เพิ่งจะตายด้วยซ้ำ?” ‘…..’ วิญญาณสาวยืนนิ่ง “มีแต่พวกหนีกรรมเท่านั้นแหละที่อยากจะรีบไปเกิดแบบใจจะขาด” ‘~’ “เธอนะ… ไม่ได้ฆ่าตัวตายจริงๆนะ?” อีกครั้งที่บีเบลย้ำถาม ท่าทางเลิ่กลั่กของสาวที่ตายเหมือนกำลังจะแสดงละคร แต่บีเบลก็จิตใจดีเกินไป เธอมักมีข้อแก้ตัวสำหรับทุกดวงวิญญาณเสมอ “อ่าๆ ไม่ต้องทำหน้าร้องไห้ พาฉันไปหน่อยสิ ที่ที่เธอตาย” วิญญาณสาวล่องลอยนำหน้าก่อนจะมาถึงบึงบัวดังกล่าว แขนซีดชี้ตรงไปยังกลางบ่อบัว ดงบัวที่ขึ้นรกรังนี่คง.. เป็นส่วนที่ทำให้เธอตาย.. ไม่อยากจะคิดเลยว่าใต้น้ำจะเต็มไปด้วยอะไรบ้าง “รอแป๊บนะ” ฉันกำลังก้มหาบางสิ่ง บางสิ่งที่จะพอเป็นสิ่งเชื่อมโยงกันระหว่างหญิงสาวคนนี้กับเส้นทางชดใช้กรรมก่อนที่จะได้ไปเกิด เอาจริงๆคือฉันไม่รู้วิธีอะไรเลย รู้แต่ว่าต้องจับของบางสิ่งแล้วมันจะมีแสงสว่างแวบเข้ามาก็เท่านั้น ในขณะที่บีเบลกำลังหลับตาและใช้สมาธิ ภาพในนิมิตยังไม่ทันได้เชิดฉาย รอยยิ้มแสยะสยองของหญิงสาวตัวซีดก็ผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะพุ่งแรงญาณของตัวเองตั้งใจจะปลิดชีพของบีเบลเพื่อให้เป็นตัวตายตัวเเทน ‘ตายซะเถอะ!’ เสียงยืดยานดังสนั่นในหัวของตัวเอง และทันทีที่มือซีดกำลังจะผลักดันบีเบลได้สำเร็จ หมับ! “อ๊ายยยยย!!!’ เสียงกรี๊ดของของผีสาวดังสลั่น เผยดวงตาและไฟอาฆาตแค้นออกมาอย่างเต็มตัว “เอ๊ะ!” เสียงกรี๊ดนั่นทำฉันลืมตาขึ้น แล้วก็เห็นบุคคลที่สาม ชายร่างสูงสง่าใส่ชุดคลุมที่ดำทมึน แผ่นหลังกว้างยืนขว้างฉัน แถมยังใช้มือจับแขนของผีสาวคนนี้อีกด้วย! “อะไรกัน! ผู้ชายคนนี้มีไอความน่ากลัวตลบอบอวลรอบตัวไปหมด ดวงตาคมที่เหลือบมองฉันเพียงนิด ดวงตาสีแดงฉาน… อะไร ผีใหม่อีกตัวงั้นเหรอ? “นี่นายผีใหม่.. ปล่อยเธอคนนี้นะ” “ข้าไม่ใช่ผี” “..ละ แล้วนายเป็นใคร นายจับผีได้ ก็แสดงว่านายเป็นผีอะ!” อีกครั้งที่เขาจ้องมองฉัน สายตาดุๆน่ากลัวนี่ก็ทำฉันใจเต้นจนเกือบจะตายได้อะ.. “เจ้านี่เอง…” “..อะ อะไร?” “ที่ก้าวขาเข้ามาช่วยวิญญาณพวกนี้ไม่เว้นวัน” “…..” “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” เสียงเย็นยะเยือกสะท้อนไปรอบทิศ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คน ไม่ใช่ผี.. งั้นเขาเป็นอะไร! “…ก็ อย่ามาว่าฉัน นายต่างหากเป็นตัวอะไร ฉันเป็นคนที่เห็นผีแต่จับผีไม่ได้ แต่นาย….” ไอเย็นที่มัดข้อแขนของหญิงสาวตัวซีดเผือดที่สีหน้าแสยะร้ายน่ากลัวกระชับแน่นขึ้นเมื่อเธอพยายามจะดิ้นหนี “ข้ามาเพื่อจับวิญญาณร้ายที่คิดจะหนีระบบกฎของปรโลก” “….