 LOGIN
LOGIN“งั้นพี่รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขอไปเอาอาหารที่ห้องเก็บของก่อน” หญิงสาวกล่าวขอบคุณอีกเล็กน้อย เฉินเฟิงพยักหน้ารับแล้วจึงออกไปทำตามที่พูด
หลังอิ่มหนำพวกเขาทั้งสามคนจึงมานั่งปรึกษากันอีกครั้ง เวลานี้ไม่มีบ้านหลังใหญ่ให้นอนอุ่นเหมือนก่อนอีกแล้ว ทั้งอาหารที่มีก็เพียงพอให้คนคนเดียวอยู่ได้ประมาณ 10 วันเท่านั้น แต่พวกเขามีถึง 3 คน...
ดาริณีเสนอว่าตัวเธอจะออกไปหาผักป่าในละแวกนี้มาปลูก ด้วยความที่เธอเติบโตมาในหมู่บ้านชนบทและเคยตามบิดาขึ้นเขาลูกนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงพอคุ้นชินว่าผักชนิดไหนกินได้และมีหน้าตาเป็นอย่างไร
“แล้วบ้านของอาเฟิงล่ะ” จะปล่อยให้คนเลวพวกนั้นได้อยู่อย่างสุขสบายหรือ
“ผม…” เขาอยากแก้แค้น แต่ตอนนี้คงยังไม่สามารถทำได้
“เอ่อ... เราอยู่กันแบบนี้ก็ได้เนอะ พี่เองก็มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก เดี๋ยวจะเป็นคนจัดการเรื่องปลูกผักปลูกหญ้าเอง” หญิงสาวอยากจะตีปากตัวเองที่ถามเรื่องนี้ออกไป บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของเฉินเฟิงกับครอบครัว คราวที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มสูญเสียบิดามารดาไปเพราะโรคร้าย คนในหมู่บ้านยังขนข้าวของมาเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อปลอบขวัญชายหนุ่มอยู่หลายวัน
“สักวันผมจะไปจัดการกับคนพวกนั้นให้ได้ครับ” แล้วทวงบ้านของเขาคืนมา
“ผมก็จะช่วยพี่ด้วย” เด็กชายดลเอ่ยอย่างหมายมาด ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขาเป็นเด็กละก็นะ ไม่อย่างนั้นจะอัดให้คลานกลับบ้านไม่ถูกเลย
“ขอบคุณครับ” เฉินเฟิงยิ้มตาปิด
พูดคุยกันแล้วก็ต้องลงมือทำ ดาริณีไม่ใช่แค่มีพละกำลังเพิ่มมากขึ้น แต่มากจนสามารถทำสิ่งที่คนปกติทั่วไปไม่สามารถทำได้
“อาเฟิง พี่ว่าจะเอาซุงท่อนนี้มาตัดทำเป็นรั้วไม้ล่ะ อาเฟิงคิดว่ายังไง” ดาริณีแบกท่อนไม้ขนาดใหญ่มาไว้ที่ลานบ้าน เขาจำได้ว่าเจ้าไม้ท่อนนี้เป็นต้นสนอายุหลายสิบปีขนาดสามคนโอบที่ถูกลมพายุเมื่อหลายเดือนก่อนพัดจนล้มทั้งราก...
โอเค
แฟนตาซีแล้วล่ะ แฟนตาซีจริง ๆ!!
“พี่ดา แบกมาได้ไงครับเนี่ย!”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนแรกแค่ลองจับ ๆ ดู เลยอยากลองยกมันเล่น แต่ดันยกขึ้นซะงั้น พี่ก็เลยถือโอกาสลองแบกมันมา หนักพอ ๆ กับกระสอบข้าวเลย” ฮะ! ท่อนไม้ยักษ์เนี่ยนะ หนักเท่ากระสอบข้าว!
