ฉันลุกจากเตียงอีกครั้งในช่วงสาย พลางยืดตัวบิดขี้เกียจ เสียงครางเบา ๆ หลุดจากลำคอด้วยความเมื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว พอหันไปมองชายที่นอนหลับสบายอยู่ข้าง ๆ ก็อดถอนหายใจไม่ได้
คนอะไร...เจ็บตัวแท้ ๆ แต่ความหื่นไม่มีวันพักเลยสิน่า
แม้อยากจะทิ้งตัวลงไปนอนต่อข้างเขา แต่ก็รู้ดีว่ายังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ โดยเฉพาะการติดต่อชนกันต์
ยังไม่ทันคิด มือถือของภูริก็ดังขึ้นจากโต๊ะข้างเตียง
สายเรียกเข้า ‘กวิน’
ฉันเหลือบมองภูริที่ยังนอนหลับสนิท ไม่วี่แววจะตื่นง่าย ๆ ด้วยความเหนื่อยสะสม จึงถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแล้วเดินออกไปที่ระเบียง
“ฮัลโหล…นี่ฉันเอง”
[ลูกพี่! ลูกพี่ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ!] เสียงตะโกนจากปลายสายทำฉันต้องย่นคิ้ว
“นายหายหัวไปไหนมา?” ถามเสียงเข้มแต่ไม่ได้ตั้งใจจะดุ
[อย่าเพิ่งด่าผมนะ พอลูกพี่โดนจับตัวไปผมก็รีบตามรอยทันที เช้าวันถัดมาคุณภูริฟื้น ผมเลยรีบรวบรวมหลักฐานแล้วก็แชร์ข้อมูลบางส่วนกับเขา แผนดีลพันล้านนั่น...ผมก็มีส่วนนะ...] เขาว่าเสียงอ่อย
ฉันหัวเราะเบา ๆ <
ฉันลุกจากเตียงอีกครั้งในช่วงสาย พลางยืดตัวบิดขี้เกียจ เสียงครางเบา ๆ หลุดจากลำคอด้วยความเมื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว พอหันไปมองชายที่นอนหลับสบายอยู่ข้าง ๆ ก็อดถอนหายใจไม่ได้คนอะไร...เจ็บตัวแท้ ๆ แต่ความหื่นไม่มีวันพักเลยสิน่าแม้อยากจะทิ้งตัวลงไปนอนต่อข้างเขา แต่ก็รู้ดีว่ายังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ โดยเฉพาะการติดต่อชนกันต์ยังไม่ทันคิด มือถือของภูริก็ดังขึ้นจากโต๊ะข้างเตียงสายเรียกเข้า ‘กวิน’ฉันเหลือบมองภูริที่ยังนอนหลับสนิท ไม่วี่แววจะตื่นง่าย ๆ ด้วยความเหนื่อยสะสม จึงถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแล้วเดินออกไปที่ระเบียง“ฮัลโหล…นี่ฉันเอง”[ลูกพี่! ลูกพี่ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ!] เสียงตะโกนจากปลายสายทำฉันต้องย่นคิ้ว“นายหายหัวไปไหนมา?” ถามเสียงเข้มแต่ไม่ได้ตั้งใจจะดุ[อย่าเพิ่งด่าผมนะ พอลูกพี่โดนจับตัวไปผมก็รีบตามรอยทันที เช้าวันถัดมาคุณภูริฟื้น ผมเลยรีบรวบรวมหลักฐานแล้วก็แชร์ข้อมูลบางส่วนกับเขา แผนดีลพันล้านนั่น...ผมก็มีส่วนนะ...]เขาว่าเสียงอ่อยฉันหัวเราะเบา ๆ
