วันต่อมา
ซ่า.....
เสียงน้ำตกที่ไหลมาจากต้นทางในป่าลึกไหลผ่านมายังหลังเรือนเล็กท้ายไร่ของคีรีที่นี่ค่อนข้างเป็นที่เงียบสงบและเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคีรีเฉพาะคนที่เขาอนุญาตให้เข้าเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้
กระท่อมริมลำธารน้ำตกตอนนี้มีสองหนุ่มสาวอย่างคีรีและบุญตาสาวโสดที่หน้าตาดีที่สุดในไร่กำลังนั่งพลอดรักกันกระหนุงกระหนิงอย่างไม่คิดอายใครเพราะรู้ว่าไม่มีใครมาที่นี่ตอนนี้
“นายจะแต่งงานแล้วบุญตาไม่อยากให้นายแต่งเลยจะ”
บุญตาสาวสวยร่างผอมบางใบหน้าคมออดอ้อนคีรีเสียงอ่อนเสียงหวานเพราะรู้ตัวว่าคีรีกำลังจะแต่งงานไปในเร็ววันนี้และไม่รู้ว่าหลังจากนี้เธอจะสำคัญกับคีรีอยู่หรือเปล่าหากเขามีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว
“เธอก็รู้ว่าฉันขัดพ่อฉันได้ที่ไหน”
“แบบนี้บุญตาก็จะไม่ได้รับความรักจากนายอีกแล้วใช่หรือเปล่าจ๊ะ”
บุญตารู้ดีว่าจะออดอ้อนคีรีอย่างไรเพราะคีรีมีนิสัยรักอิสระเธอจึงไม่เคยทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่อย่างนี้เธอก็สบายดีแถมยังได้เงินจากคีรีอยู่เรื่อยๆเธอเคยเห็นผู้หญิงที่คิดจะจับคีรีแล้วแต่ก็ถูกเฉดหัวทิ้งทุกคนเลยขออยู่แบบนี้จะดีกว่าทั้งที่คราแรกที่ถูกคีรีจีบก็มีความคิดอยากเป็นเจ้าของเจ้านายหนุ่มเหมือนกัน
“ใครว่า..ฉันไม่ได้สนใจคนที่จะเป็นเมียฉันแม้แต่น้อยเพราะฉันมีเธออยู่แล้วนี่ไง”
ฟอดดด
มือหนาเชยคางใบหน้านวลให้เงยหน้าขึ้นก่อนจะกอดหอมฟอดใหญ่นอกจากผกาแล้วก็มีบุญตานี่แหละที่จะเข้าใจการเอาใจเขาได้เป็นอย่างดี
“ที่นี่อยู่ใกล้น้ำตกเหรอภา”
เมื่อเดินเข้ามาใกล้เรือนไม้สักยกพื้นสูงไม่มากนักหลังเล็กที่ท้ายไร่มากเท่าไรปิ่นงามก็ยิ่งได้ยินเสียงน้ำตกแรงขึ้น
“จะพี่ปิ่น...เดินไปหลังเรือนเล็กไม่เท่าไรก็จะมีกระท่อมเล็กๆอยู่ตรงนั้นนั่งมองทิวทัศน์ธารน้ำตกได้หมดเลยจะ”
นภาหอบของจากตระกร้าหน้ารถจักรยานออกก่อนจะชี้ไม้ชี้มือไปหลังเรือนเล็กของพี่ชายเธอ
“เดี๋ยวพี่ขอเดินไปดูหน่อยนะ”
ปิ่นงามกลัวว่าหากเธอขึ้นเรือนไปกับนภาก็อาจจะเจอคีรีได้ดังนั้นเธอจึงขอเดินเล่นแถวนี้จะดีกว่าอีกอย่างก็อยากเห็นธารน้ำตกด้านหลังเรือนด้วยว่าจะสวยงามสดชื่นขนาดไหน
“จะพี่ปิ่นฉันเก็บของเสร็จจะเดินตามไปจะ”
หลังจากที่นภาเดินเข้าไปในเรือนไปแล้วปิ่นงามจึงเดินตามทางที่นภาชี้ไปด้านหลังเรือนร่างบางเดินนวยนาถชมธรรมชาติริมทางเดินด้วยสีหน้าระรื่นเพราะรู้สึกสดชื่นกับป่าหญ้าที่เขียวขจีแถมยังมีดอกไม้ดอกหญ้าหลายสีสันประปรายอยู่ตลอดเส้นทาง
“ที่ไร่มีแต่คนชมว่าเมียนายสวยอย่างกับนางฟ้า”
บุญตายังคงนั่งกอดก่ายคีรีเอาไว้ซุกใบหน้านวลกับอกแกร่งออดอ้อนไม่หยุด
“ใครจะสวยเท่าเธอได้อีกล่ะบุญตา”
“นาย..ปากหวานอีกแล้วนะจ๊ะ”
“อยากชิมปากฉันหรือเปล่าล่ะ”
ฟอดด
”อื้มม...”ว่าจบก็ก้มลงกดหอมพวงแก้มของหญิงสาวอีกรอบก่อนจะไล่ลงมาจูบริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม
“ว้ายย...”
