“พี่คีนะพี่คี..ตื่นสายทุกวันเลยนะเดี๋ยวนี้”
ช่วงสายนภาเข้ามาปลุกพี่ชายเธอในห้องนอนเพราะเดี่ญวนี้เห็นจะทำตัวเกเรเมามาทุกวันแถมยังตื่นไปทำงานสายทุกวันอีก
“อืม..”
“พี่ปิ่นมาถึงแล้วว่าที่เมียพี่น่ะไปทำความรู้จักกับเธอหน่อย”
“ไม่..ไม่ได้อยากรู้จัก”
เสียงเอะอะโวยวายภายในห้องทำให้ปิ่นงามที่นั่งอยู่ที่ชานเรือนด้านบนถึงกับทำใจไว้เลยว่าคีรีน่าจะไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกับเธอแน่นอนก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะใครก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ต้องแต่งเพราะเป็นข้อผูกมัดที่ผู้ใหญ่ทำขึ้นเอาไว้
หลังจากนภาว่างงานจากสำนักงานของไร่แล้วบ่ายๆเกือบเย็นแดดร่มลมตกเธอก็เดินพาปิ่นงามปั่นจักรยานดูรอบๆไร่คร่าวๆว่าตรงไหนมีอะไรบ้างเพื่อสร้างความคุ้นเคย
“ไร่นี้สวยเหมือนไร่แสนคำเลยภา”
“พ่อบอกว่าทุกอย่างที่ไร่นี้เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะความช่วยเหลือของปู่แสนคำการทำไร่ก็ทำทุกอย่างแทบจะเหมือนกับที่ไร่โน้นแต่แค่ปลูกพืชเมืองหนาวไม่ค่อยได้เท่านั้นเองจะ”
“เพื่อนคุณภาเหรอจ๊ะ...งามเหลือเกิน”
ระหว่างที่สองสาวหยุดคุยกันก็มีคนงานผู้หญิงในไร่ที่กำลังนั่งถางหญ้ากลางร่องผักใกล้ๆเอ่ยชมหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนแถมผิวพรรณยังขาวนวลผุดผ่องต่างจากคนที่นี่อีกด้วย
“ว่าที่พี่สะใภ้ภาจะ”
นภารีบแนะนำตัวว่าที่พี่สะใภ้เธอให้ทุกคนที่นี่ตอนนี้ได้รู้จักเสียเลยเพราะเดี๋ยวทุกคนก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว
“อ๋อ...แบบนี้คุณคีรีไปไหนไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”
“นั่นน่ะสิ”
เหล่าคนที่กำลังทำงานก็มองมายังปิ่นงามด้วยความชื่นชมเห็นว่าที่ภรรยาเจ้านายตนสวยขนาดนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้านายตนคงเลิกเจ้าชู้แน่นอน
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละจ้า”
นภาเห็นด้วยกับเหล่าคนงานในไร่เพราะเธอก็พอจะดูออกว่าอย่างไรพี่ชายเธอก็ต้องหวั่นไหวกับปิ่นงามบ้างด้วยว่าที่พี่สะใภ้เธอสวยจริงๆอย่างที่ใครเขาว่า
สำนักงานไร่
“นาย..ฉันเห็นว่าที่เมียนายสวยยังกับนางฟ้าแน่ะ”
ตั้งแต่เช้ายันเย็นที่คีรีเข้ามาถึงที่ไร่เหล่าคนที่ทำงานอยู่ใกล้ตัวก็เอ่ยปากพูดถึงควมสวยของปิ่นงามไม่หยุดตอนนี้เขายังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาว่าที่เมียของเขาเลยนึกไม่ออกว่าจะสวยอย่างที่ทุกคนว่าจริงหรือไม่หรือที่พูดกันไปก็เพราะต้องการจะเอาใจเขาเท่านั้น
“จริงๆ..ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใยเลย”
“ข้ากลับบ้านก่อน”
คีรีเห็นทีเขาจะต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาเสียแล้วจากคราแรกที่ไม่คิดอยากจะมองหน้าตอนนี้กลับอยากจะรู้ว่าเธอนั้นสวยอย่างที่ทุกคนว่าจริงหรือเปล่า
“นายเป็นอะไรของเค้าวะ”
คมเห็นคีรีเดินขึ้นรถขับออกไปอย่างไม่พูดไม่จาก็หันมาถามสรวงสงสัยว่านายตนเป็นอะไรปกติแล้วพูดถึงเรื่องผู้หญิงจะต้องคุยกันยาวทุกที
“คงไม่ชอบให้ใครพูดถึงว่าที่เมียอย่างนั้นล่ะมั้ง”
“เห็นนายบอกไม่สนใจเมียคนนี้ไง”
“ผู้หญิงของใคร.ใครก็หวงทั้งนั้นแหละวะ”
สรวงคิดว่าสิ่งที่ตนคิดน่าจะถูกแต่ก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดหรือเปล่าเพราะเขาก็ไม่ได้รู้ใจนายตนไปเสียทุกอย่าง
17.30 น.