“ผ่าใช้ได้หลายท่อนเลยครับ” ทั้งยังเอามาสร้างเป็นกระท่อมชั่วคราวให้สองแม่ลูกได้ด้วย
“เนอะ เดี๋ยวพี่ไปขนมาเพิ่มก่อน พี่เห็นในห้องเก็บอุปกรณ์มีขวานอยู่ พี่จะจัดการผ่ามันเอง” หญิงสาวยิ้มกว้างรับงานแบกหามมาทำอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะในที่สุดเธอก็สามารถมีประโยชน์กับชายหนุ่มผู้มีพระคุณได้เสียที
“เดี๋ยวน้องดลไปเอาให้แม่เองครับ” เด็กชายตบอกรับหน้าที่ แม่เขาเป็นยอดมนุษย์แล้วเขาเองก็ต้องทำประโยชน์ให้กับพี่ชายบ้าง
“ถือระวังนะคะ” ดาริณีป้องปากเตือนเมื่อลูกชายตัวจ้อยวิ่งหายเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์
“ให้น้องดลไปหยิบแบบนั้นจะดีเหรอครับ” เกิดทำขวานหลุดปักเท้าตัวเอง อ่า… เขาไปดูสักหน่อยดีกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องดลรู้ว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ พี่เองก็มีเรื่องอยากปรึกษาอาเฟิงอยู่พอดี”
“ครับ?”
“อาเฟิงก็เห็นพลังของพี่แล้ว ถ้าหากว่าเราไปบุกเอาบ้านคืนมา…” เสียงของหญิงสาวขาดห้วงเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของบ้านส่ายศีรษะปฏิเสธ
“พี่ดาคงไม่ทันเห็นตอนพวกมันบุกเข้ามา จำได้ไหมครับว่าเราขนของไปขวางประตูเยอะมากเพราะกลัวซอมบี้ แต่พวกนั้นก็สามารถทำลายเข้ามาได้ง่าย ๆ แสดงว่าในหมู่พวกมันต้องมีคนที่มีพละกำลังไม่ต่างจากพี่เช่นกัน” อีกทั้งยังดูคุ้นเคยกับการใช้พลัง น่าจะผ่านสถานการณ์เฉียดตายมาพอสมควร กับพวกเขาที่หลายวันก่อนยังเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา แม้จะได้พลังมาแต่ก็ยังไม่สามารถใช้ได้คล่องแคล่ว
“เราควรศึกษาพลังของเราให้รู้ลิมิตว่าใช้ได้มากแค่ไหน และอีกอย่างหนึ่งพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะ…” ชายหนุ่มเม้มปากพูดคำต่อไปไม่ออก เขาย่อมรู้ว่าโลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว ในภาพยนตร์แนวซอมบี้จะกี่เรื่องก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างตลอดว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดหลังวันสิ้นโลกไม่ใช่สัตว์ประหลาดอะไรทั้งนั้น แต่เป็นคนด้วยกันเองนี่แหละที่สามารถพรากชีวิตเราไปได้ง่ายที่สุด
ดูอย่างพวกเขาสิ อยู่บ้านดี ๆ ก็มีคนเข้ามาหาเรื่องถึงในบ้าน ถ้าไม่หนีออกมาก็ไม่อยากจะคิดสภาพเลยว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร ตัวเขาอย่างมากก็คงตาย ส่วนสองแม่ลูกอาจกลายเป็นของเล่นให้กับเจ้าพวกชั่วนั่น มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย
“นั่นสิ ขอโทษนะ พี่คิดน้อยเกินไป” แค่เห็นว่าตนมีพลังก็เผลอลืมไปว่าถ้าตนมี เจ้าพวกนั้นก็คงมีเหมือนกัน “ว่าแต่ทำไมพี่ถึงไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์อย่างอาเฟิงล่ะ มีแค่พลังที่เพิ่มขึ้นมา”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้เขาก็อยากจะมีพลังที่มีประโยชน์มากกว่าหูกระต่ายนี่ แม้จะรับเสียงได้ดีแต่ก็ยังไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าจะสามารถทำประโยชน์อะไรได้อีกนอกจากหนีเร็ว
“แม่ครับ ผมได้ขวานมาแล้ว” เด็กชายดลอุ้มด้ามขวานแนบอก ดีที่ด้านคมมีปลอกหนังสีน้ำตาลครอบอยู่จึงไม่ต้องห่วงว่าความคมของมันจะบาดเด็กน้อย บทสนทนาจึงต้องหยุดลงเพียงเท่านี้ก่อน
“ขอบคุณมากเลยครับ ตอนที่แม่ผ่าไม้หนูก็ไปยืนอยู่ใกล้กับอาเฟิงนะครับ แม่กลัวเศษไม้จะโดนลูก”
“ครับ” เด็กชายรับคำอย่างเชื่อฟัง ส่งขวานเล่มโตให้มารดาเสร็จก็เดินมาหาพี่ชายที่กำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำแปลงปลูกผัก
“ผมช่วยนะครับ”
“เดี๋ยวพี่สอนเรารดน้ำดีกว่าเนอะ” ไม่ค่อยไว้ใจให้จับจอบจับเสียมเท่าไหร่ กลัวจะขุดโดนขาตัวเองเข้า
“ได้ครับ”

“แม่เองก็อยากรู้เหมือนกัน” กิ่งแก้วพยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้สถานการณ์กลับมาสงบสุขลงแล้ว แต่ลูกชายเธอก็ยังคงขลุกตัวอยู่กับการฝึกฝน บางวันก็วิ่งโร่ไปล่าหนูกลายพันธุ์ถึงนิคมอุตสาหกรรม หากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็คงช่วยปรามได้บ้าง“ผมออกไปเดินเล่นดีกว่า” ชายหนุ่มค่อยๆ กระถดตัวไปทางประตูบ้าน ก่อนจะวิ่งหนีหายไปด้วยความรวดเร็ว“ทีอย่างนี้ล่ะ เร็วเชียว” กิ่งแก้วส่ายหน้า“ฮ่าๆ อย่าไปบังคับน้องเลยครับ ถึงเวลาจะมีเดี๋ยวก็มีเองแหละ” เจ้ากระต่ายหัวเราะร่วนกับปฏิกิริยาของกรที่ดูเหมือนจะยังไม่อยากมีแฟน“หรือไม่ก็อาจจะกำลังมีคนคุยๆ อยู่แต่ไม่กล้าเปิดตัวหรือเปล่า” ต่างกับนิโคลัสที่มองอีกมุมแก้มแดงๆ นั่นหลบไม่พ้นสายตาของเขาหรอก“เอ๊ะ ลูกคนนี้ แอบมีแฟนแล้วไม่บอกแม่เหรอ กิ่งไปก่อนนะยาย” หันไปร่ำลาคุณยายแล้วถกผ้าถุงออกจากบ้านมองหาเจ้าลูกตัวแสบทันที“พี่นิคไปรู้อะไรมาครับเนี่ย” เฉินเฟิงเชื่อว่าคนรักไม่มีทางพูดไปเรื่อยเปื่อยแน่“รอดูไปก่อน ไม่แน่ว่าหลังเรากลับมาจากไปเยี่ยมบ้านพี่ กรอาจกล้าเปิดตัวกับแม่ก็ได้” คุณหมอหมีไม่อยากเฉลย เผื่อเจ้าตัวยังไม่พร้อมส่วนเมื่อสักครู่ก็ถือว่าสร้างสีสันให้คนป่วย ดูสิ คุณยายร้านขา
“น่องไก่นั่นผมมองไว้นานแล้วนะพี่ อย่าแย่งดิ” ทีโอใช้ส้อมจิ้มน่องไก่ที่หงส์เตรียมตักเข้าจานของตน“อะไร อย่ามาโมเมนะ” หงส์เองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ถึงสงครามครั้งนี้จะไม่มีมังคุดเข้าร่วมกลั่นแกล้งด้วย เธอก็ไม่คิดจะรามือ เวลาเห็นทีโอทำหน้าเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วตลกดีเธอเห็นแล้วว่าทีโอจ้องน่องไก่ชิ้นนี้ตาเป็นมันนานแล้ว และเธอกับตุ่นเองก็มีในจานอยู่คนละน่อง เจ้าเด็กนี่เลยอนุมานไปว่าชิ้นที่ยังลอยเท้งเต้งนั้นจะต้องตกเป็นของตนเอง“พี่หงส์ พี่อย่ามาแกล้งผม ในจานพี่ก็ยังมีน่องไก่ ทำไมไม่แบ่งให้น้องให้นุ่ง” ทีโองอแงกระเง้ากระงอดทั้งที่มือยังใช้ส้อมจิ้มน่องไก่ไว้ไม่ผละไปไหน“เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้” โจเซฟส่ายศีรษะเอือมระอา ตั้งแต่รวมกลุ่มกันมา สองคนนี้ต้องมีปากเสียงตอนกินอาหารได้ทุกมื้อ“เนื้อส่วนอื่นของไก่ก็ยังเหลืออีกตั้งเยอะ” เลวี่ดุคนรักเสียงจริงจังทั้งที่มืออีกข้างก็กำลังถือน่องไก่กัดเข้าปากคำใหญ่“คนที่ได้กินน่องไก่ชิ้นที่สามแล้วกล้าตักเตือนกูเหรอ ฮะ?” ทีโอเค้นเสียงลอดไรฟัน เพราะน่องไก่ชิ้นแรกถูกคนรักแย่งไปจากช้อน เขาถึงต้องเล็งชิ้นใหม่ไม่ใช่หรือไง“...” เลวี่ลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้“ท
พูดคุยอัปเดตสภาพบ้านแต่ละหลังอีกเล็กน้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเก็บข้าวของส่วนตัวบ้านใครบ้านมัน พลายวารีกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดนำพี่ชายไปยังโรงนอนที่ถูกปรับปรุงใหม่“โห บ้านดูเป็นบ้านมาก” เฉินเฟิงเปิดประตูเข้ามาพบกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นโซฟา โต๊ะรับแขก หรือแม้แต่ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่“เกรงใจพี่พิมแย่” นิโคลัสลูบเนื้อไม้เรียบสนิท มันถูกขัดจนมันและลงน้ำยาป้องกันแมลงไว้เรียบร้อย“ไว้เราออกไปเยี่ยมแม่ของพี่นิคก็ขนของฝากกลับมาให้มากหน่อยดีไหมครับ” เฉินเฟิงเสนอ“เป็นความคิดที่ดี” คุณหมอหมีเห็นด้วย อย่างน้อยก็คงได้พวกเครื่องนุ่งห่มสวยๆ กลับมาให้เหล่าหญิงสาวได้เลือกชม ยิ่งหน้าหนาวในประเทศ T ตอนนี้หนาวไปถึงกระดูก ไปประเทศ A น่าจะได้เสื้อกันหนาวคุณภาพดีมาเพิ่ม“เฮ้อ… ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที” เฉินเฟิงวางกระเป๋าไว้มุมห้องแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง “หือ พี่พิมเปลี่ยนฟูกที่นอนให้ด้วย” จำได้ว่าก่อนไปทำภารกิจ ที่นอนไม่ได้นิ่มขนาดนี้“ไว้ทำเตาผิงไว้ในห้องด้วยดีกว่า” ฤดูหนาวที่ผ่านมาต้องพึ่งพาพลังพิเศษระหว่างการนอนหลับ แต่ถ้ามีเตาผิงอยู่ก็ไม่ต้องกังวลว่าห้องจะไม่อบอุ่น“หวา เหมือนบ้
“ยินดีต้อนรับกลับนะคะ”แอ๊ว!ทันทีที่รถจอดบริเวณตีนภูเขาก็พบพิมพาและพลายวารียืนรออยู่“พี่พิม~ คิดถึงจังเลยค่ะ” กวางสาวก้าวลงจากรถพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงพลอยใสตามลงมา“ปลอดภัยกันสินะคะ” พิมพาโล่งอกเมื่อกวาดตามองคร่าวๆ แล้วไม่พบว่ามีใครได้รับบาดเจ็บกลับมา “น้องพลอยไม่ดื้อไม่ซนใช่ไหมคะ”“หนูเป็นเด็กดี ฮึก เป็นเด็กดีจริงๆ นะ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีด้วย ฮือๆ” เด็กหญิงโผเข้ากอดมารดาแน่น พลอยใสไม่เคยห่างจากแม่นานขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะตนเลือกที่จะอาสาออกไปสู้กับซอมบี้เองจึงไม่อาจงอแงร้องไห้คิดถึงบ้านได้เหมือนเด็กทั่วไปมาวันนี้ได้กอดคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวันก็พาให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย“จ้ะ แม่รู้แล้ว แม่ภูมิใจในตัวหนูมากๆ เลยนะ” พิมพาย่อตัวช่วยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนใส ใจจริงเธอไม่อยากให้ลูกสาวออกไปเผชิญกับอันตรายเลย แต่เพราะเชื่อว่าการได้ออกไปในยามที่มีสมาชิกคนอื่นๆ ไปด้วยย่อมปลอดภัยกว่า จึงวางใจให้ลูกสาวออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที่ ส่วนเธอก็จะปกป้องบ้านไว้รอต้อนรับทุกคน“แล้วสงคราม…” พิมพาผละจากลูกสาวมามองหน้าสมาชิกคนอื่นๆ “จบแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ”เธออยากได้รับคำยืนยันต่อหน้ามากกว่าคำ
กลุ่มทหารรับจ้างไม่ได้เดินทางโดยใช้เส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ส่วนหนึ่งเพราะต้องการขับรถที่นำมาด้วยกลับไปจอดไว้ยังตีนภูเขา และอีกเหตุผลก็เพราะมังคุดตัวโตขึ้นเล็กน้อย บริเวณท้องของมันไม่สามารถผ่านประตูทางเข้าได้ ทุกคนจึงลงความเห็นให้เดินทางโดยใช้ถนนเส้นหลักแทน“ต้องลดความอ้วนแล้วหรือเปล่านะ” เฉินเฟิงมองพุงกลมของมังคุดด้วยความหนักใจ ช่วงบนเดินผ่านทางเข้าได้ไม่มีปัญหา แต่พอถึงช่วงกลางลำตัวกลับเข้าไม่ได้ เขาเลี้ยงเจ้าตัวนี้ดีเกินไปหรือเปล่านะ?กี๊ซ (มังคุดไม่อ้วนนะ)แร็กคูนที่ถูกแปะป้ายไว้บนหน้าผากว่าอ้วนรีบแย้ง ถ้าให้มันงดอาหาร มันยอมอยู่ที่ค่ายพันธมิตรต่อยังดีกว่า… แล้วค่อยกลับบ้านตอนท้องอิ่ม“ไม่อ้วนตรงไหนกันฮึ” เฉินเฟิงจ้องมองพุงกลม หลักฐานสำคัญที่จำเลยดิ้นไม่หลุดกี๊ซ (นี่เป็นพลังงานสำรองต่างหาก)เจ้าตัวโตแอ่นพุงไม่ยอมรับว่าหน้าท้องส่วนนี้เป็นไขมันที่เกิดจากการกินล้วนๆ“เอาเถอะ จะยอมเชื่อก็ได้” ในเมื่อเจ้าตัวไม่ให้ความร่วมมือ เจ้ากระต่ายก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลดพุงเด็กดื้อนิโคลัสยกยิ้มมุมปากมองคนรักกับเจ้าตัวโต้เถียงกันเรื่องน้ำหนักเกินมาตรฐานไปตลอดทาง กระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านด้วงส
“พวกนาย…” ผู้ถูกขนานนามว่าเทพเซียนเดินดินเกือบน้ำตาร่วงด้วยความซาบซึ้ง ยังดีที่เก๊กขรึมฮึบไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจมีสักขีพยานนับแสนเห็นท่านเทพหลั่งน้ำตา“เจอแบบนี้เขินเลยนะคะเนี่ย” แก้มใสของดาริณีขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เทียบกันแล้วเธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่อยากจะปกป้องลูกชายและเพื่อนพ้อง ไม่ได้มีใจคิดอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากมายถึงเพียงนั้นหนักเข้าหน่อยก็มีคนชูลังกระดาษที่มีชื่อของใครสักคนเขียนอยู่“อ๋า… มีชื่อของพี่ด้วย” เหมือนแฟนคลับไปตามดาราตามงานอีเวนต์เลย“วีรกรรมพี่ดาไม่ใช่ย่อยเลยนะคะ รับความรู้สึกอยากขอบคุณจากพวกเขาเถอะค่ะ” หงส์เอ่ยให้กำลังใจ ทั้งที่ไม่ได้เป็นทหารแต่ก็สามารถยืนหยัดต่อสู้กับซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ได้โดยไม่ทำให้ทีมเสียสมดุลกลับกัน... หากขาดดาริณีไป สงครามอาจจบล่าช้ากว่าที่คิดก็เป็นได้ดาริณีเม้มปากขัดเขิน ใบหน้าสวยก้มมองพื้นไม่กล้าสบตาใคร กระทั่งโจเซฟกอบกุมมือเรียวไว้ เธอถึงเงยหน้ามองสบตากับสามีร่วมทุกข์ร่วมสุขแค่ได้เห็นสายตาที่บอกว่าภูมิใจที่มีเธออยู่เคียงข้าง ความมั่นใจที่หล่นหายไปก็พลันเอ่อล้นออกมากี๊ซ! (ขอบคุณทุกคนนะครับ ขอบคุณครับ มั