ปิ่นงามที่เดินมาเห็นภาพที่เธอไม่ควรเห็นพอดีจึงส่งเสียงร้องตกใจและรีบหันหน้าหนีทันทีเขามีผู้หญิงของเขาอยู่แล้วนี่เองถึงได้ตั้งแง่ไม่เป็นมิตรกับเธอ
“เธอไปก่อน”
“จะนาย”
คีรีรีบไล่ให้บุญตาเดินออกไปจากตรงนี้เพราะไม่คิดว่าปิ่นงามจะมาที่นี่หากเธอปากเปราะไปฟ้องพ่อของเขามีหวังโดนเทศน์หูชาแน่นอน
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
คีรีรีบเข้ามาคว้าแขนเรียวคนที่กำลังจะเดินหนีเอาไว้ทั้งเค้นเสียงแข็งถามเธอด้วยความไม่พอใจเพราะเขาไม่เคยเอ่ยปากอนุญาตให้หญิงสาวมาที่นี่
“ปิ่นมากับนภา..ไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ขอโทษค่ะ”
ปิ่นงามรีบขอโทษคนที่กำลังโมโหเสียงสั่นเธอคิดว่าเขาอยู่ที่เรือนเล็กเสียอีกและไม่คิดว่าจะมาขัดจังหวะอะไรเขาด้วย
“เรื่องเมื่อกี้อย่าให้ถึงหูพ่อแม่ฉันเข้าใจหรือเปล่า”
“รู้แล้วค่ะ..ปิ่นไม่ได้คิดจะบอกใครอยู่แล้ว..ปล่อยค่ะ”
ปิ่นงามพยายามดึงแขนตัวเองให้พ้นเงื้อมมือคีรีแต่ก็ดูจะยากเย็นเสียเหลือเกิน
“พี่คี..อยู่นี่นี่เองภาเอาชุดแต่งงานมาเก็บให้พี่แล้วนะจ๊ะ”
คีรีได้ยินเสียงนภาเรียกเอามาไกลๆจึงรีบปล่อยมือปิ่นงามลงแต่สายตาก็ยังจับต้องมองค้อนเธออยู่ไม่ขาด
“อืม..ขอบใจ”
“นี่จะอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือไง”
นภาเห็นสองคนกำลังยืนคุยกันก็อมยิ้มเล็กๆคิดเอาไว้แล้วว่าพี่ชายเธอต้องอยู่ตรงนี้แน่นอนหากไม่ได้อยู่ที่ไร่กับอยู่ที่เรือนเล็ก
“อืม..จนกว่าจะถึงวันแต่ง..แต่งแล้วพี่ก็จะอยู่ที่นี่”
คีรีบอกน้องสาวตนทั้งคำที่พูดยังต้องการให้ปิ่นงามรับรู้เอาไว้ด้วย
“มันไม่มีไฟฟ้าใช้แล้วพี่ปิ่นจะอยู่ยังไง”
นภาเห็นทีต้องแย้งเพราะเธอรู้ว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ปิ่นงามจะลำบากเอาได้
“จะแต่งมาเป็นเมียชาวไร่ก็ต้องลำบากเป็น”
ชายหนุ่มเท้าเอวเอ่ยเสียงห้วนนี่คือวิธีที่เขาต้องการบีบว่าที่เมียของเขาวิธีหนึ่ง
“พี่อยู่ได้จะภา”
“หึ่..อวดดี”
คำพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนของปิ่นงามที่พูดกับนภาทำให้คีรีรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังยั่วโมโหเขาแต่อันที่จริงแล้วปิ่นงามไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรแม้แต่นิดเดียวเพราะเธอไม่ใช่คุณหนูจริงๆอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
“พี่คี...ทำไมปากเป็นแบบนี้นะ”
นภามองหน้าพี่ชายเธอเขม็งทั้งบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่พี่เธอนั้นไม่ให้เกียรติปิ่นงามเอาเสียเลย
“ไปกันเถอะภา”
ปิ่นงามรีบดึงมือนภากลับเพราะหากพี่น้องต้องมาเถียงกันเพราะเธอคงรู้สึกไม่ดีเท่าไร
หลังจากที่ออกมาจากเรือนเล็กของคีรีแล้วทั้งสองสาวก็มาเดินเล่นกันอยู่ที่ริมรั้วแถวคอกวัวนมของไร่
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”นภาตะโกนให้ทุ
เพล้งงงงเสียงแตกของจานกระเบื้องทำให้หมอหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันต้องรีบวิ่งเข้ามาในครัวว่ามีอะไรเกิดขึ้น“คุณปิ่นเป็นอะไรครับ”พอเห็นปิ่นงามนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นเขาก็รีบพยุงเธอออกมาจากในครัวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงของบ้าน“จู่ๆก็หน้ามืดค่ะ”“อืม.. ผมขอดูอาการหน่อยนะครับ”ชาวีรีบตรวจชีพจรหญิงสาวก่อนจะซักถามความเป็นอยู่ทั่วไปเรื่องอาหารการกินการนอนตรงเวลาหรือไม่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและเส้นชีพจรที่เขาจับได้ดูท่าว่าตอนนี้ปิ่นงามน่าจะตั้งครรภ์“คุณปิ่นกำลังตั้งครรภ์นะครับ”“อะไรนะคะ?”ปิ่นงามตัวชาวาบเพราะไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรีแล้ว“สามีคุณล่ะครับ”“ปิ่นขอไม่พูดถึงนะคะ...แล้วถ้าคุณหมอจะไล่ปิ่นออกปิ่นก็ไม่ว่าค่ะ”ปิ่นงามรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรับคนท้องทำงาน“ไม่หรอกครับ...คุณอยู่ที่นี่ดีแล้วเป็นอะไรผมจะได้ดูแลสะดวก...งานอะไรที่คุณทำไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ”“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ดีกับปิ่นเหลือเกิน”“ไม่เป็นไรเลยครับถือว่าผมช่วยเพื่อนคนนึงแถมอีกหน่อยก็จะมีหลานตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”หมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวมากกว่าเดิมเพ