“ผกา..”
คีรีพยายามหักห้ามใจแต่ทั้งความเมาและเนื้อหนังเต่งตึงอกตูมของผกากำลังทำให้สติของเขาควบคุมไม่อยู่สิ้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแหบพร่าคีรีก็กดเธอลงกับฟูกนอนรีบตะกุมตะกามดูดดึงยอกประทุมถันฟัดเล่นให้สาแก่ใจ
“อ้ะ...”
ชายหนุ่มใช้มือหนาถลกผ้าถุงสีหวานของหญิงสาวขึ้นมากองที่เอวก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงในตัวจิ๋วลูบไล้ร่องสวาทที่กำลังฉ่ำแฉะ
“คีรี..”
และแล้วกิจกรรมสวาทที่ได้สิ้นลงเมื่อคีรีได้ยินเสียงพ่อตนมาตะโกนที่หน้าบ้านของผกาสติของเขาจึงกลับคืนมาได้
“พ่อ..”
“ถ้าเอ็งไม่ออกมาเอ็งไม่ต้องกลับไปที่ไร่อีก”
“ฉันไปก่อนนะผกา”
คีรีรีบใส่กางเกงลุกหนีร่างอวบอึ๋มที่นอนโชว์ของสงวนอยู่บนฟูกออกไปอย่างรวดเร็วเขามีสติรู้ตัวเพราะเสียงของพ่อไม่อย่างนั้นเกือบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผกาไปแล้ว
“โถ่เอ้ย..”
ผกานั่งกัดฟันกรอดกำมือแน่นอีกแค่นิดเดียวเธอก็จะทำให้สิ่งที่หวังได้สำเร็จแล้วแต่ดันมีคนมาขัดเสียก่อนยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโมโห
ปึกก
“ดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่องเอ็งจะไปค้างอ้างแรมบ้านผกามันได้ยังไง”
พ่อเลี้ยงอินลากลูกชายคนโตมาเหวี่ยงกองตรงกลางบ้านกลางดึกก่อนจะตวาดเสียงสั่นด้วยความโมโหดีที่สรวงมาบอกให้เขาไปตามคีรีกลับไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าคนแถวนั้นจะพูดกันไปเสียหายขนาดไหนหากคีรีนอนค้างบ้านผกาจนถึงเช้า
“ก็ฉันไม่อยากกลับบ้านนี่พ่อ”
คีรีเงยหน้ามองพ่อตนเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ข้าพึ่งคุยกับแม่เอ็งเมื่อเย็นว่าเอ็งคงไม่ทำอะไรให้ข้ากับแม่เอ็งเดือดร้อนเห็นจะไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง..”
พ่อเลี้ยงอินเห็นทีเขาจะไว้ใจลูกชายของเขาเกินไปแล้ว
“ฉันขอไปนอนก่อนนะพ่อ...ไม่ไหว”
คีรีลุกหนีคนเป็นพ่อเดินเข้าห้องเพราะรำคาญที่จะฟังเสียงบ่นเต็มที
“ไอ้ลูกคนนี้..อย่าให้ข้าต้องมานั่งบังคับอะไรเอ็งมากนักเลย”
พ่อเลี้ยงอินยังคงพ่นเสียงบ่นตามหลังลูกชายตนไม่ขาดเขาอยากให้ลูกของเขาเลิกพฤติกรรมเจ้าชู้แบบนี้เสียทีแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรบอกสอนเตือนกี่ครั้งก็ไม่ฟังทุกอย่างของลูกเขาดีหมดยกเว้นเรื่องผู้หญิง
ไม่รู้เลยว่าแต่งงานไปแล้วจะเป็นอย่างไร
หากคีรีทำให้หลานสาวแสนคำเสียใจเขาต้องทุกข์มากแน่ๆที่เขาบังคับให้คีรีแต่งกับหลานสาวของแสนคำเพราะเป็นความต้องการของแสนคำด้วยแสนคำนั้นมีแต่หลานสาวจึงอยากให้วิวาห์เป็นฝั่งเป็นฝากับคีรีเพื่อที่อนาคตจะได้ไปควบคุมดูแลไร่ที่ทางเหนือ
ที่เขาต้องทำตามคำที่แสนคำขอเพราะเมื่อก่อนเขาก็อาศัยบารมีและความช่วยเหลือของแสนคำถึงได้มีกินมีใช้เป็นเจ้าคนนายคนอย่างทุกวันนี้ได้บุญคุณอะไรที่เขาตอบแทนแสนคำได้เขาก็จะทำ
วันต่อมา
เช้ามืดหลังจากที่รถยนต์ของบ้านแสนคำขับออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่เท่าไรโดยมีคำปันชายหนุ่มคนขับรถของแสนคำเป็นคนขับ...ก็จอดที่ข้างทางเพื่อให้ปรางทิพย์หลานสาวคนเดียวของแสนคำลงเนื่องจากมีกวินหมอหนุ่มที่เป็นคนรักของปรางค์ทิพย์จอดรถรอเพื่อที่จะพาปรางค์ทิพย์หนีอยู่แล้ว
“พี่วิน”
ปรางค์ทิพย์ลงรถได้ก็โผเข้ากอดกวินจนแน่นเพราะคิดถึงสุดหัวใจเนื่องจากปู่ของเธอดันไล่ให้กวินออกไปจากพื้นที่หลังจากที่รู้ว่าเธอนั้นแอบคบกันเพราะปู่ของเธอต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยงอินที่อยู่โคราช