“กับข้าวน่ากินอีกแล้ว”
พ่อเลี้ยงอินเห็นกับข้าวตอนเย็นก็เห็นทีจะเจริญอาหาร
“ถ้าหนูปิ่นลงมือทำครัวทุกวันแบบนี้มีหวังคนในบ้านอ้วนท้วนสมบูรณ์กันแน่”
กลิ่นกับข้าวแม้นจะยังไม่ยกมาที่โต๊ะกินข้าวครบดีแต่กลิ่นหอมก็มาแต่ไกลหากปิ่นงามลงมือทำครัวทุกวันพวกเธอคงเจริญอาหารกันกว่านี้แน่
“อ้าวพี่คี..มากินข้าวเย็นด้วยกันสิ”
นภาที่กำลังยกหม้อข้าวมาวางที่โต๊ะเห็นพี่ชายเธอเดินเข้ามาในครัวพอดีจึงเรียกไว้ก่อนวันนี้จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันและจะได้ทำความรู้จักกับปิ่นงามเสียที
“สวัสดีค่ะคุณคีรี”
ปิ่นงามรีบยกมือไหว้ชายหน้าคมผิวสีแทนร่างสูงใหญ่ดูภูมิฐานในชุดเสื้อยืดสีขาวคลุมด้วยแขนยาวลายสก็อตสีน้ำเงินและกางเกงยีนส์ขายาวรูปร่างหน้าตาของเขาดูดีไม่น้อยจนหญิงสาวเองมองเขาครู่หนึ่งก็หลุบสายตาลงต่ำไม่กล้าที่จะมองนานเท่าไรเพราะเกิดอาการเคอะเขินเขาอยู่บ้างเหมือนกัน
ดวงตาคมมองหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มร่างเล็กหุ่นสมส่วนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้นสีงาช้างนุ่งซิ่นสีเทาผิวพรรณของเธอผุดผ่องขาวอมชมพูอย่างที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
เขายืนนิ่งมองเธออยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยเท่าเธอมาก่อนแต่ก็ยังข่มใจเอาไว้ไม่ให้สนใจเธอไปมากกว่าคนรู้จักอยู่ดีเพราะเขาอคติกับเธอเรื่องการคลุมถุงชนไปแล้วและเคยลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะทำให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่คิดที่จะผูกมิตรกับเธอแม้แต่น้อยแม้นจะสวยเลิศเลอเพียงใดก็เถอะ
“พี่ไม่กิน...”
คีรีเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะเดินออกจากครัวไปทั้งที่ตอนนี้หอมกลิ่นกับข้าวทั้งยังหิวไส้แทบกริ่มแต่ด้วยทิฐิที่มีมากในใจจึงทำให้เขาเลือกที่จะหยิ่งแล้วเดินหันหลังกลับไปโดยที่ไม่สนใจใคร
“อ้าว”
นภาขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึงที่เห็นพี่ชายเธอทำเสียมารยาทจะรับไหว้ปิ่นงามเสียหน่อยก็ไม่ได้
“ช่างหัวมัน”
พ่อเลี้ยงอินส่งเสียงดังประชดคีรีที่ทำตัวเสียมารยาท
“หึ่..”
เสียงของคนเป็นพ่อที่พูดกระทบดังออกมาจากในครัวยิ่งทำให้คีรีหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“อย่าไปถือสาพี่เค้าเลยนะหนูปิ่น”
ดอกแก้วยื่นมือแตะแขนของปิ่นงามเบาๆ
“ค่ะ”
หญิงสาวยิ้มอ่อนให้ดอกแก้วแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่ใจอะไรกับพฤติกรรมของคีรีเพราะรู้แก่ใจตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะเป็นมิตรกับเธอ
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”นภาตะโกนให้ทุ
เพล้งงงงเสียงแตกของจานกระเบื้องทำให้หมอหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันต้องรีบวิ่งเข้ามาในครัวว่ามีอะไรเกิดขึ้น“คุณปิ่นเป็นอะไรครับ”พอเห็นปิ่นงามนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นเขาก็รีบพยุงเธอออกมาจากในครัวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงของบ้าน“จู่ๆก็หน้ามืดค่ะ”“อืม.. ผมขอดูอาการหน่อยนะครับ”ชาวีรีบตรวจชีพจรหญิงสาวก่อนจะซักถามความเป็นอยู่ทั่วไปเรื่องอาหารการกินการนอนตรงเวลาหรือไม่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและเส้นชีพจรที่เขาจับได้ดูท่าว่าตอนนี้ปิ่นงามน่าจะตั้งครรภ์“คุณปิ่นกำลังตั้งครรภ์นะครับ”“อะไรนะคะ?”ปิ่นงามตัวชาวาบเพราะไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรีแล้ว“สามีคุณล่ะครับ”“ปิ่นขอไม่พูดถึงนะคะ...แล้วถ้าคุณหมอจะไล่ปิ่นออกปิ่นก็ไม่ว่าค่ะ”ปิ่นงามรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรับคนท้องทำงาน“ไม่หรอกครับ...คุณอยู่ที่นี่ดีแล้วเป็นอะไรผมจะได้ดูแลสะดวก...งานอะไรที่คุณทำไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ”“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ดีกับปิ่นเหลือเกิน”“ไม่เป็นไรเลยครับถือว่าผมช่วยเพื่อนคนนึงแถมอีกหน่อยก็จะมีหลานตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”หมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวมากกว่าเดิมเพ