ปะ ปรโลก?” เดี๋ยวนะ จับวิญญาณ… ไปรับกฎ… ตามที่ฉันเคยอ่านเจอ…. ไหนจะไอเย็นๆ เสียงก้องๆสะท้อนๆ… บีเบลมองหน้าร่างสูงสตั้นไปหลายวิ ริมฝีปากสั่นสะท้าน มือไม้สั่นราวกับเสียขวัญและตกใจ “อยะ อย่าบอกนะว่านายเป็น!” “…..” “ยะ ยมทูต!!!” “คนที่ขวางกรรมวิญญาณ ฝืนกฎปรโลกจะมีอายุขัยสั้นลงหนึ่งปีต่อหนึ่งดวงวิญญาณที่ได้ช่วยไว้หนึ่งดวง นั่นคือกฎ” “!!!!!” “ถ้ารักตัวเอง… หยุดก้าวเข้ามาในโลกที่ไม่ใช่โลกของเจ้า” เพียงเสี้ยววินาที ร่างของผู้ชายตัวสูงก็หมุนวนหายไปกลางอากาศ ไปพร้อมกับผีสาวตัวซีดด้วย “ยะ ยมทูต จริงเหรอ!” ฉันถามตัวเอง ก็ฉันไม่เคยอ่านเจอ ว่ายมทูต จะปรากฎตนต่อหน้ามนุษย์นิ.. แถมคนเมื่อกี้เขายังดู… หล่อเกินกว่าจะเป็นยมทูตเก็บวิญญาณอะ แต่วาร์ปที่หมุนร่างเขาและผีสาวตนนั้นให้หายไปก็ทำให้รู้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่ผีสางธรรมดาๆแน่นอน แต่แค่ไม่อยากเชื่อเท่านั้นละ คนตายเท่านั้นที่มีสิทธิ์เจอยมทูต! เอ๊ะ! หรือว่าฉันตายแล้วแบบไม่รู้ตัว? ไม่ใช่สิ! “นี่! ยมทูตออกมาคุยกันก่อนสิ! นายเป็นผีใช่ไหม! อย่ามาหลอกกันให้ง่ายเลยนะ! ออกมาสิ!!!” “…..” แต่ทุกอย่างก็เงียบสงัดดังเดิม มีเพียงฉันและบึงบัวที่เงียบงัน 🌙🌙🌙🌙🌙🌙🌙🌙🌙🌙 ขอใจให้ยมทูตตนนี้โหน่ยยย🤍🖤ย้อนกลับไป…“มูน.. อร่อยไหม?”ฉันถามมูนเพราะมันเอาแต่นั่งนิ่งและจ้องมองไปทางคิรัวร์ที่วันนี้แต่งชุดมาเต็มยศราวกับประกาศศักดา หรือฉายแสงยานุภาพให้โดดเด่นกว่าทุกคนที่มาร่วมงาน..“ก็อร่อย.. ถ้าไม่ติดชุดที่มันใส่ ทำอย่างกับเป็นปาร์ตี้ชาววัง==^” “..อ่า นะ ก็ เขาไม่ใช่คนนิ~” บีเบลใช้มือป้องปากและกระซิบกระซาบกับมูน เอาจริงก็แค่เสื้อแขนยาวคอเต่าพร้อมกับผ้าคลุมที่ถูกถอดออกไปแล้วเท่านั้นนี่ฉันคิดว่ามูนจะไม่มาร่วมงานซะอีก.. ลางสังหรณ์ฉันแม่นจะตาย มูนชอบฉันมานานแล้ว แล้วมันก็ไม่ได้สนใจด้วยไอ้เรื่องภูติผีวิญญาณหรือความเชื่อที่ฉันเคยมี มันก็แค่.. ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้คุยกับฉันได้อย่างถูกคอ และทำให้ฉันนึกถึงมันคนแรกเสมอเวลาเจอเรื่องอะไร ซึ่ง.. มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ส่วนเรื่องคิรัวร์.. ตอนแรกมูนไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่เพราะอย่างนั้น ความหวงเมียของคิรัวร์ก็นะ มันทำได้ทุกอย่าง เขาเล่นเผยร่างที่แท้จริง ร่างโครงกระดูกในชุดโม่งแรกพบที่ฉันได้เจอ แถมอัพเกรดมีตะเกียง.. ไม่ใช่สิ วงไฟอะไรสักอย่างลอยติดตามเขาไปอีก เอาจริงๆไหม ฉันเหมือนได้ผีเป็นผัวมากกว่ายมทูตอะ นั้นละ ถึงเป็นจุดที่มูนเองเชื่อสนิทใจ และไม่คิด
แกร๊ก~ ฟู่ว์!!!!“ท่านคิรัวร์เจ้าข๊ะ!!!!! อย่าหาทำเจ้าค่ะ!!!!”“เอาน้ำมา!”“ท่านใช้หมดแล้วเจ้าค๊าาาาาาาาา!!!”“โธ่เอ้ยยย!”“นึกเพี้ยนอะไรลุกขึ้นมาทำกับข้าวละเจ้าคะ! พังพินาศหมดแบบนี้ พี่บีเบลหักคอท่านแน่ๆเลย!!” “หุบปากแล้วไปเอาน้ำมา! ยัยเด็กปากไม่มีหูรูด!”“…อะไร เสียงโวยวายข้างล่างแบบนั้น” บีเบลลุกขึ้นมาพร้อมกับเสียงอึกทึกครึกโครม“…เมด้า ทะเลาะกับใคร?” พลางตั้งสติได้ บีเบลก็ค่อยดันตัวเองพร้อมประคองท้องที่ใหญ่กว่าคนปกติแม้จะอุ้มเพียง4เดือนก็ตาม“เพราะท่านนั่นแหละ! ทำไม่เป็นก็น่าจะบอกข้าดีๆนี่เจ้าข๊ะ!!”“คิดว่าตัวเองเป็นใคร อายุแค่สามร้อยปี กล้าสามหาวต่อปากต่อคำกับข้างั้นรึ๊!”..เสียงนี่ ฉันตาโต พลางจับราวบรรไดแล้วรีบก้าวไปตามเสียงที่เอ็ดดัง“เด็กกว่าแล้วไงละเจ้าข๊ะ! ข้าเก่งทำอาหารมากกว่าท่านที่อายุเป็นพันกว่าปีนะ!เจ้าข๊ะ!!”“ข้าเป็นเจ้านรกนะยัยเด็กนี่!”“ก็ถึงบอกว่าข้าถึงทำอาหารเก่งกว่าท่านไง! ท่านนะหยุดทำอาหารแล้วไปบริหารนรกรุ่งกว่าเยอะเลยเจ้าค่ะ! อ๊ากกก ไหม้ๆๆ ไหม้แล้ว!!!”“..คิรัวร์” บีเบลที่ยืนสตั้นนิ่งพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า“ยัยเด็กเปรต!”“อ๊ากกก!! ข้าจะฟ
2เดือนต่อมา..สร้อยรูปผีเสื้อ ถูกถอดหินออกจากตัวเรือนสีเงิน ศิลาถูกนำกลับไปไว้ในที่ของมัน ฉันแอบเสียดายเพราะมันเป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่ฉันเหลืออยู่เกี่ยวกับพ่อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ฉันในตอนนี้ไม่อาจมีสภาวะในการที่จะมองเรื่องของจิตใจตัวเองสำคัญไปกว่าส่วนรวมแล้วเพราะ.. ตอนนี้ ฉัน.. “ท่านหญิงบีเบล”“ห๊ะ?!” ใช่ ฉันกลายเป็นท่านหญิงบีเบลที่… ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็น ยมทูตนับสิบๆตนต่างพากันเอาของมาเยี่ยมฉันแบบไม่ขาดสาย