วันนี้เธอทำทีเตรียมเดินทางออกมาพร้อมกับปิ่นงามหญิงสาวลูกของตองนวลแม่นมของเธอโชคดีที่ปู่ของเธอตอนนี้ป่วยจนเดินไม่ได้เลยเดินทางไปร่วมงานแต่งไม่ได้เธอจึงถือโอกาสนี้หนีไปกับหมอกวินและคนที่จะต้องเดินทางไปแต่งงานแทนเธอก็เป็นปิ่นงาม
เรื่องนี้ปิ่นงามเองก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไรนักแต่เพราะเห็นแก่ความรักของปรางค์ทิพย์และบุญคุณของแสนคำที่ชุบเลี้ยงเธอกับแม่เหมือนคนในครอบครัวเธอจึงยอมสละความสุขตัวเองเพื่อให้หลานสวาวของแสนคำอย่างปรางค์ทิพย์มีความสุข
“ดูแลตัวเองดีๆนะคะคุณปรางค์โชคดีนะคะ”
หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มผิวขาวอมชมพูในชุดเสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายคอกลมมีเชือกผูกเอวกับซิ่นผืนสีทองยาวถึงตาตุ่มบนหัวเกล้ามวยผมรวบตึงเดินลงมาจากรถถือกระเป๋าหวายยื่นให้หมอหนุ่มก่อนจะหันมากุมมือเรียวของปรางค์ทิพย์อวยพรให้เธอโชคดี
“เธอก็เหมือนกันนะปิ่น..ขอบคุณมากจริงๆ”
ปรางค์ทิพย์สวมกอดปิ่นงามแน่นขอบคุณหญิงสาวที่เสียสละเพื่อความรักของเธอก่อนจะรีบขึ้นรถไปกับกวินแฟนหนุ่มของเธอ
หลายชั่วโมงต่อมา
กว่าคำปันจะขับรถพาปิ่นงามมาถึงโคราชได้ก็ปาไปหลายชั่วโมงจวบจนตอนนี้ก็เริ่มฟ้ามืดแล้วกว่าจะมาถึงไร่
“นั่นหลานสาวแสนคำมาถึงแล้วละมั้งพ่อ”
“นั่นสิ”
อินและดอกแก้วเห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นตาและไม่เหมือนของคนในไร่ในดงใช้เท่าไรก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นหลานสาวของแสนคำที่เดินทางมาถึงแล้วจึงรีบชวนกันลงจากเรือนมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง”
ปิ่นงามรู้ดีว่าทั้งสองที่ลงมาต้อนรับเธอเป็นใครเพราะที่บ้านเธอมีรูปทั้งสองอยู่เต็มบ้านแม้นคนทั้งสองตรงหน้าจะดูแก่ไปบ้างแต่ก็ยังไม่ต่างจากรูปเท่าไรนัก
“หนูเป็นหลานแสนคำสินะ”
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”นภาตะโกนให้ทุ
เพล้งงงงเสียงแตกของจานกระเบื้องทำให้หมอหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันต้องรีบวิ่งเข้ามาในครัวว่ามีอะไรเกิดขึ้น“คุณปิ่นเป็นอะไรครับ”พอเห็นปิ่นงามนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นเขาก็รีบพยุงเธอออกมาจากในครัวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงของบ้าน“จู่ๆก็หน้ามืดค่ะ”“อืม.. ผมขอดูอาการหน่อยนะครับ”ชาวีรีบตรวจชีพจรหญิงสาวก่อนจะซักถามความเป็นอยู่ทั่วไปเรื่องอาหารการกินการนอนตรงเวลาหรือไม่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและเส้นชีพจรที่เขาจับได้ดูท่าว่าตอนนี้ปิ่นงามน่าจะตั้งครรภ์“คุณปิ่นกำลังตั้งครรภ์นะครับ”“อะไรนะคะ?”ปิ่นงามตัวชาวาบเพราะไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรีแล้ว“สามีคุณล่ะครับ”“ปิ่นขอไม่พูดถึงนะคะ...แล้วถ้าคุณหมอจะไล่ปิ่นออกปิ่นก็ไม่ว่าค่ะ”ปิ่นงามรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรับคนท้องทำงาน“ไม่หรอกครับ...คุณอยู่ที่นี่ดีแล้วเป็นอะไรผมจะได้ดูแลสะดวก...งานอะไรที่คุณทำไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ”“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ดีกับปิ่นเหลือเกิน”“ไม่เป็นไรเลยครับถือว่าผมช่วยเพื่อนคนนึงแถมอีกหน่อยก็จะมีหลานตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”หมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวมากกว่าเดิมเพ