"ไม่เจ็บแผลโดนยิงแล้วเหรอ..." ฉันถามเสียงพร่าเขายิ้มอีกครั้ง ดวงตาทอประกายลึกซึ้ง“ไม่เจ็บ…ตอนนี้อยากกอดมากกว่า" เขาประกบจูบฉันแนบแน่น แล้วผละออกมาช้า ๆ จ้องมองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนทุกครั้งแววตาของเขาเจ้าเล่ห์จนน่าหมั่นไส้“ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ครับ…หรือเพราะพี่เก่งเกินไป?”ฉันตีแขนเขาเบา ๆ “หยุดเลย…”“หยุดทำอะไรครับ ยังไม่ได้เริ่มจริง ๆ เลยนะ”เขาก้มลงกระซิบชิดหู น้ำเสียงกึ่งหัวเราะแต่ทุ้มลึก ปลายลิ้นแตะที่ติ่งหูฉันแผ่ว ๆ ก่อนจะลากลงที่แนวกราม“หรือว่าน้องวีเขินเพราะพี่ทำแบบนี้…”ฉันสะดุ้งเฮือก ร่างกายร้อนวูบขึ้นมาทันทีพอหันไปมองหน้าเขา ก็เหมือนโลกทั้งใบจะหยุดหมุนเพราะภาพตรงหน้า...คือภูริในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนผมเขายุ่งเล็กน้อยจากแรงจูบ เหงื่อบาง ๆ ที่หน้าผาก ลมหายใจที่ถี่และร้อนและดวงตาคู่นั้น ทั้งมืดลึก เร่าร้อน ราวกับมีเปลวไฟกำลังเต้นอยู่ข้างในเขามองฉันด้วยสายตาที่ทั้งหวง ทั้งหื่น ทั้ง
เมื่อกลับถึงคอนโด ฉันไม่รอช้า เดินตรงไปหยิบขวดไวน์ที่ภูริเก็บไว้ในตู้ พร้อมรินมันลงแก้วตัวเองเต็มขอบจากนั้นก็กระดก… รวดเดียวเกือบหมดแก้วแก้มเริ่มร้อน ตาเบลอหน่อย ๆแต่สติยังครบทุกอย่างฉันวางแก้วลงบนโต๊ะ หันไปมองเขาเต็มตา“พี่…เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติไหมคะ?” ฉันแค่นยิ้ม ไม่คิดว่าจะต้องพูดประโยคนี้ให้ใครฟังอีกนอกจากชนกันต์ภูริชะงัก คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย“คำถามแปลกดีครับ แต่ตอบตามตรง...ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง”“งั้น…ถือว่าฟังนิทานเรื่องหนึ่งละกันค่ะ” ฉันสูดลมหายใจลึก“จริง ๆ แล้ววี…” ฉันชี้ตัวเอง “วีคนนี้…ไม่ใช่วราลีหรอกค่ะ”เขานิ่ง“วีเป็น…อดีตสายลับที่…ควรจะตายไปแล้ว”วินาทีนั้น ฉันเห็นประกายบางอย่างในดวงตาเขาไหววูบแต่เขาไม่พูดขัด ไม่แม้แต่จะทำท่าตลกหรือแสดงความไม่เชื่อฉันเล่าต่อ...ทุกอย่าง ตั้งแต่ภาพสุดท้ายก่อนกระสุนนัดนั้นฝังเข้าที่กลางอกโดนยมทูต
ไม่นานนัก คนขับรถก็มาถึง เราทั้งคู่จึงออกเดินทางไปยังบ้านตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์ด้วยความเตึงเครียดเมื่อมาถึง แม่บ้านก็มาเชิญพวกเราให้ไปยังห้องประชุมประจำตระกูลทันที ห้องนั้นใหญ่กว้าง ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงโทนสีน้ำตาลเข้ม ตรงกลางห้อง มีโต๊ะประชุมตัวยาว สมาชิกในตระกูลนั่งกันเรียงรายกันครบทุกคนแล้ว แต่ไม่มีใครพูดอะไร ทำให้บรรยากาศภายในห้องอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกพริบตาที่ฉันก้าวขาเข้าไปในห้อง พิรมลก็ลุกพรวดขึ้นตวาดเสียงแหลมใส่ทันที“นี่เธอยังกล้าโผล่หน้ามาอีกเหรอ! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่หายตัวไป ตระกูลเราคงไม่ต้องเสียดีลพันล้านให้ไอ้พวกนอกวงการนั่น!”