นี่ถึงขั้นที่ฉันต้องมีผู้ติดตามประดั่งเจ้าหญิงผู้สูงส่ง… ฉันได้กลายเป็นหญิงเดียวในใจของคิรัวร์ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาเรียกฉันแบบนั้น… “กล่องที่สิบสองแล้วค่ะ”“…นี่ขนาดฉันยังไม่คลอดนะเมด้า ถ้าคลอดจะขนาดไหนกัน==^”“เหล่ายมทูตต่างสนับสนุนท่านคิรัวร์กันทั้งนั้นนี่คะ.. การดูแลความเป็นอยู่ของลูกและภรรยาของเจ้านรก ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ”“…แต่ ไอ้ที่ได้ๆมานี่ ฉันไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดหรือเปล่า บางทีมันเยอะเกินไป …ฉันท้องลูกแค่คนเดียวนะ ทำอย่างกับฉันท้องลูกเป็นทีมฟุตบอลยังงั้นอะ” ฉันหันไปมองกล่องที่วางกองเป็นภูเขา ที่ได้รับฝากจากบรรดายมทูตที่หิ้วมาเยี่ยมเยียนฉันหลังรู้ว่าฉั
“เรื่องคือมันยังไม่รู้ว่าเธอท้อง ส่วนถ้ามันรู้เรื่องมันจะไม่รับผิดชอบ!”“…..” มูนไม่ฟังอะไรฉันเลยแฮะ“มันอยู่ไหนเนี่ย เดี๋ยวไปลากคอมันมาให้”“มูน ใจเย็นก่อนได้หม๊ายยยย” “ใจเย็นได้ไงวะ! เพื่อนกูท้องกับคนที่ไม่มีปัญญาเดินไปซื้อหอยทอดแบบนั้น ชาตินี้จะฝากชีวิตด้วยได้ไงอะ!”ฉันว่ามูนมาเต็มมาก.. บอกแล้วไงว่าไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่เอาเรื่องนี้มาปรึกษามัน..บีเบลคว้าแขนของมูนเอาไว้ คนเป็นเพื่อนหันมองก่อนจะขมวดคิ้ว“จะปกป้องอะไรมันนัก”“มูน” ในขณะที่ฉันกับมูนยังยื้อยุดกันอยู่ตรงนี้ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ทั้งมูนแล้วก็ฉันหันกลับไป เป็นคิรัวร์ที่เดินออกมาจากในบ้าน แต่เพราะก่อนหน้านี้มูนเองก็ไม่ได้เห็นว่าคิรัวร์อยู่ในบ้าน เลยเลิ่กคิ้วสงสัยหนักเข้าไปอีก“…มึงอยู่ในบ้าน?” แต่ฉันหันมองคิรัวร์ พยายามส่งซิกส์ให้เขาตอบว่า ใช่ “ปล่อยมือเมียข้า”“……” ก็เหมือนจะปกติแหละ แต่คำที่ใช้เรียกฉันก็มีแต่จะสร้างความสงสัยให้มูนเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วแบบนี้จะเก็บความลับอยู่ไหมเนี่ย ถ้ามูนสงสัยขึ้นมา จะตามสืบข้อมูลอะไรแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมันเลย“เธอเองก็ด้วย ไล่ฟีอาร์กลับแล้วหนีมาคั่วมันเนี่ยนะ?”“…คั่วเหร
