“คิลเลียน...นายคงไม่เคยนับซีนะว่าแดเนียลคบกับคู่ควงของเขาแต่ละคนเป็นเวลานานเท่าไหร่ แต่ฉันเคยสังเกตว่าผู้หญิงพวกนั้นอยู่กับเขาไม่เกินสามเดือน”
“แต่แดนคบกับผู้หญิงแค่ไม่กี่คนนะโมนิกา ซึ่งฉันคิดว่าครั้งนี้เขาคงลงเอยกับซอนญ่าเสียที”
“หล่อน...ก็แค่ผู้หญิงที่เขาพามา”
“เธอว่าอะไรนะ?” คิลเลียนย่นคิ้วกับคำพูดเหมือนยังไม่สิ้นสุดของญาติผู้น้อง โมนิกากลอกตาและยิ้มหยัน
“เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาจากยูทาห์แบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เขาอาจพบเธอที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นผับบาร์ที่มีผู้หญิงอย่างว่า หรือไม่...ก็อาจพบข้างถนนก็เป็นได้ แดเนียลคงเบื่อที่จะคบกับพวกดารานางแบบแล้วกระมัง”
“แต่นี่คือการตัดสินใจของเขา”
ชาหนุ่มสรุปและมันทำให้โมนิกานิ่งอึ้ง หญิงสาวกดเก็บความเจ็บแค้นที่ไม่สามารถโน้มน้าวให้อีกฝ่ายคิดทางลบได้เอาไว้ในส่วนลึกขณะปั้นหน้าอย่างที่เธอถนัด
“เธอคงหลงเสน่ห์การทำอาหารของแม่นั่นเข้าแล้วล่ะสิ ก็แน่นอน...พวกผู้หญิงบ้านนอกน่ะถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”
“โมนิกา...ฉันว่าเราอย่าใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เลยจะดีกว่า ครอบครัวของเราต่างเคารพการตัดสินใจของเขาแม้ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตาม”
ครอบครัวนายมันงี่เง่ามากต่างหาก...โมนิกานึกในใจทว่าก็แค่นยิ้มขณะที่คิลเลียนเป็นฝ่ายผละเข้าไปภายในเรือ
“ซอนญ่า...หล่อนจะเหลือเวลาแห่งความสุขอีกไม่นานหรอก”
หญิงสาวกัดฟันพูดกับตัวเองซึ่งเป็นตัวตนอันตรายที่ไม่เคยมีใครเห็น แต่ก่อนที่จะตามคิลเลียนกลับเข้าไปก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อสัญญาณโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น
เฟลรอฟ...เมื่อเห็นว่าเป็นสายของใครหญิงสาวจึงสัมผัสหน้าจอเบา ๆ เพื่อเช็ครายละเอียด คนสนิทของเธอจะไม่โทรพูดคุยแต่จะส่งข้อมูลต่าง ๆ มาให้ตรวจสอบเป็นระยะซึ่งมันก็เป็นเช่นนี้มาตลอดระยะเวลาหลายปีของการทำงานร่วมกันระหว่าง บอส และคนสนิทในองค์กรลับ เฟลรอฟเป็นนักฆ่าชาวรัสเซียซึ่งทำงานใกล้ชิด บอส มากที่สุด เขาจะเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติการและส่งข่าวสารสำคัญกลับมาให้ทราบ
และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาส่งข้อมูลสำคัญที่ทำให้ บอส ถึงกับผงะเมื่อหน้าจอค่อย ๆ ประมวลผลรายละเอียดเป็นภาพใบหน้าหญิงสาวซึ่งเธอไม่เคยเห็นหน้านอกจากการสั่งงานเมื่อมีบัญชาให้ปฏิบัติการโจรกรรมข้อมูล
