แม้นการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเรื่องลวงหลอกเพราะความจำเป็นแต่เธอก็อยากให้เขารักเธอแบบที่เธอรักจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าความดีของเธอจะเอาชนะใจของเขาได้...
View Moreไร่คีรีรักษ์เป็นไร่ของพ่อเลี้ยงอินและดวงแก้วเป็นไร่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางปลูกพืชไร่พืชสวนหลายชนิดมีคนงานในไร่มากมายทั้งสองช่วยกันบุกเบิกมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว
จนตอนนี้มีโซ่ทองคล้องใจถึงสองคนและอายุก็เข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มสาวที่จะต้องมีครอบครัวแล้วด้วยพ่อเลี้ยงอินจึงให้ลูกชายคนโตอย่างคีรีหนุ่มรูปงามวัย26ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในไร่และในระแวกหมู่บ้านนี้เป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างต่อ
ส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างนภาหญิงสาววัย22ก็เป็นคนทำบัญชีและดูแลเรื่องโรงครัวของทางไร่แม้นพวกเขาทั้งสองจะละมือจากการควบคุมดูแลไร่แล้วก็ยังออกช่วยคนงานทำไร่ทำสวนเป็นการออกกำลังไปในตัว
ยามเย็นโพล้เพล้พระอาทิตย์จะตกไม่ตกแหล่เหล่าคนงานในไร่คีรีรักษ์ต่างก็เก็บอุปกรณ์การเกษตรที่เอามาจากโรงนาเก็บเข้าที่ก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พัก
กลุ่มผู้หญิงโสดก็เดินเป็นกลุ่มพูดคุยไถ่ถามเรื่องทั่วไปทั้งงานและเรื่องสารทุกข์สุขดิบในระหว่างเดินทางกลับส่วนผู้หญิงที่มีผัวแล้วก็เร่งรีบที่จะต้องกลับไปทำกับข้าวกับปลาไว้ให้ลูกผัว
พวกผู้ชายที่มีเมียแล้วรักดีหน่อยก็กลับบ้านพร้อมเมียแต่บางคนก็รวมกลุ่มตั้งวงกินเหล้ากินยากันตามประสาผู้ชายที่ชอบสังสรรหนุ่มโสดที่ยังไม่มีคู่ก็ใช้เวลานี้เข้าหาสาวๆที่ยังโสดเหมือนกันเพื่อเกี้ยวพาราสีเป็นปกติอย่างนี้เช่นทุกเย็น
สองสามีภรรยาพ่อเลี้ยงอินและแม่เลี้ยงดอกแก้วนั่งคุยกันอยู่ที่ชานเรือนไม้หลังใหญ่รับลมยามเย็นหลังจากที่เข้าไร่เข้ากงมาทั้งวัน
“พ่อ...ลูกเราจะแต่งงานอยู่รอมร่อแต่ดูทำตัวสิยังเกเรไปทั่วฉันกลัวเหลือเกินวันนึงจะไปทำใครท้องเข้าทีนี้เรื่องใหญ่แน่”
ดอกแก้วหญิงร่างเล็กวัยกลางคนชะเง้อคอมองหาลูกชายด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเย็นป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นจะกลับบ้านกลับเรือนยิ่งช่วงนี้เธอยิ่งได้ยินคนไนไร่พูดถึงลูกชายเธอในเรื่องผู้หญิงเธอยิ่งไม่สบายใจเพราะอีกไม่กี่วันแสนคำผู้ใหญ่ที่มีพระคุณกับพวกเธอก็จะส่งหลานสาวมาแต่งงานกับลูกชายเธอแล้วหลังจากที่ส่งสินสอดหลายสิบหมื่นไปสู่ขอ
“แม่ก็รู้ว่าถึงลูกเราค่อนข้างจะเอาแต่ใจแต่ก็คงไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้เราหลอกเชื่อพ่อสิ”
อินพ่อเลี้ยงวัยเกือบห้าสิบชายร่างท้วมสูงใหญ่นั่งชันเช่าในชุดม่อฮ่อมผูกผ้าขาวม้าสีขาวสลับดำที่เอวเอ่ยออกมาอย่างไม่เป็นกังวลมากนักแม้นจะรู้ว่าลูกตนค่อนข้างหัวดื้อไม่ค่อยฟังใครแต่ก็มีความรับผิดชอบสูงไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยกไร่ทั้งไร่ให้ดูแลอีกอย่างลูกของเขาถึงจะขึ้นชื่อเรื่องชอบเกี้ยวพาราสีสาวๆระแวกนี้ไปทั่วแต่ก็คงไม่ทำให้มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาถึงพวกเขาแน่นอน
“กับข้าวเสร็จแล้วจะ”
นภาสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาคมเข้มผิวสีน้ำผึ้งจัดสำรับกับข้าวเย็นเสร็จก็เดินขึ้นเรือนมาตามพ่อกับแม่ตนลงไปกินข้าวที่ครัวข้างล่าง
“พี่เราเค้าจะกลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่าล่ะลูก”
ดอกแก้วเอ่ยถามลูกสาวตนด้วยเห็นว่าทำงานอยู่ในสำนักงานที่ไร่ด้วยกันทั้งวัน
“เห็นว่าจะไปกินกับพวกพี่สรวงน่ะจะ”
นภาตอบกลับแม่เธอด้วนสีหน้าอ่อนใจเธอเองก็ห้ามพี่ชายเธอแล้วแต่ก็ห้าไม่ได้เช่นเคยบทพี่ชายเธอจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว
“ไปบ้านไอ้สรวงอีกแล้วงั้นรึ...เฮ้อ”