คำพูดของเธอพุ่งมาแรงจนฉันแทบผงะไปหนึ่งก้าวแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยอะไร เตชิตก็กอดอกพยักหน้าเสริมพาขวัญยกมือขึ้นกอดอก ปรายตามองอย่างรังเกียจ“โห...นึกว่าภรรยาว่าที่ผู้นำ TP กรุ๊ป จะเจ๋งกว่านี้ ที่แท้ก็แค่ตัวถ่วง”เตชินท์ที่นั่งอยู่หัวมุมโต๊ะ หันมาสบตาฉันแล้วกล่าวอย่างเฉยชา“การตัดสินใจยกดีลให้พวกนั้นเนี่ย มันส่งผลถึงทั้งองค์กรนะ
หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จ ฉันเก็บจานลงซิงก์ ล้างเรียบร้อย ก่อนที่จะไปอาบน้ำ เตรียมกะละมังใส่น้ำอุ่นและผ้าขนหนู เมื่อออกมาที่ห้องนั่งเล่น ก็เจอคนเจ็บนั่งกอดอกรออยู่บนโซฟาอย่างสงบเสงี่ยมเมื่อเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าก๊อซให้เขาเสร็จ ฉันก็ปล่อยเขานอนพักบนโซฟา แล้วไปหยิบแล็ปท็อปจากกระเป๋า กลับมานั่งข้าง ๆ เขา ก่อนจะเปิดเอกสารแน่นเอียดขึ้นมาทำงานต่อ แต่ยังไม่ทันจะพิมพ์อะไรได้เกินสามบรรทัด...“น้องวี…”“...”“พี่เบื่อจังเลย”“พักค่ะ” ฉันตอบโดยไม่หัน“แต่พี่อยากคุยด้วย”ฉันถอนหายใจ หันไปมองเขาที่กำลังเอาคางพาดหมอนบนพนักโซฟา มองฉันเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง“พี่ภู… พี่ต้องพัก ฟื้นตัวให้เต็มที่ก่อน”เขายื่นมือมาจับชายเสื้อฉันเบา ๆ สายตาเว้าวอน“น้องวีนั่นแหละยาดีที่สุดของพี่…”โอเค...ฉันแพ้ฉันวางแล็ปท็อปไว้บนโต๊ะกลางหน้าทีวี ปล่อยให้เขาเอนศีรษะลงบนตัก“ตอนที่พี่ตื่นมา แล้วรู้ว่าน้องวีหายไป…&rdquo
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะครับ”เสียงนุ่มของภูริดังขึ้นข้างหู พร้อมมือที่ลูบหลังฉันเบา ๆ“ผมให้คนเอาเสื้อผ้า กับของใช้จำเป็นมาวางไว้ในห้องแล้ว”ฉันพยักหน้าช้า ๆ แล้วลุกเดินเข้าไปในห้องนอนของเขาภายในห้องตกแต่งด้วยโทนเข้ม เรียบหรู เตียงขนาดคิงไซซ์หัวเตียงบุหนังดำเรียบสะอาด พร้อมชุดเครื่องนอนสีเทาเนื้อเนียนพิเศษ มีโต๊ะข้างเตียงสองฝั่งแบบลอยตัว ทำจากไม้โอ๊คเข้ากับบรรยากาศ โคมไฟทรงเรียบให้แสงส้มอ่อนให้อารมณ์อบอุ่น ฉันมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างสำรวจ ก่อนจะหันไปคว้าชุดคลุมที่แขวนอยู่ข้างตู้ฉันยืนหน้ากระจก แล้วเอื้อมมือไปที่ซิปด้านหลังของชุดกี่เพ้าที่ยังใส่อยู่แต่มันติด…ฉันลองอีกครั้งก็ยังไม่ขยับสุดท้ายก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนแง้มออกไปภูริยังนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาคมหันมาสบตาฉันทันที“ขอโทษนะคะ...” ฉันพูดเบา ๆ “ซิปมันติด...ช่วยรูดลงให้หน่อยได้ไหมคะ?”เขาเลิกคิ้วนิดหน่อย ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ได้สิครับ&rdqu