“..ไม่จริงหรอก ไม่จริงอะ” ฟีอาร์พาฉันมาส่งที่บ้าน แทนที่คนมาส่งจะเป็นคิรัวร์ เพราะฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วร้องจะกลับมาท่าเดียว ฟีอาร์ก็เลยพากลับมานี่แหละ“..ดูคุณจะไม่ดีใจนะครับ”“ฉันกำลังตกใจ คือ.. คิรัวร์กับฉัน เรามัน..”“ผมเข้าใจครับ แต่ตอนนี้คุณได้อุ้มท้องลูกของคุณกับท่านคิรัวร์”“…..”“มันคือความจริง”“ฉันคิดว่ามันเป็นความฝันด้วยซ้ำ…” แล้วแบบนี้ อะไรจะเกิดขึ้นอีกละ ชีวิตฉัน ชีวิตคิรัวร์ เราอยู่กันคนละโลก นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล แล้วไหนจะเรื่องเด็ก… ติ้งดิ่ง~ เสียงกดออดหน้าบ้านดังพอดี ฉันเลยพาตัวเองเดินไปเปิดประตูด้วยอาการช็อคที่ยังคงค้างอยู่ ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก“..ยังมีชีวิตอยู่สินะ?”“มูน!!” เพื่อนตัวสูงของฉันมองฉันงงๆ ก่อนจะมองเข้าไปในบ้าน ฟีอาร์ยังคงก้มเพื่อทำความเคารพเช่นเดิม จนมูนก้มหัวเพียงนิดราวกับแค่ตอบกลับเป็นมารยาท“ฟีอาร์.. นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันขออยู่กับเพื่อนฉันหน่อย”“แล้วจะให้ผม เรียนท่านคิรัวร์ว่ายังไง”“..ไม่ต้องหรอก หมอนั่นทำอะไรเสร็จเดี๋ยวก็โผล่มาเองเเหละ”“…..”“ไปเถอะ ขอฉันตั้งสติแป๊บนึง”“ครับ..” ฟีอาร์เลือกที่จะเดินออกมาจากบ้าน เพราะตรงนี้มีมูนอยู่ด้วย เลยไม
“เจ้าจะเอายังไงต่อ เรื่องนางผู้นั้น” ยมทูตหญิงชราเอ่ยถามเมื่อมาถึงบ้านของคิรัวร์ “ตอนนี้เรื่องของเจ้า แพร่สะพรัดไปทั่วนรก”“ก็ไม่ทำยังไง นางต้องอยู่กับข้า”“อยู่กับเจ้า? ในนรก? เฮอะ~ พาตัวเองมาตายแท้ๆ”“…..”“เจ้าน่าจะรู้ดีว่าที่นี่.. มีกฎเกณฑ์ของมัน หากมนุษย์อยู่ที่นี่โดนที่ไม่ใช่ดวงวิญญาณ.. ต่อให้เจ้าครองบัลลังก์ กฏข้อนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”“ข้ายังไม่ได้พูดสักคำ ว่าข้าจะให้เบลอยู่ที่นี่”“…หมายความว่ายังไง?” หญิงชรามีศักดิ์เป็น ทวด ของคิรัวร์แค่นคิ้วถามราวสงสัย ในขณะที่เจ้าตัวยังคงทำเพียงแค่ยืนติดกระดุมเสื้อหลังจากจบกิจกรรมดังกล่าว โดยที่มีร่างของบีเบลนอนหลับสนิทอยู่ที่เตียง“อย่าบอกนะ! ว่าเจ้า!”“บัลลังก์ไม่อาจว่างได้”“……”“ข้าจะครองบัลลังก์”“แล้วนาง..” คิรัวร์แค่นยิ้มออกมาให้ ทวดชรา หรี่ตาคิดอีกครั้งเหมือนได้ยินเสียงใครคุยกัน.. เป็นแบบนี้อีกแล้ว ที่มีอะไรกับคิรัวร์จบ ฉันเหมือนคนไร้แรงกายแบบนี้ตลอด.. แต่ครั้งนี้รู้สึก.. จะเป็นหนักกว่าทุกที“..คิรัวร์~ ฉัน~” แต่พอดันตัวเองขึ้นมา ก็ไม่เห็นใครอยู่เลย.. หรือเพราะฉัน จะไม่ชินกับร่างกายใหม่กันนะ.. เลยรู้สึกเหมือนอยู่ในลิฟต์ตลอดเวลา