ดอกแก้วถอนหายใจพรืดใหญ่เพราะคีรีไปบ้านสรวงผู้จัดการที่ไร่นี้ทีไรเป็นเมาหัวราน้ำกลับมาทุกครั้ง
“เอาน่าแม่ลูกเรามันไม่ให้ทำให้เราเดือดร้อนหรอกน่า..กินข้าวกันเถอะพ่อหิวแล้วล่ะ”
อินเข้าใจว่าผู้ชายโสดอย่างลูกเขาก็ต้องมีดื่มสังสรรค์กันบ้างอีกหน่อยก็แต่งงานแล้วคงไม่มีเวลาให้เพื่อนให้ฝูงเท่าไร
“ภาก็เชื่อว่าพี่คีรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
นภาเองก็เชื่อใจพี่ชายเธอเหมือนกันว่าคงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางเพราะรู้จักนิสัยใจคอกันดีเว้นเสียแต่ว่าพี่เธอนั้นจะคิดทำอะไรแผลงๆเพราะไม่อยากแต่งงานอย่างที่พ่อบังคับน่ะสิ
“นายดื่มหนักไปแล้วนะ”
สรวงหนุ่มวัย25ผู้จัดการไร่คนสนิทของคีรีแม้นว่าเขาจะชอบชวนนายตนสังสรรค์หลังเลิกงานแต่ก็ไม่ได้อยากให้เจ้านายมาเมาเละเทะจนคนงานในไร่เอาไปนินทา
“เรื่องของข้าโว้ย”
คีรีหนุ่มวัย26ร่างกายบึกบึนสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายผิวสีแทนตัดผมทรงรากไทรเขาปัดไม้ปัดมือคนที่กำลังจะดึงแก้วน้ำเมาออกจากมือเพราะช่วงนี้เขาค่อนข้างเครียดคนที่รักอิสระและผู้หญิงเยอะอย่างเขาจะต้องมาถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักแถมการมีเมียเป็นตัวเป็นตนก็จะทำให้การเกี้ยวพาราสีสาวๆระแวกนี้ยากขึ้นไปอีก
“อีกไม่กี่วันนายก็จะแต่งงานแล้วฉันไม่เห็นนายจะเตรียมตัวอะไรเลยล่ะ”
คมเด็กหนุ่มโสดในไร่ที่นั่งร่วมวงดื่มเขาได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันเจ้านายตนก็จะได้แต่งงานแต่ไม่ยักเห็นจะเตรียมตัวทั้งทีพวกเขาเตรียมหาชุดใหม่ใส่ในวันงานกันแล้ว
ปึก
“หึ่...จะเตรียมตัวอะไรวะ...ข้าไม่ได้อยากแต่งซะหน่อยที่ต้องยอมเพราะพ่อข้าบังคับ”
คีรีวางแก้วเสียงกระทบแคร่ไม้สนั่นได้ยินเรื่องงานแต่งเขาก็เริ่มหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดขึ้นมาปกติแล้วพ่อของเขาก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรกับชีวิตเขามากนักไม่ยักรู้ครั้งนี้ทำไมถึงได้บังคับเขานักหนาว่าจะต้องแต่งกับผู้หญิงเมืองเหนือที่เขาไม่เคยแม้นแต่จะรู้จักชื่อหรือเห็นหน้าถึงขั้นหากไม่ยอมคงไม่ต้องมาเรียกพ่อเรียกลูกกันทำให้เขาต้องจำใจยอมแต่โดยดี
“แล้วผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับนายสวยหรือเปล่าเห็นว่าเป็นผู้ดีจากเมืองเหนือเลยนี่นาย”
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”นภาตะโกนให้ทุ
เพล้งงงงเสียงแตกของจานกระเบื้องทำให้หมอหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันต้องรีบวิ่งเข้ามาในครัวว่ามีอะไรเกิดขึ้น“คุณปิ่นเป็นอะไรครับ”พอเห็นปิ่นงามนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นเขาก็รีบพยุงเธอออกมาจากในครัวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงของบ้าน“จู่ๆก็หน้ามืดค่ะ”“อืม.. ผมขอดูอาการหน่อยนะครับ”ชาวีรีบตรวจชีพจรหญิงสาวก่อนจะซักถามความเป็นอยู่ทั่วไปเรื่องอาหารการกินการนอนตรงเวลาหรือไม่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและเส้นชีพจรที่เขาจับได้ดูท่าว่าตอนนี้ปิ่นงามน่าจะตั้งครรภ์“คุณปิ่นกำลังตั้งครรภ์นะครับ”“อะไรนะคะ?”ปิ่นงามตัวชาวาบเพราะไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรีแล้ว“สามีคุณล่ะครับ”“ปิ่นขอไม่พูดถึงนะคะ...แล้วถ้าคุณหมอจะไล่ปิ่นออกปิ่นก็ไม่ว่าค่ะ”ปิ่นงามรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรับคนท้องทำงาน“ไม่หรอกครับ...คุณอยู่ที่นี่ดีแล้วเป็นอะไรผมจะได้ดูแลสะดวก...งานอะไรที่คุณทำไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ”“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ดีกับปิ่นเหลือเกิน”“ไม่เป็นไรเลยครับถือว่าผมช่วยเพื่อนคนนึงแถมอีกหน่อยก็จะมีหลานตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”หมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวมากกว่าเดิมเพ
Comments