“แม่สาวยูทาห์...ออโซลย่า!” หญิงสาวหันกลับไปยังน่านน้ำที่โอบล้อมรอบเรือยอชต์หรูอีกครั้งขณะกำโทรศัพท์ในมือแน่น ทว่าก็มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากระยับพรายบนผิวคลื่นเล็ก ๆ สะท้อนสีเงินแวววาวใต้แสงตะวันที่เริ่มสาดส่องร้อนแรง
แดเนียลบังคับเรือเร็วแล่นออกมาไกลจนมองกลับไปไม่เห็นเรือยอชต์ไพรซ์อีก อลินทิรานั่งอยู่เคียงข้างเขาและมองไปยังแผ่นฟ้าที่โค้งตัวลงมาจรดน้ำทะเลอย่างใช้ความคิดกระทั่งได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นแข่งกับเครื่องยนต์เรือ
“ที่นี่คือลิกูเรีย...ลา สเปเซียเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างเจนัวกับปิซ่า พื้นที่แถบนี้มีเกาะแก่งที่เป็นหน้าผาชัน ดูลึกลับแต่ก็สวยงามน่าค้นหา”
อลินทิราเพียงยิ้มจาง ๆ รับคำอธิบายนั้น เธอเคยผ่านมาที่นี่จากหลาย ๆ ที่ที่จารชนอย่างเธอต้องไปเพื่อปฏิบัติภารกิจลับ ทว่าก็ไม่เห็นว่ามันไม่น่าดึงดูดใจจนกระทั่งวันนี้ วันที่เธอผ่านมาอีกครั้งกับ แดเนียล ไพรซ์ เกาะแก่งซึ่งเป็นหุบผาชันมองเห็นไกล ๆ กลับสดใสอย่างน่าประหลาด
“พ่อกับแม่คุณคงมาที่นี่บ่อยสินะคะ?”
“ท่านไปทุกที่ที่ท่านอยากไป หลังจากบริษัทผลิตเรือยอชต์ตามสั่งลำนี้เสร็จ พ่อกับแม่ของผมก็แทบไม่กลับขึ้นไปบนฝั่งเลย คงจนกว่าพวกท่านจะเบื่อทะเลนั่นล่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหน”
แดเนียลพูดต่อจากนั้นขณะชะลอความเร็วกระทั่งดับเครื่องยนต์ลงสนิทและปล่อยลำเรือให้ลอยอยู่ไม่ไกลจากเกาะที่มองเห็นเป็นหน้าผาสูงชัน ร่างสูงใหญ่ผละจากพังงาเรือเพื่อหยิบกล่องกระด่ษสองสามใบขึ้นมาวางเรียงบนเบาะที่นั่งด้านหลัง อลินทิราลุกตามไปอย่างระมัดระวังด้วยเริ่มรู้สึกวิงเวียนจากการโคลงเคลงไปตามแรงคลื่นของลำเรือ หญิงสาวเห็นว่าเขาค่อย ๆ แกะกล่องเหล่านั้นอย่างพิถีพิถันและคลี่มันออกเผยให้เห็นสิ่งท่าอยู่ด้านใน
“คุณคงไม่ว่าอะไรนะที่อาหารเช้าวันนี้ผมให้เชฟจัดแบบโมร็อคกัน”
บทที่ 11
เกมวัดใจ
อลินทิราอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นอาหารหน้าตาน่าทานวางอยู่ในกล่องกระดาษบุฟลอยด์อย่างดี
“แป้งวีทผสมแป้งเซโมลินา ทานกับสตูว์เนื้อสัตว์และผักอบ...นี่เป็นอาหารดั้งเดิมแถบอัฟริกาเหนืออย่างนั้นหรือคะ?”
“มันเป็นอาหารโมร็อคกันต้นตำรับ ผมคิดว่ามันเข้ากับบรรยากาศของท้องทะเลเป็นที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอเลือกเมนูนี้ก็แล้วกันค่ะ”
ร่างแน่งน้อยกล่าวก่อนหยิบกล่องที่มีซี่โครงแกะออสเตรเลียอบและมันฝรั่งบดขึ้นมาสูดกลิ่นไอของอาหารเช้าอันแสนละมุน
“อืม...ฉันชอบกลิ่นนี้จังเลยค่ะ”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต