“นั่นก็ใช่…” หัวหน้าหน่วยทหารเถียงไม่ออก แร็กคูนตัวใหญ่ขนาดนี้ ถ้าไม่ตกใจเลยสิแปลก ดีไม่ดีอาจมีประชาชนบางส่วนไม่พอใจและเรียกร้องให้ขับไล่มันออกไปเพราะเกรงว่าจะทำอันตรายต่อลูกหลานที่ยังเป็นเด็ก รวมถึงส่วนมากยังไม่รู้ว่าสัตว์กลายพันธุ์นั้นมีทั้งชนิดที่เป็นมิตรและอันตรายเกินกว่าจะเข้าใกล้“พวกเราอยู่นอกกำแพงได้ ไม่มีปัญหาครับ” อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นเฉินเฟิงทำให้กิน พวกเขาไม่ค่อยได้ไปโรงอาหารบ่อยนัก นอกจากตลาดนัดประจำสัปดาห์ที่จะออกไปจับจ่ายซื้อของมาเก็บไว้ในบ้านเท่านั้น“ถ้าพวกคุณยืนกรานอย่างนั้น ละแวกนี้ก็มีบ้านหลังหนึ่งครับ อยู่แถวประตูด้านหลัง” บ้านหลังนั้นเป็นบ้านพักของอธิการบดีมหาวิทยาลัยที่อยู่ภายในค่าย แม้จะเป็นบ้านสวัสดิการของทางมหาวิทยาลัย แต่ก็มีพื้นที่ให้ใช้สอยเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน“เดี๋ยวผมจะให้คนเข้าไปทำความสะอาดให้นะ” มีบ้านก็จริงแต่เกรงว่าจะเข้าพักไม่ได้ในทันที ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่รอบบ้านก็มีแต่หญ้าขึ้นรกครึ้มเนื่องจากขาดคนเข้าไปดูแลเป็นเวลานานตลอดการสนทนา สายตาของนายพลใหญ่คอยเหลือบมองแร็กคูนยักษ์ในระยะใกล้ตัวใหญ่กว่าตอนที่เห็นบนกำแพงสังเกตกา
เสียงกรีดร้องแหลมสูงทำให้คนที่มีประสาทสัมผัสการฟังดีเยี่ยมทั้งสองต้องยกมือปิดหูกันจ้าละหวั่น ไม่รู้ว่าควรจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร จะใช้กำลังด้วยก็ไม่ได้เพราะนี่คือสมาชิกในกลุ่มที่แสนสำคัญตัวหนึ่ง อีกอย่างเจ้าตัวก็แค่งอแงที่ไม่ได้เจอเจ้านายเป็นเวลานานเท่านั้น“มีอะไรกันรึ” พลายมงคลที่เพิ่งกลับมาจากสอดแนม เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของแร็กคูนตัวใหญ่ก็เดินมาดู“มังคุดน่าจะคิดถึงอาเฟิงน่ะ” หงส์เป็นคนตอบแทนตุ่นที่ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะเพราะยังไม่คุ้นชินกับวิญญาณช้าง“สองคนนั้นงานยุ่งนะมังคุด” นอกจากเฉินเฟิงแล้วก็คงมีแต่พลายมงคลที่สามารถสื่อสารกับมังคุดได้ บ่อยครั้งที่พลายมงคลต้องไปรายงานผลการสอดแนมให้สองคนนั้นรับทราบ ไปกี่ครั้งสถานที่ก็ไม่ซ้ำกันเลย ขยันเดินทางกันสุดๆกี๊ซ (มังคุดจะไปช่วย)“ไปช่วยหรือไปป่วนกันแน่” วิญญาณช้างใหญ่ส่ายศีรษะ ทุกวันนี้พลายวารีของเขาซนขึ้นมาก ดูก็รู้เลยว่าใครเป็นคนสอนกี๊ซ (มังคุดเป็นเด็กดี ไปช่วยแน่นอน)แร็กคูนตัวไม่น้อยยืนสองขาตบอกตนเองอย่างแรงจนชั้นไขมันช่วงล่างกระเพื่อมตามแรงสั่นสะเทือน“เขาบอกว่าอยากเป็นกำลังให้สองคนนั้นน่ะ” พลายมงคลเห็นท่าทีมั่นอกมั่น
…หกโมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน ที่หน้าบ้านประจำกลุ่มมีร่างของสิงหาและชาล็อตกำลังยืดคอมองหาคนในบ้านหลังกดกริ่งแล้วไม่มีใครมาเปิด“รอนานหรือเปล่าครับ พอดีผมอาบน้ำกันอยู่ก็เลยมาเปิดช้า” เฉินเฟิงเดินออกมาเปิดประตูทั้งที่เส้นผมเปียกน้ำลู่ไปกับใบหน้า ข้างแก้มขึ้นสีแดงก่ำอย่างกับคนที่เพิ่งผ่านการแช่น้ำร้อนมาเป็นเวลานาน“เอ่อ ไม่ ไม่นานครับ เป็นผมที่มาก่อนเวลาเอง” เด็กหนุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเห็นสภาพของชายหนุ่มก็รีบร้อนปฏิเสธโดยไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าแก้มแดงๆ ของเฉินเฟิงนั้นไม่ได้มาจากการแช่น้ำร้อนแต่อย่างใดนานๆ จะได้กลับมายังบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันสักที ก็ต้อง… อะแฮ่ม อืม... ทดสอบสปริงกันหน่อย“วันนี้ผมได้กิมจิมาจากแม่ค้าที่ตลาดกลางแจ้ง อาหารวันนี้จึงเน้นไปที่อาหารประเทศ K นะครับ คุณสิงหากินได้หรือเปล่า”“อึก ได้ครับๆ” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะพยักหน้าจนเส้นผมสะบัด เด็กหนุ่มไม่ได้กินอาหารจำพวกผักดองมานานมากแล้วเหมือนกัน“มาแล้วเหรอ นั่งสิ” นิโคลัสที่เส้นผมเปียกน้ำเช่นเดียวกับเจ้ากระต่ายกำลังยกจานอาหารขึ้นโต๊ะ ติดตรงที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ได้แดงก่ำ แถมยังดูกระปรี้กระเปร่าราวกับได้เติมเชื้อเพลิ
มีเสียงบ่นว่าราคาสูงเกินเอื้อม แต่สุดท้ายเมื่อวัคซีนชุดแรกถูกวางจำหน่ายก็หายไปในพริบตา เข้าทำนองที่ว่าคนซื้อไม่บ่น ส่วนคนบ่นไม่ซื้อไปในทันที“พี่นิค ผมเจอเรื่องน่าสนใจเข้าล่ะ” เฉินเฟิงตาเป็นประกายไล่อ่านตัวอักษรบนเอกสารซ้ำไปซ้ำมา เจ้าสิ่งนี้เป็นความหวังของมวลมนุษยชาติชัดๆ“ครับ? มีอะไรเหรอ” นิโคลัสกำลังง่วนอยู่กับการคัดแยกสารเคมีจากตู้เก็บอุณหภูมิ โชคดีที่แผงโซลาร์เซล์ยังทำงานได้ดี ไม่อย่างนั้นสารพวกนี้คงต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย“ในเอกสารฉบับนี้บอกว่าที่ขั้วโลกเหนือมีคลังเก็บเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลกอยู่ ลองไปดูกันสักหน่อยดีไหมครับ” เจ้ากระต่ายตรงเข้ามาช่วยคนรักจัดเรียงสารเคมี พร้อมกับยื่นเอกสารที่เขาเจอให้อีกฝ่ายอ่าน“จะว่าไป... เหมือนช่องหลักของประเทศ A ก็เคยทำสารคดีเกี่ยวกับที่นี่อยู่เหมือนกัน” นิโคลัสอ่านไปพร้อมกับทบทวนความทรงจำ พบว่าบนโลกนี้มีสถานที่แห่งนี้อยู่จริง“ตั้งแต่ฤดูหนาวหมดไป พืชพันธุ์ของเราหลายชนิดก็หาไม่ได้ตามธรรมชาติอีกเลย” ล่าสุดตอนเดินทางมาที่นี่เขาจำได้ว่าตามป่าจะมีผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นเฉพาะถิ่นอยู่เต็มไปหมด มาครั้งนี้กลับไม่เจอเลยแม้แต่ต้นเดียว ที่เห็นมากสุดก็มี
เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในวันนั้น ข่าวคราวของแต่ละหมู่บ้านก็เงียบหายไป ทางหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และอีกส่วนก็เพื่อให้แต่ละคนมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่ตนรับผิดชอบ จากนั้นค่อยมาดูผลลัพธ์กันในอีกหนึ่งปีข้างหน้าค่อยมาดูกันว่า...ใครกันแน่คือผู้อยู่รอดคู่รักหมีกระต่ายยังคงปักหลักอยู่ที่ค่ายพันธมิตรตามคำขอร้องของสิงหา ทั้งคู่รับภารกิจไม่ว่าจะยากหรือง่าย พยายามสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งภารกิจที่รับมาส่วนมากจะเป็นการตระเวนไปตามศูนย์วิทยาศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ รวบรวมสารเคมีสำคัญเท่าที่พอจะทำได้ หรือให้ดีก็นำสมุนไพรที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีใดๆ เลยกลับไปได้ยิ่งดี จากนั้นจะได้มีสารสกัดใช้เองโดยที่ไม่ต้องออกไปตามหาอีกเมื่อเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการปะทะกับคนจากองค์กร SW ที่เข้ามาหาของที่เกรย์สันต้องการเช่นกันทุกครั้งที่มีการต่อสู้ นิโคลัสจะคอยประเมินคู่ต่อสู้แล้วนำไปรายงานให้กับนายพลอธิทราบ เผื่อว่าในอนาคตมีประชาชนหรือทหารออกไปทำภารกิจแล้วต้องปะทะกับกลุ่มคนพวกนี้จะได้ไม่ลำบากเกินไปนักจากรายงานของพลายมงคล ดูเหมือนว่าท
ทหารที่ผ่านการฝึกฝนและอาวุธพร้อมรบเองก็จำเป็นอย่างมาก เหตุการณ์เรือบินมาเยือนในวันนั้น หากอาวุธไม่ถูกทำลายไปเสียก่อน ทางค่ายคงสามารถตอบโต้ได้มากกว่าแค่คำพูดที่สาดใส่กัน“แล้วพวกเราจะทำอะไรต่อดี” คู่รักหมีกระต่ายหันไปมองสิงหาที่กำลังครุ่นคิดอยู่เงียบๆ คนเดียวมาครู่ใหญ่ ขนาดโดนยามาโมโตะยีหัวก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร ทั้งที่หากเป็นปกติคงโวยวายไปแล้ว“ฝึกใช้พลังสิครับ” เฉินเฟิงเสนอ ในขณะที่คนอื่นเขากำลังพัฒนา จะให้อยู่นิ่งเฉยรอวันเปิดศึกได้อย่างไร“งั้นออกเดินทางกันดีไหม” นิโคลัสเสนอ การฝึกฝนที่ดีที่สุดก็คือประสบการณ์จากสถานที่จริง หากได้เผชิญหน้ากับซอมบี้ที่หลากหลายก็อาจจะมีวิธีรับมือกับศัตรูมากขึ้นเจ้ากระต่ายพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย สิ่งที่เขายังขาดก็คือประสบการณ์ตรง ถึงที่ผ่านมาจะเจอมาหนักหนา แต่ก็เทียบกับสงครามที่กำลังจะเปิดฉากในอนาคตไม่ได้“เอ่อ จะออกไปสู้ซอมบี้กันเหรอครับ” สิงหาตกอยู่ในภวังค์ของตนเองมาตลอดการประชุมอ้อมแอ้มถาม“ครับ คุณสิงหามีอะไรอยากให้พวกเราช่วยหรือเปล่าครับ” พอลองคิดทบทวนดีๆ แล้ว ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังรอให้ทุกคนออกจากห้องประชุมไปจนหมดเพื่อหาโอกาสคุยกับเขาและคนร